ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD - บทที่ 400 เจ้ากุ้ง เจ้าทำอะไรนี่
- Home
- ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD
- บทที่ 400 เจ้ากุ้ง เจ้าทำอะไรนี่
ปู้ฟางเคยทำอาหารด้วยปลาปักเป้ามาก่อนในชีวิตที่แล้ว แม้จะไม่ได้ช่ำชองในการเตรียมปลาอย่างทะลุปรุโปร่ง แต่ก็รู้หลายอย่างเกี่ยวกับมัน ปลาปักเป้ามีรสชาติสดอร่อย เนื้ออ่อนนุ่ม มคล้ายเนื้อปู แต่กลับเคี้ยวสนุกกว่า รสชาติของมันนั้นเรียกได้ว่าลืมไม่ลง
เมื่อครั้งโบราณกาล มีคำกล่าวถึงผู้ที่ยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อกินเนื้อปลาปักเป้าอยู่เช่นกัน ว่ากันว่าแม้จะต้องตายด้วยพิษของปลาปักเป้า แต่ความตายนั้นก็ช่างคุ้มค่ายิ่ง
แต่เหตุผลที่มีคนเสียชีวิตจากพิษของปลาปักเป้าหลังจากกินมันเข้าไป เป็นเพราะปลานั้นไม่ได้รับการเตรียมอย่างถูกวิธี
ยกตัวอย่างเช่น พ่อครัวแม่ครัวที่ทำอาหารไม่ได้นำเลือดของปลาออกมาจดหมด หรือไม่ได้นำอวัยวะภายในออกมาอย่างถูกต้อง จึงทำให้พิษซึมเข้าไปในเนื้อ และทำให้คนที่กินเข้าไปต้องถึ งแก่ความตาย
พอปู้ฟางเตรียมเนื้อปลาอย่างถูกต้องเสร็จเรียบร้อย ปลาปักเป้าจันทร์ดับก็ไม่มีพิษหลงเหลืออยู่ภายในอีก ด้วยเหตุนี้เขาจึงเริ่มทำอาหารได้อย่างสบายใจ
เขาวางเนื้อปลาปักเป้าลงบนถาดกระเบื้อง จากนั้นก็หยิบสุราหัวใจหยกเยือกแข็งออกมาหนึ่งเหยือก แล้วพรมสุราลงบนเนื้อปลาในถาด จากนั้นก็หมักเนื้อปลาไว้ในสุรา สุราหัวใจหย ยกเยือกแข็งสว่างเป็นประกาย ใสสะอาดไร้สี พอพรมลงบนเนื้อปลา สุราก็เริ่มซึมเข้าเนื้อปลาทันที ขั้นตอนนี้เป็นส่วนสำคัญที่ขาดไม่ได้ นั่นเพราะหากนำเนื้อปลาปักเป้าไปแช่สุรา กล ลิ่นของเนื้อจะเข้มข้นขึ้น และรสชาติก็จะอร่อยขึ้นด้วยเช่นกัน
พอหมักปลาในสุราเรียบร้อย ปู้ฟางก็เริ่มเตรียมสิ่งอื่น
เขาเทน้ำจากทะเลสาบเทือกเขาปราณสวรรค์ใส่กระทะอีกครั้ง แล้วเร่งความร้อนของหมื่นไฟประลัยกัลป์ให้แรงขึ้น เปลวเพลิงส่องสว่างเจิดจ้า ทำให้น้ำในกระทะเดือดปุดอย่างรวดเร็ว
ไอน้ำหนาลอยขึ้นจากกระทะกลุ่มดาวเต่าดำ ไอน้ำนั้นทำให้ใครก็ตามที่ได้สูดเข้าไปรู้สึกสดชื่นสบายกายไปทั้งตัว
พอน้ำเริ่มเดือด ปู้ฟางก็เดินไปยังบริเวณที่มีวัตถุดิบวางอยู่ แล้วหยิบสมุนไพรพลังปราณออกมาสองสามชนิด จากนั้นก็บีบน้ำสมุนไพรลงบนเนื้อปลาปักเป้า
ทันทีที่น้ำสีเขียวไหลรินลงบนถาดเข้าไปผสมกับสุราหัวใจหยกเยือกแข็ง มันก็เริ่มซึมเข้าเนื้อปลาทันที
