ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD - บทที่ 423 ให้ตายเถิด! เทพธิดาของเรากินอึ
- Home
- ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD
- บทที่ 423 ให้ตายเถิด! เทพธิดาของเรากินอึ
ครืน!
กลิ่นของเต้าหู้เหม็นโดนลมหอบกระจายไปทั่วบริเวณ และดูราวกับก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขณะพัดกระพือไปตามสายลม
กลิ่นเหม็นรุนแรงตลบอบอวลไปไกลกว่าสามสิบลี้ ทุกคนที่อยู่ใกล้ๆ ร้านอาหารหมอกเมฆาต่างถูกกลิ่นเหม็นบังคับให้ถอยร่นออกไป สีหน้าของพวกเขาหมองคล้ำเมื่อได้กลิ่นเหม็นลอยมาในอากาศ
พวกเขาตกใจสุดขีดเมื่อได้เห็นชายหนุ่มซึ่งยืนอยู่หน้าร้านกำลังกินอึ
สิ่งนี้มันกินได้ด้วยรึ
ตุ่มรับรสของเขาผิดปกติหรืออย่างไร ใครจะมีรสนิยมบิดเบี้ยวขนาดกินอึกัน กระทั่งกลิ่นหอมของโอสถอดอาหารหลากรสยังไม่อาจสกัดกลิ่นเหม็นที่ออกมาจากสิ่งนี้ได้
เจ้าหมอนี่มันจงใจชัดๆ
ทุกคนเห็นตอนปู้ฟางเอาเต้าหู้เหม็นเข้าปาก น้ำมันซึมออกมาทันทีที่เขากัดชิ้นเต้าหู้ มันส่องประกายและมีจุดสีดำแซมอยู่บ้าง
เมื่อเห็นภาพตรงหน้า ใบหน้าของพวกเขาก็ยับย่นไป
หลังถูกกลิ่นเหม็นเล่นงาน หนานกงหมิงก็ไปซ่อนตัวอยู่ไกลๆ เขาไม่อยากเข้าใกล้ร้านอาหารหมอกเมฆาแม้แต่น้อย
ใบหน้าของชายหนุ่มกระตุกและหดเกร็งเมื่อเห็นปู้ฟางออกอาการหลงใหลได้ปลื้ม สีหน้าของปู้ฟางดูหลงใหลมัวเมาขณะเคี้ยวสิ่งที่ส่งกลิ่นเหม็น
หมอนี่กลืนของน่าขยะแขยงเช่นนั้นไปได้อย่างไร
หนานกงหมิงเกิดอาการเหม่อลอยพลางคิดในใจ ‘หรือข้าจะกดขี่ร้านอาหารแห่งนั้นมากเกินไป เจ้าหมอนั่นอับจนหนทางจนต้องปรุงอึหน้าร้านเพื่อทำให้คนจำนวนมากพะอืดพะอมเชียวรึ”
ยิ่งคิดหนานกงหมิงก็ยิ่งมั่นใจว่าต้องเป็นเช่นนั้นแน่ ขณะหันมองปู้ฟางอีกครั้ง สายตาของเขาก็ไม่เป็นมิตรขึ้นมา เขารู้สึกว่าปู้ฟางเป็นคนเจ้าเล่ห์อย่างร้ายกาจ
กระนั้นเขาก็จนปัญญาและเหมือนจะอาเจียนออกมาหากต้องดมกลิ่นเหม็นนานกว่านี้ หนานกงหมิงเค้นสมอง พยายามหาทางรับมือกับปู้ฟาง
ไอ้กลิ่นนี่มันแรงเกินไปแล้ว
ทุกคนที่ต้องการซื้อโอสถอดอาหารหลากรสพากันสะอิดสะเอียน ในเวลาสั้นๆ ถนนที่เคยคึกคักและมีชีวิตชีวาก็พลันว่างเปล่า
ใครจะอยากซื้อโอสถอดอาหารหลากรสหลังได้กลิ่นเหม็นน่าพะอืดพะอมเช่นนี้เล่า
ของสีดำปนเหลืองในกระทะคือสิ่งที่น่าขยะแขยงที่สุดในชีวิตของพวกเขา
