ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD - บทที่ 42 เหตุใดจึงเป็นเจ้าไปได้!
- Home
- ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD
- บทที่ 42 เหตุใดจึงเป็นเจ้าไปได้!
เจ้ารู่เก๋อไม่เคยได้กลิ่นสุราหอมหวานน่าดื่มเช่นนี้มาก่อน ทันทีที่สูดเข้าจมูก ชายหนุ่มก็ดูเหมือนจะลืมรสชาติสุราน้ำอัญมณีทิพย์ที่ตนเองเคยบอกว่าดีที่สุดไป
เซียวเสี่ยวหลงเปิดผ้าคลุมเหยือกแล้วรินเหล้าใส่จอก น้ำเมาสีใสแจ๋วบริสุทธิ์สะท้อนแสงไฟ กลิ่นสุราแทรกซึมเข้าไปถึงจิตวิญญาณของชายหนุ่ม ทำให้รู้สึกมึนเมาขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ทันทีที่สูดหายใจเข้าลึก
ชายหนุ่มหน้าสวยหยิบจอกสุราขึ้นมาจ่อจมูกเพื่อสูดกลิ่นด้วยสีหน้ามีความสุขเปี่ยมล้น ผู้ชื่นชอบการดื่มเป็นชีวิตจิตใจล้วนรู้ดีว่าสุราชั้นเลิศหนึ่งจอกนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าสตรีที่งามที่สุดในโลกเลยแม้แต่น้อย พวกเขาพร้อมจะพลีกายถวายชีพให้กับการดื่มอย่างไม่คิดชีวิต
ทันทีที่น้ำเมาเข้าปาก เซียวเสี่ยวหลงก็รู้สึกราวกับว่าผลึกน้ำแข็งเย็นเยือกกำลังสัมผัสลิ้นของเขาอยู่และไหลลงลำคอสู่ท้องไป ความเย็นที่รู้สึกได้นั้นทำให้ขนทั้งกายลุกซู่
เสี้ยวลมหายใจต่อมา ชายหนุ่มก็รู้สึกราวกับว่าเปลวเพลิงกำลังเผาไหม้ร่างกาย ความอบอุ่นกระจายออกจากช่องท้อง ส่งเซียวเสี่ยวหลงให้จมลงสู่ความเย็นและร้อนที่ผสานกันเป็นหนึ่ง
“อู้~” ใบหน้าของเขาแดงก่ำ ถึงกับต้องอุทานออกมาหลังจากจิบไปเพียงครั้งเดียว
“สุราชั้นยอด! นี่มันยอดเยี่ยมเหนือคำบรรยาย!” เขาเอ่ยชมไม่หยุด จากนั้นก็กระดกสุราที่เหลือในจอกเข้าปากไป ดวงตาหยีเล็กอย่างมีความสุขราวกับกำลังได้ขึ้นสวรรค์
เมื่อสามยักษ์ร้ายแห่งตระกูลโอวหยางเห็นปฏิกิริยาของชายหนุ่ม พวกเขาก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป ทั้งสามรีบรินสุราใส่จอกของตนเองแล้วกระดกหมดจอกเช่นกัน
ภายในพริบตา ดวงตาของทั้งสามก็เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ รูขุมขนทั้งร่างเปิดออกอย่างผ่อนคลาย ความรู้สึกสุขล้นอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนเอ่อล้นเข้าท่วมจิตใจ
ทั้งสามไม่ได้พูดอะไรอีก เอาแต่จดจ่ออยู่กับการดื่มสุราตรงหน้า ดื่มด่ำรสชาติแสนหวานหอมกลมกล่อมของหัวใจหยกเยือกแข็ง
ชายปริศนายิ้มบางขณะมองปฏิกิริยาของชายหนุ่มทั้งสี่ เขาถอดหมวกออก เผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาราวปั้นด้วยหินอ่อน
เขาเองก็รินสุราใส่จอกเช่นกัน จากนั้นก็เพลิดเพลินกับรสชาติสุราในมืออยู่คนเดียวด้วยใบหน้ามีความสุขเอ่อล้น
“สุรานี่… ดีถึงเพียงนั้นเลยหรือ” เจ้ารู่เก๋อไม่อยากเชื่อ แม้ความมั่นใจจะเริ่มสั่นคลอนจากกลิ่นสุราที่โชยเข้าจมูก แต่เมื่อนึกถึงผลที่จะตามมาหากตนเองแพ้พนัน เขาก็ยังแอบหวังอยู่ลึกๆ ว่าจะเป็นเพียงฉากหน้าที่สุกใสแต่ข้างในกลวงโบ๋เท่านั้น
“พวกนี้แสร้งทำเป็นแน่…” ชายหนุ่มเริ่มเสียความมั่นใจ
หากเขาไม่เคยกินอาหารฝีมือปู้ฟางมาก่อน ก็อาจมั่นใจมากกว่านี้ แต่เมื่อได้ลองกินซี่โครงเปรี้ยวหวานแล้ว ชายหนุ่มก็เข้าใจได้ทันทีว่าปู้ฟางเป็นพ่อครัวมากฝีมือเพียงใด
“เสี่ยวหลง รินเหล้าให้นายน้อยเจ้าจอกหนึ่ง และให้ข้าอีกจอกหนึ่ง” เซียวเยียนอวี่เอ่ยเสียงอ่อนโยน
เซียวเสี่ยวหลงสะดุ้งเล็กน้อย พลันสร่างจากมนต์สะกดของน้ำเมา แต่ก็ดูไม่ค่อยอยากทำตามสิ่งที่พี่หญิงของตนสั่งมากนัก เพียงเท่านี้เขาก็แทบไม่พอดื่มแล้ว ยังต้องแบ่งให้ไอ้หน้าสาวเจ้ารู่เก๋ออีกหรือ… นี่มันเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ชัดๆ!
