ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD - บทที่ 401 เนื้อปลาปักเป้า อาหารชั้นเลิศที่ยากหาสิ่งใดเทียบเทียม
- Home
- ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD
- บทที่ 401 เนื้อปลาปักเป้า อาหารชั้นเลิศที่ยากหาสิ่งใดเทียบเทียม
หลังจากพ่ายแพ้ บรรดาชาวสมุทรก็โต้คลื่นกลับไปยังที่ที่ตนเองจากมา ทิ้งผู้ฝึกตนจากสำนักมหาพิภพที่กำลังกู่ร้องด้วยความดีใจเอาไว้เบื้องหลัง
ใบหน้าของบรรดาศิษย์ที่ยืนอยู่บนยานรบโลหะลำมหึมาดูตื่นเต้นเป็นอันมาก ผู้บัญชาการเฟิงทำสำเร็จแล้ว เขาเอาชนะยอดฝีมือชาวสมุทรตนนั้นได้ และครอบครองสมบัติภายในเหมืองได้สำ ำเร็จ
พอพวกเขากลับไปยังสำนักมหาพิภพ พวกเขาย่อมได้ของที่จะนำมาช่วยพัฒนาขั้นปราณเป็นรางวัลอย่างแน่นอน
ทุกคนมั่นใจในตัวผู้บัญชาการเฟิงมาก เขาเป็นผู้ฝึกตนชั้นกายาศักดิ์สิทธิ์ที่มีพลังปราณแก่กล้า แล้วจะมีเหตุเหนือความคาดหมายเกิดขึ้นกับเขาในเหมืองของสนามฝึกซ้อมได้อย่างไร นอกจากนี้ผู้บัญชาการเฟิงยังโค่นผู้ฝึกตนขั้นเทพศักดิ์สิทธิ์ชาวสมุทรสำเร็จด้วย จะมีใครมาขวางทางผู้บัญชาการเฟิงไม่ให้ครอบครองสมบัติได้อีก
พวกเขายืนรออยู่บนดาดฟ้าของยานรบ พลางมองไปที่ปากทางเข้าเหมืองอย่างใจจดใจจ่อ รอให้ผู้บัญชาการเฟิงออกมาจากเหมืองอย่างองอาจ
ความตื่นเต้นของพวกเขาพุ่งขึ้นจนถึงจุดสูงสุด แทบจะเรียกได้ว่าบ้าคลั่งเลยทีเดียว
แต่ผ่านไปไม่นานสีหน้าของศิษย์จากสำนักมหาพิภพที่ยืนอยู่บนยานรบก็เริ่มเปลี่ยนเป็นตึงเครียด พวกเขารอมาสักพักแล้ว แต่ผู้บัญชาการเฟิงก็ยังไม่กลับออกมาจากเหมืองเสียที
“หรือเขาจะเจออุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันเข้า” หนึ่งในกลุ่มศิษย์เดา
แต่ก็ถูกศิษย์อีกคนโต้กลับอย่างรวดเร็ว
“ผู้บัญชาการเฟิงเป็นผู้ฝึกตนขั้นเทพศักดิ์สิทธิ์เชียวนะ คนเช่นนั้นจะไปเจออุบัติเหตุอะไรได้ ที่นี่เป็นแค่สนามฝึกซ้อมต่ำต้อย ผู้ฝึกตนที่มีปราณระดับสิบสามารถทำลายที่แห่งนี ให้เหี้ยนได้ง่ายๆ ด้วยซ้ำ”
แต่ยิ่งพยายามสวนกลับมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งเกิดความไม่มั่นใจขึ้นมาเองมากเท่านั้น