ปู้ฟางเอามืออังเหนือถาดกระเบื้อง พลังปราณค่อยๆ ไหลออกจากมือเพื่อเข้าไปควบคุมน้ำสมุนไพร พอน้ำสมุนไพรซึมเข้าเนื้อปลาเรียบร้อย เนื้อปลาก็ค่อยๆ ลดความมันวาวลง
พอจัดการเสร็จ ชายหนุ่มก็หยิบเนื้อปลาปักเป้าออกจากถาดกระเบื้องที่เต็มไปด้วยสุราหัวใจหยกเยือกแข็ง
เขานำปลาไปล้างด้วยน้ำจากทะเลสาบเทือกเขาปราณสวรรค์ พอล้างเสร็จ น้ำในกระทะก็เดือดได้ที่พอดี
อวี่ฝูที่ยืนอยู่ไม่ไกลพอเห็นการจัดการที่ดูเป็นธรรมชาติเหมือนไม่ต้องคิดของปู้ฟางก็ต้องเบิกตากว้าง ดวงตาทั้งสองข้างของนางเต็มไปด้วยความชื่นชมเปี่ยมล้น
เถ้าแก่ปู้จับเวลาในการเตรียมวัตถุดิบแต่ละชนิดได้อย่างแม่นยำ นี่เป็นสิ่งที่อวี่ฝูอยากเรียนรู้เป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากหากเตรียมวัตถุดิบนานไป คุณภาพของวัตถุดิบจะเปลี่ยนไปและ ทำให้รสชาติแย่ลง แต่หากเตรียมไม่นานพอ รสชาติก็จะแสดงออกมาได้ไม่เต็มที่ ด้วยเหตุนี้การรู้อย่างชัดเจนว่าต้องใช้เวลาในการเตรียมวัตถุดิบนั้นๆ เท่าไรจึงเป็นทักษะที่ควรมี
ขณะที่ปู้ฟางกำลังเพ่งสมาธิไปที่การทำอาหาร อวี่ฝูก็หันมองหนังปลาปักเป้าซึ่งวางอยู่บนเตา นางจึงขยับตัวเพื่อจะไปยกมันออก
ทว่าทันทีที่นางจับหนังปลาขึ้นมา ปู้ฟางก็หันหน้ามาพลางพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “วางลง”
อวี่ฝูตกใจทันทีที่ได้ยิน หนังปลานี้มีประโยชน์ด้วยหรือนี่
“อย่าทำอะไรตามใจโดยที่ข้าไม่ได้บอก...” เสียงนิ่งๆ ของชายหนุ่มแฝงแววตำหนิเล็กน้อย
อวี่ฝูตกใจแต่ก็พยักหน้า นางรู้แล้วว่าตนเองทำพลาดไป
หนังปลาปักเป้าใช้ประโยชน์ได้รึเปล่าน่ะหรือ แน่นอนอยู่แล้วว่าต้องได้ และจัดเป็นส่วนประกอบสำคัญของอาหารจานนี้เลยทีเดียว
น้ำในกระทะเดือดปุดๆ ปู้ฟางจึงวางเนื้อปลาปักเป้าลงในกระทะอย่างระมัดระวัง เขารอจนเนื้อปลาสุกและเริ่มส่องประกายระยิบระยับเล็กน้อย ก่อนจะตักมันออกมาพักไว้ในถาด
จากนั้นชายหนุ่มก็เทน้ำร้อนทั้งหมดทิ้งไป
อวี่ฝูสังเกตการกระทำทุกอย่างของปู้ฟางอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยดวงตาเบิกโต
ปู้ฟางติดกระทะกลุ่มดาวเต่าดำให้ร้อนขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยความที่จิตของเขาประสานเป็นหนึ่งเดียวกับกระทะ จึงทำให้รู้ว่าขณะนี้อุณหภูมิของกระทะสูงหรือต่ำเพียงใด เขาเทน้ำมันลง งในกระทะ จากนั้นก็เทสมุนไพรที่เพิ่งเตรียมเสร็จลงไปแล้วเริ่มผัด
เสียงฉ่าดังลั่นไปทั่ว สมุนไพรพลังปราณถูกผัดจนเริ่มส่งกลิ่นหอม
