ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD - บทที่ 392 การตามล่าไม่ลดละของพญากุ้งตั๊กแตนขั้นเซียนเทพ
- Home
- ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD
- บทที่ 392 การตามล่าไม่ลดละของพญากุ้งตั๊กแตนขั้นเซียนเทพ
ครืน! ครืน! ครืน!
หนองน้ำที่แห้งเหือดและแข็งตัวสั่นไหวไม่หยุด ขณะที่ฝูงชนวิ่งหนีออกมาจากปากเหมืองผลึกในสภาพดูไม่ได้
สีหน้าของอูมู่ดูไม่สู้ดีนัก เขากระชับกระบี่ยาวในมือที่อัดแน่นไปด้วยพลังปราณ
ผมสีน้ำเงินของประมุขอสรพิษปลิวไสว นางสะบัดหางสีน้ำเงิน ปล่อยคลื่นพลังปราณเที่ยงแท้จำนวนมหาศาลออกจากร่าง
นอกจากทั้งสองแล้ว ราชันอสรพิษตู้ไข่เองก็มีสายฟ้ากะพริบอยู่รอบตัวเช่นกัน แต่ร่างของเขาชุ่มโชกไปด้วยเลือด เกล็ดนับไม่ถ้วนหลุดลอกออกจากผิวหนัง
สายตาของพวกเขาจับจ้องไปยังปากทางเข้ามืดดำของเหมืองผลึกใหญ่ ก่อนจะสูดเอาลมเย็นเยียบเข้าปอดอย่างไม่รู้ตัว
ตู้ม!
เสียงสนั่นดังก้องออกมาจากเหมืองอีกครั้ง คนมากมายวิ่งหนีออกมา ผู้โชคร้ายคนหนึ่งถูกฝูงอสูรจับไว้ ก่อนจะถูกโยนขึ้นฟ้า ร่างของเขาหล่นกระแทกพื้นรุนแรงจนเกิดเป็นฉากโศกนาฏ ฏกรรม
นัยน์ตาของผู้บัญชาการเฟิงเบิกกว้าง แม้จะยังอยู่บนยานรบลอยฟ้า แต่เขาก็เห็นว่าผู้โชคร้ายที่โดนดักโจมตี จับโยนขึ้นฟ้า แล้วร่วงลงมากระแทกพื้นจนกระอักเลือดคือผู้ฝึกตนระ ะดับเก้าขั้นเซียนเทพที่ตนส่งเข้าไป
ตู้ม! ตู้ม!
อสูรเวทรายล้อมรอบปากทางเข้าเหมือง ร่างของพวกมันที่เหมือนเกิดจากผลึกส่องประกายสีทองและแผ่รังสีเย็นเยียบออกมา นัยน์ตาฉายแสงสีเลือดชวนพรั่นพรึงยิ่งนัก
อสูรเวทจำนวนมากล้อมอยู่หน้าปากทางเข้า ไม่เปิดช่องว่างให้เข้าไปได้
อูมู่กับประมุขอสรพิษมองอสูรเวทด้วยสายตาพินิจพิเคราะห์ อสูรเวทเหล่านี้นี่เองที่ทำร้ายไป๋จ่านและทำให้คนทั้งหลายตกอยู่ในสภาพสะบักสะบอมเช่นนี้
ผู้บัญชาการเฟิงกับยอดฝีมือชาวสมุทรหรี่ตาลง นัยน์ตาของทั้งคู่ฉายแสงวาบ
“พวกมันคือ…อสูรผลึกหรือ” ทั้งสองพึมพำขึ้นพร้อมกัน เห็นได้ชัดว่าพวกเขามีความรู้เรื่องอสูรเวทแห่งเหมืองผลึกมากกว่าพวกอูมู่
ว่าแต่อสูรผลึกเหล่านี้สามารถจัดการผู้ฝึกตนระดับเก้าขั้นเซียนเทพได้เช่นนั้นหรือ
ผู้บัญชาการเฟิงกับยอดฝีมือชาวสมุทรสูดหายใจลึก รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
“ถ้าอสูรเวทคุ้มกันเหมืองแข็งแกร่งเช่นนี้ แล้วสมบัติที่อยู่ด้านในเหมืองจะล้ำค่าขนาดไหนกัน!” ผู้บัญชาการเฟิงเอนตัวไปด้านหน้า วางสองมือไว้บนระเบียงเรือพลางจ้องมองลงมาด้วยสา ายตาเร่าร้อน
น้ำทะเลพ่นออกมาจากสองแก้มของยอดฝีมือชาวสมุทรขั้นเทพศักดิ์สิทธิ์ เขาร้องคำรามก้อง ถ้าข้อมูลไม่ผิดพลาด บรรพบุรุษกุ้งต้องหลับใหลอยู่ภายในเหมืองผลึกแห่งนี้แน่นอน
ตู้ม!
