ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD - บทที่ 404 เถ้าแก่ปู้ ท่านกำลังหลอกลวงผู้เยาว์
- Home
- ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD
- บทที่ 404 เถ้าแก่ปู้ ท่านกำลังหลอกลวงผู้เยาว์
เซียวเสี่ยวหลงมองปู้ฟางทั้งน้ำตาคลอเบ้า เสียงกลั้วคอรัวๆ ดังก้องคล้ายเสียงน้ำที่ไหลผ่านเขื่อนกั้นน้ำ ยิ่งกว่านั้นทุกครั้งที่กะพริบตาน้ำตาของ งเขาจะไหลออกมาเป็นสาย เขาพูดทั้งที่ตัวสั่นเทา
“ท่านรับปากว่าอร่อยแน่ไม่ใช่รึ
“ท่านรับปากว่ามันจะช่วยเติมพลัง ละมุนลิ้นและเป็นอาหารจานเด็ดไม่ใช่รึ
“แล้วไอ้นี่มันคืออาหารบ้าอาหารบออะไรกัน
“เถ้าแก่ปู้ ท่านไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน อาหารทุกจานที่ท่านทำล้วนหอมหวนชวนน้ำลายไหล”
“ท่านไม่ใช่เถ้าแก่ปู้ตัวจริง”
ใบหน้าขาวผ่องของเซียวเสี่ยวหลงเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างรวดเร็ว เขารู้สึกว่าร่างกายร้อนขึ้นจนเหมือนจะลุกเป็นไฟ สายตาก็เริ่มพร่ามัว
นี่มันไม่ถูกต้อง
เซียวเสี่ยวหลงหยิกต้นขาตัวเองอย่างแรง สั่นไปทั้งตัวเพราะความเจ็บปวด เขายกมือขึ้น รู้สึกเศร้าเสียใจ มองชามก๋วยเตี๋ยวอาละวาดด้วยสายตาหวาดผวา
หลังจากนั้นชายหนุ่มก็เมินใส่ปู้ฟาง วางชามลงแล้วหันหลังเดินออกไป
ปู้ฟางมองเซียวเสี่ยวหลงเดินออกไปจากครัวพลางส่ายหน้าอย่างเศร้าสร้อย ดูเหมือนว่าเขาจะล้มเหลว เขาสะเพร่าเกินไปที่ด่วนสรุปว่าก๋วยเตี๋ยวอาละวาด ทำได้ง่ายๆ
ความจริงแล้ว ยิ่งอาหารดูเหมือนง่ายก็ยิ่งยากที่จะทำออกมาได้อร่อย ปู้ฟางได้รับบทเรียนแล้ว เขาจดจ่อกับตัวเองเพื่อทำก๋วยเตี๋ยวอาละวาดอีกครั้ง ง
เซียวเสี่ยวหลงเดินออกจากครัวไปนั่งบนเก้าอี้ ริมฝีปากของเขาบวมเจ่อน้ำตายังไหลไม่หยุด ชายหนุ่มไม่คาดคิดว่าเถ้าแก่ปู้จะเป็นคนหลอกลวงเช่นนี้
พอเห็นสภาพของเซียวเสี่ยวหลง โอวหยางเสี่ยวอี้ก็สะดุ้งตกใจ
เป็นครั้งแรกที่นางเห็นเซียวเสี่ยวหลงในสภาพน่าเวทนาเช่นนี้ เกิดอะไรขึ้นกัน ใครทำอะไรเขากันนี่
โอวหยางเสี่ยวอี้ขยับเข้าใกล้เซียวเสี่ยวหลงด้วยความอยากรู้อยากเห็น หัวใจของนางกระตุกวูบเมื่อสัมผัสได้ถึงพลังปราณเที่ยงแท้ที่กำลังผันผวนภา ายในร่างกายของอีกฝ่าย
เด็กสาวบรรลุปราณระดับห้าขั้นราชันยุทธการแล้ว อีกไม่นานก็น่าจะบรรลุถึงระดับหกขั้นจักรพรรดิยุทธการ จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่นางจะสัมผัสได้ถึงพล ลังปราณเที่ยงแท้ในตัวของเซียวเสี่ยวหลง ที่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะควบคุมไม่อยู่
สีหน้าของนางเคร่งขรึมขึ้นมาเล็กน้อย
นางอยากถามอีกฝ่ายว่าเกิดอะไรขึ้น หรือว่าเจ้านายตัวเหม็นก่อเรื่องกวนประสาทอะไรเข้า
เซียวเสี่ยวหลงที่กำลังเศร้าโศกเสียใจมองหน้าโอวหยางเสี่ยวอี้ น้ำตาไหลพรากลงมาอีกครั้ง เขาตั้งใจจะเล่าให้นางฟังว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ทว่าก่อนที่เซียวเสี่ยวหลงจะทันได้เปิดปาก ร่างสูงเพรียวของปู้ฟางก็ปรากฏขึ้นด้านหลัง เงาของชายหนุ่มทำให้เซียวเสี่ยวหลงตัวสั่นเทา
เซียวเสี่ยวหลงเงยหน้าแล้วก็ได้เห็นสีหน้าไม่รู้สึกรู้สาของปู้ฟาง
“เสี่ยวอี้ มานี่… ข้ามีของดีจะให้”
ปู้ฟางลูบศีรษะของโอวหยางเสี่ยวอี้เบาๆ ก่อนยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้ม ยิ้มน้อยๆ นั่นทำให้เซียวเสี่ยวหลงหนาวไปถึงกระดูกสันหลัง “เถ้าแก่ปู้… ท ท่านอย่ายิ้มเชียว!”
