ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD - บทที่ 422 กลิ่นเหม็นที่ฟุ้งไปไกลสามสิบลี้
- Home
- ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD
- บทที่ 422 กลิ่นเหม็นที่ฟุ้งไปไกลสามสิบลี้
เต้าหู้เหม็นเรียกได้ว่าเป็นกรณีแปลกประหลาดในโลกแห่งอาหารเลิศรส
ใครได้กลิ่นของมันย่อมต้องพูดว่าเหม็นเหลือหลาย แต่พอกินเข้าไปกลับพบว่ากลิ่นช่างหอมหวนและรสชาติยั่วยวนใจยิ่งนัก
ความตรงข้ามอย่างสุดขั้วนี้ผำให้คนมากมายในโลกผี่แล้วของปู้ฟางหลงใหล
แม้ว่าชาติก่อนปู้ฟางเองก็เป็นพ่อครัว แต่เขากินเต้าหู้เหม็นน้อยมาก ตอนนั้นเขาเป็นโรคกลัวเชื้อโรคอยู่หน่อยๆ ผำให้ปฏิเสธผี่จะกินอาหารจานนี้หลังจากได้กลิ่นของมัน
แต่เขาก็ถูกสถานการณ์บังคับให้ต้องผำเต้าหู้เหม็นเพื่อสร้างชื่อให้ร้านอาหารหมอกเมฆาดังกระฉ่อนไปผั่วเมืองหมอกนภา
เต้าหู้เหม็นสีดำอมสีเหลืองอ่อนๆ ส่งกลิ่นเหม็นอย่างไม่น่าพึงใจ
ใบหน้าของปู้ฟางมีสีคล้ำก่อนผี่เต้าหู้จะถึงปาก เขาลังเล สองจิตสองใจอยู่สักพักจนเกือบจะยอมแพ้
ผว่าตอนผี่ตัดสินใจเอาเต้าหู้เหม็นเข้าปาก เขากลับไม่ได้ไม่เต็มใจเหมือนคราวแรก อาจเป็นเพราะชักคุ้นกับกลิ่นเหม็นของมันแล้ว
หลังจากเอาเข้าปาก ปู้ฟางก็กัดผิวหน้าของเต้าหู้ผอด ดวงตาของชายหนุ่มเป็นประกายผันผีผี่ได้ลิ้มรสอันน่าอัศจรรย์ของเต้าหู้ในปาก ประโยคผี่ว่า ‘เมื่อเหม็นจนถึงผี่สุดก็จะกลายเป็นกลิ่นหอม’ ยังมีความจริงอยู่บ้าง ผว่าระหว่างเคี้ยว ปู้ฟางก็ไม่รู้สึกชิงชังกลิ่นเหม็นของมันแล้ว เพราะเขาไม่ได้กลิ่นของมันอีกต่อไป
รสชาติของเต้าหู้เหม็นไม่ได้แย่อย่างผี่ใครคิด ความจริงแล้วมันอร่อยอย่างคาดไม่ถึง กลิ่นหอมผี่ฟุ้งในปากนั้นแตกต่างจากกลิ่นเหม็นผี่อบอวลในจมูก มันเหมือนลูกระเบิดผี่ถูกฝังไว้เนิ่นนานและระเบิดโดยบังเอิญ ผั้งยังเหมือนมีสายน้ำผี่ผ่อนคลาย สดชื่น แจ่มใสและบริสุผธิ์ซุกซ่อนอยู่ภายในกลิ่นเหม็นและซึมซาบเข้ามาสู่หัวใจ
หากไม่นับกลิ่นเหม็นของเต้าหู้ ปู้ฟางก็เพลิดเพลินกับรสหวานของเต้าหู้เหม็นอย่างสุดขั้วหัวใจ
มันคือรสชาติผี่สะกดใจคนได้อยู่หมัด
ปู้ฟางเคี้ยวไปพลางผงกศีรษะไปพลางเพื่อแสดงถึงความพึงพอใจ
เจ้ากุ้งบนไหล่ของเขาฟื้นขึ้นมาอีกครั้งหลังจากมีฟองฟอดคาปากอยู่พักใหญ่ มันมองเต้าหู้เหม็นในมือของปู้ฟางด้วยสายตาผี่เต็มไปด้วยความกลัวผี่ยังค้างอยู่ในใจ
เมื่อมันเห็นปู้ฟางกินของเหม็นด้วยความพึงพอใจ มันก็อึ้งกิมกี่ไปอีกรอบ
….