ผู้บัญชาการเฟิงผุดยิ้มขณะแตะเท้าไปด้านหน้า ทันใดนั้นร่างของเขาก็ทะยานออกไป รัศมีแกร่งกล้าปะทุออกจากร่าง เพียงครู่เดียวก็มาปรากฏตัวอยู่กลางอากาศเหนือเหมืองผลึก พลังกายขอ องเขาน่าตกตะลึงยิ่งนัก แม้แต่กล้ามเนื้อก็เหมือนจะส่องแสงจางๆ ออกมา สายตาของผู้บัญชาการเฟิงสว่างวาบเหมือนสายฟ้า ตัวตนของเขาทั้งทรงพลังและน่าเกรงขาม
กายเนื้อของยอดฝีมือขั้นเทพศักดิ์สิทธิ์ชั้นกายาศักดิ์สิทธิ์นั้นแข็งแกร่งเกินจะกล่าว
ทันทีที่ก้าวออกจากยานรบ ผู้บัญชาการเฟิงก็เคลื่อนตัวด้วยความเร็วเทียบเท่าเสียง ไปปรากฏหน้าปากทางเข้าเหมืองในชั่วพริบตาพร้อมเสียงดังสนั่น
นัยน์ตาสีแดงสดของอสูรเวทส่องประกาย พวกมันร้องคำรามลั่นก่อนจะพุ่งเข้าใส่ผู้บัญชาการเฟิง
ผู้บัญชาการเฟิงยกกำปั้นปล่อยหมัดออกไป
อสูรผลึกที่แข็งแกร่งทนทานสามารถต้านทานการโจมตีของผู้ฝึกตนระดับเก้าขั้นเซียนเทพได้ กลับแตกเป็นเศษผลึกเมื่อเผชิญกับหมัดฉับพลันของผู้บัญชาการเฟิง
แสงสีแดงสดระเบิดออกมาจากเศษผลึกก่อนพุ่งกลับเข้าไปในเหมือง
กายเนื้อของผู้บัญชาการเฟิงแข็งแกร่งมาก ทุกหมัดที่ปล่อยออกไปทำลายอสูรผลึกได้ทันที จึงสามารถจัดการกับเหล่าอสูรผลึกได้อยู่หมัด
ยอดฝีมือชาวสมุทรขั้นเทพศักดิ์สิทธิ์ตื่นตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะก้าวเท้าที่มีครีบติดอยู่ลงบนคลื่น
คลื่นคลั่งก่อตัวสูงเสียดฟ้ามุ่งหน้าไปทางผู้บัญชาการเฟิง
จังหวะที่ยอดฝีมือระดับสิบขั้นเทพศักดิ์สิทธิ์สบสายตากันกลางอากาศนั้นไม่ต่างอะไรจากสายฟ้าที่พุ่งเข้าห้ำหั่นกัน
ทั้งคู่ปล่อยหมัดสุดพลังพร้อมกัน เมื่อหมัดทั้งสองเข้าปะทะ คลื่นพรั่นพรึงสูงใหญ่ก็พุ่งขึ้นฟ้าทำเอาสายลมปั่นป่วน
ยอดฝีมือชาวสมุทรถอยหลังไปหลายก้าว แก้มของเขาเปิดกว้างก่อนจะปล่อยน้ำออกมา
ผู้บัญชาการเฟิงเลิกคิ้วด้วยความตื่นตะลึง จากนั้นก็ยกแขนหมุน
