ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD - บทที่ 398 เถ้าแก่ปู้เป็นชายน้ำใจงาม
- Home
- ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD
- บทที่ 398 เถ้าแก่ปู้เป็นชายน้ำใจงาม
ที่นอกเหมือง สายตาของทุกคนจับจ้องไปยังทางเข้าเหมือง พลังรัศมีที่สงบลงแล้วพลันปั่นป่วนขึ้นมาอีกครั้ง ทุกคนเริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง เนื่องจากอยากรู้เหลือเกินว่าคนที่กำลังจะอ ออกมาจากเหมืองผลึกเป็นใครกันแน่
เหล่าผู้ฝึกตนชาวสมุทรและศิษย์สำนักมหาพิภพดูกระตือรือร้นและเป็นกังวลมากที่สุด เนื่องจากรู้ดีว่าพวกตนมาที่นี่เพื่อจุดประสงค์ใด สิ่งที่พวกเขาต้องการอยู่ในเหมือง และผู้นำ ำของพวกเขาก็อยู่ในเหมืองทั้งคู่ ทุกคนจึงอยากรู้ว่าใครกันแน่ที่จะได้สมบัติล้ำค่าไปครอง
เมื่อพวกเขาเห็นชายคนหนึ่งเดินออกมาจากปากเหมือง สีหน้าของทุกคนก็ดูปูเลี่ยนขึ้นมาทันที
บรรดาศิษย์จากสำนักมหาพิภพพากันเบิกตากว้าง ความไม่อยากเชื่อสิ่งที่เห็นฉายลึกอยู่ในดวงตา
ส่วนบรรดาชาวสมุทรก็เบิกตาโปนๆ ของตนเองเช่นกัน ปากของพวกเขาอ้าค้างจนเห็นเขี้ยวสุดสยองที่อยู่ภายใน ต่างพากันอึ้งกิมกี่เป็นปลาแห้งขณะจ้องไปที่ร่างตรงหน้า
มีเพียงอูมู่คนเดียวที่คิดไว้แล้วว่ารูปการณ์จะต้องออกมาเป็นเช่นนี้ เขาไม่ได้แปลกใจอะไรมากมายนัก เนื่องจากรู้ดีว่าปู้ฟางคนนี้น่ากลัวเพียงใด เขาน่าจะเป็นคนเดียวในที่แห่ง นี้ที่รู้พิษสงของชายหนุ่มเป็นอย่างดี
แม้อูมู่จะไม่ประหลาดใจ แต่ประมุขอสรพิษที่ยืนอยู่ข้างๆ กันก็อึ้งจนพูดไม่ออก ราชันอสรพิษตู้ไข่เองก็เช่นกัน
พวกเขาจะไปรู้พลังที่แท้จริงของปู้ฟางได้อย่างไร ในสายตาของประมุขอสรพิษ ปู้ฟางเป็นเพียงผู้ฝึกตนขั้นนักพรตยุทธการธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น คนคนนี้ได้เปลวเพลิงแห่งสวรรค์และปฐ ฐพีไปครองเพราะดวงล้วนๆ และถึงจะมีเปลวเพลิงนั่นอยู่ในครอบครอง ก็ยังไม่สามารถแสดงแสนยานุภาพของมันออกมาได้ถึงขีดสุดอยู่ดี แล้วคนที่อ่อนแอเหมือนมดปลวกเช่นนี้จะออกมาจากเหมือง เป็นคนแรกได้อย่างไรกัน ในเมื่อเหมืองนั้นเต็มไปด้วยผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งกว่าเขาเต็มไปหมด…
หรือว่าหมอนี่จะไม่ได้เข้าไปถึงส่วนที่ลึกที่สุดของเหมือง
นั่นเป็นสิ่งที่ทุกคนเดาอยู่ในใจ