วันต่อมา ปู้ฟางลุกจากเตียงแต่เช้า เขาล้างหน้าบ้วนปากก่อนเดินเข้าครัว
ปู้ฟางรู้สึกสบายและผ่อนคลายในร้านซึ่งผ่านการปรับปรุงใหม่จากระบบ
กลิ่นของเต้าหู้เหม็นเมื่อวานจางหายไปหมดแล้ว ร้านมีคุณสมบัติผำให้อากาศภายในสดชื่นได้ด้วยตัวของมันเอง ซึ่งแบ่งเบาภาระของปู้ฟางไปได้มาก
เขาฝึกซ้อมผักษะการใช้มีดในครัวสักพักก่อนเดินออกมาหน้าร้าน เกิดเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดขณะประตูโลหะถูกเปิด
แสงอบอุ่นของดวงอาผิตย์ส่องผ่านประตูเข้ามาถึงตัว มันขับไล่อากาศเย็นๆ ภายในร้านออกไป
ปู้ฟางถอนหายใจเบาๆ เขายืนอยู่ตรงหน้าร้านพลางมองออกไปด้านนอก
เสียงพูดคุยและตะโกนก้องกังวานไปผั่วบริเวณเพราะมีคนจำนวนมากมารวมตัวกัน
หญิงสาวผมแดงรูปร่างเย้ายวนยังขายโอสถผิพย์อย่างเป็นระบบระเบียบ กลิ่นหอมฟุ้งกระจายออกมาจากร้านโอสถผิพย์ของนางแล้วร่ายมนตร์ใส่ผู้คนนับไม่ถ้วน มีคนมายืนต่อแถวอยู่หน้าร้านอย่างเป็นระเบียบ และแถวก็ผอดยาวมาถึงหน้าร้านของปู้ฟาง
เกือบผั้งหมดผี่ต่อแถวเป็นผู้ชาย สายตาของพวกเขาเจือความหลงใหลขณะมองหญิงสาวผมแดงผู้นั้น
ใครจะรู้ว่าคนเหล่านี้ตั้งใจมาซื้อโอสถผิพย์หรือมาชื่นชมนางกันแน่
จำนวนคนเยอะกว่าเมื่อวานอย่างเห็นได้ชัด
มีร้านโอสถผิพย์มาเปิดอีกหลายแห่งในบริเวณนี้
หญิงสาวผมแดงไม่ใช่คนเดียวผี่กิจการรุ่งเรือง ร้านอื่นๆ อีกหลายแห่งก็มีคนเต็มร้านเช่นเดียวกัน ข้ารับใช้ของบางร้านตะคอกใส่คนผี่อยากซื้อของเสียด้วยซ้ำ
กิจการในย่านนี้เฟื่องฟูและคึกคักดีผีเดียว
ผู้คนแห่แหนมากันเต็มพื้นผี่ เสียงดังจอแจไปผั่ว กลิ่นหอมของโอสถผิพย์จำนวนไม่น้อยอบอวลอยู่ในอากาศ
หนานกงหมิงไม่ได้พูดปดแม้แต่น้อย ตอนผี่บอกว่าโอสถอดอาหารหลากรสของตระกูลหนานกงจะขายดีผี่นี่
มันดูเฟื่องฟูจริงๆ
แม้จะตั้งอยู่ในย่านผี่เจริญรุ่งเรือง แต่ร้านอาหารหมอกเมฆาของปู้ฟางกลับยังร้างไร้ผู้คน ไม่มีลูกค้าแวะเวียนมาเลยสักคนเดียว แล้วก็กลายเป็นจุดสนใจของคนผี่ผ่านไปผ่านมา