สำนักมหาพิภพช่ำชองเรื่องการฝึกกายเนื้อ จึงเป็นธรรมดาที่ร่างกายของผู้บัญชาการเฟิงจะแข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกตนขั้นเทพศักดิ์สิทธิ์ทั่วไปที่เพิ่งสลัดโซ่ตรวนชิ้นที่หนึ่งของระดับเ เก้าขั้นเซียนเทพมาได้ แต่ยอดฝีมือชาวสมุทรกลับไม่เป็นอะไรแม้จะปะทะกันตรงๆ
ชาวสมุทรเป็นเผ่าพันธุ์แกร่งกล้าตามที่คาดไว้จริงๆ
ศึกระหว่างยอดฝีมือขั้นเทพศักดิ์สิทธิ์ทำเอาอูมู่กับประมุขอสรพิษตะลึงงันไป พลังงานผันผวนรุนแรงจากการปะทะทำให้ร่างของทั้งสองสั่นเทิ้ม
ยอดฝีมือชาวสมุทรและผู้บัญชาการเฟิงสำแดงพลังในระดับที่อูมู่กับประมุขอสรพิษหยั่งไม่ถึง
ขณะที่หมัดของทั้งคู่เข้าปะทะ พลังชีวิตและพลังปราณเที่ยงแท้ของทั้งสองฝ่ายก็ปะทุออกมา เมื่อผสานรวมกันแล้วพลังเหล่านี้ก็ราวกับจะทลายผืนฟ้าได้
ทั้งสองคือยอดฝีมือขั้นเทพศักดิ์สิทธิ์จริงแท้แน่นอน
สวรรค์! เหตุใดยอดฝีมือขั้นเทพศักดิ์สิทธิ์จึงมาปรากฏตัวที่หนองน้ำปราณมายากัน
เหตุใดเหมืองผลึกเล็กๆ แห่งนี้จึงเรียกความสนใจจากยอดฝีมือขั้นเทพศักดิ์สิทธิ์ได้
ความแข็งแกร่งของยอดฝีมือชาวสมุทรและผู้บัญชาการเฟิงที่อยู่ในขั้นเทพศักดิ์สิทธิ์เหนือชั้นกว่ายอดฝีมือคนใดในดินแดนทางใต้
ครืน!
ผู้บัญชาการเฟิงและยอดฝีมือชาวสมุทรสูดหายใจลึกก่อนจะเปิดศึกต่อ หลังบรรลุขั้นเทพศักดิ์สิทธิ์ ความเร็วของพวกเขาก็พุ่งสูงขึ้นจนดูเหมือนจะเร็วกว่าความเร็วเสียงเสียอีก
พลังงานปั่นป่วนจากศึกครั้งนี้ทำให้อูมู่และคนอื่นๆ ต้องล่าถอยไปเรื่อยๆ
ตำแหน่งของพวกเขากลายเป็นสนามรบของยอดฝีมือขั้นเทพศักดิ์สิทธิ์ไปเสียแล้ว
ทั้งสองกำลังประชันฝีมือเพื่อแย่งสิทธิ์เข้าเหมืองผลึก
ระเบิดรุนแรงปะทุขึ้นที่ปากทางเข้าเหมืองผลึก ยอดฝีมือชั้นกายาศักดิ์สิทธิ์ไม่ต่างอะไรจากอสูรป่าเถื่อน พวกเขาพุ่งไปที่ทางเข้าโดยไม่สนใจสิ่งใด เมื่อเข้าปะทะกัน เหมืองก็ส สั่นครืน
โฮก! โฮก!
