ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD - บทที่ 394 อุ้งเท้าสุนัขที่โผล่ออกมาจากตาผลึก
- Home
- ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD
- บทที่ 394 อุ้งเท้าสุนัขที่โผล่ออกมาจากตาผลึก
ณ จักรวรรดิวายุแผ่ว แสงอาทิตย์ยามเช้าส่องลงบนถนนที่ยังก่อสร้างไม่เสร็จ มองแล้วดูเหมือนปูด้วยทองคำ
ร่างหนึ่งเข้าไปในนครหลวงแล้วเดินไปตามทางที่เต็มไปด้วยเศษหินเศษกรวด ทำให้เกิดเสียงหินกระทบกันฟังดูน่ารำคาญใจ ลมหนาวยามเช้าทวีความรุนแรงขึ้นชั่วขณะ พัดหมวกไม้ไผ่และผ้าคล ลุมสีดำที่อำพรางบุคคลปริศนาอยู่ จนสามารถมองเห็นใบหน้าเย็นชาภายใต้ผ้าคลุมสีดำได้รางๆ
สีหน้าของเป่ยกงหมิงยังคงเรียบเฉยไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่นิดขณะมองนครหลวงในสภาพเสียหายหนัก เขาไพล่มือไว้ด้านหลัง ค่อยๆ ย่างก้าวเข้าไปในนครหลวง
จุดหมายของชายหนุ่มชัดเจน นั่นคือร้านเล็กๆ ของฟางฟาง จากข้อมูลที่รวบรวมมา คนที่ชิงเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีไปคือเจ้าของร้านแห่งนั้น
ตอนที่รู้ข้อมูล เขาก็รู้สึกเหมือนมีสุนัขสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนวิ่งพล่านอยู่ในศีรษะ
เขาไม่คาดคิดเลยว่าคนที่ชิงหมื่นไฟประลัยกัลป์ไปจากผู้ฝึกตนระดับเก้าจำนวนมากคือพ่อครัวเจ้าของร้านเล็กๆ ที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้า
ข้อมูลนั้นทำให้ศิษย์สำนักในผู้ทรงเกียรติแห่งสำนักมหาพิภพหน้าขึ้นสีด้วยความอับอาย
เขาสังเกตเห็นว่าสิ่งก่อสร้างโดยรอบกำลังถูกบูรณะขึ้นใหม่
แม้เป่ยกงหมิงจะย่างก้าวไปช้าๆ แต่ไม่นานก็มาถึงร้านที่ตามหา เขาเอนหลังพิงผนังเย็นเยียบ จ้องพิเคราะห์ร้านตรงหน้า
ประตูร้านเปิดออก ชายหนุ่มรูปงามปากแดงฟันขาวเดินออกมาจากร้าน ดวงตาของคนผู้นั้นยังห้อยตก พอเปิดประตูเสร็จ ชายหนุ่มก็หันหลังกลับเข้าร้านไป
หนุ่มรูปงามคนนั้นไม่ใช่เจ้าของร้านที่เขาตามหา…
เป่ยกงหมิงรู้จักปู้ฟางจึงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เขารอจนเกือบหมดวัน ในที่สุดประตูร้านก็ปิดลง แต่เป่ยกงหมิงกลับไม่เห็นแม้แต่เงาของปู้ฟาง
“อะไรกัน” เป่ยกงหมิงมึนงง “ข้ามาผิดที่หรือ”
แต่ตำแหน่งก็ตรงกับข้อมูลที่ได้รับมา
เป่ยกงหมิงยังคงเงียบและรักษามาดขรึมไว้ วันที่สอง เขาแวะมาตรวจดูร้านอีกครั้ง รอบนี้เป่ยกงหมิงเข้าไปสั่งอาหาร แต่หลังจากรออยู่นานก็ไม่พบปู้ฟาง
