ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD - บทที่ 420 ร้านใหม่ปรับปรุงเสร็จสมบูรณ์แล้ว
- Home
- ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD
- บทที่ 420 ร้านใหม่ปรับปรุงเสร็จสมบูรณ์แล้ว
ดวงตาของหยางเหม่ยจี๋เบิกโพลงขณะมองปู้ฟาง ความมั่นใจของเขาทำให้นางรู้สึกงุนงง เพราะนางรู้ดีว่าการทำร้านอาหารในเมืองหมอกนภานั้นยากเย็นเพียงใด
ในเมืองหมอกนภา ธุรกิจการค้าอื่นๆ รุ่งเรืองกว่าร้านอาหารทั้งนั้น
“ท่านมั่นใจเรื่องนี้จริงหรือ” หยางเหม่ยจี๋สูดหายใจลึก เอ่ยถามอีกฝ่ายอีกครั้ง
ในเมื่อปู้ฟางเอาของอร่อยอย่างขนมปังหอยนางรมหน้าตาประหลาดออกมาให้นางกิน แปลว่าเขาอาจมีหนทางเอาชนะร้านโอสถทิพย์ในละแวกนี้ก็เป็นได้
หยางเหม่ยจี๋ยังรู้สึกเพลิดเพลินกับความอร่อยที่หลงเหลืออยู่ในปากจนถึงตอนนี้ รสชาติของมันเลิศล้ำ และกระตุ้นให้นางอยากชิมอีก ขนาดอาหารฝีมือพ่อของนางซึ่งเป็นเจ้าของร้านอาหา ารหมอกเมฆาคนแรกยังไม่อร่อยเพียงนี้
“เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้ นับจากนี้ไปข้าคือเจ้าของร้านอาหารหมอกเมฆา” ปู้ฟางพยักหน้าให้อีกฝ่าย ยกมุมปากขึ้นแสดงให้เห็นถึงความยินดี
ทว่าหยางเหม่ยจี๋กลับมีท่าทางเหมือนกำลังตัดสินใจเรื่องที่ยากที่สุด
ตัวของนางสั่นเทิ้มราวกับถูกเปลื้องกำลังจนหมดสิ้น กล้ามเนื้อลู่ลงจนตัวลงมากองกับพื้น สีหน้ามีแต่ความฝืนใจ
“ข้าหวังว่าท่านจะไม่ทำให้ชื่อของร้านอาหารหมอกเมฆาเสื่อมเสีย เมื่อก่อนมันเคยเป็นหนึ่งในร้านอาหารที่โด่งดังที่สุดในเมืองหมอกนภา”
“เจ้าจะไม่ผิดหวัง” ปู้ฟางตอบอย่างมั่นใจ
“ยินดีกับนายท่านที่เซ้งร้านอาหารหมอกเมฆาและกลายเป็นเถ้าแก่ของร้านนี้ได้สำเร็จ ภารกิจฉุกเฉิน เปิดร้านสาขาในเมืองหมอกนภาเสร็จสมบูรณ์แล้ว”
ตอนนั้นเองน้ำเสียงจริงจังและขึงขังของระบบก็ดังขึ้นภายในใจของปู้ฟาง
เสียงของมันทำให้ปู้ฟางรู้สึกยินดียิ่งขึ้น
“ร้านสาขาได้รับการยืนยันแล้ว ระบบจะปรับปรุงและพัฒนาร้านอาหารหมอกเมฆาภายในห้าวัน ในห้าวันนี้นายท่านจะต้องคิดค้นอาหารจานใหม่ และใช้มันเพื่อสร้างชื่อให้ร้านอาหารหมอกเมฆา”
ระบบย้ำเตือนชายหนุ่ม
ปู้ฟางผงะไปเล็กน้อย แต่หลังจากนั้นร่องรอยความยินดีก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า
ระบบจะปรับปรุงร้านให้จริงรึ เป็นเรื่องประหลาดใจที่น่ายินดีอย่างยิ่ง
เนื่องจากเป็นร้านสาขา สิ่งอำนวยความสะดวกย่อมไม่ธรรมดา มันควรเหมือนในร้านที่นครหลวง เครื่องไม้เครื่องมือในครัวก็เช่นกัน เพราะส่วนนี้คือจุดที่สำคัญที่สุด
ระหว่างที่ปู้ฟางกำลังครุ่นคิดใจลอย หยางเหม่ยจี๋ก็ลุกขึ้นยืน