อสูรผลึกนับไม่ถ้วนด้านในเหมืองร้องคำราม พวกมันพุ่งเข้าใส่ผู้รุกรานทั้งสองก่อนจะเปิดฉากโจมตีอย่างหนักหน่วง
แต่แค่ปล่อยหมัดเข้าใส่ก็เพียงพอที่จะทำให้อสูรผลึกแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ ได้แล้ว
ยอดฝีมือชั้นกายาศักดิ์สิทธิ์ปล่อยหมัดรัวใส่เหล่าอสูรผลึกจนเปิดทางเข้าสู่เหมืองได้ในที่สุด
ด้านนอกเหมือง อูมู่และคนอื่นๆ หันมองกันด้วยความตกตะลึง พอได้ยินเสียงสั่นครืนจากในเหมือง พวกเขาก็นึกลังเลว่าจะเข้าไปดีหรือไม่
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ด้านในเหมืองเกิดเสียงระเบิดสนั่นหวั่นไหว
ตอนนั้นเองกลิ่นเย้ายวนผสานกลิ่นหอมของสุราและอาหารทะเลก็ลอยฟุ้งไปในอากาศ
อูมู่และคนอื่นๆ ร่างสั่นเทิ้มเมื่อได้กลิ่น พวกเขาหันไปมองทิศทางที่กลิ่นลอยมาด้วยสายตาตกตะลึง แล้วพบร่างสองร่างกำลังไล่ล่ากันอยู่
ร่างที่ถูกไล่คือชายหนุ่มผู้ถือกระทะสีดำวิ่งก้าวยาวๆ ชายคนนั้นถือกุ้งมันเยิ้มที่ดูเหมือนจะปรุงสุกจนกลายเป็นสีแดงในมือ ชายที่ถือกระทะดำกินกุ้งอย่างผาสุกระหว่างหนี การไล่ล่า
ทุกครั้งที่กัดกุ้ง น้ำซอสจะสาดกระเซ็นไปทั่ว ส่งกลิ่นหอมลอยเตะจมูกทุกคน
ด้านหลังชายหนุ่มคือกุ้งตั๊กแตนตำข้าวทะเลลึกขนาดมหึมา
มันคือพญากุ้งตั๊กแตนขั้นเซียนเทพที่มีพลังต่อสู้น่าพรั่นพรึงและก้ามที่อัดแน่นไปด้วยพลังต้านทานมหาศาล
ตู้ม!
พญากุ้งตั๊กแตนขั้นเซียนเทพพุ่งเข้าใส่ชายหนุ่มด้วยความเดือดดาล ราวกับจะฉีกกระชากมนุษย์ตรงหน้าออกเป็นสองซีกในคราเดียว แต่ปู้ฟางก็ตอบโต้ด้วยการปากระทะใส่มันอีกครั้ง จากน นั้นก็ใช้โอกาสนี้ทิ้งระยะห่างจากพญากุ้งตั๊กแตนขั้นเซียนเทพ
พญากุ้งตั๊กแตนขั้นเซียนเทพร้องคำราม ร่างของมันสั่นเทิ้มด้วยความโกรธเกรี้ยว
ปู้ฟางแย้มยิ้มขณะลิ้มรสกุ้งตั๊กแตนตำข้าวมันเยิ้มอร่อยล้ำ ที่ทำให้เขารู้สึกท่วมท้นไปด้วยความอบอุ่น
เหล่าผู้ฝึกตนชาวสมุทรที่ยืนอยู่บนคลื่นเบิกตากว้างเมื่อเห็นภาพเหตุการณ์ตรงหน้า “อะไรกัน กุ้งตั๊กแตนตำข้าวทะเลลึกต้องบุกโจมตีนครมหาอสรพิษไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงมาถึงที่นี่ ได้”
ปู้ฟางโต้ขึ้นเหนือคลื่นส่งน้ำให้สาดกระเซ็น เขาหยุดนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหยิบกุ้งตั๊กแตนตำข้าวตัวสุดท้ายออกมาจากกระทะกลุ่มดาวเต่าดำ
เขายกมีดแกะเปลือกอย่างช่ำชอง
