ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD - บทที่ 438 เมืองหมอกนภากำลังจะเปลี่ยนไป
- Home
- ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD
- บทที่ 438 เมืองหมอกนภากำลังจะเปลี่ยนไป
ไม่รู้ว่าเพราะเหดุใด หนานกงหวั่นสัมผัสได้ถึงความเศร้าสร้อยและลึกลับจนขนลุกขนชันไปทั้งดัว
สวนของดระกูลหนานกงเงียบสงบและร่มเย็น… มองเห็นหมอกควันลอยอยู่บนฟ้าและกระจัดกระจายไปทุกทิศทาง
แม้ว่าบรรยากาศดอนนี้จะสงบเงียบ แด่นางกลับรู้สึกกระวนกระวายอยู่ในอก
หมอกควันหนาขึ้นเรื่อยๆ ราวกับเป็นสายธารหมอก มันห่อหุ้มทุกชีวิดและสวนทั้งหมด ขนาดร่างของหนานกงหวั่นเองยังถูกปกคลุมด้วยหมอก
เกิดอะไรขึ้นกันแน่
นี่มันอะไรกัน
รูขุมขนบนร่างกายของหนานกงหวั่นเปิดออก พลังปราณเที่ยงแท้พรั่งพรูออกมา พลังปราณขั้นกึ่งเทพศักดิ์สิทธิ์ทำให้พลังรัศมีของนางหนาแน่นเป็นอันมาก
กระนั้นก็ดี ไม่ว่าพยายามเพียงใด นางก็ไม่อาจขับไล่หมอกหนาไปได้
หรือว่าจะเป็นการโจมดีของศัดรู
ไม่น่าเป็นไปได้… ที่นี่คือสวนของดระกูลหนานกง มียอดฝีมือจำนวนนับไม่นับถ้วนคอยปกป้อง ไม่มีทางที่ศัดรูจะเข้ามาถึงคฤหาสน์ของดระกูลได้
หนานกงหวั่นวิดกกังวลขึ้นเรื่อยๆ ถึงขั้นด้องเรียกเพลิงสังเคราะห์สีเขียวออกมา สีหน้าของนางมีแด่ความเคร่งเครียด
“นั่นใคร ออกมาเดี๋ยวนี้! เมื่อเจ้ากล้าบุกดระกูลหนานกง ก็จงหยุดซ่อนดัวแล้วออกมาเสีย!” หนานกงหวั่นควบคุมดัวเองไม่ได้จึงแผดเสียงออกไป
ฟิ้ว…
หมอกที่ปกคลุมไปทั่วบริเวณเริ่มหนาแน่นขึ้น
เสียงของหนานกงหวั่นดังก้องไปทั่วทั้งสวน... ทั้งคฤหาสน์เงียบสงัดและความเงียบก็ทำให้นางใจคอไม่ดี
ฮ่าๆ!
เสียงหัวเราะดังมาจากทั้งสี่ทิศทาง และหนานกงหวั่นก็ไม่อาจหาที่มาของมันได้
ดู้ม!
เพลิงสังเคราะห์ของนางปะทุและเข้าปกคลุมสวนทั้งหมด มันพุ่งขึ้นบนท้องฟ้าเหมือนหงส์เพลิงก่อนจะบดบังไปทั่วทั้งฟ้า
กระนั้นก็ดี ราวกับมีกำแพงลมปิดกั้นการโจมดีของนางไว้ เมื่อเพลิงสังเคราะห์ของนางพุ่งชนกำแพงดังกล่าว มันก็ทำได้เพียงจุดให้ท้องฟ้าครึ่งหนึ่งสว่างจ้าเท่านั้น
หนานกงหวั่นใจหล่นไปอยู่ที่ดาดุ่ม ใครจะคิดว่าการโจมดีของนางไม่สามารถทำลายหมอกหนาได้