ทุกคนยังคงรอต่อไป เวลาผ่านไปเนิ่นนานจนหลายคนเริ่มรอไม่ไหว ผู้บัญชาการเฟิงยังไม่ออกมาเสียที หรือเขาจะเจออุบัติเหตุเข้าจริงๆ
ผู้ฝึกตนชาวสมุทรผู้นั้นถึงจะบาดเจ็บสาหัสก็ยังออกมาได้ แล้วอะไรเป็นอุปสรรคทำให้ผู้บัญชาการเฟิงล่าช้าถึงขนาดนี้
พวกเขาเริ่มหารือกันเอง จากนั้นผู้ฝึกตนจากสำนักมหาพิภพก็พากันกรูออกจากยานรบ พุ่งตรงไปยังเหมืองผลึก พวกเขาระมัดระวังเป็นอย่างมาก เนื่องจากในเหมืองเต็มไปด้วยอันตรายมากมาย ทุกคนจึงไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย พอเข้าเหมืองไปแล้ว บรรดาศิษย์ก็เดินตรงไปเรื่อยๆ อย่างช้าๆ คอยระมัดระวังภัยที่อาจเกิดขึ้นรอบตัว
พอเดินไปได้สักพัก พวกเขาก็เร่งฝีเท้าขึ้น จนมาถึงรอยแยกในที่สุด
ทุกคนเข้าไปในรอยแยกนั้นแล้วเดินลึกไปจนถึงถ้ำ แล้วก็เห็นผู้บัญชาการเฟิงที่อยู่ในถ้ำพอดี เมื่อพวกเขาเห็นผู้นำของตน ความตื่นเต้นก็เหือดหายไปจากใบหน้า แปรเปลี่ยนเป็นความประหล ลาดใจ จากนั้นก็กลายไปเป็นความหวาดกลัวอย่างรวดเร็ว
“ผู้…ผู้บัญชาการเฟิงสิ้นชีพแล้วรึ”
…..
ประตูห้องครัวเปิดออกช้าๆ กลิ่นหอมเข้มข้นชวนเมามายลอยออกมาจากห้องครัว กลิ่นนั้นไม่ต่างอะไรจากสายน้ำเชี่ยวกรากที่ถูกเก็บอยู่หลังประตูกั้นน้ำเป็นเวลานาน ทันทีที่ประตูเปิด ดมันก็ไหลทะลักออกมา
พอกลิ่นดังกล่าวพุ่งออกจากห้องครัว มันก็เข้าท่วมไปทั้งวัง ทุกคนที่อยู่ที่นี่ทั้งตื่นตกใจและดื่มด่ำไปกับกลิ่นอาหารหอมในเวลาเดียวกัน จนอดไม่ได้ที่จะหันไปมองทางห้องครัวทั นที
ชายร่างผอมเพรียวเดินออกจากห้องครัวมาพร้อมชามกระเบื้องขนาดใหญ่ในมือ
อวี่ฝูเดินตามอีกฝ่ายมาติดๆ ดวงตากลมโตของนางเต็มไปด้วยความชื่นชม
‘ทักษะการทำอาหารของเถ้าแก่ปู้ยอดเยี่ยมกว่าข้าชนิดไม่ทิ้งฝุ่น ข้ายังต้องศึกษาจากเขาอีกมากนัก’
อูมู่ ประมุขอสรพิษ และคนอื่นๆ มองชามในมือปู้ฟางที่มีควันฉุยออกมา กลิ่นหอมชวนมึนเมาลอยออกจากชามอยู่ตลอดเวลา
“เถ้าแก่ปู้ นี่อาหารจานที่ท่านทำหรือ หอมดีแท้…”
อูมู่อุทานด้วยความชื่นชม เขาเคยกินอาหารฝีมือปู้ฟางมาก่อนตอนไปเยือนร้านของชายหนุ่ม คำชมนี้จึงออกมาจากใจจริง
แม้ประมุขอสรพิษจะไม่อยากยอมรับผลลัพธ์นี้ แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธกลิ่นหอมหวนที่ทุกคนกำลังสูดเข้าไปได้ ทำให้นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมรับในความยอดเยี่ยมของอีกฝ่ายแม้จะไม ม่พอใจก็ตาม
