ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD - บทที่ 442 อวดเก่งรึ อวดเก่งอีกสิ
- Home
- ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD
- บทที่ 442 อวดเก่งรึ อวดเก่งอีกสิ
ฝนที่เย็นเยียบตกจากท้องฟ้าลงสู่พื้นดิน แล้วแตกกระเซ็นตอนกระทบพื้น
หนานกงเสวียนอิงเอามือไพล่หลังพลางเดินช้าๆ เข้าสู่ถนนสายหลักของเมืองหมอกนภา
เม็ดฝนที่ตกลงมาในบริเวณใกล้เคียงไม่อาจสัมผัสตัวเขาได้แม้แต่น้อย
ทุกย่างก้าวกินระยะทางไปไกล
ตอนนั้นเองเขาก็หยุดเดินแล้วหยิบยันต์ออกมา เมื่อได้ยินข้อมูลที่ถูกถ่ายทอดผ่านยันต์ เขาก็แสยะยิ้มมุมปากอย่างไม่รู้ตัว
“ในที่สุดก็เจอ... หนานกงอู๋เชวีย ข้าอยากรู้ว่าเจ้าจะหนีไปไหนได้อีก”
หนานกงเสวียนอิงอับอายและขุ่นเคืองที่ปล่อยให้หนานกงอู๋เชวียหนีไปได้เพราะความประมาท เขาคิดเองว่าทุกอย่างอยู่ในกำมือแล้ว แต่เจ้าเด็กนั่นกลับหนีรอดไปได้
มันทำให้เขาเสื่อมเสียต่อหน้าพี่ใหญ่ เขาจึงอยากเจอหนานกงอู๋เชวียโดยเร็วแล้วนำตัวอีกฝ่ายกลับเข้าคุก ครั้งนี้เขาจะทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้หมอนี่หนีรอดไปได้อีก
หนานกงเสวียนอิงเอานิ้วเท้าแตะพื้นเบาๆ เม็ดฝนรายรอบกระจัดกระจายออกไปเพราะพายุที่เกิดจากฝีมือของเขา ร่างของหนานกงเสวียนอิงพุ่งออกไปราวนกอินทรี ตรงรี่ไปที่ร้านอาหารหมอกเมฆาทันที
…..
หนานกงเฉิงคือสมาชิกรุ่นเยาว์มากพรสวรรค์ของตระกูลหนานกง คนผู้นี้ไม่เพียงมีพลังปราณแข็งแกร่ง เขายังเก่งเรื่องการเล่นแร่แปรธาตุและเป็นรองเพียงหนานกงอู๋เชวียเท่านั้น
หนานกงเฉิงอิจฉาหนานกงอู๋เชวียมาตลอดเพราะฝ่ายหลังเป็นผู้สืบทอดแห่งสวรรค์ของเมืองหมอกนภา ยิ่งกว่านั้นทุกครั้งที่มีคนเอ่ยถึงตระกูลหนานกง พวกเขาจะเอ่ยถึงแต่หนานกงอู๋เชวียไม่ใช่หนานกงเฉิง
หนานกงอู๋เชวียทำให้หนานกงเฉิงไม่มีโอกาสอวดพรสวรรค์เพราะด้อยกว่าอีกฝ่ายเสมอ
บัดนี้เวลาที่จะเฉิดฉายมาถึงแล้ว
เมื่อไร้หนานกงอู๋เชวีย ชื่อของเขาจะเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็ว ยิ่งกว่านั้น หากสามารถสังหารหนานกงอู๋เชวียได้ เขาจะสร้างชื่อและกลายเป็นคนดังทันที สิ่งนี้จึงเป็นเหมือนแรงกระตุ้นชั้นดี
ขณะที่หนานกงอู๋เชวียปลดปล่อยจิตสังหารซึ่งเย็นเยียบถึงกระดูกออกมา หนานกงเฉิงกลับเอาแต่หัวเราะ สภาพของหนานกงอู๋เชวียตอนนี้ไม่ใช่คู่ปรับของเขาแม้แต่น้อย หนานกงอู๋เชวียไม่มีเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพี หนำซ้ำแม้แต่เพลิงสังเคราะห์ก็ยังไม่มี แล้วคนผู้นี้จะรับมือเขาได้อย่างไร
โซ่เย็นเฉียบพันอยู่รอบตัวหนานกงเฉิงไม่ต่างจากมังกรพันหลัก มันปล่อยพลังกดดันมหาศาลออกมา ซึ่งก็คือพลังกดดันแห่งจักรวาลของยอดฝีมือชั้นกายาศักดิ์สิทธิ์ เป็นพลังที่สามารถบดขยี้ขั้นเซียนเทพได้
เปรี้ยง!