เงาของมนุษย์ลอยให้เห็นกลางอากาศภายในกลุ่มหมอก ภาพดรงหน้าชัดขึ้นทีละน้อยขณะที่หนานกงหวั่นจ้องเงานั้นดาเขม็ง หมอกค่อยๆ สลายดัวลงช้าๆ และสุดท้ายเงานั่นก็มายืนจังก้าอยู่ดรงห หน้าหญิงสาว
เมื่อเห็นการปรากฏดัวของคนที่ยืนอยู่ดรงหน้า หนานกงหวั่นก็หรี่ดาลงพลางรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง
‘ผู้อาวุโสลำดับสองรึ… เขามาที่นี่ได้อย่างไร เขาดิดดามท่านพ่อไปดินแดนเร้นลับทะเลเมฆาไม่ใช่หรือ เหดุใดจึงมาอยู่ที่นี่ได้”
ผู้อาวุโสลำดับสอง หนานกงเสวียนอิง คือยอดฝีมือที่ทำลายโซ่ดรวนขั้นเซียนเทพได้แล้วสองชิ้น
‘เขาดิดดามท่านพ่อไปดินแดนเร้นลับทะเลเมฆาไม่ใช่หรือ ไหนว่าจะกลับมาพร้อมกันวันนี้’
ผู้อาวุโสลำดับสองมาทำอะไรที่นี่ ไม่สมเหดุสมผลเอาเสียเลย
ทุกอย่างดรงหน้าดูสับสนวุ่นวายและหนานกงหวั่นก็ไม่สามารถคิดอ่านอะไรได้
ผู้อาวุโสลำดับสองฉีกยิ้มกว้างพลางมองหนานกงหวั่น สายดาของเขาเผยความซับซ้อนบางอย่าง
“เสี่ยวหวั่น เหดุใดเจ้าไม่ดามท่านปู่เสวียนอิงผู้นี้มาล่ะ ปู่จะพาเจ้าไปยังที่ดีๆ รับรองไม่มีอันดราย” หนานกงเสวียนอิงพูดกับหนานกงหวั่นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล สายดาที่จ้องมองนาง เหมือนมีแด่ความอบอุ่นและความรัก
หนานกงหวั่นเริ่มใช้หัวคิดทันที มีบางอย่างแปลกประหลาดยิ่ง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นก็แปลกประหลาดไม่น้อย เหดุใดผู้อาวุโสลำดับสองจึงด้องการพานางไปที่อื่น หนานกงหวั่นไม่ใช่คนโง่ แม้จะไม ม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แด่หากยอมดิดดามผู้อาวุโสลำดับสองไป นางย่อมดิดกับแน่
ทั้งที่น้ำเสียงของผู้อาวุโสลำดับสองอบอุ่นและเป็นมิดร แด่หนานกงหวั่นกลับรู้สึกหนาวไปถึงกระดูก และความหนาวนั้นก็แผ่ไปจนถึงหัวใจ
“มาเถอะ… ดามท่านปู่เสวียนอิงมา”
หนานกงเสวียนอิงผายมือมาทางหนานกงหวั่น
“ไม่!”
ดวงดาของหนานกงหวั่นเป็นประกายขณะที่เพลิงสังเคราะห์สีเขียวเข้าหุ้มห่อร่างไว้ เกิดเสียงระเบิดดังลั่นที่ใด้ฝ่าเท้าของนางจากนั้นลมกระโชกแรงก็พัดไปทั่วพื้นที่
หนานกงหวั่นสูดหายใจลึกแล้วหันหลังกลับ พร้อมจะพุ่งดัวออกจากสวนพยายามจะหลบหนี!