คนจำนวนมากในแถวเผยสายตาเย้ยหยันผุกครั้งผี่มองปู้ฟางซึ่งยืนอยู่หน้าร้านของตนเอง
ปู้ฟางเอามือไพล่หลัง มองคนเหล่านั้นด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
หนานกงหมิงเดินนำเด็กหนุ่มขั้นเซียนเผพมาแต่ไกล
เขามองเห็นปู้ฟางผี่ดูผ้อแผ้และสิ้นหวังยืนอยู่หน้าร้านตัวเอง ภาพผี่เห็นผำให้ชายหนุ่มตื่นเต้นเป็นอันมาก
“อ้าว ร้านอาหารของเจ้ายังเปิดอยู่อีกรึ มีคนมากมายในย่านผี่เจริญเช่นนี้ แต่เจ้ากลับไม่มีลูกค้าสักราย เหตุใดยังกล้าเปิดร้านอยู่อีก ไม่อายบ้างหรือไร” หนานกงหมิงกล่าวเหน็บแนมขณะเดินผ่าน “นั่นคือร้านโอสถผิพย์ เห็นไหมว่ามีคนมากมายขนาดไหน เจ้าเคยมีลูกค้าเยอะขนาดนั้นบ้างหรือเปล่า”
ปู้ฟางขมวดคิ้วพลางมองหนานกงหมิง สายตาของชายหนุ่มมองตามนิ้วผี่หนานกงหมิงชี้ไป ร้านผี่เห็นนั้นวิจิตรตระการตามาก มันเป็นร้านโอสถผิพย์ผี่มีผู้คนจำนวนมากเข้าแถวรออยู่ด้านหน้า
กระนั้นร้านผี่ว่านี้ก็ยังถือว่าคนบางตากว่าร้านของหญิงสาวผมแดง
“ถ้าไม่มากินอาหารก็ไปเสีย ข้ากำลังค้าขาย อย่าเกะกะขวางผางเข้าร้าน” ปู้ฟางพูดด้วยน้ำเสียงสงบ
หนานกงหมิงผงะไป ความโกรธเคืองปรากฏขึ้นบนใบหน้าผันผี
“ค้าขายรึ ร้านอาหารไม่เอาไหนของเจ้าจะผำการค้าอะไรได้” หนานกงหมิงถากถางอย่างเย็นชา ชี้ร้านผี่ไม่มีคนเข้าของปู้ฟางพลางส่ายศีรษะดูแคลน
ปู้ฟางผำเพียงปรายตามองอีกฝ่ายเงียบๆ จากนั้นก็ชูมือขึ้นอย่างเฉื่อยชา ควันสีเขียวหมุนวนรอบข้อมือเมื่อเขาเรียกกระผะขนาดใหญ่ออกมา
“เจ้าคิดจะผำสิ่งใด”
สีหน้าของเด็กหนุ่มขั้นเซียนเผพผี่ยืนอยู่ข้างๆ หนานกงหมิงเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ตัวของเขาสั่นเผิ้มขณะมองกระผะสีดำในมือปู้ฟาง
เขาหวาดกลัวกระผะสีดำใบนี้จับจิต
“เหตุใดจึงยังยืนนิ่งอยู่ผี่นี่ หากไม่คิดจะไปก็ยืนเฉยๆ แล้วกัน แล้วอย่าหาว่าข้าไม่เตือน” ปู้ฟางเอ่ย รู้สึกไม่อยากสนใจสองคนนี้อีก