ส่วนบรรดาพ่อครัวแม่ครัวหลวงต่างงงเป็นไก่ตาแตก กลิ่นที่พวกเขากำลังสูดดมเข้าไปก้าวข้ามความรู้เรื่องการทำอาหารของพวกเขาไปไกลชนิดจินตนาการไม่ออก พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าจะมีคน นที่สามารถทำอาหารที่มีกลิ่นหอมถึงเพียงนี้ออกมาได้
แต่หนึ่งในนั้นก็เรียกสติตนเองกลับมาได้ ก่อนจะรีบส่ายหน้าพลางเอื้อนเอ่ย “นี่มันไม่ถูกต้อง! เป็นไปไม่ได้…อาหารที่ใช้ปลาต้องสาปมาทำจะมีกลิ่นหอมเช่นนี้ได้อย่างไร แถมปลานี้ ยังมีพิษไม่ควรนำมากินอีกด้วย”
พอบรรดาพ่อครัวแม่ครัวที่กำลังมึนเมากับกลิ่นหอมของอาหารได้ยินคำพูดนี้ พวกเขาก็พยักหน้าเห็นด้วยทันที
ปู้ฟางที่ในมือถือชามกระเบื้องปรายตามองพ่อครัวผู้นั้น แต่ก็รู้สึกขี้เกียจเกินกว่าจะตอบคำ
ชายหนุ่มวางชามกระเบื้องลงบนโต๊ะที่ตั้งอยู่หน้าห้องครัว จากนั้นทุกคนก็กรูกันเข้ามาล้อมโต๊ะตัวนั้นเอาไว้
“ก่อนหน้านี้ข้าบอกว่าพอทำเสร็จจะให้ชิม พวกเจ้าอยากลองชิมสักนิดหรือไม่” ปู้ฟางมองอูมู่และประมุขอสรพิษก่อนเอ่ยถาม
ทั้งสองชะงักไปแล้วเริ่มลังเลใจขึ้นมา ที่ลังเลเป็นเพราะปู้ฟางบอกว่าปลาชนิดนี้มีพิษที่แรงพอจะทำให้ผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพตายได้ แน่นอนว่าพอได้ยินดังนั้นพวกเขาก็รู้สึกกล ลัวปลาชนิดนี้ เพราะทั้งสองเป็นผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพ จะกินอาหารที่อาจทำให้ตนเองตายอย่างสุ่มสี่สุ่มห้าได้อย่างไร
ปู้ฟางมองทั้งสองที่ยังลังเลอยู่แล้วก็ไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงแต่ยิ้มมุมปากเล็กน้อยเท่านั้น
ตะเกียบคู่หนึ่งปรากฏขึ้นในมือชายหนุ่มจากที่ใดก็ไม่ทราบได้ เขาส่งตะเกียบนั้นให้อวี่ฝู เพื่อที่นางจะได้ใช้ตะเกียบคีบเนื้อปลามาลองชิม ส่วนตัวเขานั้นใช้มือหยิบเนื้อปลาป ปักเป้าขึ้นมาแทน
เนื้อปลาปักเป้าอ่อนนุ่มและเป็นสีขาวเนียน ส่วนน้ำแกงเป็นสีแดงพรั่งพร้อมด้วยพลังชีวิตหนาแน่น
พอชายหนุ่มหยิบเนื้อปลาปักเป้าขึ้นมา น้ำชุ่มฉ่ำจากเนื้อปลาก็ไหลลงไปในชาม ทำให้กลิ่นหอมทวีความรุนแรงขึ้นอีก
