ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD - บทที่ 391 โอ้ ช่างตื่นเต้นเร้าใจเสียจริง
- Home
- ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD
- บทที่ 391 โอ้ ช่างตื่นเต้นเร้าใจเสียจริง
ตู้เวยมองร่างของปู้ฟางที่ค่อยๆ เล็กลงไปเรื่อยๆ นัยน์ตาของนางเต็มไปด้วยแววขบขันเหมือนไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี นางไม่คิดว่ามนุษย์หัวรั้นผู้นั้นจะเป็นคนตลกเช่นนี
แต่มนุษย์ที่อาจหาญโจมตีนครมหาอสรพิษทั้งที่มีสุนัขข้างกายเพียงตัวเดียว จะมีเรื่องอะไรอีกที่เขาไม่กล้าทำเช่นนั้นหรือ
เอาเข้าจริงเรื่องปรุงกุ้งตั๊กแตนตำข้าวต่อหน้าพญากุ้งตั๊กแตนขั้นเซียนเทพอาจไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่แม้แต่น้อย…
ช่างเป็นมนุษย์ที่แปลกจริงๆ ตอนนี้…นางติดหนี้บุญคุณมนุษย์ผู้นี้เสียแล้ว
แววเย็นเยียบฉายวาบขึ้นในดวงตาคมของตู้เวย นางสะบัดหางอสรพิษ เตะน้ำสร้างคลื่นมหึมาส่งร่างให้ทะยานสู่วัง
“เปิดใช้งานวงแหวนปราณผู้พิทักษ์! ไล่พวกสิ่งมีชีวิตพิสดารเหล่านี้ออกไปให้หมด!”
เสียงร้องกัมปนาทของตู้เวยดังก้องไปทั่วทุกมุมของวังมนุษย์อสรพิษทันทีที่นางทะยานไปถึง เหล่ามนุษย์อสรพิษที่ซ่อนตัวอยู่ภายในวังต่างสัมผัสได้ถึงผืนดินที่สั่นสะเทือน
ครู่ต่อมาคลื่นยักษ์ก็ถูกกำจัดออกจากบริเวณวัง แสงสีเขียวอ่อนๆ ถูกยิงขึ้นฟ้าขณะวงแหวนปราณทยอยปรากฏขึ้นข้างวังจนฟากฟ้าทอแสงเป็นประกาย
ผมสีม่วงของตู้เวยสยายออก ดวงตาเยียบเย็น ริมฝีปากแย้มทำมุมสวย ก่อนจิตของนางจะผูกเชื่อมกับวงแหวนปราณนับไม่ถ้วนเหล่านั้น
วงแหวนปราณที่หันไปทางกองทัพชาวสมุทรเปล่งแสงจ้า ก่อนปืนใหญ่วงแหวนปราณจะทยอยยิงกระสุนท่ามกลางประกายระยิบระยับ
…
ระหว่างที่ปู้ฟางกำลังวิ่งอยู่นั้น เขาก็อดสูดจมูกไม่ได้ ตอนนี้กุ้งตั๊กแตนตำข้าวในกระทะกลุ่มดาวเต่าดำส่งกลิ่นหอมฉุยยิ่งกว่าเดิม กลิ่นของมันเข้มข้นเสียจนทำเอาปู้ฟางแทบ น้ำลายไหล
ไม่ต่างอะไรจากปูม้า อาหารทะเลอย่างกุ้งตั๊กแตนตำข้าวจะมีรสชาติเลิศล้ำเมื่อผัดกับซอส เอาเข้าจริงรสชาติของมันอร่อยล้ำยิ่งกว่าข้าวผัดไข่ที่ขายในร้านเล็กๆ ของฟางฟางอีก
ผิวสัมผัสของอาหารทะเลแตกต่างจากเนื้อสัตว์อื่นๆ การผัดด้วยซอสจะช่วยให้กลิ่นที่ซ่อนอยู่ในไขมันของวัตถุดิบนั้นๆ ออกมา กลิ่นดังกล่าวกระตุ้นความอยากอาหาร ทำให้น้ำลายสอออกมา อย่างห้ามไม่ได้
ปู้ฟางทะยานข้ามน้ำ ปริมาณน้ำทะเลในหนองน้ำปราณมายาเพิ่มขึ้นทุกขณะจนเกือบจะท่วมทั้งบริเวณ ระดับน้ำในตอนนี้สูงครึ่งจั้งกว่าแล้ว ถ้าปู้ฟางไม่ใช้พลังปราณเที่ยงแท้ เขาคงจะจมน้ำ ไปนานแล้ว
