ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD - บทที่ 416 ร้านอาหารร้านสุดท้ายของเมืองหมอกนภา
- Home
- ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD
- บทที่ 416 ร้านอาหารร้านสุดท้ายของเมืองหมอกนภา
ดินแดนทางใต้นั้นค่อนข้างกว้างใหญ่พอตัว แต่ก็เล็กนักหากเทียบกับทวีปมังกรซ่อนเร้นทั้งทวีป ทวีปมังกรซ่อนเร้นกว้างใหญ่ไพศาลไร้ขอบเขต ดินแดนทางใต้เป็นเพียงมุมเล็กกระจิริดของทว วีปเท่านั้น ผู้ที่ก้าวออกจากดินแดนทางใต้ จะพบว่าตนเองอยู่ในแคว้นทักษิณของทวีปมังกรซ่อนเร้น
แม้ทวีปมังกรซ่อนเร้นจะกว้างใหญ่เป็นอย่างมาก แต่ในอดีตก็ยังมีคนที่สามารถสำรวจทั่วทั้งทวีปได้จนครบ
ทั้งทวีปแบ่งออกเป็นสี่แคว้นด้วยกัน ได้แก่แคว้นบูรพา แคว้นทักษิณ แคว้นประจิม และแคว้นอุดร ทั้งสี่แคว้นตั้งชื่อตามสี่ทิศหลัก
พื้นที่สุดท้ายคือใจกลางทวีปมังกรซ่อนเร้น แต่ชื่อของมันกลับไม่ใช่แคว้นมัชฌิมแต่อย่างใด หากแต่เป็นหัวใจของทั้งทวีป และที่นี่ก็มีกลุ่มอำนาจที่แข็งแกร่งอย่างยิ่งอาศัยอยู่
กลุ่มอำนาจดังกล่าวมีนามว่าวิหารราชันมังกรซ่อนเร้น และเป็นกลุ่มอำนาจระดับแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์เพียงกลุ่มเดียวในทวีปมังกรซ่อนเร้น
ส่วนกลุ่มอำนาจที่ปกครองแคว้นบูรพา แคว้นทักษิณ แคว้นประจิม และแคว้นอุดรนั้นเป็นเพียงกลุ่มอำนาจระดับหนึ่งเท่านั้น
สำนักมหาพิภพเป็นหนึ่งในกลุ่มอำนาจระดับหนึ่ง สำนักนี้มิใช่กลุ่มอำนาจระดับหนึ่งธรรมดาสามัญ แต่เป็นกลุ่มอำนาจระดับหนึ่งที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ดินแดนทางใต้เป็นเพียงสนามฝึกซ้อมข ขนาดใหญ่ที่อยู่ภายใต้อำนาจของพวกเขา
ภายในแคว้นทักษิณ นอกจากสำนักมหาพิภพแล้วก็ยังมีกลุ่มอำนาจระดับหนึ่งอีกกลุ่มหนึ่งที่เป็นที่รู้จักกันดี ได้แก่สำนักเล่นแร่แปรธาตุ การที่สำนักแห่งนี้ได้สถานะกลุ่มอำนาจระดับห หนึ่งมา ไม่ใช่เพราะจำนวนยอดฝีมือภายในสำนัก หากแต่เป็นวัตถุดิบในการปรุงโอสถทิพย์จำนวนมหาศาลที่สำนักเล่นแร่แปรธาตุครอบครองอยู่ ยอดฝีมือมากมายจากทั่วทุกทิศต่างก็เต็มใจยื่นมือช ช่วยเหลือสำนักเล่นแร่แปรธาตุเพื่อจะได้โอสถทิพย์สักชิ้นมาครอบครอง
พวกเขาต่างพากันดั้นด้นเดินทางมายังแคว้นทักษิณราวกับมาแสวงบุญก็ไม่ปาน