พอชาวสมุทรเห็นดังนั้นริมฝีปากของพวกเขาก็กระตุก “ไม่แปลกใจว่าเหตุใดกุ้งตั๊กแตนตำข้าวทะเลลึกจึงไล่ตามมนุษย์ผู้นั้น”
เมื่อเห็นปู้ฟางแกะเปลือกกุ้งตั๊กแตนตำข้าวอย่างคล่องมือ ก็ชัดเจนมากว่าคนคนนี้น่าจะกินกุ้งตั๊กแตนตำข้าวไปหลายตัวแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นกุ้งตั๊กแตนตำข้าวที่กินอยู่ยังปรุงสุกจนเป็นสีแดงและมันเยิ้ม แถมยังกินต่อหน้าพญากุ้งตั๊กแตนขั้นเซียนเทพด้วย… ถือเป็นการยั่วโมโหกันโต้งๆ เลยไม่ใช่หรือ
หลังจากกินกุ้งตัวสุดท้ายเสร็จ ปู้ฟางก็โยนเปลือกลงน้ำจนเกิดเสียงดัง ‘จ๋อม’
ปู้ฟางถอนหายใจยาวอย่างสบายใจ เขาแลบลิ้นเลียปากมันเยิ้ม รู้สึกว่าร่างกายเบาหวิวเหมือนขนนก ช่างเป็นมื้ออาหารที่เลิศรสจริงๆ
พญากุ้งตั๊กแตนขั้นเซียนเทพเดือดดาล สะบัดก้ามใส่อีกฝ่าย
พลังปราณของปู้ฟางทรงพลังยิ่งขึ้น เขาเพ่งสมาธิขยับซ้ายขวาเพื่อหลบการโจมตีที่รวดเร็วของพญากุ้งตั๊กแตนขั้นเซียนเทพ
พอชาวสมุทรตั้งสติได้ สายตาพวกเขาก็ฉายแววเย็นเยียบ
พญากุ้งตั๊กแตนขั้นเซียนเทพคือสหายของพวกเขา ในเมื่อมนุษย์ผู้นี้กล้าดีมายั่วยุมันก็ถือว่าเป็นศัตรูกับชาวสมุทรด้วย พวกเขาร้องคำรามลั่น จากนั้นก็พุ่งทะยานไปทางปู้ฟาง
ทันทีที่ปู้ฟางสังเกตเห็นอีกฝ่าย หัวใจของเขาก็หยุดเต้นไปจังหวะหนึ่ง ศัตรูมากันจำนวนมาก แถมยังเป็นผู้ฝึกตนที่มีพลังปราณแกร่งกล้าด้วย
“ให้สู้ซึ่งๆ หน้ากับพวกเจ้าคงจะโง่เง่าน่าดู”
ชายหนุ่มปลุกกระทะกลุ่มดาวเต่าดำด้วยการอัดพลังปราณเที่ยงแท้เข้าไป อึดใจต่อมาพลังปราณเที่ยงแท้ก็ถูกใช้ไปเกือบหมด รวมถึงพลังปราณเที่ยงแท้ที่เพิ่งฟื้นฟูจากการกินกุ้งตั๊กแ แตนตำข้าวเข้าไปด้วย
ถึงกระนั้นปู้ฟางก็ยังมีสีหน้านิ่งเฉย หลังจากหลอมพลังปราณเที่ยงแท้เข้ากับกระทะกลุ่มดาวเต่าดำแล้ว แสงสีทองเจิดจรัสก็ระเบิดออกมาจากกระทะ ก่อนกระทะจะขยายขนาดจนใหญ่เท่าภูเข ขาลูกย่อมๆ จากนั้นเขาก็ขว้างมันออกไป
กระทะกลุ่มดาวเต่าดำหนักอึ้งพุ่งไปทางกลุ่มศัตรูทันที
หลังจากขว้างกระทะออกไป ปู้ฟางก็หันหลังกลับโดยไม่ลังเลใจ จากนั้นก็พุ่งเข้าไปในเหมือง หายวับไปจากสายตาของศัตรู
ครืน!
กระทะกลุ่มดาวเต่าดำพุ่งเข้าชนกุ้งตั๊กแตนตำข้าวทะเลน้ำลึก ส่งอสูรเวทระดับเก้าให้ผงะถอยหลังและเวียนศีรษะไปเล็กน้อย
เหล่าผู้ฝึกตนชาวสมุทรปลดปล่อยรัศมีแกร่งกล้าออกมาต้านทานกระทะกลุ่มดาวเต่าดำ
ตู้ม!