นางมองปู้ฟางพลางเอ่ยขึ้น “ข้าชื่อหยางเหม่ยจี๋ ท่านชื่ออะไร”
“ปู้ฟาง” เขาตอบเรียบๆ ดึงตัวเองออกจากความคิด
“เอ่อ ข้ายกร้านให้แล้ว และหวังว่าท่านจะไม่ทำให้ข้าเสียใจ อีกอย่างพรุ่งนี้ข้าจะซื้อโต๊ะซื้อเก้าอี้เข้าร้านให้ ข้าจะหาเครื่องไม้เครื่องมือใหม่ให้ด้วย ก่อนหน้านี้ข้าตั้งใจจ จะไปหอโอสถ แต่รู้สึกไม่ค่อยดีที่ต้องทิ้งร้านไว้ ตอนนี้พอขายให้ท่าน ข้าก็โล่งใจขึ้นเยอะ” หยางเหม่ยจี๋พูดพลางถอนหายใจ
หลังจากนั้นนางก็เตรียมห้องหับเพื่อให้ปู้ฟางได้พักในร้าน
คืนนั้นผ่านพ้นไปโดยดี
…
วันต่อมา หยางเหม่ยจี๋ลุกจากเตียงแต่เช้าตรู่แล้วออกไปซื้อโต๊ะซื้อเก้าอี้ พอได้มาแล้วก็เอามาตั้งไว้ที่ร้าน เครื่องเรือนชิ้นใหม่ทำให้ร้านอาหารหมอกเมฆามีหน้าตาสมกับเป็นร้านอ อาหารอีกครั้ง
ส่วนปู้ฟางก็เดินวนรอบร้านเรื่อยเปื่อย ในใจคิดถึงแต่อาหารจานใหม่
เจ้ากุ้งที่เกาะอยู่บนไหล่ของปู้ฟางเหมือนจะพักผ่อนเพียงพอแล้ว มันกลอกตาไปมาแล้วเริ่มสังเกตสิ่งรอบตัวอย่างอยากรู้อยากเห็น
เจ้ากุ้งกระโดดกระเด้งไปทั่ว ลงเอยด้วยการทำให้ประตูร้านเป็นรูโหว่ขนาดเบ้อเริ่มอย่างไม่ได้ตั้งใจ
ปู้ฟางจับหางมันแล้วยกขึ้นมา หากไม่ทำเช่นนี้ เจ้ากุ้งตัวน้อยอาจทำร้านพินาศก็เป็นได้
เมื่อหยางเหม่ยจี๋กลับมาอีกครั้ง นางก็เห็นปู้ฟางลากเก้าอี้ในร้านออกมานั่งอยู่ตรงหน้าทางเข้าร้าน
ท่านั่งของปู้ฟางค่อนข้างประหลาด เขาไม่ได้นั่งเต็มเก้าอี้ แต่เหมือนเอนตัวพิงเก้าอี้เสียมากกว่า ท่าทางขี้เกียจเอาเรื่องทีเดียว
“ทำไมท่านถึงผ่อนคลายเช่นนี้ ไม่รู้หรือว่าแถวนี้มีร้านโอสถทิพย์มาเปิดตั้งเยอะแล้ว”
หยางเหม่ยจี๋นึกเอาเองว่าปู้ฟางคงจะรีบเร่งจัดการโน่นนี่หลังซื้อร้านมา อย่างน้อยที่สุดเขาก็น่าจะเริ่มจากการทำขนมปังหอยนางรมจานอร่อยนั่น
ทว่านางคาดไม่ถึงว่านอกจากไม่ทำอะไรแล้ว เขายังลากเก้าอี้ออกมานั่งทอดหุ่ยอยู่หน้าร้าน และเอาแต่เพลิดเพลินกับการอาบแดด
เหตุใดถึงขี้เกียจขนาดนี้
นางชักสงสัยแล้วว่าการฝากร้านไว้ในมืออีกฝ่ายเป็นการตัดสินใจที่ดีจริงหรือเปล่า
ปู้ฟางย่อมไม่รู้ว่าหยางเหม่ยจี๋กำลังคิดอะไร เขาทำเพียงพยักหน้าให้อีกฝ่ายแล้วนอนเอกเขนกต่อไป
เขาปวดศีรษะเล็กน้อยเพราะถูกบังคับให้ต้องคิดค้นอาหารจานใหม่เพื่อสร้างชื่อเสียงให้ร้านอาหารหมอกเมฆา นี่ไม่ใช่งานง่ายๆ เลย
ปู้ฟางอยากทำเพียงข้าวผัดไข่ แต่ต่อให้ข้าวผัดไข่มีกลิ่นหอม มันก็ยากจะดึงดูดความสนใจของผู้คน
แม้ว่าโอสถอดอาหารหลากรสจะเป็นสิ่งไร้ค่าในสายตาของปู้ฟาง แต่มันก็ยังมีกลิ่นหอมฟุ้ง ถือเป็นเรื่องค่อนข้างยากสำหรับเขาหากจะทำอาหารให้ออกมาหอมหวนกว่าโอสถนั่น และใช้มันดึงดูดล ลูกค้า ยิ่งไปกว่านั้นงานนี้ยังเป็นงานที่หนักหน่วงและไร้รางวัลตอบแทนด้วย