เสียงฟ้าผ่าดังก้องไปทั่วอย่างฉับพลัน
รัศมีของสายฟ้านั้นเจิดจ้า เหมือนจะฉีกท้องฟ้าเป็นริ้วๆ
หลังจากเสียงฟ้าผ่าดังก้อง สีหน้าเป็นมิตรของหนานกงเฉิงก็เปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวชั่วร้าย
“หนานกงอู๋เชวีย… ตายเสียเถอะ!”
ชายหนุ่มตะโกนก้องดังลั่น
เขาเข้าควบคุมเม็ดฝนจำนวนมหาศาลแล้วเปลี่ยนมันเป็นเข็มแหลมนับไม่ถ้วน ก่อนส่งไปหาหนานกงอู๋เชวีย
หนานกงอู๋เชวียยืดตัวตรง พลังกดดันค่อยๆ แผ่ออกจากร่าง
เม็ดฝนที่เหมือนเข็มหยุดชะงักกลางอากาศ
หนานกงอู๋เชวียโบกมือเบาๆ ทันใดนั้นเม็ดฝนที่เหมือนเข็มก็ระเบิด มันดูราวกับเป็นดอกไม้ราตรีที่บานอวดความงามเพียงชั่วครู่ก่อนจะร่วงโรย
หวือ!
ร่างของหนานกงอู๋เชวียพลันพร่ามัวขึ้นมาทันที เสียงคลื่นเสียงระเบิดดังลั่น ความเร็วของยอดฝีมือชั้นกายาศักดิ์สิทธิ์ที่ทำลายโซ่ตรวนขั้นเซียนเทพได้หนึ่งชิ้นทัดเทียมกับความเร็วเสียง ส่งให้เกิดเสียงผ่าอากาศดังสนั่น
ความเร็วของการปล่อยหมัดเองก็ถือว่ารวดเร็วสุดขีดเช่นกัน เมื่อบวกรวมกับความแข็งแกร่งของร่างกาย จึงทำให้พลังการต่อสู้ของพวกเขาเหนือชั้นกว่า
หนานกงอู๋เชวียแหวกอากาศแล้วมาปรากฏตรงหน้าหนานกงเฉิงในพริบตา
“เจ้าอยากเหยียบหัวข้าแล้วไต่อันดับขึ้นไปสินะ แต่มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก”
หนานกงอู๋เชวียหัวเราะอย่างน่าเกรงขามพลางเหวี่ยงหมัดใส่หนานกงเฉิง ความเร็วของเขาน่าอัศจรรย์ใจยิ่ง
หนานกงเฉิงยกมือขึ้นป้องกันการโจมตี
“เจ้าในตอนนี้ปวกเปียกยิ่งนัก…” หนานกงเฉิงพูดพลางยิ้มอ่อน พลังปราณปะทุออกจากตัว เปลวไฟสีแดงปรากฏขึ้น มันคือเพลิงสังเคราะห์ แม้ว่าจะอ่อนพลังกว่าเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีหลายเท่า แต่ยังถือเป็นเปลวเพลิงชั้นยอด พลังการต่อสู้ของหนานกงเฉิงเพิ่มขึ้นด้วยเพลิงสังเคราะห์ของตน
เสียงกึกก้องดังขึ้นเพราะหนานกงอู๋เชวียถูกหนานกงเฉิงฟาดลงกับพื้น
เพลิงสังเคราะห์ของเขาโหมปะทุขึ้น ทำให้หยาดฝนที่ร่วงหล่นจากฟ้าระเหยสิ้น พลังของเพลิงสังเคราะห์นี้น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก
ฉ่า!
ความเร็วของการระเหยก่อให้เกิดไอน้ำ จนทำให้บริเวณนั้นถูกชั้นหมอกหนาปกคลุม
เปลวไฟสีแดงทะยานขึ้นฟ้า เปลี่ยนร่างเป็นฝ่ามือยักษ์แล้วฟาดลงมา พลังของมันทำให้อากาศเกิดเสียงแตกร้าว
ปัง!