“เจ้าของร้านอยู่ไหน” เป่ยกงหมิงทนรอไม่ไหวอีกต่อไปจึงหันไปถามเด็กหญิงที่นอนอาบแดดสบายใจเฉิบอยู่ด้านนอก
โอวหยางเสี่ยวอี้เหลือบมองเป่ยกงหมิงพร้อมคิดในใจ ‘หมอนี่คงอยากกินอาหารฝีมือเถ้าแก่ปู้อีกคน’
“เถ้าแก่ออกเดินทาง ไม่รู้กลับเมื่อไหร่ ถ้าอยากกินอาหารฝีมือเถ้าแก่ก็ต้องรอ” โอวหยางเสี่ยวอี้ตอบ
ออกเดินทางหรือ
เป่ยกงหมิงผงะไป สีหน้าของเขาแข็งทื่อ
‘ผู้บัญชาการเฟิงให้ข้ามาจับตาดูปู้ฟาง แต่เจ้ากลับบอกว่าเขาออกเดินทางหรือ’
“เมื่อไหร่เถ้าแก่ปู้จะกลับล่ะ” เป่ยกงหมิงถาม พยายามข่มความขุ่นเคืองใจ
โอวหยางเสี่ยวอี้มองอีกฝ่ายด้วยแววตางงงวย “ข้าไม่รู้ อาจจะสองวัน สิบวัน หรือเป็นครึ่งเดือนก็ได้ ใครจะไปรู้ว่าเถ้าแก่จะกลับมาตอนไหน…”
เอาเข้าจริงทุกครั้งที่ปู้ฟางออกเดินทาง เขามักจะกลับมาแบบคาดเดาไม่ได้ ซึ่งโอวหยางเสี่ยวอี้ก็ชินเสียแล้ว
แต่เป่ยกงหมิงรับเรื่องนี้ไม่ได้
พอนึกถึงภารกิจที่ผู้บัญชาการเฟิงมอบหมายให้ เป่ยกงหมิงก็รู้สึกเหนื่อยอ่อนขึ้นมาในจิตใจ ราวกับฟ้าดินกำลังต่อต้านเขาอยู่อย่างไรอย่างนั้น
…
ครืน!
อสูรผลึกขั้นเทพศักดิ์สิทธิ์ที่ร่างกายเหมือนมนุษย์ขนาดใหญ่วาดกำปั้นซึ่งสร้างจากผลึกอัดใส่ผู้บัญชาการเฟิงและยอดฝีมือชาวสมุทรที่ลอยอยู่กลางอากาศ
ผู้บัญชาการเฟิงกับยอดฝีมือชาวสมุทรมีพลังปราณแกร่งกล้าจึงสามารถเคลื่อนตัวกลางอากาศหลบกำปั้นอสูรผลึกได้
กำปั้นผลึกฟาดใส่พื้นจนสั่นสะเทือน แรงสะเทือนทำให้ผลึกด้านบนเพดานร่วงกราวลงมา
อสูรผลึกร้องคำราม ดวงตาแดงก่ำจับจ้องไปทางผู้บัญชาการเฟิงและยอดฝีมือชาวสมุทรอีกครั้ง มันยกกำปั้นทุบอก อ้าปากกว้าง เผยให้เห็นพลังปราณที่อัดแน่นอยู่ภายใน
มีแสงสว่างวาบขึ้นเมื่อคลื่นพลังถูกยิงออกจากปาก
ผู้บัญชาการเฟิงสูดหายใจขณะเอี้ยวตัวผิดลักษณะเพื่อหลบการโจมตี
คลื่นพลังปราณพลาดเป้าไปโดนพื้นจนระเบิดเป็นหลุมลึกส่งควันดำให้ลอยออกมา
หัวใจของผู้บัญชาการเฟิงกับยอดฝีมือชาวสมุทรกระตุกวาบ พวกเขารู้ว่าหากเลือกหลบไปเรื่อยๆ ไม่ช้าก็เร็วคงต้องโดนอสูรผลึกเล่นงานจนบาดเจ็บหนักแน่
เพราะมันเป็นถึงอสูรขั้นเทพศักดิ์สิทธิ์
ผู้บัญชาการเฟิงร้องคำรามลั่น เสื้อผ้าส่วนที่ปกคลุมลำตัวฉีกขาด กล้ามเนื้อทุกส่วนปูดโปนจนดูเหมือนฝูงมังกรตัวจ้อย รัศมีสีทองปรากฏขึ้นรอบตัว
ตอนนี้ผู้บัญชาการเฟิงปลดปล่อยพลังปราณขั้นเทพศักดิ์สิทธิ์ออกมาเต็มที่แล้ว
ครืน!