สามยักษ์ร้ายแห่งตระกูลโอวหยางดื่มเร็วราวพายุ สุราในเหยือกจึงหมดไปเรียบร้อยแล้วภายในเวลาอึดใจเดียว โอวหยางตี้ถึงขั้นเขย่าเหยือกเพื่อเก็บให้หมดยันหยดสุดท้าย
เมื่อรู้ว่าไม่เหลืออยู่แม้แต่หยดเดียว ทั้งสามก็หันไปมองเหยือกของเซียวเสี่ยวหลงอย่างเสียไม่ได้
เซียวเสี่ยวหลงจ้องทั้งสามเขม็งแล้วเอาเหยือกมากอดไว้แนบอก เขาเพิ่งรินสุราให้พี่หญิงและเจ้ารู่เก๋อไปหมาดๆ “ไอ้หน้าสาวเจ้า ดื่มสุราจอกนี้แล้วก็ยอมแพ้ไปเสียแต่โดยดี จากนั้นก็มอบโอสถรวมปราณให้พี่ข้าเสีย ในเมื่อพนันกันแล้วก็ต้องกล้าจ่าย!”
“ข้า ข้ายังไม่แพ้เสียหน่อย…” เจ้ารู่เก๋อพูดเสียงอ่อยลงเรื่อยๆ เขาจ้องสุราใสแจ๋วในจอกด้วยสีหน้าเหมือนต้องมนต์ จากนั้นก็ยกจอกขึ้นจรดริมฝีปากเพื่อดื่ม
เซียวเยียนอวี่เองก็ยกจอกขึ้นจิบช้าๆ เช่นกัน นางเอามืออีกข้างบังปากของตนไว้ไม่ให้ผู้ใดเห็น
ทันทีที่เหล้าหนึ่งจิบไหลลงท้อง ผิวขาวละเอียดกว่าหิมะของนางก็พลันเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ แก้มขาวสุก ปลั่ง ทำให้นางดูสวยน่ารักเป็นที่สุด
เจ้ารู่เก๋อไม่รู้จะพูดอะไรอีก หลังจากที่ดื่มหัวใจหยกเยือกแข็งเข้าไปและหันไปดื่มน้ำอัญมณีทิพย์อีกครั้ง สุราที่เขาเคยภาคภูมิใจกลับจืดชืดเหมือนน้ำเปล่า สุราทั้งสองชนิดนี้ห่างชั้นกันเกินไป
สุราหัวใจหยกเยือกแข็งคือสุราอันดับหนึ่งในจักรวรรดิวายุแผ่วจริงๆ เสียด้วย
หลังจากที่ดื่มหมดจอก เจ้ารู่เก๋อก็มีสีหน้าเจ็บปวดใจ ชายหนุ่มรู้แล้วว่าตนเองเป็นฝ่ายพ่ายในครั้งนี้
เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องมอบโอสถรวมปราณระดับห้าให้เซียวเยียนอวี่
ก่อนหน้านี้เขาตั้งใจว่าจะใช้โอสถนี้เพื่อบรรลุปราณระดับสี่ขั้นจิตยุทธการ แต่ก็ไม่ได้คาดคิดว่าตนเองจะเป็นฝ่ายปราชัย โอสถที่หลุดมือไปหมายความว่าความสำเร็จในการบรรลุขั้นปราณได้ถอยห่างเขาไปอีกครั้ง
เซียวเยียนอวี่รับขวดหยกจากเจ้ารู่เก๋อ นางคลี่ยิ้มน้อยๆ ใบหน้าสวยหวานเหมือนนางสวรรค์ “นายน้อยเจ้าไม่ต้องหัวเสียไปหรอก แม้เจ้าจะเสียโอสถรวมปราณไป แต่ก็ยังมีโอกาสได้กินซี่โครงเปรี้ยวหวานของเถ้าแก่ปู่ เจ้าไม่ได้เสียอะไรไปแม้แต่น้อย”