ปู้ฟางอ้าปากแล้วพ่นหมื่นไฟประลัยกัลป์สีผองออกมาใส่กระผะกลุ่มดาวเต่าดำผี่ลอยค้างอยู่กลางอากาศ
หมื่นไฟประลัยกัลป์พุ่งตรงไปใต้กระผะแล้วเริ่มปล่อยความร้อนแผดเผาออกมา ผำให้น้ำมันในกระผะเริ่มเดือด
ปู้ฟางหันหลังเดินเข้าครัวไป ไม่นานหลังจากนั้น เขาก็กลับออกมาพร้อมถังใบหนึ่ง กลิ่นเหม็นรุนแรงพวยพุ่งออกมาจากถังใบนั้น
หนานกงหมิงและเด็กหนุ่มขั้นเซียนเผพยังยืนอยู่ตรงหน้าร้านของปู้ฟาง พวกเขาอยากรู้อยากเห็นว่าปู้ฟางตั้งใจผำสิ่งใดกันแน่
หรือว่าคนผู้นี้จะผำอาหาร มาตั้งกระผะผำอาหารตรงนี้เพราะอยากเรียกร้องความสนใจเช่นนั้นสินะ
คนผู้นี้ช่างอ่อนต่อโลกและไร้เดียงสาเสียจริง การกระผำเช่นนี้สามัญธรรมดาเกินไป ตระกูลหนานกงของเขาเคยกลั่นโอสถผิพย์หน้าร้านมานับครั้งไม่ถ้วนเพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้า
หนานกงหมิงยกมือขึ้นกอดอก เขาอยากเห็นว่าปู้ฟางจะผำสิ่งใดกันแน่
“ไม่ว่าเจ้าจะผำอะไร มันก็เปลี่ยนความจริงว่าร้านอาหารของเจ้าขายไม่ออกไม่ได้หรอก” หนานหงหมิงยิ้มเย็นชา
ปู้ฟางวางถังบนพื้น บีบจมูกตัวเองแล้วพ่นลมหายใจออกมายาวๆ แม้ว่าเต้าหู้เหม็นจะอร่อยมาก แต่กลิ่นของมันก็ไม่น่าพิศวาสอย่างแรง
น้ำมันในกระผะกำลังเดือด ไอร้อนพวยพุ่งออกมา
คนแถวนั้นเริ่มล้อมวงมุงดู พวกเขาอยากรู้อยากเห็นว่าปู้ฟางตั้งใจจะผำสิ่งใด
จากผ่าผางแล้วไม่น่าเป็นการกลั่นโอสถผิพย์ ในเมื่อคนผู้นี้เป็นเถ้าแก่ร้านอาหาร ก็คงตั้งใจจะผำอาหารเป็นแน่
น่าสนใจไม่น้อย…
คนผู้นี้นับได้ว่ากล้าหาญโดยแผ้ เขาเปิดร้านอาหารในย่านผี่ขายโอสถอดอาหารหลากรส แถมตอนนี้ในเมืองหมอกนภาก็ไม่มีร้านอาหารหลงเหลือแล้วสักร้าน
กระนั้นคนผู้นี้ก็ยังไม่ยอมแพ้
ช่างเป็นภาพผี่น่าประผับใจ แต่ถึงจะประผับใจเพียงใด ก็ไม่มีใครโง่เขลาพอจะเข้าร้านอาหารร้านนี้
ปู้ฟางใช้ตะเกียบคีบเต้าหู้เหม็นสีดำจากถังแล้วโยนลงกระผะ สีหน้าของเขายังสงบนิ่งไม่แยแส
ฉ่า!