หลายคนคิดว่าเรื่องราวน่าจะเป็นเช่นนั้นแน่ๆ สายตาที่พวกเขามองปู้ฟางจึงเต็มไปด้วยความรังเกียจเดียดฉันท์
แต่ผู้ฝึกตนชาวสมุทรหลายตนกลับหรี่ตามองปู้ฟางด้วยสายตาเคลือบแคลงสงสัย
หนึ่งในนั้นตะโกนถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “เจ้าออกมาชนิดครบสามสิบสองได้อย่างไร แล้วพญากุ้งตั๊กแตนขั้นเซียนเทพอยู่ที่ไหน”
หากไอ้มดปลวกนี่ออกจากเหมืองมาได้ แปลว่าพญากุ้งตั๊กแตนขั้นเซียนเทพก็ต้องออกมาได้เช่นกัน…
เมื่อพวกเขาเห็นปู้ฟางมีสีหน้าสบายอารมณ์ บรรดาชาวสมุทรก็เริ่มรู้สึกได้ถึงลางร้ายทันที
“พญากุ้งตั๊กแตนขั้นเซียนเทพอยู่ที่ไหน”
ปู้ฟางที่ค่อยๆ เดินออกจากเหมืองมาช้าๆ พร้อมถือกระทะกลุ่มดาวเต่าดำไว้ในมือ หันไปมองชาวสมุทรด้วยสายตางุนงง
ผู้ฝึกตนชาวสมุทรตนหนึ่งที่ยืนอยู่บนคลื่นมองปู้ฟางเขม็ง พลังปราณแผ่ออกจากกาย
ปู้ฟางยิ้มมุมปากแล้วส่งจิตเรียกเอาซากของสัตว์ขนาดใหญ่ออกมา เขายกร่างพญากุ้งตั๊กแตนขั้นเซียนเทพที่มีดวงตาขนาดใหญ่ขึ้น แล้วมองไปยังบรรดาผู้ฝึกตนชาวสมุทร จากนั้นก็ถาม “ “หมายถึงไอ้ตัวใหญ่เบิ้มนี่น่ะหรือ”
พญากุ้งตั๊กแตนขั้นเซียนเทพยังมีชีวิตอยู่ แต่ลมหายใจก็อ่อนแรงเต็มที มันยกก้ามขึ้นเล็กน้อย ดูเหมือนกำลังพยายามร้องขอให้ชาวสมุทรช่วยชีวิตมัน แต่หลังจากยกได้อึดใจหนึ่ง ก ก้ามของมันก็พลันอ่อนแรงตกลงมา
พญากุ้งตั๊กแตนขั้นเซียนเทพไม่เหลือเรี่ยวแรงอีกต่อไป
ทันทีที่พญากุ้งตั๊กแตนขั้นเซียนเทพปรากฏตัว เหล่าคนที่ไม่คิดแม้แต่จะชายตามองปู้ฟางก็พากันตื่นตกใจทันที
เจ้าหนุ่มนี่…ล้มพญากุ้งตั๊กแตนขั้นเซียนเทพได้เช่นนั้นหรือ
เป็นเพียงขั้นนักพรตยุทธการตัวกระจ้อย กลับล้มพญากุ้งตั๊กแตนขั้นเซียนเทพได้เนี่ยนะ คิดอย่างไรก็ไม่สมเหตุสมผลแม้แต่น้อย
ปู้ฟางมองทุกคนที่อยู่รายรอบด้วยสายตาสงบนิ่ง เขายกมือขึ้นลูบเปลือกของพญากุ้งตั๊กแตนขั้นเซียนเทพที่เต็มไปด้วยรอยแตกมากมาย จากนั้นก็เก็บมันกลับเข้ากระเป๋าคลังเก็บไป
“คราวนี้ข้าจะไม่ใช้ซอสทำอาหาร...ข้าจะเอาเนื้อไปนึ่งกับน้ำซุป เพราะกุ้งตัวนี้มีขนาดใหญ่มาก รสชาติของมันจะออกมาก็ต่อเมื่อเอาไปนึ่งเท่านั้น” ปู้ฟางพึมพำกับตนเอง
แม้เขาจะพูดกับตนเอง แต่คนส่วนมากที่ล้อมรอบเขาอยู่ก็ได้ยินอย่างชัดเจน ทุกคนตกใจและหวาดกลัวเป็นอันมาก ไอ้หมอนี่มันบ้าไปแล้ว…มันจะเอาพญากุ้งตั๊กแตนขั้นเซียนเทพไปทำกั บข้าวกินหรือนี่
นี่มันบ้าบอเกินจินตนาการที่สุด!