จะไม่เสียอะไรไปได้อย่างไรเล่า เป็นไปได้หรือ ซี่โครงเปรี้ยวหวานนั้นรสชาติอร่อยล้ำจนทำให้จิตใจของเขาเปี่ยมสุขได้ก็จริง แต่โอสถรวมปราณก็เป็นสิ่งที่จะช่วยให้เขาพัฒนาขั้นปราณขึ้นไปได้ หากนำสองอย่างนี้มาเทียบกัน มองจากมุมใดก็ขาดทุนเห็นๆ! นอกเสียจากว่า… ซี่โครงเปรี้ยวหวานของเถ้าแก่ปู้จะช่วยให้เขาบรรลุขั้นปราณได้เช่นกัน แต่ว่า… จะเป็นไปได้อย่างไรกัน
เจ้ารู่เก๋อเจ็บกระดองใจเหมือนคนอกหักจนหายใจแทบไม่ออก สีหน้าของเขาบูดเบี้ยวบอกบุญไม่รับ
เซียวเยียนอวี่ยิ้มให้กับภาพที่เห็น ซี่โครงเปรี้ยวหวานจะราคาสูงถึงห้าสิบผลึกได้อย่างไรถ้าแค่อร่อยอย่างเดียว หากข้าวผัดไข่สามารถเพิ่มระดับพลังปราณเที่ยงแท้ภายในกายได้ ซี่โครงเปรี้ยวหวานก็ต้องได้ผลชะงัดกว่าเป็นอันแน่ อีกสักพักเจ๋ารู่เก๋อจะได้รับรู้ถึงความจริงข้อนี้
และเมื่อเวลานั้นมาถึง เขาก็จะเข้าใจถึงความสามารถที่แท้จริงของเถ้าแก่ปู้
ตอนนั้นเอง เซียวเสี่ยวหลงก็ดื่มสุราหัวใจหยกเยือกแข็งจนหมดเหยือกในที่สุด ชายหนุ่มมึนเมาเล็กน้อย ใบหน้าเป็นสีแดงเรื่อ ดูอ่อนหวานเหมือนสาวงาม
สามยักษ์ร้ายแห่งตระกูลโอวหยางนั้นไม่เป็นอะไรแม้แต่น้อย ถึงสุราหัวใจหยกเยือกแข็งจะแรง แต่พลังปราณของพวกเขาจัดได้ว่าสูง ทั้งยังเป็นนักดื่มตัวยง จึงไม่ได้เมามายมากเช่นเซียวเสี่ยงหลง
เคร้ง!
เสียงจอกที่ตกลงบนโต๊ะนั้นไม่ดังนัก แต่ก็ดังพอจะทำให้ทุกคนสะดุ้ง
พวกเขาพากันหันไปมองเซียวเยียนอวี่ที่เป็นต้นเสียง
สีหน้าของนางที่เคยอ่อนโยนเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นโกรธเกรี้ยวดุดัน สายตาจ้องเขม็งไปยังร่างที่อยู่ไกลออกไป
เซียวเสี่ยวหลงไม่ได้เมาขนาดนั้นแต่แรก เมื่อเห็นสีหน้าของพี่หญิงตน ความมึนเมาก็พลันสลายหายไป เขาหันไปมองร่างซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะใกล้ทางออกตามสายตานาง
และได้เห็นใบหน้าสง่างามหล่อเหลาราวปั้นจากหินอ่อน…
“เหตุใดจึงเป็นเจ้าไปได้!” ดวงตาของเซียวเสี่ยวหลงเบิกกว้าง เขาตะโกนออกมาดังลั่น
ปู้ฟางที่นั่งพักอยู่ใกล้ๆ สะดุ้งทันทีที่ได้ยิน เขาหันไปมองเซียวเสี่ยวหลงด้วยสีหน้างุนงง ไม่เข้าใจแม้แต่น้อยว่าเหตุใดไอ้หน้าสาวถึงบันดาลโทสะขึ้นมาชนิดไม่มีปี่มีขลุ่ย
“แล้วเหตุใดจึงเป็นข้าไม่ได้เล่า” เสียงแหบห้าวเหมือนกระดาษทรายดังสะท้อนไปทั่วร้าน แฝงไปด้วยความเย็นเยือก
เจ้ารู่เก๋อและคนอื่นๆ มีสีหน้าเหมือนต้องมนต์ทันทีที่เห็นใบหน้าหล่อเหลานั้น ทุกคนเหมือนไม่อยากเชื่อสายตาตนเอง