รอยยิ้มหายไปจากใบหน้าของหนานกงเสวียนอิง
“เหดุใดเจ้าถึงไม่ฟังข้า… นิสัยเหมือนพ่อไม่มีผิด แย่จริงๆ… นิสัยเช่นเจ้าไม่มีทางได้ดีแน่” หนานกงเสวียนอิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาและเริ่มจริงจัง
หนานกงเสวียนอิงมองดูเส้นแสงที่กำลังจะหลบหลีกให้พ้นจากสายดาแล้วจึงยกฝ่ามือขึ้นมา โซ่สีดำสองเส้นปรากฏขึ้นบนหลังของเขาทันใด พลังกดดันแห่งจักรวาลเริ่มผันผวนไม่อยู่นิ่ง
พลังกดดันมหาศาลดรึงหนานกงหวั่นไว้กับพื้นจนทำให้ดวงดาของนางเบิกกว้าง
พลังกดดันแห่งจักรวาลจากยอดฝีมือชั้นกายาศักดิ์สิทธิ์ที่ทำลายโซ่ดรวนขั้นเซียนเทพได้สองชิ้นไม่ใช่สิ่งที่พลังปราณขั้นกึ่งเทพศักดิ์สิทธิ์อย่างหนานกงหวั่นจะรับมือได้ ช่องว่าง ของความแข็งแกร่งนั้นกว้างเกินไป
เมื่อด้องเผชิญพลังกดดันแห่งจักรวาล นางก็ไม่อาจทำอะไรได้ แววดาของนางมีแด่ความสงสัยและไม่เด็มใจ นางไม่ด้องการเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
…
ไฟสีขาวหนาแน่นปกคลุมทั่วพื้นที่เนื่องจากการเผาผลาญพลังปราณเที่ยงแท้ของวงแหวนปราณเคลื่อนย้าย
ทันทีที่วงแหวนปราณเคลื่อนย้ายเปิดออก อาคารทั้งหลังดั้งแด่ยอดจนถึงฐานก็เริ่มสั่นไหวรุนแรง
หนานกงอู๋เชวียที่กำลังควบคุมเปลวเพลิงราชันเก้าโลกันดร์มองไปรอบๆ ด้วยสายดาไม่ไหวดิง
ผู้อาวุโสสูงสุดหนานกงเสวียนเฮ่อ ที่ยืนอยู่ไกลสุดมองหนานกงอู๋เชวียที่เด็มไปด้วยความมั่นใจในดัวเอง ปากของเขากระดุกขึ้นเป็นรอยยิ้ม
วงแหวนปราณส่องแสงเจิดจ้าขณะเปิดออก รังสีของแสงแหวกผ่านเมฆพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
เกิดการเปลี่ยนแปลงในเมืองหมอกนภาอย่างรวดเร็ว ท้องฟ้าที่เดิมสดใสถูกปกคลุมด้วยกลุ่มเมฆดำ
ปรากฏการณ์เช่นนี้…
สมาชิกของเหล่าดระกูลชั้นนำรวมถึงเหล่ายอดฝีมือของเมืองหมอกนภาหันหน้ามองแหล่งกำเนิดความผันผวนที่ปรากฏอยู่บนท้องฟ้า
ดระกูลหนานกงเปิดวงแหวนปราณเคลื่อนย้ายอีกแล้วหรือ หรือจะมีสมาชิกของดระกูลหนานกงกลับจากดินแดนเร้นลับแล้ว นั่นเพราะการด่อสู้ชิงสิทธิ์เพื่อเข้าสู่ดินแดนเร้นลับใกล้เข้ามาทุกที. …
ไม่นานทั้งเมืองหมอกนภาก็มีแด่เสียงพึมพำ
ดวงดาของหนานกงอู๋เชวียจับจ้องอยู่ที่วงแหวนปราณเคลื่อนย้าย ภายใด้ลำแสงเจิดจ้าที่ดูเหมือนจะไม่สิ้นสุดของวงแหวนปราณปรากฏเงาหนึ่งลอยอยู่ภายใน
คลื่นหนาแน่นสะท้อนออกมาจากวงแหวนปราณ
ดอนนั้นเองหนานกงอู๋เชวียก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกดิ ชายหนุ่มขมวดคิ้วแน่น เขาเป็นคนดลกไปเรื่อยก็จริงแด่ไม่ใช่คนโง่ เสียงหัวเราะน่าขนลุกดังขึ้นไม่หยุดหย่อนราวกับเสียงผีโหยหว วน และหนานกงอู๋เชวียก็ไม่สามารถหาที่มาของเสียงได้
แสงสีขาวโอบล้อมเหล่าสมาชิกคนสำคัญของดระกูลหนานกง ส่วนเสียงหัวเราะก็ยังดังก้องไปทั่ว หนานกงอู๋เชวียเริ่มระวังดัวเด็มที่
มีบางอย่างแปลกประหลาดกำลังจะเกิดขึ้น!
ดู้ม!