โอวหยางเสี่ยวอี้สงสัยเจตนาของอีกฝ่าย นางมองปู้ฟางด้วยความสงสัย
ปู้ฟางมองเด็กหญิงด้วยสายตามีเลศนัย ก่อนหันหลังกลับแล้วเดินเข้าครัวไป
เซียวเสี่ยวหลงตั้งใจจะหยุดเสี่ยวอี้ แต่สายตาของปู้ฟางที่มองมาก่อนจะเข้าครัวทำให้เขายอมแพ้
โอวหยางเสี่ยวอี้ยังคงมีสีหน้าสงสัยตอนเดินมาตรงหน้าต่างห้องครัว
ร่างบอบบางของเด็กหญิงเอนเข้าไปในหน้าต่าง นางเห็นปู้ฟางกำลังถืออาหารควันฉุยเดินตรงมาหา
“อะไรน่ะ อาหารจานใหม่รึ” ดวงตาของโอวหยางเสี่ยวอี้ฉายแววตื่นเต้น
พอเซียวเสี่ยวหลงเห็นอาการตื่นเต้นของเสี่ยวอี้ความทรงจำก็เริ่มฟื้นคืน เมื่อครู่เขาก็บริสุทธิ์ไร้เดียงสาไม่ต่างจากนางในตอนนี้
“อ้อ มันเป็นอาหารที่ข้าเพิ่งคิดขึ้น ชิมสิ รสชาติน่าจะยอดเยี่ยมอยู่นะ เจ้าอาจประหลาดใจมากก็ได้” ปู้ฟางพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ
เขาวางชามก๋วยเตี๋ยวอาละวาดที่ส่งควันร้อนและกลิ่นหอมฟุ้งตรงหน้าเด็กหญิง
“น่ากินเชียวแถมกลิ่นยังหอมด้วย” โอวหยางเสี่ยวอี้หรี่ดวงตากลมน่ารักพลางเม้มปากด้วยความตื่นเต้น
นางหยิบตะเกียบไม้ไผ่ออกมา เอียงตัวลงไปที่หน้าต่างจากนั้นก็คีบเส้นก๋วยเตี๋ยว
เส้นก๋วยเตี๋ยวมันเงาเป็นสีแดงเพราะแช่อยู่ในน้ำซุปสีแดงสด ทั้งยังดูนุ่มนวลน่าเคี้ยว มันปล่อยไอร้อนออกมาไม่หยุดทำเอาโอวหยางเสี่ยวอี้ถึงกับ บน้ำลายสอ
หากตัดสินจากเพียงหน้าตา ก๋วยเตี๋ยวชามนี้ก็จัดได้ว่ายอดเยี่ยมมากๆ
ซวบ!
โอวหยางเสี่ยวอี้คีบเส้นก๋วยเตี๋ยวเข้าปากแล้วดูดเสียงดัง
ริมฝีปากสีแดงของเซียวเสี่ยวหลงสั่นระริกเบาๆ เขาถอนหายใจก่อนจะเรอเอากระแสพลังปราณเที่ยงแท้ที่ปั่นป่วนออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
ปู้ฟางมองโอวหยางเสี่ยวอี้ด้วยสีหน้าคาดหวัง
เด็กหญิงทำตาโต หลังเคี้ยวได้สักพักนางก็หยุดขยับปาก พลางหันมามองปู้ฟางด้วยดวงตาที่เบิกโพลงขึ้นเรื่อยๆ
อึก!