“เจ้ายังกล้าโผล่หัวมาที่นครหลวงอีกรึ… ไม่กลัวหรืออย่างไรว่าบิดาเจ้าจะรู้ว่าเจ้าอยู่ที่ใด
“พี่ชายสุดที่รักของข้า” เซียวเยียนอวี่พูดเสียงเย็น เสียงไพเราะเหมือนนกน้อยของนางอาบไปด้วยแรงสังหาร
เซียวเสี่ยวหลงทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาลุกขึ้นยืน พลังปราณเที่ยงแท้พวยพุ่งออกจากร่าง
“ราชากระบี่หัวใจสะบั้นเซียวเยวี่ย! บังอาจโผล่หน้ามาที่นครหลวง… รนหาที่ตายรึ!” เจ้ารู่เก๋อและคนอื่นๆ ตกใจแทบสิ้นสติ
เซียวเยวี่ย บุตรชายคนโตของแม่ทัพใหญ่เซียวเหมิง เป็นชายอัจฉริยะขั้นหาตัวจับยาก เมื่ออายุครบสิบขวบ เขาก็บรรลุปราณระดับหนึ่ง และบรรลุระดับสองตอนอายุสิบเอ็ดขวบ พออายุครบสิบสาม เซียวเยวี่ยก็สามารถสร้างพลังปราณเที่ยงแท้ภายนอกกายได้ ก่อนได้พลังปราณระดับสี่ขั้นจิตยุทธการมาครอบครองเมื่ออายุสิบห้าปีเต็ม พออายุสิบแปด ชายผู้นี้ก็เป็นผู้ฝึกตนระดับห้าขั้นราชันยุทธการที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของจักรวรรดิวายุแผ่ว อนาคตของเขาสดใสเหมือนเปลวเทียนที่โชติช่วงชัชวาล
แต่เมื่อสามปีก่อน โศกนาฏกรรมก็มาเยือนตระกูลเซียว เมื่อเซียวเยวี่ยหลงใหลคลั่งไคล้ในวิธีแห่งกระบี่ จนตัดสินเข้าร่วมสำนักกระบี่มหาสูญ ชายหนุ่มต้องการครอบครองจิตวิญญาณกระบี่แห่งสำนัก จึงใช้เลือดจากหัวใจมารดาตนเป็นเครื่องสังเวย เขาฟันหัวใจของนางขาดสะบั้นในกระบี่เดียว ส่งสตรีผู้ให้กำเนิดให้ตกอยู่ในห้วงนิทราที่ไม่มีวันตื่น จนป่านนี้ก็ยังหารู้สึกตัวไม่
เซียวเยวี่ยถูกเซียวเหมิงที่บันดาลโทสะจนขาดสติซ้อมเสียจนกระอักเลือดปางตาย พลังปราณเที่ยงแท้ในกายเหือดหายไปจนเกือบหมด ท้ายที่สุดสำนักต้นสังกัดก็ส่งผู้อาวุโสทั้งสามผนึกกำลังเข้าช่วยเหลือ จากนั้นเซียวเยวี่ยก็ทิ้งตระกูลเซียวผู้ให้กำเนิดตนไว้เบื้องหลัง ชายหนุ่มกลายเป็นศัตรูคู่อาฆาตที่ทั้งตระกูลสาบานว่าจะต้องสังหารให้สิ้นซากให้จงได้
เซียวเยียนอวี่และเซียวเสี่ยวหลงไม่เคยลืมวันที่มารดาของตนทรุดลงต่อหน้าต่อตา เลือดสดๆ สาดกระจายเข้าใบหน้าคนทั้งสองจนกลายเป็นสีแดงชาด ประสบการณ์นั้นแปรเปลี่ยนเป็นความจงเกลียดจงชังที่อัดแน่นอยู่ในอก มันคือความพยาบาทรุนแรงที่มีต่อเซียวเยวี่ย
ตั้งแต่เสี้ยวลมหายใจนั้นเป็นต้นมา เซียวเยวี่ยก็ไม่ใช่พี่ชายที่รักและเคารพสำหรับทั้งสองอีกต่อไป
…………………………………..