ผู้บัญชาการเฟิงก้าวเหยียบอากาศ ก่อนพุ่งทะยานไปหาอสูรผลึกราวกับเขาเป็นอสูรร่างยักษ์แสนดุร้าย
เมื่อเข้าปะทะกับอสูรผลึก พลังของผู้บัญชาการเฟิงก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าอีกฝ่ายแม้แต่น้อย ภาพผู้ฝึกตนพุ่งเข้าปะทะอสูรผลึกไม่หยุดดูน่าตื่นตะลึงเป็นอันมาก
ตรีศูลประดับด้วยอัญมณีประกายวาวปรากฏขึ้นในมือยอดฝีมือชาวสมุทรขั้นเทพศักดิ์สิทธิ์ เมื่อเทียบกับตรีศูลของผู้ฝึกตนชาวสมุทรตนอื่นๆ แล้ว ตรีศูลของยอดฝีมือผู้นี้สวยเด่น นเป็นสง่ากว่ามาก ด้านข้างมีครีบนับไม่ถ้วนประดับอยู่
ยอดฝีมือชาวสมุทรขั้นเทพศักดิ์สิทธิ์โบกตรีศูล อัญมณีส่องประกาย จังหวะนั้นน้ำก็พุ่งออกมาจากตรีศูล มังกรน้ำวนปรากฏออกมาแล้วพุ่งเข้าใส่อสูรผลึก
ผู้บัญชาการเฟิงหันมองยอดฝีมือชาวสมุทร เขากระทืบเท้าทั้งสองลงบนอสูรผลึกเพื่อใช้แรงดีดส่งตัวเองถอยหลัง เว้นระยะห่างระหว่างศัตรูอย่างรวดเร็ว
มังกรน้ำพุ่งเข้าประชิดอสูรผลึกแล้วเริ่มเข้าพันเกี่ยว ไม่ว่าอสูรผลึกจะร้องคำรามเพียงใดก็ไม่สามารถกำจัดมังกรน้ำได้
เป็นจังหวะดีทีเดียว เส้นผมของผู้บัญชาการเฟิงชี้ตรงเหมือนช่อเข็ม เขากำหมัดแน่น พลังปราณในรัศมีสีทองที่ห้อมล้อมร่างเข้ามารวมกันที่กำปั้น
แรงกดดันมหาศาลปะทุออกจากร่างแล้วกระจายไปรอบๆ
“เคล็ดวิชามหาพิภพ ทลายมหาพิภพ”
บึ้ม!
พลังที่สะสมอยู่ในกำปั้นระเบิดออกพร้อมเสียงคำรามดุดัน
เขาทะยานไปด้านหน้าเหมือนลูกกระสุน พุ่งแหวกอากาศด้วยความเร็วที่เหนือชั้นกว่าความเร็วเสียง ก่อนจะปล่อยหมัดหนักใส่ศีรษะอสูรผลึก
ตู้ม!
คลื่นรุนแรงและพลังปราณเที่ยงแท้เจาะทะลุศีรษะของอสูรผลึก
แกร๊ก...