กลิ่นดังกล่าวไม่ได้เข้มข้น แต่เป็นกลิ่นหอมหวานที่ทำให้รู้สึกสบายใจ
ปู้ฟางใช้คุณสมบัติของสมุนไพรชนิดนี้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยเลยทีเดียว
ชายหนุ่มวางเนื้อปลาปักเป้าลวกลงในกระทะ ทันทีที่เนื้อปลาสัมผัสกระทะร้อนฉ่า กลิ่นหอมก็เริ่มโชยออกมา
กลิ่นดังกล่าวมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่น้อย และดูเหมือนจะสามารถทะลุทะลวงจิตใจของคนที่ได้สูดดมเข้าไป ทำให้จำได้ไม่รู้ลืม
อวี่ฝูสูดลมหายใจเข้าปอด ใบหน้าดูปลื้มปริ่มกับกลิ่นหอมเกินบรรยาย
ปู้ฟางเทน้ำแกงที่เตรียมไว้ลงในกระทะจนท่วมเนื้อปลาปักเป้า จากนั้นก็หยิบมงกุฎเลือดออกมาจากกระเป๋าคลังเก็บ หั่นชิ้นเล็กๆ ออกมาแล้วสับจนละเอียด ก่อนจะใส่ลงในกระทะ
มงกุฎเลือดเป็นวัตถุดิบปรุงรสชั้นเยี่ยมที่ปู้ฟางชอบใช้ เพราะมันทำให้กลิ่นของอาหารจานนั้นเข้มข้นขึ้น และยังมีพลังชีวิตปริมาณมหาศาลที่อัดแน่นอยู่ภายใน ซึ่งทำให้ทั้งรสชาติ และกลิ่นของอาหารดีขึ้นด้วย
ขณะที่อาหารในกระทะกำลังถูกปรุงอยู่นั้น พลังปราณเที่ยงแท้ของปู้ฟางก็เปลี่ยนสภาพไปเป็นเส้นไหมนับไม่ถ้วนที่เจาะเข้าไปในกระทะกลุ่มดาวเต่าดำ แล้วเริ่มจับความเปลี่ยนแปลงของว วัตถุดิบในกระทะ
อาหารจานนี้ต้องใช้ความละเอียดอ่อนห้ามคลาดสายตาแม้แต่น้อย เพราะหากพลาดไปแม้แต่จุดเดียว เนื้อปลาปักเป้าอาจแข็งเกินไปจนทำให้รสสัมผัสแย่ และพานทำให้อาหารจานนี้หมดอร่อยไ ได้เลยทีเดียว หากพลาดแม้แต่น้อยทุกอย่างจะดิ่งลงเหวแน่นอน
หากปู้ฟางทำอาหารจานนี้อย่างถูกต้อง มันจะกลายเป็นอาหารชั้นเลิศที่ยากหาสิ่งใดเทียบเทียม แต่ถ้าทำออกมาได้ไม่ดีพอ ก็จะกลายเป็นอาหารดาษดื่นธรรมดาทั่วไป
ปู้ฟางไม่กล้าว่อกแว่กแม้แต่อึดใจเดียว สีหน้าของชายหนุ่มเคร่งขรึมจริงจังเป็นอย่างมาก
แม้แต่อวี่ฝูเองก็ไม่กล้าหายใจเสียงดัง นางนิ่งเงียบ ดวงตาจับจ้องปู้ฟางอย่างตั้งใจ
ตอนนั้นเองกุ้งตั๊กแตนสีทองที่ยืนเงียบอยู่บนไหล่ของปู้ฟางก็กลอกตาพลางยกก้ามขึ้น จากนั้นก็เริ่มขยับขาจำนวนมากของมันไปมา
ปู้ฟางตั้งสติจดจ่ออยู่ที่อาหารจึงไม่เห็นสิ่งที่กุ้งทำ
กุ้งตั๊กแตนสีทองจ้องน้ำแกงในกระทะที่ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงเรืองรอง ดวงตาของมันดูงุนงงพอตัว จากนั้นมันก็เริ่มเดินลงจากไหล่ของชายหนุ่ม
ทันใดนั้นมันก็ดีดตัวขึ้น ปล่อยสายสีทองระยิบระยับไปตามทางในอากาศ มันโบกก้ามของตนเองไปมาพลางกลอกตาโตๆ ไม่หยุด