เพราะเหตุผลเหล่านี้เอง สำนักเล่นแร่แปรธาตุจึงได้รับสมญานามที่เป็นที่รู้จักกันไปทั่วทวีปมังกรเร้นลับ ว่าวังโอสถ
ภายในวังโอสถแห่งนี้ยังมีเมืองโอสถอีกสามเมือง เมืองที่โด่งดังที่สุดได้แก่เมืองโอสถนภา ส่วนอีกสองเมืองรู้จักกันในนามเมืองแสงนภาและเมืองหมอกนภา
ถึงแม้ว่าเมืองหมอกนภาจะเป็นเมืองที่อ่อนแอที่สุดในเมืองโอสถทั้งสาม แต่อาณาบริเวณที่เมืองนี้ครอบครองอยู่ก็กว้างใหญ่ไพศาลนัก ความงดงามของทิวทัศน์นี้นั้นแม้กระทั่งนครหลวงของจ จักรวรรดิวายุแผ่วก็มิอาจเทียบเทียม
ในเมืองหมอกนภามียอดฝีมือมากมาย เพราะเป็นหนึ่งในเมืองโอสถจึงมีนักเล่นแร่แปรธาตุมากมายพำนักอยู่ การจะเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุมากฝีมือได้นั้น นอกเหนือไปจากฝีมือการเล่นแร่แปรธาตุแ แล้ว พวกเขายังจำเป็นต้องเข้าถึงอำนาจอันยิ่งใหญ่ด้วย
ในเมืองโอสถทั้งสามเมืองมีหอโอสถตั้งอยู่ภายใน หอคอยทั้งสามเป็นประหนึ่งสัญลักษณ์ของเมืองโอสถ โอสถทรงคุณค่าและโอสถทิพย์มากมายอัดแน่นอยู่ภายในหอคอยเหล่านี้ มีกระทั่งโอสถปราณห ห้าสายในตำนานด้วยซ้ำ
เมืองหมอกนภาสว่างไสวกระทั่งในยามกลางคืน ราวกับว่าเมืองแห่งนี้ไม่เคยหลับใหล
ในตรอกมืดมิดแห่งหนึ่ง สายลมแรงพัดผ่านสรรพสิ่ง จุดแสงสีขาวนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นกลางอากาศก่อนจะรวมตัวกันเป็นวงแหวนปราณ ร่างพร่ามัวร่างหนึ่งก้าวออกมาจากวงแหวนปราณดังกล่าว
ปู้ฟางในชุดยาวสีขาวมัดผมด้วยเชือกสักหลาดก้าวออกมาจากวงแหวนปราณ ชายหนุ่มแลดูฮึกเหิมเป็นพิเศษ เมื่อสายลมหยุดเคลื่อนไหว สิ่งรอบกายก็สงบลงอีกครั้ง ปู้ฟางสูดลมหายใจเข้าลึก กลิ นเหม็นร้ายกาจพุ่งเข้าทำร้ายโพรงจมูกจนชายหนุ่มต้องขมวดคิ้วออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ
วงแหวนปราณเคลื่อนย้ายของระบบเริ่มจะไว้ใจไม่ได้ขึ้นมาทุกที มันส่งปู้ฟางมาตรงที่ทิ้งขยะของเมือง
ตรอกที่ดำมืดและเงียบสงัดนี้เต็มไปด้วยกองขยะที่ส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งไปทั่วบริเวณ
ปู้ฟางยกมือปิดปากปิดจมูกก่อนจะใช้มืออีกข้างโบกไล่กลิ่นไปมา ชายหนุ่มรีบรุดออกไปจากตรอกนั้นอย่างรวดเร็ว