สภาพแวดล้อมเช่นนี้ไม่เป็นมิตรต่อปู้ฟางสักนิด แต่กลับเอื้อประโยชน์ให้ผู้ฝึกตนชาวสมุทรและพญากุ้งตั๊กแตนขั้นเซียนเทพที่กำลังไล่ตามหลังมา
รูปลักษณ์ของผู้ฝึกตนชาวสมุทรดูเจริญหูเจริญตาน้อยกว่ามนุษย์ทั่วไป จะบรรยายว่าเป็นปลาผิวสีน้ำเงินที่มีร่างกายของมนุษย์ก็ไม่ผิดแต่อย่างใด ดวงตาของพวกเขาดุดันถลนจากเบ้า ปากบวมใหญ่ แก้มสองด้านมีร่องข้างศีรษะ นิ้วมือของชาวสมุทรติดกันเป็นพังผืด ทำให้ดูเหมือนมนุษย์ปลารูปร่างสูงใหญ่ ผู้ฝึกตนชาวสมุทรบางตนมีหางปลาสีน้ำเงินหุ้มด้วยเกล็ดยื่น นออกมาจากบั้นท้าย ดูแล้วช่างแปลกตาพิกล
ณ ตอนนี้ผู้ฝึกตนชาวสมุทรต่างจ้องปู้ฟางด้วยสายตาเดือดดาล การปรุงกุ้งตั๊กแตนตำข้าวอย่างบ้าบิ่นต่อหน้าพวกเขาถือเป็นการหยามเกียรติผู้ฝึกตนชาวสมุทรโดยแท้
ฟ่อ ฟ่อ!
พญากุ้งตั๊กแตนขั้นเซียนเทพเองก็ขู่คำรามเสียงต่ำ คลื่นสมุทรโถมตัวขึ้นสูงเสียดฟ้า ขายั้วเยี้ยขยับส่งร่างมหึมาให้พุ่งไปด้านหน้าด้วยความเร็วสูง ลดระยะห่างระหว่างมันกับปู้ฟ ฟางลงอย่างง่ายดาย
ขณะที่อยู่ห่างจากปู้ฟางเพียงไม่กี่คืบ พญากุ้งตั๊กแตนขั้นเซียนเทพก็ถลนตาโตพร้อมยื่นก้ามคล้ายเคียวออกไป มันรวดเร็วมากเสียจนไม่สามารถจับความเร็วที่แท้จริงหรือแนวทางการ รเคลื่อนไหวได้
อากาศในขณะนั้นแทบจะแหวกออกเป็นทาง
ปู้ฟางที่ถือกระทะกลุ่มดาวเต่าดำอยู่รู้สึกว่าร่างแข็งทื่อ สัมผัสเย็นเยียบแล่นไปทั่วร่างเมื่อจับได้ถึงจิตสังหาร หัวใจเพิ่งที่เต้นรัวจากกลิ่นกุ้งตั๊กแตนตำข้าวกระทะร้อนเ เมื่อครู่ตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม
ตู้ม!
พลังปราณเที่ยงแท้พวยพุ่งออกมาขณะที่คลื่นสูงเฉียดฟ้าปะทุขึ้นจากกระแสน้ำเบื้องล่าง ส่งร่างของปู้ฟางให้ทะยานขึ้นฟ้า
ก้ามคล้ายเคียวสองข้างของพญากุ้งตั๊กแตนขั้นเซียนเทพตวัดลงมาอย่างรุนแรง
เสียงระเบิดดังกึกก้องขึ้นอีกครั้ง หลุมลึกขนาดมหึมาสองหลุมปรากฏขึ้นตรงจุดที่ปู้ฟางยืนอยู่เมื่อครู่ ในหลุมมีคลื่นน้ำหมุนวนอยู่
“ช่างเป็นก้ามที่แข็งแกร่งจริงๆ… เจ้ากุ้งตั๊กแตนตำข้าวตัวนี้น่าจะมีเนื้ออยู่ไม่น้อย รสชาติต้องอร่อยเหาะแน่ๆ!” ปู้ฟางเหยียบย่างข้ามอากาศขณะคุยกับตัวเอง
ระหว่างที่เขาเหาะอยู่บนอากาศ เหล่าผู้ฝึกตนชาวสมุทรก็ดาหน้าเข้ามาใกล้
ผู้ฝึกตนตนหนึ่งในกลุ่มที่มีปราณระดับแปดขั้นเทพแห่งสงครามเรียกตรีศูลออกมาแล้วขว้างใส่ปู้ฟาง
ปู้ฟางสูดหายใจลึก เขาส่งจิตระเบิดพลังปราณเที่ยงแท้จำนวนมากที่เก็บไว้ภายในกายออกมา ตอนนั้นเองกระทะกลุ่มดาวเต่าดำก็ขยายขนาดขึ้น