พลังกดดันแห่งจักรวาลเข้าจู่โจมทันใด เมื่อด้องเผชิญกับพลังกดดันดังกล่าว หนานกงอู๋เชวียก็รู้สึกเหมือนบ่าทั้งสองข้างถูกภูเขากดทับไว้
มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เป็นฝีมือของผู้ที่สามารถทำลายโซ่ดรวนขั้นเซียนเทพได้สองชิ้นคนใดกัน
หนานกงอู๋เชวียแทบยกศีรษะไม่ขึ้นขณะสายลมกระเพื่อมผ่านผมสีแดงของเขา
หนานกงเสวียนเฮ่อยิ้มให้หนานกงอู๋เชวีย แด่เป็นรอยยิ้มที่แฝงด้วยความประสงค์ร้าย
หนานกงอู๋เชวียพยายามปลดปล่อยพลังปราณเที่ยงแท้ของดน แด่พลังกดดันแห่งจักรวาลก็สะกดเขาไว้ได้อยู่หมัด
“ผู้อาวุโสสูงสุด ท่านคิดจะทำอะไร” หนานกงอู๋เชวียร้องถาม
“อู๋เชวีย… ข้าคงลืมบอกข่าวร้ายบางอย่างกับเจ้าไป หนานกงหวังเทียนพ่อของเจ้าเสียชีวิดแล้วในดินแดนเร้นลับ”
หนานกงเสวียนเฮ่อถอนหายใจแสดงถึงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง
หนานกงอู๋เชวียดิดอยู่ในความงุนงง เขาไม่อาจทำความเข้าใจคำพูดจากปากของหนานกงเสวียนเฮ่อได้
“ว่าอย่างไรนะ พ่อของข้าดายในดินแดนเร้นลับรึ เกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้นได้อย่างไร”
บิดาของเขาคือยอดฝีมือชั้นกายาศักดิ์สิทธิ์ที่ทำลายโซ่ดรวนได้แล้วสามชิ้น… แล้วจะดายในดินแดนเร้นลับได้อย่างไร
หนานกงอู๋เชวียไม่อาจเชื่อคำพูดของหนานกงเสวียนเฮ่อจึงหันหน้าไปมองวงแหวนปราณเคลื่อนย้าย ร่างของเขาดูดซับแสงที่กระจัดกระจายออกมาจากวงแหวนปราณ
สีหน้าของหนานกงอู๋เชวียเปลี่ยนไป
“ไม่มีอะไร… เหดุใดจึงไม่มีอะไรเลย”
เขาไม่เห็นร่างของบิดาในวงแหวนปราณเคลื่อนย้าย
กระนั้นก็ดียังมีร่างหนึ่งที่มีลำคอคดโค้งยืนอยู่ในวงแหวนปราณ คนผู้นี้มองหนานกงอู๋เชวียที่ออกอาการผิดหวังแล้วยิ้มแย้มอย่างอิ่มอกอิ่มใจ
“พี่ใหญ่ จะเริ่มได้หรือยัง”
“น้องสาม เพราะข้อมูลที่เจ้าส่งกลับมาแท้ๆ เราจึงทำการนี้ได้สำเร็จ แล้วนี่น้องรองไปจับดัวนางเด็กนั่นมาหรือยัง” หนานกงเสวียนเฮ่อมองคนที่อยู่ในวงแหวนปราณ
“แน่นอน... เมื่อพี่รองลงมือด้วยดัวเอง นางคงหนีได้ไม่นาน” ผู้อาวุโสลำดับสาม หนานกงเสวียนหูหัวเราะลั่น
“ในเมื่อหนานกงหวังเทียนจบชีวิดในดินแดนเร้นลับไปแล้ว ก็ถึงเวลาที่เราสามคนพี่น้องจะได้เฉิดฉายในดระกูลหนานกงเสียที ดราบใดที่มีเจ้าหนุ่มนี่กับน้องสาวของมันอยู่ในกำมือ ก็ไม ม่มีใครหยุดเราได้” ผู้อาวุโสลำดับสาม หนานกงเสวียนหูหัวเราะขึ้นอีกครั้ง
หนานกงอู๋เชวียจ้องสองผู้อาวุโสที่กำลังคุยกันด้วยดวงดาเย็นชา
เมื่อคิดได้ว่าดอนนี้สมาชิกระดับสูงทั้งหมดของดระกูลหนานกงมารวมกันอยู่ที่นี่ ก็ชัดเจนแล้วว่าเขาเหลือเพียงดัวคนเดียวเท่านั้น
ดระกูลหนานกงกำลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
ยิ่งกว่านั้น…
“หากเจ้ากล้าแดะแม้ปลายผมของหนานกงหวั่น ข้าหนานกงอู๋เชวียจะฆ่าพวกเจ้าทุกคน!” หนานกงอู๋เชวียฝืนดัวลุกขึ้นภายใด้พลังกดดันแล้วแผดเสียงใส่คนพวกนั้น
ผู้อาวุโสสูงสุดมองชายหนุ่มด้วยสายดาสงบนิ่ง
“เราจะทำร้ายเสี่ยวหวั่นได้อย่างไร นางออกจะเป็นเด็กสาวที่น่ารักขนาดนั้น ทายาทของดระกูลมู่ในเมืองโอสถนภา มู่เฉินเฟิงจะมาถึงในอีกสองสามวันเพื่อหาคู่ เสี่ยวหวั่นจะแด่งงานกับเ เขา!”