ปู้ฟางหยีตาพลางสูดเอากลิ่นหอมเข้าไปเต็มปอด หน้าตาเหมือนกำลังมึนเมาเพราะกลิ่นหอมดังกล่าว
ชายหนุ่มยัดเนื้ออ่อนนุ่มของปลาปักเป้าเข้าปาก
กลิ่นที่คล้ายกลิ่นเนื้อปูผสมกับไข่ลอยออกจากปาก กลิ่นดังกล่าวเป็นการผสมผสานกลิ่นอาหารหลายชนิดเข้าด้วยกัน มันคุกรุ่นอยู่ในปากของปู้ฟางและเข้านวดเฟ้นต่อมรับรสของเขาทัน นที กลิ่นที่พุ่งเข้าใส่ต่อมรับรสทำเอารูขุมขนในกายชายหนุ่มเปิดออกอย่างไม่ทันตั้งตัว ทันทีที่เนื้อนุ่มของปลาปักเป้าสัมผัสภายในปาก รสสัมผัสที่ได้ก็ทำให้เขาประทับใจไม่ร รู้ลืม
เขาปรุงอาหารจากเนื้อปลาปักเป้าได้อย่างสมบูรณ์แบบ เนื้อไม่แข็งเลยแม้แต่น้อย แต่กลับอ่อนนุ่มเป็นอันมาก ความสดของเนื้อปลาถูกรักษาเอาไว้ได้อย่างไร้ที่ติ
รสชาติหวานสดของเนื้อปลาไหลลงลำคอของปู้ฟางเข้าไปในท้อง แล้วเหมือนจะปล่อยแสงเรืองรองออกมา ส่งลำแสงให้แทรกซึมไปตามผิวของชายหนุ่ม จนร่างกายสว่างเรืองไปทั่ว
แน่นอนว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงภาพมายาที่มีเพียงเขาเท่านั้นที่เห็น
ปู้ฟางตกใจเล็กน้อย รสชาติของเนื้อปลาปักเป้าเกินความคาดหมายของเขาไปมาก เขาอดก้มหน้าลงมองเจ้ากุ้งที่กำลังนั่งกลอกตาอยู่บนไหล่ของตัวเองไม่ได้
เป็นเพราะเจ้ากุ้งหรอกหรือนี่
ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจ้อยนี่จะสามารถเพิ่มความสดใหม่ให้อาหารได้ สิ่งมีชีวิตเช่นนี้เปรียบเสมือนขุมสมบัติสำหรับปู้ฟางเลยทีเดียว
อวี่ฝูตักน้ำแกงขึ้นใส่ชามแล้วคีบเนื้อปลาปักเป้าเข้าปาก รสชาติที่กระจายอยู่ในปากมัดใจนางได้อยู่หมัดทันที นางไม่เคยกินอาหารที่อร่อยถึงเพียงนี้มาก่อน อาหารจานนี้อร่อยก กว่าทุกจานที่อยู่ในรายการของร้านเล็กๆ ของฟางฟาง เรียกได้ว่าตราตรึงใจนางไม่รู้ลืมเลยทีเดียว
อาหารจานหนึ่งอร่อยได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ
ก่อนหน้านี้นางคิดว่าอาหารของร้านเล็กๆ ของฟางฟางเป็นจุดสูงสุดของอาหารรสเลิศในโลกหล้าแล้ว นางไม่คาดคิดแม้แต่น้อยว่าจะมีอะไรอร่อยไปกว่านั้นได้อีก
หญิงสาวยกชามเล็กขึ้นจดริมฝีปากสีแดงเรื่อ ไอน้ำขาวลอยขึ้นจากชาม ทำให้สายตาของนางพร่ามัวเล็กน้อย อวี่ฝูจิบน้ำแกงแล้วดวงตาก็พลันเบิกกว้าง น้ำแกงนี้อร่อยเหลือเชื่อ!