ปู้ฟางยังทอดเต้าหู้เหม็นอย่างสงบ ราวกับไม่รับรู้ถึงสายตาแสดงความรังเกียจจากคนแถวนั้น รสชาติของเต้าหู้เหม็นในปากช่างอร่อยเสียนี่กระไร มันชวนให้หลงใหลจริงๆ
กลิ่นเหม็นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และทุกคนก็โกรธขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน
เจ้าของร้านโอสถทิพย์หลายแห่งพุ่งเข้าหาปู้ฟางอย่างเดือดดาลเพราะเสียลูกค้าไปหมด
พวกเขายืนอยู่หน้าร้านของปู้ฟางพลางจ้องชายหนุ่มอย่างโกรธแค้น
ทุกคนต้องการให้ปู้ฟางหยุดพฤติกรรมต่ำช้าเสียที
เหตุใดจึงกล้าปรุงอึในที่สาธารณะ หนำซ้ำยังกินมันต่อหน้าธารกำนัล… โดยเฉพาะในย่านที่ขายโอสถอดอาหารหลากรส
เจ้าของร้านหลายคนเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุและเคยทำงานร่วมกับตระกูลหนานกง พวกเขาจ่ายราคาแพงเพื่อแลกกับสิทธิ์ในการขายโอสถอดอาหารหลากรส
หากกำไรจากการขายโอสถอดอาหารหลากรสน้อยกว่าส่วนที่จ่ายไป พวกเขาย่อมต้องขาดทุนย่อยยับ
โอกาสของการเปิดร้านในย่านนี้ค่อนข้างสดใส
พวกเขาล้วนหวังว่าจะได้ผลึกจำนวนมาก และไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะมีชายหนุ่มบางคนมายืนปรุงอึที่นี่ เห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้พยายามตัดหนทางทำมาหากินของทุกคน
แม้ว่าต้องทนต่อกลิ่นเหม็นท่วมท้น แต่วันนี้พวกเขาต้องร่วมมือกันจัดการปู้ฟางให้ได้
“เจ้ากำลังทำบ้าอะไร จงหยุดเดี๋ยวนี้ หยุดทำเรื่องน่ารังเกียจต่อหน้าทุกคน...”
“เหตุใดเจ้าถึงค้าขายเช่นนี้ เหตุใดจึงปรุงอึหน้าร้านค้าของพวกเรา”
“พับผ่าสิ ถ้าขาดทุนย่อยยับเพราะเจ้า ข้าจะพังร้านของเจ้าไม่ให้เหลือซากแน่”
เสียงตะโกนสาปแช่งทำให้ปู้ฟางขมวดคิ้ว เขาพยายามมีสมาธิกับการทอดเต้าหู้เหม็น แต่คนพวกนี้ดันมารบกวนเสียได้
ปู้ฟางหยุดปรุงอาหารพลางปรายตามองนักเล่นแร่แปรธาตุที่อยู่ใกล้ตัวสุด
คนผู้นั้นหยุดสาปแช่งแล้วยืดคอขึ้น ก่อนจ้องปู้ฟางอย่างเย็นชาเป็นการตอบโต้
“ข้าแค่ปรุงอาหารหน้าร้านของตัวเอง กวนพวกเจ้าตรงไหนกัน” ปู้ฟางพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “เจ้าก็ไปขายโอสถอดอาหารของเจ้าโน่น ข้าก็จะขายเต้าหู้เหม็นของข้า เราจะอยู่ร่วมกันอย่า างสันติ”
น้ำเสียงของปู้ฟางสงบนิ่งและไม่แยแสเหมือนทุกครั้ง ทว่าความไม่แยแสของเขากลับทำให้คนแถวนั้นอึ้งกิมกี่ยิ่งกว่าเดิม