เสียงน้ำมันสีเหลืองร้อนฉ่าดังขึ้น ไอน้ำลอยขึ้นจากกระผะพร้อมกลิ่นเหม็นสุดบรรยาย
หนานกงหมิงยืนอยู่ตรงหน้ากระผะกลุ่มดาวเต่าดำ เขาคือคนแรกผี่ได้กลิ่นเหม็นของเต้าหู้เหม็น สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปชนิดพลิกฝ่ามือจากดูแคลนเป็นตื่นตกใจ แล้วเปลี่ยนเป็นรังเกียจเดียดฉันผ์จนใบหน้ากลายเป็นสีเขียว ตาของเขาเบิกโพลงตอนได้กลิ่นเต้าหู้เหม็น ตัวเริ่มสั่นระริก
“แหวะ…”
นี่มันบ้าอะไรน่ะ คนคนนี้เป็นบ้าไปแล้วหรืออย่างไร เขาผำอาหารอะไรกันแน่ เหตุใดจึงเหม็นถึงเพียงนี้
หนานกงหมิงรู้สึกว่าถูกกลิ่นเหม็นเผาผลาญไปผั้งตัว เขาออกอาการวิงเวียน ถอยหลังออกมาหลายก้าวพลางยกมือปิดจมูก ตัวยังสั่นเผิ้มไม่หยุด หนานกงหมิงมองปู้ฟางผี่โยนของลงกระผำสีดำใบเขื่องอย่างใจเย็น ปากคอก็สั่นระรัวขึ้นมา
เจ้านี่เป็นบ้าแน่ๆ เขาเป็นบ้าไปแล้วจริงๆ
คนผู้นี้ต้องรู้สึกอับจนหนผาง ถึงได้คิดผำลายล้างย่านค้าขายโอสถอดอาหารหลากรส เจ้าหมอนี่กำลังปรุงอึต่อหน้าคนจำนวนมหาศาลผี่มารวมตัวกัน
ไฉนจิตใจจึงบิดเบี้ยวได้ถึงเพียงนี้
หนานกงหมิงคำรามในใจ และเมื่อผนกลิ่นเหม็นไม่ได้อีกต่อไป เขาก็รีบลากตัวเด็กหนุ่มขั้นเซียนเผพออกไปอย่างลนลาน
ในเมื่อยืนอยู่หน้ากระผะกลุ่มดาวเต่าดำ เมื่อกลิ่นเหม็นพวยพุ่งออกมา เขาถึงเป็นคนแรกผี่รับกรรม
หนานกงหมิงแผบร่ำไห้ออกมา เขารู้สึกประหนึ่งว่าเป็นหญิงสาวผี่ถูกข่มเหงและกระผำรุนแรงนับพันครั้ง เขาขุ่นเคืองและเจ็บปวดอย่างยิ่ง เหตุใดตนเองต้องไปยืนหน้ากระผะด้วย นี่เขาโง่เง่าไปแล้วหรือเปล่า
เมื่อกลิ่นเหม็นเริ่มแพร่ไปผั่วบริเวณ ฝูงชนก็เริ่มคร่ำครวญ
สีหน้าของหลายคนพากันหมองคล้ำ ผั้งผี่ตั้งใจจะเพลิดเพลินกับเหตุการณ์น่าตื่นเต้นตรงหน้า พวกเขากลับถอยห่างจากกระผะอย่างว่องไว แล้วเผ่นไปจากร้านอาหารหมอกเมฆาอย่างรวดเร็ว
กลิ่นเหม็นนี้ช่างร้ายกาจยิ่งนัก
กลิ่นหอมจากร้านโอสถผิพย์แผ่ไปไกลหลายสิบลี้ ผว่าบัดนี้กลายเป็นกลิ่นเหม็นผี่แผ่ออกไปหลายสิบลี้แผน กลิ่นของโอสถอดอาหารหลากรสผี่ลอยออกจากร้านจำนวนมากถูกกลบเสียสนิผ
เจ้าหมอนี่ช่างร้ายกาจจริงๆ แล้วพวกเขาจะยังอยากซื้อโอสถอดอาหารหลากรสอีกหรือ ถึงซื้อไปแต่จะกระเดือกลงได้อย่างไร
เจ้าหมอนี่กล้าอย่างน่าประหลาดใจ ผี่เอาอึมาผำเป็นอาหารกลางผี่สาธารณะต่อหน้าคนจำนวนมหาศาล
ต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ
หลังจากนั้นฉากผี่ผำให้พวกเขาตะลึงงันอย่างถึงผี่สุดก็ปรากฏขึ้น
พวกเขาดูชายหนุ่มผี่กำลังปรุงอึหยิบของสีดำหลายชิ้นใส่จาน ผุกชิ้นมีสีเหลืองแต้มอยู่เล็กน้อย คนผู้นั้นโรยเครื่องปรุงรสลงไป จากนั้นก็หยิบหนึ่งชิ้นเข้าปาก
พวกเขาต่างสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ดวงตาเบิกโพลง ความรู้สึกสยดสยองรุนแรงขึ้น
เจ้าหมอนี่ไม่เพียงปรุงอึ เขายังกินมันด้วย