รอยแตกมากมายปรากฏขึ้นบนร่างอสูรผลึก
ผู้บัญชาการเฟิงยิ้มแล้วใช้ศอกกระแทกใส่จุดที่ปล่อยหมัดไปก่อนหน้านี้ รอยแตกตรงจุดนั้นยาวขึ้นภายใต้เสียงสนั่น ทันใดนั้นอสูรผลึกยักษ์ก็แตกกระจายกลายเป็นเศษผลึกนับไม่ถ้วนเต็ม พื้น
แสงสีแดงพุ่งออกมาจากกองเศษผลึกแล้วลอยขึ้นฟ้า แสงนั้นหมุนวนในอากาศอย่างบ้าคลั่งอยู่พักหนึ่งก่อนจะถูกตาผลึกที่เป็นที่หมายปองของทุกคนดูดเข้าไป
ภาพเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ยอดฝีมือชาวสมุทรตื่นตกใจ เหตุใดตาผลึกจึงดูดเอาแก่นสารัตถะของอสูรผลึกยักษ์เข้าไป มันควรจะปล่อยให้แก่นสารัตถะรวบรวมผลึกแล้วสร้างอสูรผลึกตัวใหม ม่ขึ้นมาแทนสิ
ตาผลึกก้อนนี้แปลกยิ่งนัก
หลังอสูรผลึกขั้นเทพศักดิ์สิทธิ์ถูกจัดการ ผู้บัญชาการเฟิงกับยอดฝีมือชาวสมุทรก็หันมองกันด้วยสายตาระแวดระวัง เมื่อตระหนักได้ว่าพวกเขากลับมาเป็นศัตรูกันอีกครั้งแล้ว
“ในเมื่อเรากำจัดอสูรผลึกได้แล้ว สิทธิ์ในการเป็นเจ้าของตาผลึกก้อนนี้จะตัดสินกันที่พลังของเรา” ผู้บัญชาการเฟิงส่งยิ้มเย็นเยียบให้ยอดฝีมือชาวสมุทรขั้นเทพศักดิ์สิทธิ์
ยอดฝีมือชาวสมุทรโบกตรีศูล แก้มเปิดกว้างพ่นน้ำออกมา เขาเอี้ยวตัวแล้วพุ่งไปด้านหน้า
ผู้บัญชาการเฟิงเหยียบลงกลางอากาศแล้วพุ่งแหวกอากาศตรงไปด้านหน้าเช่นกัน
ฟึ่บ!
ทั้งสองเคลื่อนไหวรวดเร็วมาก เป้าหมายของทั้งคู่คือสิ่งเดียวกัน นั่นคือตาผลึกที่สูบพลังปราณเข้าไป
ปู้ฟางมองการต่อสู้เบื้องหน้าอย่างตั้งใจพลางคิดหาวิธีช่วงชิงตาผลึก แต่การชิงตาผลึกต่อหน้าผู้ฝึกตนขั้นเทพศักดิ์สิทธิ์ถือเป็นเรื่องยากยิ่ง
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ผืนดินสั่นไหวรุนแรงรบกวนความคิดของปู้ฟาง
รอบข้างเขามืดลงราวกับกำลังอยู่ภายใต้เงาใหญ่
ร่างของชายหนุ่มแข็งทื่อ หันไปพบกุ้งตั๊กแตนตำข้าวทะเลน้ำลึกที่ยืนจ้องกลับมา พร้อมสะบัดก้ามใส่จากด้านหลัง
ฉัวะ!!