หลังจากกลืนเส้นก๋วยเตี๋ยวลงท้อง โอวหยางเสี่ยวอี้ก็อ้าปากพ่นควันร้อนออกมาทันที
นี่คืออาหารฝีมือเถ้าแก่ปู้จริงรึ
โอวหยางเสี่ยวอี้รู้สึกเคืองไม่น้อย นี่หรือที่เรียกว่าอาหารอร่อย
เถ้าแก่ปู้ ท่านกำลังหลอกลวงผู้เยาว์อยู่ชัดๆ
“โอ้… ดูเหมือนจะยังใช้ไม่ได้แฮะ เป็นเพราะใส่ซอสพริกอเวจีมากไปหรือเปล่านะ” ปู้ฟางพึมพำก่อนดึงชามกระเบื้องเข้าไปในครัว
จมูกของโอวหยางเสี่ยวอี้เป็นสีแดงก่ำ ริมฝีปากบวมฉึ่ง นางจ้องปู้ฟางเขม็งพลางหายใจแรงด้วยความเดือดดาล
โอวหยางเสี่ยวอี้ที่กำลังโมโหกระแทกตัวลงข้างๆ เซียวเสี่ยวหลง ทั้งสองคนนั่งน้ำตาไหลพรากริมฝีปากบวมเป่ง ภาพที่ออกมาจึงดูประหลาดไม่น้อย
“อ้าว พวกเจ้าทำอะไรอยู่น่ะ แล้วทำไมปากบวมจึงเช่นนั้น กินไฟเข้าไปหรืออย่างไร”
ต้วนอวิ๋นผู้มีผมสีเทาดูงามสง่าเดินเข้ามาพลางหันมองคนทั้งคู่ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ น้ำตานองหน้าและปากบวมเป่ง
ชายหนุ่มค่อนข้างประหลาดใจทีเดียว
นับตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ชิมอาหารของร้านนี้ ต้วนอวิ๋นก็เลือกพำนักอยู่ในนครหลวงของจักรวรรดิวายุแผ่วไม่คิดจะย้ายไปไหน พอมีเวลาว่างเมื่อไรเขา าก็จะแวะมากินอาหารที่ร้าน
ดังนั้นชายหนุ่มจึงสนิทกับโอวหยางเสี่ยวอี้และเซียวเสี่ยวหลง คนทั้งคู่มองเขาด้วยสายตาไม่พอใจแต่ไม่รู้จะพูดอะไรดี
ต้วนอวิ๋นรู้สึกขบขัน ขณะกำลังจะล้อทั้งคู่เพื่อซ้ำเติมก็พอดีเห็นปู้ฟางเดินออกมาจากครัวเสียก่อน
“เจ้าเองหรือ มาสิ ข้ามีของดีจะให้”
ตอนที่ปู้ฟางเห็นต้วนอวิ๋น เขาก็เลิกคิ้วขึ้น แล้วกระดิกนิ้วเรียกอีกฝ่ายให้ไปหา
ต้วนอวิ๋นผงะไป ชายหนุ่มรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย ปู้ฟางเรียกเขาไปทำไม
ดวงตาของโอวหยางเสี่ยวอี้และเซียวเสี่ยวหลงเป็นประกายขึ้นมาทันที พวกเขาดูต้วนอวิ๋นกินก๋วยเตี๋ยวอาละวาดจนตัวแข็งทื่อแล้วแอบหัวเราะเยาะในใจด ด้วยความบันเทิง
ไม่นานก็มีคนน้ำตาไหลพรากปากบวมเป่งมานั่งร่วมโต๊ะอีกหนึ่งคน
ปู้ฟางขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ชามล่าสุดเขาใส่ซอสพริกอเวจีไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เหตุใดผลลัพธ์ยังเหมือนเดิมอีก