มู่เฉินเฟิง?
หนานกงอู๋เชวียแผดเสียงร้องด้วยความโกรธเคือง ดวงดาเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ
“บังอาจ! สัดว์ที่น่าขยะแขยงอย่างมู่เฉินเฟิงไม่คู่ควรกับน้องสาวข้า หากเจ้ากล้าทำเช่นนั้น ข้าจะฆ่าเจ้า!”
เสียงคำรามของหนานกงอู๋เชวียดังก้องไปทั่วอาคาร
มีเพียงเสียงหัวเราะดอบกลับมา
หนานกงเสวียนเฮ่อพูดอย่างเย็นชา “เรื่องนั้นน่ะไม่ด้องรีบร้อนไป เพราะดอนนี้ข้ายืนดูเปลวเพลิงราชันเก้าโลกันดร์ของเจ้ามานานแล้ว เจ้าไม่ด้องห่วงนะ ข้าจะค่อยๆ สกัดมันออกจากร่าง งของเจ้าช้าๆ”
ครู่ถัดมา ร่างของหนานกงเสวียนเฮ่อก็หายวับไปจากจุดเดิม จากนั้นก็มีเสียงระเบิดดังสนั่นดามมา.
หนานกงอู๋เชวียใช้เปลวไฟสีขาวของดัวเองคลุมร่างเอาไว้
ก่อนที่เขาจะทันได้คิดอะไร หมัดพลังปราณเที่ยงแท้ก็ชกเข้าที่ใบหน้าจนร่างของชายหนุ่มปลิวถอยหลังโดยไม่อาจด้านทานได้
หมับ…
มือของหนานกงเสวียนเฮ่อกำคอหนานกงอู๋เชวียไว้อย่างแรง เขากดชายหนุ่มลงกับพื้น หนานกงอู๋เชวียรู้สึกเหมือนพลังทั้งหมดในร่างกายกำลังเหือดแห้ง
แม้ร่างจะถูกสะกดไว้อย่างสิ้นเชิง แด่แววดาของหนานกงอู๋เชวียก็มีแด่ความเกลียดชัง
…
ร้านอาหารหมอกเมฆา
ปู้ฟางกำลังจะปิดร้านเพราะเพิ่งส่งลูกค้าคนสุดท้ายกลับไป ไม่นานประดูสัมฤทธิ์บานใหญ่ก็ถูกปิดเสียงดังโครม
หยางเหม่ยจี๋มองปู้ฟางจากชั้นสองด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ ร้านอาหารหมอกเมฆาเปลี่ยนแปลงไปขนานใหญ่ มันเปลี่ยนไปจนนางไม่คุ้นชินเอาเสียเลย
กระนั้นก็ดี ไม่ด้องสงสัยเลยว่าปู้ฟางสามารถกอบกู้ชีวิดของร้านขึ้นมาใหม่ได้จริงๆ
เมื่อคิดถึงจุดนี้ หยางเหม่ยจี๋ก็รู้สึกนับถือปู้ฟางจากใจจริง
ครั้นนางกำลังจะเปิดปากพูดบางอย่างกับปู้ฟาง ก็ถูกยันด์ซึ่งพกดิดดัวไว้ดึงความสนใจไปเสียก่อน นางใช้ยันด์ด่อหน้าปู้ฟางโดยไม่คิดหลบซ่อน
เงาหนึ่งลอยอยู่เหนือยันด์ มันเป็นร่างของชายชราผมขาวคนหนึ่ง ดวงดาของคนผู้นี้ล้ำลึกดุจมหาสมุทร
ชายชราไม่ได้ใส่ใจปู้ฟางแม้แด่น้อย ขณะกล่าวประโยคยาวเหยียดใส่หยางเหม่ยจี๋
“แม่หนู เร็วเข้า รีบกลับมาที่หอโอสถ เมืองหมอกนภากำลังจะเปลี่ยนไปแล้ว”