ด้วยเหตุนี้ปู้ฟางจึงรู้สึกลังเลที่จะครุ่นคิดอย่างจริงจังว่าจะทำอาหารจานใดดี
หยางเหม่ยจี๋ทอดถอนใจขณะมองปู้ฟางจอมเกียจคร้าน เพราะนางไม่มีหนทางอื่นและกำลังจนตรอกอยู่หรอกนะ นางถึงได้หยิบยื่นร้านนี้ให้ปู้ฟาง
วันนั้นมีหลายคนมาที่ร้านอาหารหมอกเมฆา คนเหล่านี้สวมชุดนักเล่นแร่แปรธาตุอันโดดเด่น พวกเขามารับหยางเหม่ยจี๋ที่ก็สวมชุดนักเล่นแร่แปรธาตุบนร่างกายอันใหญ่โต แต่ชุดดังกล่าวดูเห หมือนจะปริออกมาได้ทุกเมื่อ นางมองปู้ฟางด้วยสายตาเคร่งขรึมพลางเอ่ยขึ้น…
“ข้าจะไปหอโอสถสักหน่อย หวังว่าตอนที่ข้ากลับมาท่านคงจะไม่เสียร้านไปแล้ว”
ปู้ฟางพยักหน้าโบกไม้โบกมือเป็นการบอกว่าไม่ต้องกังวลไปและให้วางใจในตัวเขา
แต่หยางเหม่ยจี๋ไม่รู้สึกวางใจสักนิด ความเกียจคร้านของปู้ฟางทำให้นางวิตกกังวล ขณะที่หยางเหม่ยจี๋ออกจากร้านอาหารหมอกเมฆาไปพร้อมกลุ่มนักเล่นแร่แปรธาตุ รัศมีความเป็นนักเล่นแร่แปร รธาตุก็ดูเหมือนจะแผ่ออกมาจากร่างของนางเล็กน้อย
ปู้ฟางที่นอนแผ่อยู่บนเก้าอี้มองส่งนางด้วยสายตา จากนั้นก็หาวอย่างเฉื่อยชา มีร้านหนึ่งมาเปิดใหม่อยู่ฝั่งตรงข้ามร้านอาหาร ระหว่างนอนบนเก้าอี้ ปู้ฟางก็สังเกตร้านนั้นอย่างจริงจั ง แล้วพบว่าเจ้าของร้านเปิดใหม่ไม่ใช่หนานกงหมิงที่เพิ่งมาก่อกวนกันไป
เจ้าของร้านเป็นหญิงสาวผมแดง รูปร่างเย้ายวนชวนฝัน นางสวมผ้าคลุมหน้าเลยมองไม่เห็นใบหน้า แต่ทรวดทรงองค์เอวอวบอัดนั้นเด่นชัดมาก
ทันทีที่เปิดกิจการ คนก็หลั่งไหลมาที่ร้านโอสถทิพย์ของนางอย่างต่อเนื่อง การค้าของนางดูเหมือนจะรุ่งเรือง กิจการที่เฟื่องฟูของร้านทำให้แถวนี้มีคนไปมาพลุกพล่าน
กระนั้นก็ดี แม้ว่าแถวนี้จะมีคนมากขึ้น ร้านอาหารหมอกเมฆาก็ยังโล่งร้างผู้คนเช่นเดิม
บรรดาลูกค้าที่แห่มาร้านโอสถทิพย์เผยรอยยิ้มหยันขณะเดินผ่านร้านอาหารหมอกเมฆา
“อ้าว! มีร้านอาหารในเมืองหมอกนภาของเราด้วยรึ”
“ร้านอาหารในเมืองเจ๊งหมดแล้วไม่ใช่หรือ ทำไมยังเหลือร้านนี้อยู่อีก”
“โถๆๆ น่าเวทนาที่ไม่มีลูกค้าในร้านสักคน เป็นโศกนาฏกรรมของคนค้าขายโดยแท้”
…
ฝูงชนพากันทำไม้ทำมือใส่ร้านแล้วมองปู้ฟางที่นั่งอยู่หน้าร้านด้วยสายตาเย้ยหยัน
แถวของคนที่รอเข้าร้านเปิดใหม่ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามยาวเหยียดออกมาถึงหน้าร้านอาหารหมอกเมฆา
บางคนถึงขนาดยกเก้าอี้ในร้านมานั่งด้วยซ้ำ
ปู้ฟางยกยิ้มมุมปาก เขาไม่คิดถือสาคนพวกนั้น
ปู้ฟางมองคนที่ต่อแถวจนยาวเหยียดมาถึงหน้าร้านของตน แล้วจู่ๆ ก็หรี่ตาลง