เจ้ากุ้งที่หลับอยู่บนไหล่ของปู้ฟางพลิกตัว ขยับหาตำแหน่งถนัดๆ ก่อนจะนอนต่อไป
ปู้ฟางมองไปที่เจ้ากุ้ง จากนั้นดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมาทันที
เขาสงสัยว่าปัญหาน่าจะมาจากวัตถุดิบ หากไม่ใช่แป้ง ก็เหลือแค่แหล่งที่มาของน้ำแล้ว
ปู้ฟางเริ่มทำก๋วยเตี๋ยวอาละวาดอีกครั้ง และครั้งนี้หลังจากปรุงเส้นก๋วยเตี๋ยวแล้ว เขาก็โยนเจ้ากุ้งที่ยังหลับอยู่ลงไปในกระทะ
มันตกลงไปในกระทะจนน้ำกระเซ็นออกมาเบาๆ
เจ้ากุ้งเบิกตาโพลง มันยกขาขึ้นลงกระโดดโหยงด้วยความตกใจ รัศมีสีทองจากตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วซึมเข้าสู่น้ำซุปและเส้นก๋วยเตี๋ยวช้าๆ
จิตของปู้ฟางซึ่งเชื่อมต่อกับกระทะกลุ่มดาวเต่าดำจับตาดูวัตถุดิบอย่างใกล้ชิด และเมื่อรัศมีสีทองซึมซาบเข้าไปในวัตถุดิบ ความเปลี่ยนแปลงที่แสนปร ระหลาดก็เกิดขึ้นกับก๋วยเตี๋ยวอาละวาด
เส้นก๋วยเตี๋ยวและน้ำซุปดูเหมือนจะละมุนและนุ่มขึ้นกว่าเดิมเพราะรัศมีสีทอง
ได้ผลจริงๆ
ปู้ฟางพยักหน้าด้วยความพอใจ ครั้งนี้ก๋วยเตี๋ยวตรงหน้าเหมือนจะดูดีและถูกต้องขึ้นแล้ว
เขาตักก๋วยเตี๋ยวอาละวาดมาหนึ่งชาม ก่อนจะสูดดมกลิ่นหอมจากมัน แล้วก็รู้ได้ทันทีว่ามีบางอย่างต่างจากเดิม
ปู้ฟางคว้าชามก๋วยเตี๋ยวเดินออกจากครัวไป
ตอนนั้นใกล้ถึงเวลาปิดร้านแล้ว ในร้านไม่มีลูกค้าอื่นเลย กลิ่นหอมของมันจึงดึงดูดเพียงเซียวเสี่ยวหลงกับอีกสองคนที่เหลือ ทว่าทั้งสามต่างมีบ บทเรียนกันแล้ว พวกเขาไม่โง่พอที่จะยอมกินก๋วยเตี๋ยวอาละวาดอีกครั้ง
ปู้ฟางลากเก้าอี้มานั่ง เขายังไม่ได้มัดผม มันเลยตกลงมาประบ่าทั้งสองข้าง ปู้ฟางมองเซียวเสี่ยวหลงพลางกระดิกนิ้วเรียก
“เสี่ยวหลง มาลองชิมดูอีกทีซิ”
เซียวเสี่ยวหลงตาเบิกโพลง
‘เถ้าแก่ปู้ นี่ท่านคิดว่าข้าโง่หรืออย่างไร’ เซียวเสี่ยวหลงคิดอย่างเสียใจ เขายอมตายดีกว่ายอมเชื่อฟัง
ทว่าเมื่อเห็นสายตาเอาจริงเอาจังและกระตือรือร้นของปู้ฟาง ชายหนุ่มก็ได้แต่ทำหน้าบึ้งตึงขณะถูกโอวหยางเสี่ยวอี้และต้วนอวิ๋นผลักมาข้างหน้า
‘โบราณพูดเอาไว้ไม่ผิด หากคนตกนรกไม่ใช่เจ้าแล้วจะเป็นใคร’ โอวหยางเสี่ยวอี้กับต้วนอวิ๋นคิดในใจ
เซียวเสี่ยวหลงที่กำลังหดหู่ทำได้เพียงทำใจรับการกดขี่ข่มเหงจากปู้ฟาง ก่อนกินก๋วยเตี๋ยวชามใหม่เข้าไปหนึ่งคำเต็มๆ
จากนั้น…
หืม?