ลวดลายบนผิวกระทะกลุ่มดาวเต่าดำกะพริบไปมา แสงสีทองปรากฏล้อมรอบลวดลายเหล่านั้น
กระทะกลุ่มดาวเต่าดำที่ตอนนี้ขนาดใหญ่เกือบเท่าเนินเขาย่อมๆ ถูกปู้ฟางขว้างออกไป
ตรีศูลที่พุ่งปะทะกับกระทะกลุ่มดาวเต่าดำเด้งกลับไปอย่างง่ายดาย ไม่อาจทำให้กระทะกลุ่มดาวเต่าดำสั่นคลอนได้แม้แต่น้อย
ผู้ฝึกตนชาวสมุทรสองตนสูดเอาอากาศเย็นเยียบเข้าปอด นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน
กระทะกลุ่มดาวเต่าดำพุ่งตรงไปข้างหน้าต่อ พอเห็นอาวุธของศัตรูมุ่งหน้ามาทางพวกตน เหล่าผู้ฝึกตนชาวสมุทรก็เบิกตาที่ดูคล้ายปลากว้างพร้อมส่งฝ่ามือออกไป พอมีผู้ฝึกตนชาวสมุ ทรจำนวนไม่น้อยส่งฝ่ามือออกไปพร้อมกันก็ช่วยสร้างความมั่นใจขึ้นมาได้
แต่ทันทีที่ฝ่ามือของพวกเขาสัมผัสกระทะกลุ่มดาวเต่าดำ เหล่าผู้ฝึกตนชาวสมุทรก็มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก…
ฉ่า ฉ่า ฉ่า!!
กลิ่นเนื้อลอยฉุย เหล่าผู้ฝึกตนชาวสมุทรมีสีหน้าเหยเก
เสียงกรีดร้องดังลั่นออกจากปาก ดวงตาฉายแววหวาดกลัว
ร้อน!
ร้อนแผดเผายิ่งนัก!
เพลิงที่ลุกโชนอยู่ด้านล่างกระทะกลุ่มดาวเต่าดำคือเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพี แม้ในตอนนี้มันจะไม่ได้เปล่งพลังกดดันมหาศาลออกมา…แต่กายเนื้อของพวกเขาจะทานทนความร้อน ของกระทะกลุ่มดาวเต่าดำได้อย่างไร
เหล่าผู้ฝึกตนชาวสมุทรรู้สึกเหมือนฝ่ามือแทบไหม้ แม้แต่พังผืดระหว่างนิ้วมือยังฉีกขาดและหงิกงอจากความร้อน
แต่สิ่งที่ทำให้หวั่นเกรงมากกว่าคือกระทะกลุ่มดาวเต่าดำที่ยังคงแผดเผาความร้อนใส่พวกเขาอยู่
สวรรค์ช่วย…กระทะใบนี้ร้อนเหลือหลาย!
ฉ่า ฉ่า ฉ่า!!
เคล้ามากับกลิ่นเนื้อไหม้คือเสียงครวญครางอย่างทุกข์ระทมของเหล่าผู้ฝึกตนชาวสมุทร ร่างของพวกเขาร่วงหล่นจากฟ้าสู่ผืนน้ำด้านล่างทีละตน ส่งไอร้อนให้ปะทุขึ้นมาจากผิวน้ำ
ปู้ฟางมองเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยความตื่นตะลึงเพราะไม่คิดมาก่อนว่ากระทะกลุ่มดาวเต่าดำร้อนจี๋จะสร้างผลลัพธ์เช่นนี้ได้ด้วย แปลว่าเขาเพิ่งค้นพบกลยุทธ์ใหม่ในการใช้กระทะใบนี้ ชายหนุ่มส่งจิตย่อส่วนกระทะกลุ่มดาวเต่าดำแล้วเรียกให้ลอยกลับมาหา
ควันฉุยในกระทะกระจายไปรอบๆ พร้อมกลิ่นหอม
กุ้งตั๊กแตนตำข้าวตัวหนึ่งที่ถูกปรุงจนเป็นสีแดงลอยขึ้นฟ้าส่งซอสมันเยิ้มกระจายไปทั่วพร้อมกลิ่นเย้ายวนใจ
นัยน์ตาของปู้ฟางเป็นประกายขึ้นมาทันใด
“แกนี่แหละ กุ้งตั๊กแตนตำข้าวกระทะร้อน!”