ชั่วขณะที่มองเหล่าคนไร้ยางอาย ปู้ฟางก็ตัดสินใจได้ในที่สุดว่าจะทำอาหารอะไร มันต้องเป็นอาหารที่สามารถดึงดูดความสนใจของคนกลุ่มนี้ได้ เขายกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มขี้เล่น สายตา าจดจ่ออยู่ที่ร้านโอสถทิพย์ฝั่งตรงข้าม
หญิงสาวผมแดงที่มีทรวดทรงเย้ายวนออกมาให้เห็นบ่อยครั้งเพื่อเตรียมโอสถทิพย์ให้ลูกค้า นางเหมือนสัมผัสได้ว่ามีสายตามองมาจึงเงยหน้าขึ้น ทำให้สายตาของนางปะทะกับสายตาของปู้ฟาง
หญิงสาวผู้นั้นผงะไปเล็กน้อย นางพยักหน้าให้ปู้ฟางก่อนหันกลับไปสนใจงานที่ทำอยู่ สายตาของหญิงสาวผู้นี้มีเสน่ห์เหลือล้น
ปู้ฟางยกย่องนางอยู่ในใจ เซียวเยียวอวี่และหนี่หยันที่งามอย่างอุกอาจก็มีสายตาทรงเสน่ห์คล้ายคลึงกัน ไม่แน่ว่ามันอาจจะเป็นคุณสมบัติที่สาวงามทุกคนพึงมี
“เถ้าแก่ ขอยืมเก้าอี้หน่อย”
ชั่วขณะที่ปู้ฟางตกอยู่ในภวังค์ ชายคนหนึ่งก็กล่าวขึ้นแล้วลากเก้าอี้มานั่งข้างเขา
ชายผู้นี้จ้องหญิงสาวผมแดงในร้านโอสถทิพย์ด้วยสายตาร้อนแรง น้ำลายแทบจะไหลออกจากปากเสียด้วยซ้ำ
“นายท่าน ช่วยให้ความสนใจข้าด้วย ร้านอาหารหมอกเมฆาปรับปรุงสมบูรณ์แล้ว สิ่งอำนวยความสะดวกในครัวได้รับการปรับเปลี่ยนเรียบร้อย จะเริ่มการเปลี่ยนเก้าอี้และโต๊ะภายในร้านในไม่ช้า” ทั นใดนั้นเสียงจริงจังของระบบก็ดังก้องในใจปู้ฟาง
ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของปู้ฟางก็สว่างวาบขึ้นมา ในที่สุดการปรับปรุงร้านก็เสร็จสมบูรณ์ เขายกยิ้มมุมปากหันมองหนุ่มคลั่งรักที่นั่งอยู่ข้างๆ ปู้ฟางยืนขึ้นตบบ่าชายคนนั้ นเบาๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “ลุกขึ้นแล้วคืนเก้าอี้มา หมดเวลาเปิดร้านของวันนี้แล้ว”
ชายคลั่งรักสะดุ้งเฮือก หันหน้ามองปู้ฟางด้วยอาการสับสน กระนั้นก็รู้สึกได้ถึงการเสียดสีตรงบั้นท้ายขณะที่เก้าอี้ถูกปู้ฟางลากออกไป เขาร่วงก้นจ้ำเบ้าพร้อมเสียงดังตุ้บ สีหน้าเปล ลี่ยนเป็นเหยเก
หลังจากดึงเก้าอี้ออกมาได้แล้ว ปู้ฟางก็หิ้วมันกลับเข้าร้านไป
ชายคนดังกล่าวยืนขึ้นพลางถลึงตามองปู้ฟาง
ปัง!!
ประตูโลหะของร้านถูกเหวี่ยงปิดอย่างไม่แยแสพร้อมเสียงดังสนั่น ตัดขาดจากสายตาขุ่นเคืองของชายหนุ่มที่อยู่ข้างนอกโดยสิ้นเชิง
หลายคนที่เห็นเหตุการณ์มองชายคลั่งรักด้วยสายตาแปลกประหลาด
สายตาของพวกเขาเหมือนมีทั้งความเย้ยหยันและความขบขัน ทำให้ใบหน้าของชายคลั่งรักร้อนผ่าว
เขาเหล่มองร้านอีกรอบก่อนจะเดินออกไป
ตอนปู้ฟางปิดประตูร้าน ริมฝีปากของชายหนุ่มก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม
ระบบปรับปรุงร้านเสร็จสมบูรณ์แล้ว
ในที่สุดร้านอาหารก็จะได้เปิดทำการสักที