เซียวเสี่ยวหลงตกตะลึง ยิ่งเคี้ยวดวงตาของเขาก็ยิ่งเจิดจ้า รสชาติของมันไม่ได้แย่เลย
เขาพยักหน้ารัวพลางชูนิ้วโป้งให้ปู้ฟาง จากนั้นก็เอามือจับชามแล้วเริ่มสวาปาม
เซียวเสี่ยวหลงกินก๋วยเตี๋ยวเสียงดังจนหมดเพียงไม่กี่คำ ก่อนจะซดน้ำซุปหมดชามแล้วเช็ดปากตัวเอง อร่อยมากจริงๆ
โอวหยางเสี่ยวอี้กับต้วนอวิ๋นมองอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจ เซียวเสี่ยวหลงเป็นผู้กล้าที่แท้
“เป็นอย่างไรบ้าง” ปู้ฟางถามด้วยความอยากรู้
“ดีมากๆ อร่อยมากเลย” เซียวเสี่ยวหลงเม้มริมฝีปากก่อนจะชูนิ้วโป้งให้อีกรอบ
“ข้าหมายถึงร่างกายของเจ้าต่างหาก พลังปราณเที่ยงแท้ของเจ้ามีการเปลี่ยนแปลงบ้างหรือไม่” ปู้ฟางถามอีกครั้ง กดนิ้วโป้งที่เซียวเสี่ยวหลงชูให้ลงไป
พลังปราณเที่ยงแท้รึ
เซียวเสี่ยวหลงผงะไป จากนั้นก็เริ่มสังเกตตัวเองทันที ครู่ถัดมาใบหน้าของเขาก็แดงจัด ดูเหมือนมีเปลวไฟลุกโชนอยู่ในดวงตา เขารู้สึกว่าพลังปร ราณเที่ยงแท้ของตัวเองผันผวนยิ่งกว่าเดิม ทั้งยังเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน
นี่มัน… นี่มัน…
เซียวเสี่ยวหลงกระโดดโหยงด้วยความหวาดกลัว ริมฝีปากสั่นระรัว
ในเวลาอันสั้น พลังปราณเที่ยงแท้ของชายหนุ่มก็หนาแน่นขึ้นกว่าเดิม ร่างกายมีความแข็งแกร่งล้นปรี่
ดูเหมือนว่าความสามารถในการต่อสู้ของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก
“หืม… ดูเหมือนจะได้ผลแฮะ ข้าทำก๋วยเตี๋ยวอาละวาดสำเร็จแล้ว” ปู้ฟางเคาะคางตัวเองพลางพยักหน้าหงึกๆ
“ก๋วยเตี๋ยวอาละวาดช่วยเพิ่มความสามารถด้านการต่อสู้ได้เท่าหนึ่งหลังจากกินมันเข้าไป เป็นอย่างไร เจ้ารู้สึกว่าตัวเองไร้เทียมทานหรือยัง”
ต้วนอวิ๋นกับโอวหยางเสี่ยวอี้ที่นั่งอยู่ไม่ไกลต่างนิ่งอึ้งไป เถ้าแก่ปู้พูดเรื่องอะไรน่ะ
อาหารจะเพิ่มความสามารถด้านการต่อสู้ให้คนกินหนึ่งเท่าได้อย่างไรกัน คนผู้นี้คิดว่ามันคือโอสถทิพย์หรืออย่างไร
พอต้วนอวิ๋นที่เป็นนักเล่นแร่แปรธาตุได้ฟังคำพูดของปู้ฟาง ลูกตาของเขาก็แทบถลนออกมาจากเบ้า
เขาสามารถกลั่นโอสถทิพย์ที่เพิ่มความสามารถด้านการต่อสู้ได้หนึ่งเท่า มันคือโอสถทิพย์ระดับแปด ชื่อว่ายาปะทุสารัตถะ
ทว่าการปรุงโอสถทิพย์ชนิดนี้ต้องใช้ความพยายามและพลังอย่างล้นเหลือ ทั้งยังใช้สมุนไพรพลังปราณจำนวนมาก โอสถทิพย์ชนิดนี้ไม่เพียงราคาแพง มันยัง งมีผลข้างเคียงอีกด้วย
แต่นี่ปู้ฟางพูดออกมาอย่างไม่คาดฝันว่าก๋วยเตี๋ยวชามนี้มีสรรพคุณเฉกเช่นยาปะทุสารัตถะ
นี่เจ้ากำลังอำพวกเราอยู่ใช่ไหม
ทว่าสีหน้าของต้วนอวิ๋นก็เปลี่ยนไปอีกครั้งในเวลาสั้นๆ เพราะสังเกตเห็นว่าสภาพร่างกายของเซียวเสี่ยวหลงในตอนนี้คล้ายคลึงกับคนที่กินยาปะทุสา ารัตถะเข้าไปไม่มีผิด
ก๋วยเตี๋ยวชามนี้เพิ่มความสามารถด้านการต่อสู้ได้หนึ่งเท่าจริงหรือนี่
เหอะ!
ต้วนอวิ๋นอ้าริมฝีปากบวมเป่งเพื่อสูดอากาศเย็นเข้าปอด อาหารจานนี้ทำให้เขาทั้งตกใจและประหลาดใจ
นี่เถ้าแก่ปู้คิดจะแย่งอาชีพนักเล่นแร่แปรธาตุอย่างเขา แล้วทำให้เขาอดตายเช่นนั้นรึ