ควันลอยวนก่อนมีดทำครัวกระดูกมังกรทองจะปรากฏขึ้น ปู้ฟางใช้มีดรับกุ้งตั๊กแตนตำข้าวที่ปรุงจนแดงได้ที่ กุ้งตั๊กแตนตำข้าวทั้งตัวหดเล็กลง ส่งควันลอยล่องพร้อมกลิ่นหอมฉุย
ปู้ฟางตวัดมีดส่งกุ้งตั๊กแตนตำข้าวลอยกลับขึ้นฟ้า
เขาควงมีดทำครัวก่อนจะตัดหางกุ้งออกอย่างรวดเร็ว มีซอสหยดลงมาจากส่วนท้ายที่เพิ่งถูกตัด
พลังปราณเที่ยงแท้เข้าห่อหุ้มนิ้วมือของปู้ฟาง เขาบีบกุ้งตั๊กแตนตำข้าวแล้วใช้มีดทำครัวเกี่ยวเปลือกจากส่วนที่ถูกตัด ก่อนกระชากออกอย่างรุนแรง
ตอนนั้นเองเปลือกของกุ้งตั๊กแตนตำข้าวก็ถูกปู้ฟางลอกออกมาทั้งแผง
สิ่งที่เหลืออยู่คือเนื้อกุ้งนุ่มสีซีดที่กำลังเต้นเบาๆ กลิ่นเนื้อกุ้งหอมรัญจวน เนื้อละเอียดอ่อนนุ่มอบอวลไปด้วยควันร้อนฉุย
ปู้ฟางกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เขาจับหัวกุ้งไว้จากนั้นก็กัดกินเนื้อคำโต
ดวงตาของชายหนุ่มเป็นประกายเมื่อเนื้อกุ้งนุ่มๆ เข้าปาก ความรู้สึกที่บรรยายไม่ได้แล่นเข้าสู่หัวใจ เนื้อกุ้งเด้งสู้ฟัน กลิ่นหอมฟุ้งอยู่ในปากและปลายจมูก
ความสดของอาหารทะเลและกลิ่นของสุราหัวใจหยกเยือกแข็งนั้นยั่วยวนเกินต้านไหว
กุ้งตั๊กแตนตำข้าวมีพลังปราณปริมาณพอเหมาะ พลังปราณไหลผ่านคอของปู้ฟาง ทำให้เขารู้สึกเหมือนร่างกายได้รับการชำระล้าง
“รสชาติเยี่ยมยอด!” ปู้ฟางเอ่ยชมเสียงดัง ยังคงตกอยู่ในภาวะเคลิ้มสุข เขาส่งเนื้อกุ้งที่เหลือเข้าปาก ดื่มด่ำกับความเพลิดเพลินที่ได้จากการลิ้มลองอาหารเลิศรส
ฉ่า ฉ่า!
เมื่อได้กลิ่นเนื้อที่ลอยฟุ้งในอากาศ แววตาของพญากุ้งตั๊กแตนขั้นเซียนเทพก็เดือดดาลยิ่งกว่าเดิม พลังปราณระเบิดออกจากร่างขณะที่มันใช้ก้ามคล้ายเคียวฉีกอากาศฟาดไปทางปู้ฟาง ร่างของมันทะยานไปข้างหน้ารวดเร็วเหมือนขดลวด
กระทะกลุ่มดาวเต่าดำหมุนพุ่งไปทางพญากุ้งตั๊กแตนขั้นเซียนเทพ
เกิดเสียงดังสนั่นขึ้นเมื่อพลังปราณที่กุ้งตั๊กแตนตำข้าวตัวนี้ปล่อยออกมาผลักกระทะกลุ่มดาวเต่าดำให้กระเด็นกลับไป
หัวใจปู้ฟางสั่นระริก กุ้งตั๊กแตนตำข้าวอีกตัวเด้งออกมาจากกระทะ ชายหนุ่มจับกุ้งไว้ด้วยมือ ก่อนจะคว้ากระทะกลุ่มดาวเต่าดำแล้วพุ่งหนีไปโดยไม่ปริปากพูดอะไรสักคำ
การระเบิดพลังของพญากุ้งตั๊กแตนขั้นเซียนเทพนั้นน่าพรั่นพรึงมาก ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะสู้กลับด้วยพลังเต็มพิกัดอีกอย่าง…สิ่งสำคัญในตอนนี้คือการดื่มด่ำรสชาติของกุ้งตั๊ก กแตนตำข้าวกระทะร้อนต่างหาก
กัดกุ้งตั๊กแตนตำข้าวกระทะร้อนไปพร้อมหนีการไล่ล่าจากพญากุ้งตั๊กแตนตำข้าวไป…โอ้ ช่างตื่นเต้นเร้าใจเสียจริง
ปัง ปัง ปัง!