“ขายรึ พับผ่าสิ! เจ้านี่ปัญญาอ่อนหรืออย่างไร”
“เขาปรุงอึเพื่อขายรึ ข้านึกว่าจะแกล้งให้เราสะอิดสะเอียนเสียอีก”
“คนสติทึบที่ไหนจะซื้ออึ ใครจะบ้ากิน… เขาคิดว่าพวกเราสมองกลวงเช่นนั้นหรือ”
สีหน้าของคนเหล่านี้เปลี่ยนไปทันที พวกเขาทนทรมานกับกลิ่นของเต้าหู้เหม็นมาพอแล้ว จึงเริ่มส่งเสียงดังยิ่งกว่าเดิม
ทำไมถึงมีคนสติเพี้ยนขนาดนี้ในโลกด้วย ไอ้นี่เหม็นจะตายไป… ไม่จำเป็นต้องชิมก็รู้ว่ารสชาติจะเลวร้ายขนาดไหน ใครจะเอาผลึกมาซื้อกัน
ร้านอาหารหมอกเมฆารึ
ในเมื่อถนัดทำอาหารไร้สาระเช่นนี้ ก็ไม่แปลกใจที่ร้านอาหารทั้งหมดในเมืองหมอกนภาจะสูญพันธุ์ไป กระทั่งร้านสุดท้ายในเมืองยังถอดใจและทิ้งชื่อตัวเองเพราะจมกับความสิ้นหวัง
คำสาปแช่งและก่นด่าจากคนแถวนั้นทำอะไรปู้ฟางไม่ได้แม้แต่น้อย
เขายังทอดเต้าหู้เหม็นอย่างสบายใจด้วยสีหน้าผ่อนคลาย
ปู้ฟางเอาเต้าหู้เหม็นใส่จานแล้วโรยเครื่องปรุงรสก่อนจะวางมันบนโต๊ะ
“นี่คืออาหารของร้านข้า เต้าหู้เหม็นชามละยี่สิบผลึก ข้าต้อนรับทุกคนที่อยากเข้ามาลองลิ้มชิมรส” ปู้ฟางกวาดตามองคนแถวนั้นแล้วพูดอย่างสุขุม
เหล่านักเล่นแร่แปรธาตุจากร้านโอสถทิพย์แถวนั้นต่างกราดเกรี้ยวเมื่อได้ยินสิ่งที่ปู้ฟางพูด พวกเขาถลึงตาใส่อย่างโกรธแค้น
ต่างสงสัยไม่น้อยว่าหูของตนมีปัญหาหรืออย่างไรตอนที่ได้ยินคำพูดของปู้ฟาง
แม้ว่าข้าวของทุกอย่างในเมืองหมอกนภาจะราคาค่อนข้างแพง แต่ไม่มีทางที่อาหารหนึ่งจานจะต้องจ่ายถึงยี่สิบผลึก ทั้งหมดมีมติร่วมกันว่าอาหารหน้าตาเหมือนอึนั่นมีค่าไม่ถึงยี่สิบผลึก แน่นอน
คนผู้นี้คิดว่าผลึกเป็นเหมือนกะหล่ำปลีที่ขึ้นอยู่ทั่วไปหรืออย่างไร
เสียงปฏิเสธและไม่ยอมรับดังขึ้นรอบบริเวณ
ทุกคนที่นี่มีความชอบธรรมที่จะรู้สึกขุ่นเคือง บางคนถึงขนาดเข้าประชิดร้านหมายทำร้ายปู้ฟางเพื่อสั่งให้เขาหยุดมือด้วยซ้ำไป
“พวกเจ้าได้ยินไม่ชัดหรืออย่างไร เต้าหู้เหม็นคืออาหารจานแรกที่จะช่วยสร้างชื่อให้ร้านอาหารหมอกเมฆา หากใครกล้าเข้ามา อย่าหาว่าข้าไร้ความปรานี” ปู้ฟางพูดใส่ทุกคน
พอพูดจบ ควันสีเขียวก็ลอยวนรอบข้อมือขณะชายหนุ่มเรียกมีดทำครัวกระดูกมังกรทองขนาดยักษ์ออกมา เขาเอามันพาดบ่าเพื่อแสดงพลัง
ปู้ฟางโบกมีดทำครัวทำให้เกิดลมพัดแรงกดดันทุกคนที่อยู่รอบตัว