เมื่อออกมาจากตรอกที่มืดสนิท ปู้ฟางก็รู้สึกราวกับว่าได้ก้าวออกจากอุโมงค์ที่มืดมิดมาสู่โลกภายนอก ทุกสิ่งรอบกายสว่างไสวอีกทั้งยังมีสรรพเสียงมากมายที่พุ่งเข้ามากระทบโสตประสาท ดวงตาของเขาพร่ามัวไปด้วยแสงสว่างจ้าที่รายล้อมอยู่
ปู้ฟางอดหยีตาไม่ได้ ชายหนุ่มไม่อาจปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ได้ เขารู้สึกว่าเมืองหมอกนภาแห่งนี้ทั้งเสียงดังและวุ่นวายเกินไป
ไม่ไกลจากตำแหน่งของปู้ฟางนักมีถนนกว้างอยู่สายหนึ่ง ตึกรามบ้านช่องเรียงรายอยู่ตามถนนสายนั้น สิ่งก่อสร้างเหล่านั้นสูงลิบ บางหลังสูงเกือบสามจั้ง ภาพนั้นชวนให้ชายหนุ่มนึกย้อนกลั บไปถึงใจกลางเมืองในโลกที่เขาจากมา ที่นั่นสุกสว่างและคลาคล่ำไปด้วยผู้คนเช่นเดียวกัน
จู่ๆ ปู้ฟางก็รู้สึกราวกับว่าได้กลับไปที่เมืองของตนเองในโลกก่อน
สถานที่แห่งนี้คือเมืองในโลกมายาจริงหรือนี่
ปู้ฟางรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย ชายหนุ่มยกมือไพล่หลังก่อนจะเดินทอดน่องไปบนถนนที่กว้างใหญ่สายนั้น เสียงของผู้คนตะโกนขายสินค้าดังกระทบหู เมื่อปู้ฟางเงี่ยหูตั้งใจฟัง เขาก็รับรู้ว่ าผู้คนเหล่านั้นกำลังตะโกนขายโอสถทิพย์กันอยู่
ในนครหลวงของจักรวรรดิวายุแผ่ว โอสถทิพย์เป็นสินค้าที่หาได้ยากยิ่ง กลับกันในเมืองหมอกนภาแห่งนี้ โอสถทิพย์กลับมีขายอยู่กลาดเกลื่อนราวกับเป็นผักกาด
แทบทุกร้านที่ปู้ฟางเดินผ่านกำลังเสนอขายโอสถทิพย์กันอย่างแข็งขัน
ตึกรามที่สูงหลายจั้งทำให้ปู้ฟางรู้สึกตัวเล็กจ้อยและไร้ซึ่งความสำคัญ
ตึกสูงเหล่านั้นล้วนมีประตูทำมาจากสัมฤทธิ์ มีผู้มากมายหลั่งไหลเข้าออกตึกอยู่ตลอดเวลา
ปู้ฟางรู้สึกราวกับเป็นคนบ้านนอกในชีวิตก่อนที่เดินทางจากบ้านเกิดมาสู่เมืองใหญ่
ชายหนุ่มไม่อาจปรับตัวให้เข้ากับสถานที่แห่งใหม่นี้ได้จริงๆ
กระนั้นปู้ฟางก็ไม่มีทางเลือก ระบบต้องการให้เขามาเปิดร้านสาขาที่เมืองแห่งนี้ ภารกิจนี้ไม่เพียงส่งผลต่อระดับปราณของเขา มันยังจะช่วยให้เจ้าขาวได้รับการซ่อมแซมอีกด้วย
ระดับปราณโดยเฉลี่ยของประชากรในเมืองหมอกนภาแห่งนี้สูงกว่าผู้คนในนครหลวงของจักรวรรดิวายุแผ่วอยู่หนึ่งระดับ เหตุผลอาจเป็นเพราะเมืองหมอกนภาเป็นเมืองขนาดใหญ่