ปู้ฟางเหยียบข้ามน้ำอีกครั้ง พลังปราณเที่ยงแท้เอ่อล้นทั่วร่างส่งเขาให้ทะยานไปด้วยความเร็วสูง
มือของชายหนุ่มไม่ได้ลดความเร็วลงหรือยืดยาดแต่อย่างใด ชายหนุ่มตวัดมีดส่งกุ้งตั๊กแตนตำข้าวให้ลอยสูง ตัดหาง ลอกเปลือกออกมาอย่างง่ายดาย เหลือไว้เพียงเนื้อขาวนุ่มที่ยังเต ต้นเบาๆ
กลิ่นยั่วยวนลอยกระทบหน้า ปู้ฟางกัดเนื้ออีกครั้งทั้งที่น้ำลายยังสออยู่ในปาก ชายหนุ่มเม้มปากมันเยิ้ม สีหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจ
ระหว่างที่ปู้ฟางกำลังดื่มด่ำกับช่วงเวลาสุดสำราญใจ พญากุ้งตั๊กแตนขั้นเซียนเทพที่ไล่ตามมากลับไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น ขายั้วเยี้ยขยับไม่หยุด ส่งร่างพุ่งตามปู้ฟางไปด้วยความเร็ว วสูง
ทุกครั้งที่เกือบจะไล่ตามทัน กระทะสีดำก็จะลอยเข้าปะทะ พอพญากุ้งตั๊กแตนขั้นเซียนเทพโดนกระทะที่ทั้งร้อนทั้งหนักกระแทกจนศีรษะชา เจ้ามนุษย์นั่นก็จะฉวยโอกาสนี้คว้าลูกน้อย ยของมันออกมาสวาปาม!
อ๊าก! พญากุ้งตั๊กแตนตำข้าวแทบจะคลุ้มคลั่งแล้ว
ชายหนุ่มกับกุ้ง ฝ่ายหนึ่งสวาปามไม่หยุดปาก ฝ่ายหนึ่งไล่ตามไม่ลดละ
ปู้ฟางไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองกำลังรุดหน้าเข้าใกล้เหมืองผลึกเข้าไปทุกขณะ
…
คลื่นสาดซัด ร่างหลายร่างก้าวออกจากคลื่น ปลดปล่อยพลังดุดันออกมา
บนฟากฟ้า ยานรบโลหะขนาดใหญ่ลอยอยู่กลางอากาศ ผู้บัญชาการเฟิงยืนตัวตรงเอามือไพล่หลังอยู่บนยานรบ สายตาจับจ้องไปยังร่างที่ล้อไปกับคลื่น
“ชาวสมุทรหรือ” ผู้บัญชาการเฟิงพึมพำ
เขาสัมผัสได้ถึงพลังกล้าแกร่งจากร่างเหล่านั้น
ระดับพลังปราณที่สัมผัสได้เทียบเท่ากับพลังปราณของตน ชัดเจนมากว่าอีกฝ่ายมีปราณขั้นเทพศักดิ์สิทธิ์ชั้นกายาศักดิ์สิทธิ์ที่มีกายเนื้อกำยำแข็งแรง เลือดและพลังปราณไหลเวียนร รวดเร็วราวน้ำพุไม่ต่างกัน!
ชาวสมุทรพวกนี้เล็งเหมืองผลึกไว้เช่นนั้นหรือ
ผู้บัญชาการเฟิงขมวดคิ้วพลางเบ้ปาก เลือดและพลังปราณในกายเดือดพล่าน เขากำลังประจันหน้ากับผู้ฝึกตนชาวสมุทรชั้นกายาศักดิ์สิทธิ์ตนหนึ่งที่ล้อมากับคลื่น
ผู้ฝึกตนชาวสมุทรชั้นกายาศักดิ์สิทธิ์ผู้นั้นเบิกตากว้าง หันมองไปยังยานรบโลหะที่ลอยอยู่เหนือฟ้า สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นทันใด
ทันทีที่ทั้งคู่สบสายตากัน ปากเหมืองผลึกก็พลันระเบิดรุนแรง
ตู้ม ตู้ม!!
หลังจากระเบิดอยู่สองสามหน ร่างที่มีสภาพสะบักสะบอมสองร่างก็พุ่งออกมาจากเหมือง