พลังของฝ่ามือน่าเกรงขามขนาดที่ว่าอาจตบหนานกงอู๋เชวียจนถึงชีวิตได้
ปู้ฟางที่อยู่ไม่ไกลออกไปหรี่ตามองหนานกงอู๋เชวียที่หลบหลีกไปเรื่อย
แม้ว่าการกินเนื้อกุ้งจะช่วยให้ชายหนุ่มฟื้นฟูความแข็งแกร่งและพลังชีวิตส่วนใหญ่มาได้ แต่ก็ไม่สามารถทำให้มันสมบูรณ์ถึงขีดสุด
อาการบาดเจ็บสาหัสของชายหนุ่มเกิดจากการถูกสกัดเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีออกไปจากร่าง การที่เขาฟื้นตัวได้ถึงขั้นนี้ถือได้ว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว
กระนั้นก็ดีหากเขาได้กินพระกระโดดกำแพงเพิ่มเติม ก็อาจฟื้นตัวได้เร็วกว่านี้
โครม!
หนานกงเฉิงที่ลอยตัวกลางอากาศหัวเราะอย่างเบิกบาน เสียงหัวเราะของชายหนุ่มดังก้องไปทั่ว เส้นผมของเขาปลิวไสวไปตามสายลม
เขาโบกฝ่ามือเพื่อควบคุมฝ่ามือเพลิงสังเคราะห์ และพยายามใช้ฝ่ามือขนาดใหญ่ตบหนานกงอู๋เชวีย จนทำให้พื้นแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ
หนานกงเฉิงตื่นเต้นมากเพราะเห็นหนานกงอู๋เชวียทำได้เพียงหลบไปหลบมา มันทำให้เลือดในกายของเขาไหลเวียนเร็วขึ้น
“ตาย! ตายเสียเถอะ!”
หนานกงเฉิงสบายใจอย่างบอกไม่ถูกที่เห็นหนานกงอู๋เชวียหลบการโจมตีของเขาชนิดหัวซุกหัวซุน เพราะหนานกงอู๋เชวียทำตัวสูงส่งและมีคนนับหน้าถือตามาตลอด
เปลวไฟของหนานกงเฉิงกลายร่างเป็นมังกรเพลิงจู่โจมหนานกงอู๋เชวียและบีบอีกฝ่ายให้เข้าตาจน
เขาตั้งใจจะเผาหนานกงอู๋เชวียให้ตายช้าๆ
ดวงตาของหนานกงเฉิงเบิกกว้างด้วยความตื่นเต้น สีหน้าของเขาชั่วร้ายขึ้นพลางหัวเราะออกมาอย่างเต็มที่
“เสียงหัวเราะของเจ้า… ช่างน่ารำคาญเหลือเกิน”
หลังจากถูกบีบให้จนแต้ม หนานกงอู๋เชวียก็ยืดตัวขึ้นพลางถอนหายใจยาว ขวดหยกปรากฏบนมือของเขาอย่างฉับพลัน เขาบี้ขวดจนแตกทำให้เม็ดโอสถสีฟ้าเจิดจ้าลอยออกมา
ลายเส้นบางเบาปรากฏให้เห็นบนเม็ดโอสถ มันคือโอสถหนึ่งแต้มที่หนานกงอู๋เชวียปรุงเองด้วยสูตรลับ
กร้วม!