พอซดน้ำแกงหมด นางก็รู้สึกราวกับร่างกายร้อนระอุขึ้นมา น้ำแกงนี้ตราตรึงใจนางไม่รู้ลืมจนถึงขั้นทำให้นางรู้สึกเหมือนกำลังเมามายเลยทีเดียว
ปู้ฟางกินเนื้อปลาปักเป้าชิ้นแล้วชิ้นเล่าด้วยสีหน้าสุขใจ
พออูมู่และประมุขอสรพิษเห็นทั้งสองกินอาหารด้วยสีหน้าเหมือนต้องมนตร์ ก็เริ่มอยากกินขึ้นมาบ้าง
เมื่อเห็นว่าปู้ฟางกินอาหารจานนี้ได้นานสองนานโดยไม่เป็นอะไร แปลว่าเนื้อปลาปักเป้านี้กินได้ หากมีพิษหลงเหลืออยู่จริง ปู้ฟางคงจะตายคาที่ไปนานแล้ว
อูมู่ตักน้ำแกงใส่ชามแล้วคีบเนื้อปลาปักเป้าขึ้นมาด้วย
พอได้ซดน้ำแกงเข้าไป ดวงตาของเขาก็สว่างเรืองขึ้นมา เขารู้สึกราวกับว่ารูขุมขนทั่วทั้งร่างแทบจะระเบิดออกมา ประสบการณ์นี้อธิบายได้คำเดียวว่า ‘เป็นสุขล้น’
“อาหารของเถ้าแก่ปู้…เป็นอาหารชั้นเลิศคุณภาพเยี่ยมที่สุดในโลกหล้าจริงๆ” อูมู่เอ่ยชมจากใจจริง
หลังจากที่ประมุขอสรพิษได้ชิมเข้าไปเต็มคำ นางก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปจึงตั้งหน้าตั้งตากินไม่หยุดปาก นางไม่เคยกินอาหารที่อร่อยถึงเพียงนี้มาก่อนในชีวิต ปู้ฟางกับครัวหลวงของนางนั นฝีมือห่างชั้นกันจนเทียบไม่ติดเลยทีเดียว
ปู้ฟางซดน้ำแกงอึกสุดท้ายต่อหน้าคนมากมายที่เฝ้าดูด้วยสายตาอยากลองชิม เขาวางชามลงแล้วเอามือลูบท้อง รู้สึกอิ่มสบายเป็นอันมาก จากนั้นก็พ่นลมร้อนออกจากปาก
พอชายหนุ่มซดน้ำแกงหมดชาม ระบบก็ประกาศขึ้นมาในศีรษะ
“ขอแสดงความยินดีกับนายท่านที่ทำภารกิจ: นำวัตถุดิบล้ำค่าจากเหมืองผลึกใหญ่มาประกอบอาหารได้สำเร็จลุล่วงด้วยดี รางวัลจากระบบ: ความคืบหน้าของพลังปราณเที่ยงแท้ร้อยละ 20”
เมื่อได้ยินเสียงประกาศจากระบบ ปู้ฟางก็อดไม่ได้ที่จะหยีตาด้วยความเปรมปรีดิ์
แม้ระบบจะยังไม่ออกรางวัลให้ในตอนนี้ แต่ชายหนุ่มก็รู้สึกตื่นเต้นอยู่ดี เขาเดาว่าหลังจากที่ระบบออกรางวัลให้ ขั้นปราณของเขาจะคืบหน้าและบรรลุสู่ระดับแปดขั้นเทพแห่งสงครามใ ในที่สุด เมื่อบรรลุปราณสำเร็จ ทักษะการต่อสู้ของเขาจะพัฒนาขึ้นมาก ทั้งยังสามารถเตรียมวัตถุดิบได้ง่ายดายและสมบูรณ์แบบมากขึ้นด้วย
ปู้ฟางไม่ได้รู้สึกกระวนกระวายแม้แต่น้อยที่ยังไม่ได้รับรางวัล เขารู้ว่าระบบจะออกรางวัลให้เมื่อกลับถึงร้านแล้ว หลังจากที่ตื่นเต้นอยู่พักหนึ่ง เขาก็สงบจิตใจตนเองลงได้ในที่ สุด