หนานกงหมิงที่ยืนอยู่ไกลออกไปทำสีหน้าเย้ยหยันปู้ฟาง เขาดีใจที่เห็นปู้ฟางสร้างปัญหา ปู้ฟางยั่วยุคนรอบตัวให้โกรธเคืองอย่างไม่ลดราวาศอก เขาต้องการเห็นปู้ฟางถูกคนที่ตนเองกวนโท ทสะฉีกเป็นชิ้นๆ
ปู้ฟางปรายตามองหนานกงหมิง สายตาของเขาไร้ซึ่งอารมณ์ขณะสะบัดมือโยนเต้าหู้เหม็นอีกชิ้นลงในน้ำมันสีเหลืองที่กำลังเดือดพล่านในกระทะ
“เจ้าบอกว่าทำขายเช่นนั้นหรือ”
ตอนนั้นเองเสียงชวนฟังของสตรีนางหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านหลัง
ฝูงชนช่วยกันเปิดทางให้หญิงสาวผมแดงรูปร่างอวบอัดจากร้านโอสถทิพย์ฝั่งตรงข้ามร้านอาหารหมอกเมฆา
แม้จะมีผ้าคลุมหน้า แต่ดวงตาที่งดงามก็สร้างความประทับใจให้แก่ปู้ฟางไม่น้อย นางเดินช้าๆ เหมือนไม่ได้ใส่ใจกับกลิ่นเหม็นในอากาศ ก่อนจะพาผิวขาวผ่องมาหยุดอยู่ตรงหน้าร้านของชายหนุ มแล้วมองเต้าหู้เหม็น หลังจากมองอาหาร นางก็หันหน้ามามองปู้ฟางพลางขมวดคิ้ว
“นี่คือเต้าหู้เหม็นของแท้ทำจากสูตรลับของร้านอาหารหมอกเมฆา จานละยี่สิบผลึก ร้านเราให้การดูแลอย่างจริงใจ ค้าขายเป็นธรรมไม่ว่าจะเป็นคนชราหรือหนุ่มสาว” ปู้ฟางกล่าว
“รู้หรือไม่ว่าอาหารของเจ้ากระทบการขายโอสถทิพย์ของตระกูลหนานกงในย่านนี้ ในเมื่อเจ้าทำออกมาแล้ว ข้าก็จะชิมสักหน่อย หากมันกินไม่ได้ เจ้าควรหยุดทำทันทีแล้วปิดร้านไป หากย ยังเปิดร้านอยู่อีก เจ้าต้องนึกถึงผลที่ตามมาไม่ออกแน่ และข้าหนานกงหวั่นก็สามารถทำตามที่พูดได้อย่างแน่นอน”
หญิงสาวผมแดงจ้องปู้ฟางแล้วพูดขึ้นช้าๆ
“แล้วถ้ามันกินได้ล่ะ” ถึงปู้ฟางไม่รู้ว่าหนานกงหวั่นคือใคร แต่รูปร่างหน้าตาของนางก็เจริญหูเจริญตาเขาไม่น้อย
“เจ้าสามารถขายอาหารที่นี่ต่อไป ข้าหนานกงหวั่นจะไม่สร้างปัญหาให้อีก” หนานกงหวั่นยกมือขึ้นขณะพูด
“ตกลง”
ปู้ฟางพยักหน้าให้นางแล้วหยิบจานเต้าหู้เหม็นขึ้นมา เขาโบกมืออย่างไม่ใส่ใจจากนั้นก็โยนจานให้หญิงสาวช้าๆ
“แม่นางน้อยหนานกงหวั่น ท่านจะกินของน่าสะอิดสะเอียนนั่นจริงหรือ”
“พับผ่าสิ! แม่นางน้อยเป็นบ้าไปแล้วรึ เหตุใดจึงยอมรับข้อเรียกร้องของหมอนั่น”
“ไม่นะ! ภาพลักษณ์อันสมบูรณ์แบบของแม่นางน้อยในใจข้าต้องย่อยยับแน่ หากนางกินของที่เหมือนอึนั่น”
ทุกคนเริ่มส่งเสียงโอดครวญเมื่อรู้ว่าหนานกงหวั่นตั้งใจจะชิมอาหารที่เหม็นสุดขีดด้วยตนเอง บางคนถึงขนาดจิกทึ้งผมตัวเองพลางเบิกตาโพลง