พอผู้ฝึกตนชาวสมุทรเรียกสติกลับมาได้ หัวใจของพวกเขาก็ต้องลุกโชนด้วยโทสะ พญากุ้งตั๊กแตนขั้นเซียนเทพเป็นหนึ่งในผู้ฝึกตนชาวสมุทรเช่นกัน แล้วพวกเขาจะปล่อยให้มนุษย์เอาไ ไปต้มยำทำแกงกินซึ่งๆ หน้าได้อย่างไร แบบนี้มีหวังเผ่าพันธุ์ชาวสมุทรได้ขายหน้าไปจนตายแน่
ผู้ฝึกตนชาวสมุทรขั้นเซียนเทพสามตนพากันถลึงดวงตาโปนๆ จนแทบถลนออกจากเบ้า ครีบแหลมผุดออกจากร่างกายเต็มไปหมด ทั้งสามจ้องปู้ฟางด้วยสายตาหมายเอาชีวิต
“เจ้ากล้าดูหมิ่นอสูรเวทขั้นเซียนเทพจากเผ่าชาวสมุทรของเราเช่นนั้นหรือ รนหาที่ตายแล้ว!”
ปัง! ปัง! ปัง!
เสียงระเบิดดังขึ้นที่คลื่นน้ำใต้เท้าพวกเขาสามครั้ง คลื่นยักษ์พุ่งขึ้นไปในอากาศ ทั้งสามเปลี่ยนสภาพไปเป็นลำแสงที่พุ่งเข้าใส่ปู้ฟางทันที
จิตสังหารของทั้งสามรุนแรงมากจนทำเอาศิษย์จากสำนักมหาพิภพตกใจพอตัว
สีหน้าของอูมู่และประมุขอสรพิษพลันเครียดขึงขึ้นมา
ปู้ฟางที่กำลังเผชิญหน้ากับความโกรธเกรี้ยวของผู้ฝึกตนชาวสมุทรทั้งสามอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เขามองคลื่นยักษ์ที่แทบจะบดบังท้องฟ้าเสียมิด น้ำสาดกระจายลงมาเล่นเอาผมของเขา าเปียกปอนไปหมด
ปู้ฟางสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วใช้จิตควบคุมกระทะกลุ่มดาวเต่าดำ จากนั้นก็สั่งกระทะให้พุ่งเข้าหาทั้งสามทันที
กระทะกลุ่มดาวเต่าดำพุ่งส่งเสียงหวีดหวิวไปในอากาศ ตรงไปขวางหน้าผู้ฝึกตนทั้งสามเอาไว้
“ไปให้พ้น!”
ทั้งสามตะโกนออกมาพร้อมกันพลางส่งจิตสังหารใส่ปู้ฟาง พวกเขาโจมตีใส่กระทะกลุ่มดาวเต่าดำอย่างไม่ลดละ พยายามที่จะทำลายมันให้ได้
ตึก! ตึก! ตึก!
เมื่อการโจมตีของขั้นเซียนเทพทั้งสามกระแทกเข้าใส่กระทะกลุ่มดาวเต่าดำ เสียงกึกก้องก็ดังสนั่นขึ้น
ทันทีที่ทั้งสามเห็นผลที่เกิดจากการโจมตีของพวกเขา ม่านตาก็พลันหดแคบลง
กระทะกลุ่มดาวเต่าดำส่งเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่นออกมาพร้อมแรงสั่น
ใบหน้าของปู้ฟางดูประหลาดไปเล็กน้อยเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับกระทะ อดไม่ได้ที่จะแอบไว้อาลัยให้ผู้ฝึกตนชาวสมุทรขั้นเซียนเทพเงียบๆ
เจ้าดำกำลังนอนหลับอุตุอยู่ในกระทะ ซึ่งจัดเป็นจุดที่เหมาะกับการนอนเป็นอย่างยิ่ง ขณะที่มันนอนหลับอยู่ รูจมูกก็เปิดปิดเป็นจังหวะของลมหายใจลึก
ทันใดนั้นเสียงกึกก้องก็สะเทือนเลื่อนลั่นอยู่ในกระทะ…
ทันทีที่ได้ยินเสียงดังกล่าวเจ้าดำก็ขนตั้งชั้นไปทั้งตัว
มันลืมตาขึ้น โมโหเป็นอย่างมากจนขนตั้งชี้ยิ่งกว่าเดิม
“ใครบังอาจมากวนเวลานอนของท่านสุนัขผู้ยิ่งใหญ่กัน”