หนานกงอู๋เชวียเคี้ยวยาแล้วกลืนลงท้องไป รัศมีสีฟ้าก่อตัวขึ้นรอบกายของเขาทันที พลังรัศมีของเขาเพิ่มขึ้นทีละน้อย ผิวหนังแปรเปลี่ยนเป็นโปร่งแสงอย่างฉับพลัน ดูคล้ายหยกสีขาวน้ำงาม สายตาของเขาล้ำลึกยิ่งขึ้น หนานกงอู๋เชวียยกมือขึ้น มังกรเพลิงสีแดงหยุดชะงักกลางอากาศทันที
หนานกงเฉิงหน้าชา แม้แต่รอยยิ้มยังแข็งทื่อ
เกิดอะไรขึ้นกัน
พลังน่าเกรงขามและร้ายกาจเช่นนั้นปะทุจากร่างของหนานกงอู๋เชวียอย่างปุบปับได้อย่างไร
ครู่ถัดมา หนานกงเฉิงก็เห็นมังกรเพลิงของเขาถูกฉีกกระชากด้วยพลังอันโหดเหี้ยม
หนานกงอู๋เชวียรูปงามและภูมิฐานที่กำลังแผ่แสงเจิดจ้ามาปรากฏตรงหน้าของเขาทันใด
เพลิงสังเคราะห์ของชายหนุ่มแตกสลาย
หนานกงอู๋เชวียยกมือขึ้นแล้วตบหน้าหนานกงเฉิงอย่างไร้ความปรานี
เสียงกึกก้องดังขึ้นเมื่อหนานกงเฉิงร่วงหล่นจากกลางอากาศ
หลังจากกินโอสถเข้าไป หนานกงอู๋เชวียก็เลือดเย็นและเฉยชามากขึ้น ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นมาก พลังการต่อสู้และพลังรัศมีก็แข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน
หนานกงเฉิงรู้สึกเหมือนกำลังเผชิญหน้ากับหนานกงอู๋เชวียในจุดที่สมบูรณ์ที่สุด
และนี่ก็ไม่ใช่หนานกงอู๋เชวียที่เขาจะต่อกรด้วยได้ เขารู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันที หนานกงเฉิงไม่อาจเค้นกำลังออกมาได้เต็มที่ด้วยซ้ำ จึงกลายเป็นกระสอบทรายให้หนานกงอู๋เชวียซ้อมเล่น เขาโดนหมัดนับไม่ถ้วนอัดใส่ สภาพสะบักสะบอมจนอยากตายให้รู้แล้วรู้รอด
หนานกงเฉิงกระอักเลือดไม่หยุด สภาพของชายหนุ่มน่าสังเวชอย่างยิ่ง
ปัง!
หมัดสุดท้ายของหนานกงอู๋เชวียซัดเข้าที่ตำแหน่งแก่นพลังของอีกฝ่ายชนิดตั้งใจเอาให้ถึงตาย ทำให้เกิดคลื่นลมกวาดต้อนไปทั่วบริเวณ
สีหน้าของหนานกงเฉิงว่างเปล่าพลางร่วงลงมากระแทกพื้นอย่างแรง พลังรัศมีของเขาจางลง ฟองเลือดไหลอาบปาก
เมื่อโอสถหมดฤทธิ์ หนานกงอู๋เชวียก็รู้สึกเจ็บปวดแสนสาหัส ราวกับว่ากล้ามเนื้อของเขาถูกเข็มนับไม่ถ้วนทิ่มแทง หยดเลือดจำนวนมากซึมออกจากผิวหนังที่เปล่งประกาย ร่างของเขากลับมาโชกเลือดอีกครั้ง
ทว่าครั้งนี้เมื่อเม็ดฝนตกกระทบและชะล้างเลือดออกไป สภาพของเขากลับย่ำแย่ยิ่งกว่าเดิม
เขาคว้าคอเสื้อของหนานกงเฉิง
หนานกงอู๋เชวียมองหนานกงเฉิงที่เลือดไหลอาบปาก ก่อนจะเริ่มหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
“อวดเก่งไม่ใช่รึ ไม่อวดเก่งต่ออีกล่ะ”
หนานกงอู๋เชวียต่อยศีรษะของหนานกงเฉิงซ้ำแล้วซ้ำเล่า และฝ่ายหลังก็ไม่มีปัญญาจะปัดป้อง
“เจ้าอยากเหยียบหัวข้าขึ้นไปไม่ใช่รึ ลองสิ”
อั่ก!