มันสะบัดก้ามหมายฉีกร่างปู้ฟาง
ปู้ฟางใจกระตุกวาบ พลังปราณเที่ยงแท้ปะทุขึ้นที่เท้าทั้งสอง เขาพุ่งตัวออกจากที่ซ่อน เผยตัวตนให้ผู้บัญชาการเฟิงและยอดฝีมือชาวสมุทรขั้นเทพศักดิ์สิทธิ์เห็น
สายตาเย็นเยียบของผู้บัญชาการเฟิงและยอดฝีมือชาวสมุทรหันไปจับจ้องปู้ฟาง
เป็นแค่แมลงตัวจ้อยกลับกล้าโผล่หัวออกมาหรือ
ด้วยพลังปราณที่ผู้ฝึกตนขั้นเทพศักดิ์สิทธิ์มี พวกเขาสัมผัสได้ถึงตัวตนของปู้ฟางมาตั้งแต่แรกแล้ว แต่แน่นอนว่าผู้ฝึกตนขั้นเทพศักดิ์สิทธิ์เช่นพวกเขาไม่คิดสนใจผู้ฝึกตนระดับเ เจ็ดขั้นนักพรตยุทธการอย่างปู้ฟางแม้แต่น้อย
แค่จามครั้งเดียวก็สามารถกำจัดมดปลวกนี้ได้แล้ว
เหตุใดพวกเขาจึงต้องให้ความสนใจคนผู้นี้ด้วย มดปลวกเช่นนี้จะสามารถชิงตาผลึกไปได้หรือ แค่คิดก็อยากจะหัวร่อแล้ว
ด้วยเหตุนี้ทั้งสองจึงเมินปู้ฟางไปอย่างสิ้นเชิง
แต่ระหว่างที่กำลังประมือกันอยู่ เจ้ามดปลวกก็โผล่ออกมา การกระทำเช่นนี้เรียกความสนใจจากพวกเขาได้ทันที
ตู้ม!
หินมากมายแหลกละเอียดเมื่อพญากุ้งตั๊กแตนขั้นเซียนเทพใช้ขาเล็กๆ กระแทกพื้นเพื่อเคลื่อนตัวผ่าน แรงสะเทือนส่งฝุ่นให้ฟุ้งไปทั่ว มันสะบัดก้ามใส่ปู้ฟางที่กำลังวิ่งหนี
“กุ้งตั๊กแตนตำข้าวทะเลลึก ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้” ยอดฝีมือชาวสมุทรผงะไป ทว่าระหว่างที่เขากำลังใคร่ครวญอยู่นั้น ผู้บัญชาการเฟิงก็รีบฉวยโอกาสพยายามชิงตาผลึกมา
ยอดฝีมือชาวสมุทรไม่มีเวลามาสนใจปู้ฟางกับพญากุ้งตั๊กแตนขั้นเซียนเทพ เขารีบพุ่งตามไป ทั้งสองปะทะกันและเปิดศึกใหม่อีกครั้ง แรงกดดันหนักหน่วงและพลังปราณน่าพรั่นพรึงพัดกระ ะจายทุกครั้งที่ทั้งสองเข้าปะทะ
ควันสีเขียวหมุนวนรอบมือของปู้ฟางก่อนกระทะกลุ่มดาวเต่าดำจะปรากฏขึ้นอีกครั้ง ปู้ฟางอัดพลังปราณเที่ยงแท้ทั้งหมดใส่กระทะ ทำให้กระทะขยายขึ้นจนมีขนาดมหึมา
ปู้ฟางจับกระทะยักษ์หันไปทางกุ้งตั๊กแตนตำข้าวทะเลลึกที่กำลังพุ่งมาหา เสียงสนั่นดังขึ้น กระทะกลุ่มดาวเต่าดำขนาดใหญ่พลิกคว่ำครอบพญากุ้งตั๊กแตนขั้นเซียนเทพไว้
ชายหนุ่มนั่งทับกระทะพร้อมหอบหายใจ เขาหยิบขนมปังหอยนางรมร้อนๆ จากกระเป๋าคลังเก็บออกมากินเพื่อฟื้นฟูพลัง
ปัง! ปัง! ปัง! พญากุ้งตั๊กแตนขั้นเซียนเทพทุบกระทะจากด้านใน ปู้ฟางสัมผัสถึงแรงสั่นสะเทือนต่อเนื่องได้จากข้างใต้
แต่ชายหนุ่มก็ไม่รู้สึกเป็นกังวล พญากุ้งตั๊กแตนขั้นเซียนเทพไม่มีทางยกกระทะกลุ่มดาวเต่าดำขึ้นด้วยตัวเองไปได้อีกพักหนึ่ง
ตู้ม!