เจ้าดำคำรามอย่างโกรธแค้นพลางกระโจนออกจากกระทะทันที มันยืนอยู่กลางอากาศ ขนาดตัวขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
พลังปราณที่ระเบิดออกจากร่างทำให้บรรดาชาวสมุทรขั้นเซียนเทพตกใจจนขยับตัวไม่ได้ ทั้งสามรู้สึกหวาดกลัวเจ้าดำที่พวกตนกำลังเผชิญหน้าอยู่มาก
ทั้งสามจ้องสุนัขสีดำที่ปรากฏตัวจากกระทะด้วยสายตาตื่นกลัว
ดวงตาง่วงงุนของเจ้าดำเต็มไปด้วยโทสะ มันมองขั้นเซียนเทพทั้งสามที่ตัวสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้เมื่อถูกสุนัขกวาดตามอง
เสียงเห่าดังออกจากปากเจ้าดำในอึดใจต่อมา
เจ้าดำเปิดปากกว้างจนกลายเป็นเหมือนหลุมดำเตรียมสังหาร ลมรุนแรงพัดกระพือขึ้น แล้วจู่ๆ ปากของเจ้าดำก็เขมือบทั้งสามเข้าไปในพริบตาเดียว
ผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพทั้งสามไม่มีโอกาสแม้แต่จะกรีดร้องด้วยซ้ำ พวกเขาถูกเจ้าดำกลืนเข้าไปในคำเดียว
พอกลืนพวกที่บังอาจมากวนเวลานอนของมันเสร็จ เจ้าดำก็อารมณ์เย็นขึ้นมา ขนของมันกลับมาเรียบเนียนอีกครา
“อี๋! เหม็นคาวทะเลหึ่งเลย…”
เจ้าดำกระตุกคว่ำปากด้วยความรังเกียจก่อนจะส่งเสียงบ่นออกมา มันกลับไปนอนในกระทะกลุ่มดาวเต่าดำต่ออย่างสบายอารมณ์
คราวนี้เจ้าดำตั้งใจหลับให้ลึกกว่าเดิม
ทุกคนที่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้ฝึกตนชาวสมุทรทั้งสามต่างก็หวาดกลัวจนหัวหด
โดยเฉพาะบรรดาชาวสมุทรที่เหลือ เหล่าขั้นนักพรตยุทธการและขั้นเทพแห่งสงครามพากันขาสั่นอ่อนปวกเปียกไปหมด ร่องข้างแก้มเปิดกว้างจนน้ำไหลออกมาไม่หยุด
ต่างมองมาที่กระทะสีดำในมือปู้ฟางด้วยความหวาดผวา
แม่ทัพขั้นเซียนเทพสามตน...ถูกสุนัขกินเรียบ…
สำหรับพวกเขาในตอนนี้ ปู้ฟางไม่ต่างอะไรจากปีศาจร้ายเลยแม้แต่น้อย
ปู้ฟางยิ้มมุมปากพลางถือกระทะกลุ่มดาวเต่าดำเดินจากไปช้าๆ เขาตั้งใจจะกลับไปที่นครมหาอสรพิษ
เขาเปิดตาผลึกที่เหมืองผลึกไปเรียบร้อย และเก็บเกี่ยววัตถุดิบที่ต้องใช้ในการทำภารกิจให้สำเร็จมาแล้ว จึงอยากรีบกลับไปที่นครมหาอสรพิษเพื่อทำอาหารจากปลาปักเป้า
ปู้ฟางเดินเข้าไปใกล้ชาวสมุทร แต่กลับไม่มีใครกล้าขวางทางเขาสักคน พวกนั้นต่างแหวกทางออกเหมือนแหวกน้ำทะเล เปิดทางให้คนคนเดียวเดินไป ทุกคนมองตามหลังชายหนุ่มที่ค่อยๆ เดินห หายไปช้าๆ
ตอนนั้นเองปู้ฟางที่เดินไปจนเกือบสุดฝูงชนแล้วก็หันหน้ากลับมามองชาวสมุทรที่เหลืออยู่ พลางเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา
“มีพวกเจ้าตนไหนคัดค้านที่ข้าจะเอาพญากุ้งตั๊กแตนขั้นเซียนเทพไปทำอาหารบ้าง”