หลังจากเฝ้าดูอยู่ระยะหนึ่ง ปู้ฟางก็พบว่าคนที่อ่อนแอที่สุดในเมืองคือเด็กน้อยคนหนึ่งที่ใส่กางเกงก้นขาดและกำลังวิ่งไปมาอย่างร่าเริง ระดับปราณของเด็กคนนั้นอยู่ที่ระดับสาม มขั้นคลั่งยุทธการ
ส่วนคนอื่น ๆ นั้นล้วนบรรลุขั้นจักรพรรดิยุทธการหรือขั้นนักพรตยุทธการกันหมดแล้ว จำนวนของผู้ที่บรรลุถึงระดับแปดขั้นเทพแห่งสงครามหรือกระทั่งขั้นเซียนเทพก็มีอยู่ไม่น้อย เหล่า าผู้อารักขาตามตึกรามสูงใหญ่โดยมากแล้วอยู่ในขั้นเซียนเทพด้วยกันทั้งสิ้น
หากเป็นในจักรวรรดิวายุแผ่ว พวกเขาคงจะได้รับการแต่งตั้งเป็นขุนศึกเป็นแน่ ทว่าในเมืองหมอกนภาแห่งนี้ กลับมีผู้คนระดับนั้นเดินอยู่กลาดเกลื่อนไปหมด
ปู้ฟางเดินต่อไปบนถนนเส้นเดิมหลังจากที่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
ตอนนี้ชายหนุ่มกำลังเผชิญปัญหาใหญ่ หากเขาต้องการจะเปิดร้านสาขาในเมืองหมอกนภา ก็จำเป็นจะต้องหาตำแหน่งที่ตั้งร้านให้ได้เสียก่อน
เมื่อครั้งอยู่ที่นครหลวงจักรวรรดิวายุแผ่ว ปู้ฟางเองกว่าจะหาร้านได้ก็ยากลำบากยิ่ง ณ เมืองหมอกนภาอันยิ่งใหญ่แห่งนี้…จะต้องยากกว่ามากเป็นแน่
“โอสถทิพย์ระดับแปด โอสถวิญญาณพยัคฆ์! เริ่มลดราคาชนิดเทกระจาดแล้ว โอสถหนึ่งเม็ดราคาเพียงสิบผลึกเท่านั้น มาก่อนได้ก่อน!”
“โอสถทิพย์ระดับแปด โอสถทมิฬลึกลับ! โอสถนี้หลอมขึ้นมาจากฝีมือของนักเล่นแร่แปรธาตุเอกเมฆาแห่งวังโอสถ หนานกงเฉิง โอสถนี้ไร้ซึ่งปัญหาอย่างแน่นอน ขอให้ผู้ซื้อโปรดวางใจ หากพลา าดโอกาสการจับจองเป็นเจ้าของ จะต้องเสียใจไปตลอดชีวิตเป็นแน่!”
…..
ยิ่งปู้ฟางจับจ้องมองไปยังถนนอันคึกคักสายนี้มากเท่าใด เขาก็ยิ่งรู้สึกหดหู่ในใจมากขึ้นเท่านั้น ชายหนุ่มค้นพบว่าร้านรวงทุกร้านที่ตั้งอยู่ในเมืองหมอกนภาล้วนขายโอสถทั้งสิ้น
เสียงร้องตะโกนขายของที่ดังหนวกหูนั้นราวกับดังมาจากร้านหาบเร่แผงลอยไม่มีผิด
ปู้ฟางเดินหามาครึ่งค่อนวัน ก็ยังไม่พบร้านอาหารเลยสักแห่งเดียว
หรือว่าผู้คนของเมืองหมอกนภาจะไม่กินอาหารกัน
พวกเขาขบเคี้ยวเมล็ดโอสถทิพย์กันแทนถั่วทอด แล้วก็ดื่มโอสถทิพย์จนเต็มท้องต่างน้ำเช่นนั้นหรือ
อาหารเป็นปัจจัยพื้นฐานในการมีชีวิตรอดของมนุษย์ เหตุใดทั่วทั้งเมืองจึงไม่มีร้านอาหารแม้สักแห่งเดียว อุตสาหกรรมอาหารเป็นโอกาสชั้นดีในการเริ่มธุรกิจเชียวนะ!