เกิดเสียงดังสนั่น กระทะใบโตสีทองกลายเป็นควันสีเขียวแล้วสลายหายไป
หลังพบว่าปู้ฟางหายตัวไปแล้ว เหล่าผู้ฝึกตนชาวสมุทรก็หันมองกันด้วยความตกตะลึง พญากุ้งตั๊กแตนขั้นเซียนเทพส่ายหัว ดวงตาหรี่เล็กก่อนจะร้องคำรามลั่น
ร่างของมันสั่นเทิ้ม รีบพุ่งตามเข้าไปในเหมืองทันที
ร่างยักษ์ของมันผ่านเข้าไปในปากทางเข้าแคบๆ ได้อย่างไม่น่าเชื่อ
เมื่อเห็นดังนั้น พวกของอูมู่ เหล่าผู้ฝึกตนชาวสมุทรที่กำลังตกตะลึง และเหล่าผู้ฝึกตนสำนักมหาพิภพบนยานรบเหนือน่านฟ้าต่างก็สูดหายใจเข้าลึก
เจ้ามนุษย์คนนั้นทำให้พญากุ้งตั๊กแตนขั้นเซียนเทพโกรธถึงขนาดไหนกันนี่
การไล่ตามอย่างไม่ลดละของมันช่างน่าตื่นตะลึงเหลือเกิน!
ปู้ฟางเข้าไปในเหมืองแล้วพุ่งไปตามทาง จากนั้นก็พบบางสิ่งเข้า เขาก้มมองกองผลึกที่กระจายอยู่บนพื้นแล้วก็อดกระตุกยิ้มขึ้นมาไม่ได้
ภารกิจฉุกเฉินคือให้มาที่หนองน้ำปราณมายาเพื่อช่วงชิงเหมืองผลึกขนาดใหญ่มิใช่หรือ
เขาแค่ตั้งใจจะแวะมาดูรอบๆ ไม่ได้คิดว่าจะบังเอิญมาเจอเข้า
ครืน!
ขณะที่ปู้ฟางกำลังตื่นเต้น เสียงสั่นสะเทือนก็ดังมาจากด้านหลัง
ปู้ฟางตื่นตกใจ เขาหันไปสบตาพญากุ้งตั๊กแตนขั้นเซียนเทพ มันสะบัดก้าม พยายามตัดกำแพงหินที่ขวางทางขณะไล่ตามชายหนุ่ม
ช่างตามล่าไม่ลดละจริงๆ ปู้ฟางสูดหายใจลึก ดูเหมือนพญากุ้งตั๊กแตนขั้นเซียนเทพอยากฆ่าเขาจนคลั่งไปแล้ว นี่เจ้าไม่กลัวติดอยู่ในทางแคบๆ เลยหรือ
ปู้ฟางคิดในใจก่อนจะหันกลับแล้วมุ่งหน้าต่อ แรงสั่นสะเทือนยังคงส่งมาจากด้านหลังอย่างต่อเนื่อง แต่ทางข้างหน้ากลับดำมืด ปู้ฟางพ่นลูกเพลิงหมื่นไฟประลัยกัลป์ออกมาเพื่อส่องดูทาง
ทันใดนั้นพื้นหินที่ปู้ฟางเหยียบย่างอยู่ก็หายไป ใบหน้าของเขาแข็งทื่อทันทีที่รอยแตกปรากฏขึ้นด้านล่าง
แรงสูบพวยพุ่งออกมาจากรอยแตกดูดเอาปู้ฟางเข้าไป
ครืน!
เศษหินปลิวว่อนไปทั่ว
กุ้งตั๊กแตนทะเลลึกพุ่งไปด้านหน้า มันหมุนตัวอย่างรุนแรงจนขาเหวี่ยงไปรอบๆ ทันใดนั้นดวงตาของมันก็ว่างเปล่าไปเล็กน้อยเมื่อรู้สึกได้ถึงแรงสูบจากเบื้องล่าง พญากุ้งตั๊กแตนขั้ นเซียนเทพถูกสูบเข้าไปในรอย