ตอนนั้นเองเสียง ‘จ๋อม’ ก็ดังก้องไปทั่วครัว
น้ำแกงกลิ่นหอมกระจายไปทั่วบริเวณทันที ทำเอาปู้ฟางที่กำลังจดจ่ออยู่กับอาหารสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ
“เกิดอะไรขึ้น เจ้ากุ้ง เจ้าทำอะไรน่ะ”
สีหน้าของปู้ฟางเคร่งเครียดขึ้นมาในบัดดล เขาไม่คาดคิดว่ากุ้งตั๊กแตนสีทองที่สงบเสงี่ยมมาตลอดจะต้อนเขาจนตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากด้วยการกระทำของมัน
เจ้ากุ้งกระโดดออกจากไหล่ปู้ฟาง หมุนตัวหนึ่งตลบกลางอากาศ ก่อนจะพุ่งหลาวลงไปในน้ำแกงอย่างสวยงาม… นี่เจ้าคิดว่านั่นเป็นสระว่ายน้ำหรือ
ใบหน้าของปู้ฟางมืดมนลงทันที
อวี่ฝูอ้าปากค้างด้วยความตกใจกับสิ่งที่ตนเองเพิ่งเห็นเข้าไปเต็มตา
นี่เป็นครั้งแรกที่นางเห็นวัตถุดิบกระโดดลงหม้อไปเอง ช่างน่าตกใจอะไรเช่นนี้
ร่างของเจ้ากุ้งเป็นประกาย มันยกก้ามทั้งสองข้างขึ้นมาพลางหรี่ตา ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความพึงพอใจ มันแหวก
ว่ายวนไปเวียนมาแล้วดำลึกลงไปในน้ำแกง
ปู้ฟางงุนงงเป็นอันมาก เจ้ากุ้งนี่กำลังอาบน้ำอุ่นสบายกายในน้ำแกงเช่นนั้นหรือ
ตอนนั้นเองปู้ฟางที่กำลังเชื่อมจิตกับกระทะกลุ่มดาวเต่าดำก็หรี่ตาลง
เขารู้สึกได้ถึงกระแสพลังประหลาดที่เจ้ากุ้งแผ่ออกมา ลำแสงสีทองเรืองรองกระจายออกจากตัวกุ้งตั๊กแตนสีทองแล้วไหลเข้าสู่น้ำแกง ซึมเข้าเนื้อปลาปักเป้าแล้วทำให้มันนุ่มยิ่งขึ้น อย่างเหนือความคาดหมาย
ปู้ฟางทำหน้าปูเลี่ยน เจ้ากุ้งนี่มีความสามารถเช่นนี้ด้วยหรือ
แต่เขาก็ไม่ปล่อยให้มันอาบน้ำในกระทะอยู่นาน เพราะยิ่งมันอาบนาน ก็ยิ่งปล่อยลำแสงสีทองออกมามากขึ้นเท่านั้น
และลำแสงสีทองที่มากเกินไป…ก็ไม่ใช่เรื่องดีแต่อย่างใด
ด้วยเหตุนี้ชายหนุ่มจึงใช้พลังปราณของตนช้อนกุ้งออกมาจากน้ำแกง
กุ้งตั๊กแตนสีทองดูไม่พอใจกับการกระทำอุกอาจนี้เท่าไรนัก มันงอตัวลงแล้วขยับขาเล็กๆ ไปมา
“อย่าสร้างเรื่องอีก หากเจ้าไม่หยุดข้าจะเปลี่ยนใจไม่เอาเจ้ามาทำวัตถุดิบรองแล้ว แต่จะเปลี่ยนไปเป็นวัตถุดิบหลักแทน”
ปู้ฟางยกกุ้งตัวเล็กขึ้นพลางพูดด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง
ดูเหมือนเจ้ากุ้งจะเข้าใจสิ่งที่ปู้ฟางพูด ตัวของมันแข็งทื่อพลางแกล้งตายขึ้นมาทันที
ปู้ฟางโยนเจ้ากุ้งที่ยังคงแกล้งทำเป็นตายกลับไปบนไหล่ แล้วหันมาสนใจวัตถุดิบในกระทะต่อ เหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ทำให้ชายหนุ่มพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