อันที่จริงแล้วการคาดเดาของปู้ฟางนั้นถูกต้อง ผู้คนในเมืองหมอกนภาไม่ต้องการร้านอาหารแต่อย่างใด ภายในเมืองแห่งนี้มีโรงเตี๊ยมมากมายแต่กลับไม่มีร้านอาหารเลยแม้สักแห่งเดียว
ปู้ฟางยังคงเดินดั้นด้นค้นหาต่อไปจนมืดค่ำ หลังจากที่ดูมาจนครบวัน ชายหนุ่มก็ยังไม่พบสิ่งที่ต้องการ เมื่อเดินจนเริ่มเหนื่อย ปู้ฟางจึงเลี้ยวเข้าไปในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง
ภายในของโรงเตี๊ยมแห่งนี้ทั้งกว้างและโอ่โถง การตกแต่งก็หรูหราเอาการ
เมื่อก้าวเข้ามาภายใน ก็มีสตรีหน้าตาสวยสะมาต้อนรับ
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าสามารถหาร้านอาหารในเมืองหมอกนภาได้ที่ใดบ้าง” ปู้ฟางเอ่ยปากถามสตรีผู้ที่กำลังง่วนอยู่กับการจัดการเรื่องห้องหับให้เขา
“ร้านอาหารหรือเจ้าคะ” นางดูตกใจเล็กน้อย หญิงสาวจับจ้องปู้ฟางด้วยสายตาแปลกประหลาดเมื่ออีกฝ่ายถามหาร้านอาหาร
ปู้ฟางเขม่นตามองก่อนจะอธิบายอย่างจริงจัง “ที่ที่คนสามารถเข้าไปแล้วสั่งอาหารมากินได้น่ะ…”
“นายท่านคงจะเป็นคนต่างถิ่น เมืองแห่งนี้เป็นหนึ่งในเมืองโอสถของวังโอสถ ไม่มีใครกล้ามาเปิดร้านอาหารที่นี่หรอกเจ้าค่ะ หลายสิบปีก่อน สุดยอดนักเล่นแร่แปรธาตุจากตระกูลหนานกงแห่ งวังโอสถคิดค้นโอสถอดอาหารหลากรสขึ้นมา โอสถนั้นมีราคาถูกแถมยังมีคุณภาพดี เพียงเม็ดเดียวก็อิ่มเกินพอ แถมโอสถดังกล่าวยังมีรสชาติหลากหลาย ทำให้บรรดาร้านอาหารในเมืองพากันปิด ดกิจการไปจนสิ้น” สตรีนางนั้นอธิบายให้ปู้ฟางฟังด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม
“นี่… คือโอสถอดอาหารหลากรสเจ้าค่ะ” หลังจากที่เห็นสีหน้างงงวยของปู้ฟาง สตรีนางนั้นก็หยิบโอสถจำนวนหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อ โอสถเหล่านี้มีสีสันหลากหลายแถมยังส่งกลิ่นหอมยวนใ ใจ
“ข้าได้รับโอสถจำนวนนี้มา มันเพียงพอสำหรับครึ่งปี” หลังจากที่นำมาแสดงให้ปู้ฟางดู นางก็หยิบโอสถเม็ดหนึ่งมาวางใส่มือชายหนุ่มพลางกล่าวว่า “ลองชิมดูสิเจ้าคะ”
ปู้ฟางเลิกคิ้วน้อยๆ โอสถเพียงหนึ่งกำมือ จะพอให้คนคนหนึ่งอิ่มถึงครึ่งปีเชียวหรือ น่าสนใจดี…
ชายหนุ่มไม่ได้ปฏิเสธ เขารับโอสถมาดมก่อนจะใส่เข้าปาก
ทันทีที่โอสถเข้าปากไป กลิ่นผลไม้หอมหวามหวานก็ไหลบ่าท่วมลิ้น โอสถเม็ดนั้นละลายก่อนจะไหลลงไปในท้อง ปู้ฟางรู้สึกอิ่มขึ้นมาทันที ทว่าชายหนุ่มก็ต้องขมวดคิ้วแน่นเพราะความรู้สึ กที่ได้รับนั้นช่างแปลกประหลาดนัก
เขาไม่ชอบความรู้สึกนี้เลย ความพึงใจที่ได้รับตอนได้กินของอร่อยยามหิวนั้น ไม่ใช่สิ่งที่โอสถเม็ดหนึ่งจะทดแทนได้