พลังปราณเที่ยงแท้ที่ห้อมล้อมผู้บัญชาการเฟิงเริ่มปะทุเดือด เขาเหมือนจะคลั่งไปแล้ว ผู้บัญชาการเฟิงเริ่มเปิดฉากโจมตียอดฝีมือชาวสมุทรขั้นเทพศักดิ์สิทธิ์ ส่งอีกฝ่ายลอยขึ้นด้วย ยการโจมตีจากหมัด
แรงกระแทกจากการปะทะทำให้ร่างผู้บัญชาการเฟิงสั่นเทิ้ม ผิวหนังเหมือนจะแยกออกจากกัน แต่ผู้บัญชาการเฟิงก็ไม่สนใจ เขากลับหัวเราะลั่นพร้อมเอื้อมมือไปคว้าตาผลึกทรงรี
ใบหน้าของผู้บัญชาการเฟิงเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้นขณะจับจ้องตาผลึกที่เอ่อล้นไปด้วยพลังปราณ
“จงเปิดออก อุปกรณ์เทพในตาผลึก…เป็นของข้า!” นัยน์ตาของผู้บัญชาการเฟิงแดงก่ำขณะร้องตะโกนด้วยความตื่นเต้น
เขาใช้พลังปราณเที่ยงแท้ห่อหุ้มมือของตัวเองเป็นทรงกระบี่ยาว ก่อนจะยกกระบี่ขึ้นสูงแล้วฟาดลงบนตาผลึก
ยอดฝีมือชาวสมุทรที่ทรวงอกเว้าลึกเข้าไปคลานออกมาจากเศษหินที่กองอยู่บนพื้น “ผู้บัญชาการเฟิงผลาญสารัตถะเที่ยงแท้เข้าโจมตีข้าจนบาดเจ็บเพื่อชิงตาผลึก”
เมื่อผู้ฝึกตนทำลายโซ่ตรวนขั้นเซียนเทพลงได้ชิ้นหนึ่ง พลังปราณเที่ยงแท้ในแก่นพลังจะกลายเป็นวังวนสารัตถะเที่ยงแท้ สารัตถะเที่ยงแท้คือจุดกำเนิดความแข็งแกร่งของผู้ฝึกตนขั้น นเทพศักดิ์สิทธิ์
การผลาญสารัตถะเที่ยงแท้จะทำลายแหล่งพลังและสร้างความเสียหายถาวรให้ตนเอง
ยอดฝีมือชาวสมุทรไม่คาดคิดว่าผู้บัญชาการเฟิงจะบ้าคลั่งถึงเพียงนี้
แกร๊ก!
ผู้บัญชาการเฟิงเหวี่ยงกระบี่พลังปราณเที่ยงแท้ผ่าตาผลึก นัยน์ตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้นเมื่อเห็นแสงสีทองและพลังปราณที่เอ่อล้นมาจากรอยแยกบนตาผลึก
มีสมบัติอยู่จริงๆ ด้วย
ยอดฝีมือชาวสมุทรอ้าปากกว้าง บรรพบุรุษกุ้งผู้ยิ่งใหญ่จะลืมตาตื่นขึ้นบนโลกอีกครั้งหรือ
ปู้ฟางเช็ดปากหลังกินขนมปังหอยนางรมเสร็จ จ้องมองไปยังตาผลึกในมือผู้บัญชาการเฟิง วัตถุดิบใดกันที่ระบบบอกไว้
แกร๊ก!
ทันทีที่เสียงแตกดังขึ้น อุ้งเท้าสีดำก็ยื่นออกมาจากรอยแยกบนตาผลึก อุ้งเท้านั้นมีขนาดเล็กน่ารักและปกคลุมไปด้วย…ขนสุนัขนุ่มสะอาด