เมื่อได้ยินดังนั้น บรรดาชาวสมุทรก็แทบจะร้องไห้ออกมา พวกเขาจะไปกล้าขัดอะไรอีก และหากคิดขัด ชายตรงหน้านี้จะฟังพวกเขาหรือ ไม่ได้จะเรียกสุนัขออกมากินอีกรอบหรืออย่างไร
ปู้ฟางพยักหน้าเองเออเองด้วยความพึงพอใจแล้วหันหลังกลับ เขาเดินออกจากที่แห่งนั้นไปในที่สุด และครั้งนี้ก็ไม่มีใครกล้ารั้งเขาไว้อีก
อูมู่ดึงตัวประมุขอสรพิษให้ตามปู้ฟางไป
“เจ้าไม่อยากได้ขุมทรัพย์ในเหมืองหรือ”
“มีสองขุมอำนาจใหญ่อยู่ที่นี่ จะมีสมบัติอะไรตกมาถึงมือเราอีก” อูมู่ย้อน ใบหน้าสวยสง่าของประมุขอสรพิษแข็งทื่อไปทันที นางเองก็จนด้วยคำพูดเช่นกัน
สุดท้ายนางก็ทำได้แต่เดินตามอูมู่ไปอย่างเสียมิได้
ส่วนบรรดาชาวสมุทรและศิษย์จากสำนักมหาพิภพนั้นก็ทำได้แค่ยืนรอต่อไป พวกเขากำลังรอให้พวกของตนกลับออกมาจากเหมือง
หลังจากผ่านไปเป็นเวลานาน เสียงดังกรอกแกรกก็ลอยมาจากทางเข้าเหมือง ตามมาด้วยร่างร่างหนึ่ง ร่างนั้นสภาพร่อแร่เลือดโชกไปหมดทั้งตัว แค่จะเดินออกจากเหมืองมายังโซซัดโซเซ
ม่านตาของบรรดาชาวสมุทรหดแคบทันที หัวใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม พวกเขาแพ้เสียแล้ว…
เมื่อพวกเขาเห็นสภาพรุ่งริ่งของยอดฝีมือชาวสมุทร ก็รู้ได้ทันทีว่าผลการต่อสู้เป็นอย่างไร พวกเขาคิดว่าผู้ฝึกตนจากสำนักมหาพิภพนั้นแข็งแกร่งกว่า ดูจากสภาพแล้วดูเหมือนว่า ายอดฝีมือชาวสมุทรจะถูกอีกฝ่ายซ้อมจนสะบักสะบอมดูไม่ได้
“แล้วแม่ทัพขั้นเซียนเทพทั้งสามเล่า”
เมื่อเห็นว่าใบหน้าของบรรดาชาวสมุทรต่างเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ยอดฝีมือชาวสมุทรก็เอ่ยถามขึ้นมาทันที
หนึ่งในชาวสมุทรเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นให้อีกฝ่ายฟังด้วยความโกรธแค้น ยอดฝีมือชาวสมุทรขั้นเทพศักดิ์สิทธิ์ที่เพิ่งออกมาจากเหมืองมีสีหน้าบูดเบี้ยว เขากระอักเลือดออกมายกใหญ่ ใบ บหน้าดูย่ำแย่กว่าเดิม
“ไปกันเถิด… กลับวังสมุทรกัน”
ผิดคาดยิ่ง ยอดฝีมือชาวสมุทรขั้นเทพศักดิ์สิทธิ์ไม่คิดจะแก้แค้นให้แม่ทัพทั้งสามแต่อย่างใด ซึ่งเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงอย่างมากสำหรับพวกที่เหลือ เขาสั่งให้บรรดาชาวสมุทรกลับว วังสมุทรแทนเสียอย่างนั้น
ชาวสมุทรรู้สึกตกใจกับคำสั่งนี้เป็นอันมาก
ส่วนผู้ฝึกตนจากสำนักมหาพิภพเองก็ตกใจกับการตัดสินใจนี้ไม่ต่างกัน
ก่อนจะจากที่แห่งนี้ไป ยอดฝีมือชาวสมุทรขั้นเทพศักดิ์สิทธิ์ก็ยิ้มมุมปากทีหนึ่ง เขามองใบหน้าดีใจล้นปรี่ของศิษย์จากสำนักมหาพิภพแล้วคลี่ยิ้มบางออกมา พวกเขาเหล่านั้นยืน อยู่บนยานรบที่ลอยอยู่บนฟ้า กำลังยิ้มเยาะเย้ยชาวสมุทรจากด้านบน