“คนที่คิดค้นโอสถนี้ขึ้นมาต้องมีปัญหาทางสมองแน่ เขากำลังพยายามกดทับและควบคุมหนึ่งในสัญชาตญาณตามธรรมชาติของมนุษย์” ปู้ฟางพูดด้วยน้ำเสียงขึงขัง
คิก…
สตรีนางนั้นระเบิดเสียงหัวเราะออกมา นางคิดว่าปู้ฟางเป็นคนตลกและเข้าใจไปว่าคำพูดของเขาเป็นเรื่องชวนหัว
หลังจากจัดการเรื่องห้องให้ปู้ฟางเสร็จ นางก็เดินนำเขาเข้าไปในวงแหวนปราณ ทันทีที่ชายหนุ่มก้าวขาเข้าไปในวงแหวนปราณนั้น แสงสว่างจ้าก็แผ่ซ่านออกมาจากภายใน พวกเขามาถึงห้องห้อง หนึ่งที่อยู่ไม่ต่ำกว่าชั้นที่สิบ
“นี่คือห้องของนายท่าน โปรดจ่ายห้าสิบผลึกเป็นค่ามัดจำ เมื่อท่านมาแจ้งออกในวันพรุ่งนี้ เราจะคืนผลึกให้ท่านครึ่งหนึ่งเจ้าค่ะ” สตรีนางนั้นกล่าวกับปู้ฟางหลังก้าวออกมาจากวงแห หวนปราณ
ริมฝีปากของปู้ฟางยกขึ้นเล็กน้อย อยู่ที่นี่หนึ่งคืนเขาต้องเสียเงินถึงห้าสิบผลึก โรงเตี๊ยมแห่งนี้ใจไม้ไส้ระกำยิ่งกว่าร้านอาหารของตัวเขาเองเสียอีก ข้าวผัดไข่ของข้าชามหนึ่งมีร ราคาเพียงสิบผลึกเองนะ
หลังจากที่จ่ายห้าสิบผลึกให้สตรีนางนั้น ปู้ฟางก็หันหลังกลับพลางจัดแจงจะปิดประตู
แต่สตรีนางนั้นกลับเรียกเขาไว้ นางมีสีหน้าลังเลใจ
ปู้ฟางผงะไปก่อนจะมองอีกฝ่ายด้วยสายตาฉงน
“นายท่านเจ้าคะ อันที่จริงแล้วในเมืองหมอกนภาแห่งนี้ยังมีร้านอาหารอยู่แห่งหนึ่ง” นางกัดริมฝีปากอ่อนนุ่มของตนก่อนจะเอื้อนเอ่ยออกมาหลังจากลังเลอยู่นาน
ปู้ฟางตกตะลึง มีร่องรอยของความยินดีสะท้อนอยู่ในแววตา “ข้าคิดอยู่แล้ว เป็นไปไม่ได้ที่เมืองที่ใหญ่โตถึงเพียงนี้จะไม่มีร้านอาหารอยู่เลย ร้านดังกล่าวอยู่ที่ไหนหรือ”
สตรีนางนั้นทอดถอนใจก่อนจะกล่าว “อันที่จริงแล้วร้านอาหารแห่งนี้เป็นของเพื่อนข้าเอง ข้าเพียรพยายามแนะนำให้นางไปศึกษาต่อที่สำนักเล่นแร่แปรธาตุเพื่อที่นางจะได้มีงานทำหลังเรี ยนจบ แต่นางกลับดื้อรั้นจะรับช่วงต่อร้านอาหารที่ไร้อนาคตของครอบครัว…”
“จะไปไร้อนาคตได้อย่างไรกัน อนาคตสดใสเชียวละ! เพื่อนของเจ้าสายตาแหลมคมมาก...” ปู้ฟางไม่พอใจ หญิงผู้นี้กล้าดีอย่างไรจึงพูดว่าการเปิดร้านอาหารเป็นงานไร้อนาคต
วิธีที่นางมองร้านอาหารผิดเพี้ยนไปมาก หากนางอยู่ในจักรวรรดิวายุแผ่ว นางจะต้องถูกจับไปขังในเล้าหมู สตรีนางนี้ดูเหมือนไม่ต้องการพูดเรื่องร้านอาหารอีกต่อไป หลังจากบอกตำแหน่งท ที่ตั้งของร้านอาหารให้ปู้ฟางแล้ว นางก็หันหลังเดินจากไป
ปู้ฟางเข้ามาในห้อง พลางยกมือไพล่หลังเดินวนไปวนมา ชื่อของร้านอาหารแห่งนั้นดังก้องอยู่ในศีรษะ
“ร้านอาหารหมอกเมฆารึ ร้านนี้เป็นร้านอาหารแห่งสุดท้ายของเมืองหมอกนภาจริงๆ น่ะหรือ”