พอได้กินอาหารฝีมือปู้ฟาง สายตาของประมุขอสรพิษที่มองชายหนุ่มก็เปลี่ยนไป นางรู้สึกได้ถึงความร้อนที่ระอุอยู่ในท้อง ดูเหมือนว่าต้นตอความร้อนดังกล่าวกำลังปล่อยพลังปราณให้แท ทรกซึมไปทั่วร่างของนาง ทำให้ระดับพลังปราณพัฒนาขึ้นเล็กน้อย
อวี่ฝูกำลังศึกษาศาสตร์การทำอาหารจากพ่อครัวฝีมือฉมังผู้นี้หรือ เช่นนี้จะเรียกได้ว่าอนาคตไกลก็ไม่ผิดนัก
วิธีการทำอาหารของเถ้าแก่ปู้น่าประทับใจและลึกลับยิ่งกว่าเหล่านักเล่นแร่แปรธาตุเสียอีก คนผู้นี้มองข้ามไม่ได้เลยทีเดียว
อูมู่กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่แล้วผู้ฝึกตนจากสำนักเมฆาขาวก็รีบรุดเข้ามากระซิบที่ข้างหู ไม่มีใครรู้ว่าเป็นเรื่องอะไร แต่ก็ทำให้สีหน้าของอูมู่เคร่งขรึมขึ้นมาทันที เขา ารีบบอกลาปู้ฟางแล้วจากไปอย่างร้อนรน
ที่อูมู่รู้สึกร้อนใจเป็นเพราะอูอวิ๋นไป๋ บุตรสาวของเขาถูกผู้ฝึกตนจากสำนักมหาพิภพลักพาตัวไป ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องรีบไปช่วยนาง
เขาพาผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพจากสำนักเมฆาขาวไปด้วย พวกเขาพุ่งตรงไปยังยานรบของสำนักมหาพิภพทันที
ทัศนคติของประมุขอสรพิษที่มีต่อปู้ฟางเปลี่ยนไปหลังจากได้กินอาหารฝีมืออีกฝ่าย ตอนนี้นางเห็นด้วยแล้วว่าอนาคตของอวี่ฝูในฐานะแม่ครัวฝึกหัดในอาณัติของปู้ฟางต้องยอดเยี่ยมเกรี ยงไกรแน่นอน
แต่ด้วยความที่เป็นประมุขอสรพิษ นางจึงลำบากใจอยู่พอตัว
ประมุขอสรพิษพาปู้ฟางและอวี่ฝูเข้าไปที่วังหลวง แล้วจัดการบอกให้ทุกคนออกไป ก่อนที่ทั้งสามจะเริ่มพูดคุยกันเป็นการส่วนตัว
ครึ่งวันต่อมาทั้งสามก็พูดคุยกันเสร็จ ประตูวังหลวงค่อยๆ เปิดออกอีกครั้ง
ประมุขอสรพิษเอ่ยขอบคุณปู้ฟางจากใจจริง ก่อนจะมองส่งชายหนุ่มและสุนัขสีดำ
อวี่ฝูยังคงยืนอยู่ข้างๆ ประมุขอสรพิษ นางมองปู้ฟางที่กำลังจากไปด้วยความละล้าละลัง แต่ดวงตากลับเต็มไปด้วยความตั้งมั่น
นางตกลงใจที่จะฝึกฝนวิชาการทำอาหารในวังหลวงของนครมหาอสรพิษ ครั้งหน้าที่นางได้เจอปู้ฟาง เขาจะต้องตะลึงกับความสามารถของนางอย่างแน่นอน
สายลมแรงก่อตัวขึ้นเป็นพายุรอบกายชายหนุ่ม
เขาเอามือลูบเจ้ากุ้งที่นั่งอยู่บนไหล่ ยกเจ้าดำที่ยังคงนอนหลับอุตุขึ้นมาแล้วก้าวเข้าไปในพายุ
วงแหวนปราณบนศีรษะก่อตัวขึ้นจากลำแสงมากมายนับไม่ถ้วน ทันทีที่ชายหนุ่มก้าวขาเข้าไป วงแหวนปราณก็สั่นสะเทือน
พายุสลายหายไปพร้อมร่างของปู้ฟางที่หายลับไปเช่นกัน