“หัวเราะไปเถิด…เดี๋ยวพอเห็นสภาพศพของผู้ฝึกตนขั้นเทพศักดิ์สิทธิ์จากสำนักของพวกเจ้า มาดูกันหน่อยว่าพวกเจ้าจะยังยิ้มออกอยู่ไหม”
…
ปู้ฟางกลับมายังนครมหาอสรพิษด้วยความเร็วไม่มากไม่น้อย
อูมู่และประมุขอสรพิษมาถึงก่อน ทันทีที่พวกเขากลับมาถึงนคร อันตรายที่นครกำลังเผชิญอยู่ก็สลายหายไปทันที บรรดาชาวสมุทรถูกอูมู่และประมุขอสรพิษที่โกรธเกรี้ยวสังหารตายเรียบใน นพริบตา
เสียงกึกก้องด้วยความดีใจของชาวเมืองดังไปทั่วทุกแห่งหน
มีหลายคนจำปู้ฟางได้ เหตุผลเดียวที่ทำให้นครมหาอสรพิษยังคงตั้งอยู่อย่างดีเป็นเพราะปู้ฟางดึงความสนใจของพญากุ้งตั๊กแตนขั้นเซียนเทพไปนั่นเอง
คนมากมายมองชายหนุ่มด้วยสายตาสำนึกบุญคุณ
ปู้ฟางที่เดินถือกระทะกลุ่มดาวเต่าดำมามองสายตาชื่นชมด้วยความตื่นตกใจ ในใจก็คิดว่าคนพวกนี้ช่างทำตัวแปลกประหลาดเสียจริง
อูมู่ ประมุขอสรพิษ และคนอื่นๆ ตรงมาหาชายหนุ่มทันทีที่อีกฝ่ายมาถึงนคร
ราชันอสรพิษตู้เวยมีใบหน้าซีดเผือด สีหน้าของนางไร้เลือดฝาดโดยสิ้นเชิง นางใช้พลังเกือบทั้งหมดไปกับการควบคุมปืนใหญ่วงแหวนปราณเพื่อปกป้องนครมหาอสรพิษ สายตาของนางที่มองปู้ฟ ฟางนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ตีกันอยู่ภายใน
“มนุษย์คนนี้…มาโจมตีนครของเราแต่ก็ช่วยเอาไว้เช่นกัน” แม้พวกเขาจะเคยยืนอยู่คนละฝั่งกัน แต่หญิงสาวก็รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายน่าจะเป็นคนดี
อวี่ฝูเดินตามประมุขอสรพิษออกมา เมื่อเห็นปู้ฟาง นางก็รู้สึกราวกับก้อนหินหนักอึ้งในใจถูกยกออกจากอก นางตื่นเต้นเป็นอันมากที่ได้เจอเถ้าแก่ปู้อีก
“เถ้าแก่ปู้…ก่อนหน้านี้พวกข้าอาจจะเคยทำให้ท่านไม่พอใจ แต่เราน่าจะนั่งคุยกันอย่างจริงจังเพื่อหาทางออกร่วมกันระหว่างท่านและประมุขอสรพิษได้”
อูมู่มองปู้ฟางด้วยสายตาอบอุ่น เขายิ้มออกมา ตั้งใจจะทำหน้าที่ตัวกลางเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างปู้ฟางและประมุขอสรพิษ
ริมฝีปากสวยของประมุขอสรพิษเผยอขึ้นเล็กน้อย ดูเหมือนว่านางจะอยากพูดอะไรบางอย่าง
แต่ปู้ฟางกลับโบกมือให้นางหยุด
ชายหนุ่มมองหน้าประมุขอสรพิษแล้วพูดด้วยน้ำเสียงสงบ “ไม่ต้องพูดอะไรหรอก สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือเจ้าต้องเตรียมห้องครัวให้ข้า เรื่องอื่นเอาไว้มาคุยกันทีหลัง อวี่ฝู… .มาเป็นลูกมือข้าเร็วเข้า”
ประมุขอสรพิษ อูมู่ และคนอื่นๆ ที่อยู่รายรอบชะงักไปทันที
เกิดอะไรขึ้นกันนี่