ปู้ฟางหยิบหนังปลาปักเป้าขึ้นมาแล้วสะบัดมีดเพื่อบั้งมันอย่างสวยงาม จากนั้นก็โยนหนังปลาลงไปในน้ำแกง
เปลวเพลิงทวีความร้อนแรงขึ้นพร้อมเสียงดังลั่น ลุกท่วมรอบกระทะพลางเปล่งแสงไฟเจิดจ้าออกมา
ไม่นานนักน้ำแกงก็เริ่มเดือดส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่ว
กลิ่นนั้นทั้งเข้มข้น หอมหวน และกลมกล่อมในเวลาเดียวกัน เจือกลิ่นสุราบางๆ ทั้งยังเปี่ยมล้นไปด้วยพลังชีวิตและกลิ่นของปลาปักเป้า ส่วนประกอบทั้งหมดนี้รวมกันเป็นกลิ่นอาหารหอม มหวนจนทำให้รู้สึกเหมือนกำลังเมามาย สะกดใจทุกคนได้อย่างอยู่หมัด
กลิ่นหอมเข้มลอยออกจากห้องครัว เมื่อบรรดามนุษย์อสรพิษที่นั่งอยู่แถวนั้นได้กลิ่นหอมเกินบรรยายนี้ก็ทำจมูกฟุดฟิดทันที
“หอมเหลือเกิน!”
“นี่มันกลิ่นอะไรกัน เหตุใดจึงหอมถึงเพียงนี้”
“ข้าอยู่มานานแล้วแต่ยังไม่เคยได้กลิ่นหอมขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิต กลิ่นนี้เหมือนจะตราตรึงเข้าไปในจิตใจ ทำให้รู้สึกถวิลหาอย่างรุนแรง”
“อ้า! ข้าทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว!”
กลิ่นอาหารปลุกความหิวของทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้นขึ้นมา พวกเขาเริ่มชะโงกมองซ้ายมองขวาพร้อมเอามือจับหูจับแก้มตนเองไปด้วย แม้แต่ผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพอย่างประมุขอสรพิษก ก็ยังจึ๊ปากพลางมองไปที่ครัวด้วยสายตาคาดหวัง
นางไม่คาดคิดว่ากลิ่นที่ลอยออกจากครัวจะหอมถึงเพียงนี้
ประมุขอสรพิษไม่แปลกใจอีกต่อไปว่าเหตุใดอูมู่จึงเชิดชูสรรเสริญพรสวรรค์ในการทำอาหารของมนุษย์ผู้นั้น… นางประจักษ์แล้วว่ามันยอดเยี่ยมเกินบรรยายจริงๆ
เมื่อได้กลิ่นอาหารหอมเข้าไป บรรดาพ่อครัวแม่ครัวหลวงแห่งนครมหาอสรพิษก็รู้สึกได้ว่าตนเองพ่ายแพ้หลุดลุ่ย ไม่จำเป็นต้องรอชิมด้วยซ้ำ เพียงแค่กลิ่นก็ทำเอาพวกเขาแพ้ไม่เป็นท่าแ แล้ว
ดวงตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังหลายคู่จดจ้องไปที่ห้องครัว
ไม่นานช่วงเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง ประตูห้องครัวที่ก่อนหน้านี้ปิดสนิทค่อยๆ เปิดออก กลิ่นที่ถูกกักเก็บไว้ข้างในพลันระเบิดออกมาด้วย
กลิ่นที่พุ่งออกมานั้นเข้มข้นมากเสียจนทำให้เกิดกระแสลมกระโชกแรง จนทำให้คนมากมายในที่แห่งนี้ลืมตาไม่ขึ้นด้วยซ้ำ
แต่พวกเขาก็ต่างดมกลิ่นอาหารหอมในอากาศอย่างบ้าคลั่งด้วยใจที่รู้สึกสุขยิ่ง