หนานกงหวั่นคือบุตรสาวของหัวหน้าตระกูลหนานกง นางคืออัจฉริยะที่จบจากสำนักเล่นแร่แปรธาตุ และจะผ่านการทดสอบของหอโอสถในไม่ช้าเพื่อจะได้เป็นนักเล่นแร่แปรธาตุเอกเมฆาอย่างเป็นทางก การ
พวกเขาไม่เคยคาดคิดว่านางจะลุกขึ้นมาทำอะไรเช่นนี้ในช่วงเวลานี้
หนานกงหวั่นจับจานเต้าหู้เหม็นที่ปู้ฟางโยนให้
เจ้านี่เหม็นมากจริงๆ
หญิงสาวขมวดคิ้วสีดำคู่งามอย่างอดไม่ได้หลังสูดกลิ่นของเต้าหู้เหม็นในระยะประชิด นางขยะแขยงมันเหลือใจ แต่ในเมื่อพูดแล้วว่าจะลองชิม นางย่อมไม่คืนคำ หนานกงหวั่นเปิดผ้าคลุมหน น้าเผยให้เห็นใบหน้างดงามชวนตะลึง
ใครก็ตามที่ได้เห็นความงามของใบหน้านั้นต้องหายใจติดขัด ทว่าตอนนี้กลับไม่มีใครสนใจความงามของนางเลย
ทุกคนจดจ้องอยู่กับการกระทำของนาง พวกเขามองนางยกเต้าหู้เหม็นขึ้นช้าๆ แล้วเอาใส่ระหว่างริมฝีปากสีแดงก่ำที่บ่งบอกถึงความมีสุขภาพดี
ทุกคนประหม่าและวิตกกังวลกันไปหมด
ให้ตายเถิด! เทพธิดาของเรากำลังกินอึ!
นี่คือความคิดในใจของพวกเขาตอนนี้
ครู่ถัดมา ฉากที่ทำให้ทุกคนตื่นตกใจสุดขีดก็บังเกิดขึ้น
หลังจากเทพธิดาของพวกเขากินเต้าหู้เหม็นเข้าไปเต็มปาก ดูเหมือนว่านางจะยังไม่หนำใจจึงกินเข้าไปอีกคำ
ให้ตายเถิด! เทพธิดาของเราชอบกินอึ!
หลังจากเห็นหนานกงหวั่นกินเต้าหู้เหม็นอีกหนึ่งคำ ทุกคนก็รู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่าลงกลางใจ พวกเขาตาเบิกโพลงอ้าปากค้าง จ้องหนานกงหวั่นด้วยความตะลึงงันเมื่อเห็นหญิงสาวกินเต้าหู เหม็นอีกหนึ่งคำโต
มันเกิดอะไรขึ้นในโลกนี้กันแน่ บางคนสะเทือนใจอย่างรุนแรงเมื่อได้เห็นหนานกงหวั่นกินเต้าหู้เหม็น
ปู้ฟางยกยิ้มมุมปาก หรี่ตาลงเล็กน้อยขณะมองหญิงงามกินเต้าหู้เหม็นของเขาคำโต
เต้าหู้เหม็นถือเป็นของแปลกหากเทียบกับอาหารอื่นๆ
ปู้ฟางเชื่อว่าคนนับไม่ถ้วนย่อมไม่อาจต้านทานเสน่ห์ของเต้าหู้เหม็นหลังได้ชิม พวกเขาต้องพ่ายแพ้และหลงใหลในรสชาติของมัน กลิ่นที่ต่างกันสุดขั้วนั้นมีพลังท่วมท้น
ในที่สุดหนานกงหวั่นก็กลืนเต้าหู้เหม็นคำสุดท้ายลงคอ ริมฝีปากสีแดงก่ำเป็นประกายจากความมันของเต้าหู้เหม็น นางพ่นลมหายใจออกมายาวเหยียด เรือนร่างอวบอัดสั่นไหวเล็กน้อย ก่อนเผลอค ครางออกมาเบาๆ
ดวงตาคู่งามของนางฉ่ำวาวราวกับมีหยดน้ำขณะมองปู้ฟาง
หนานกงหวั่นเผยอริมฝีปาก ลมหายใจขาดช่วง
“ข้า… ขออีกชามได้หรือไม่”