หนานกงเฉิงขุ่นเคืองอย่างยิ่ง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากกระอักเลือดออกมา
หนานกงอู๋เชวียซัดหมัดเข้าที่หน้าของหนานกงเฉิง ทำให้ฝ่ายหลังร่วงลงไปกองกับพื้นอย่างอ่อนแรง
หนานกงอู๋เชวียใช้พลังปราณเที่ยงแท้ครอบฝ่ามือไว้ จากนั้นก็วางฝ่ามือลงบนตำแหน่งเหนือแก่นพลังของหนานกงเฉิง เปลวไฟสีแดงพุ่งออกจากแก่นพลังทันทีแล้วเข้าสู่ร่างของหนานกงอู๋เชวีย
แม้จะถูกถอดเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีออกจากร่าง แต่หนานกงอู๋เชวียก็ยังหลงเหลือร่องรอยของพลังรัศมีในตัว ดังนั้นการสะกดเพลิงสังเคราะห์จึงเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขา และการพยายามกลืนเพลิงสังเคราะห์ก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร
“อ๊าก! เจ้าจะทำเช่นนี้ไม่ได้… ทำไม่ได้” หนานกงเฉิงเริ่มกระเสือกกระสนอย่างหนัก
กระนั้นเขาก็ทำได้เพียงมองดูตัวเองถูกถอดเพลิงสังเคราะห์ออกไป ชายหนุ่มคอตก รู้สึกเหมือนถูกกระชากหัวใจออกจากร่าง
“หนานกงอู๋เชวีย… เจ้าบังอาจนัก!”
เสียงคำรามดังมาจากสักแห่งที่ไกลออกไป ก่อนจะพุ่งมาถึงตัวเขาอย่างรวดเร็ว เสียงนั้นเหมือนจะแหวกเม็ดฝนจนเป็นทาง
ในที่สุดหนานกงเสวียนอิงก็มาถึง โซ่สีดำทะมึนสองเส้นสะบัดอยู่รอบตัวเขา มันปล่อยรัศมีน่าสะพรึงกลัวและทำให้หายใจไม่ออกออกมา
หนานกงอู๋เชวียมองหนานกงเสวียนอิงอย่างเย็นชา เขายกตัวหนานกงเฉิงที่เหมือนซากสุนัขขึ้นก่อนจะโยนลงพื้น
“หยุดเดี๋ยวนี้!!” หนานกงเสวียนอิงโกรธสุดขีด หนานกงเฉิงคือผู้สืบสกุลของเขา เขาจะปล่อยให้ตายเช่นนี้ไม่ได้
“หยุดรึ คิดว่าข้าต้องฟังคำพูดของเจ้าหรืออย่างไร เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน”
หนานกงอู๋เชวียกระอักเลือด สีหน้าซีดเซียวยิ่งกว่าเดิมเพราะฤทธิ์ข้างเคียงของโอสถ เขารวบรวมกำลังแล้วบดขยี้ศีรษะของหนานกงเฉิงทันที
ปู้ฟางยังคงดูอยู่ห่างๆ ด้วยสีหน้าเฉยเมย
หนานกงเสวียนอิงโกรธจัด
เสียงคำรามเกรี้ยวกราดและพลังกดดันที่น่าเกรงขามฉีกอากาศโดยรอบเป็นทาง เขาตั้งใจจะทำให้หนานกงอู๋เชวียเป็นเนื้อบดด้วยการโจมตีครั้งนี้
หนานกงเสวียนอิงลงมือด้วยความโกรธที่ไร้ขอบเขต
ร่างของหนานกงอู๋เชวียอ่อนแอไร้ซึ่งเรี่ยวแรง เขาทรุดตัวลงคุกเข่า เม็ดฝนที่เย็นเฉียบตกปะทะใบหน้าก่อนจะหยดลงพื้น
หึ่ง…
เจ้าขาวปรากฏตัวตรงหน้าหนานกงอู๋เชวียพร้อมแสงสีม่วงวูบวาบ มันกางปีกโลหะบนหลังแล้วปล่อยเสียงกริ่งดังกังวานออกมา
โครม!
แถบบนชุดเกราะของเจ้าขาววูบวาบเมื่อมันยกหมัดที่เหมือนพัดขึ้นแล้วซัดเข้าใส่หนานกงเสวียนอิง
“หุ่นเชิดรึ ไสหัวไป!” หนานกงเสวียนอิงคำราม
ควันสีเขียวหมุนวนรอบข้อมือของปู้ฟางเนื่องจากชายหนุ่มเรียกกระทะกลุ่มดาวเต่าดำออกมา
เขาเทน้ำที่ละลายจากเทือกเขาน้ำแข็งมหากาฬในกระทะ ตามด้วยเส้นบะหมี่ที่ปลิวสะบัดตามแรงลม
ปู้ฟางอ้าปากจากนั้นก็พ่นเปลวไฟสีทองออกมา เปลวเพลิงจากหมื่นไฟประลัยกัลป์ปะทุขึ้นทันที
หนานกงอู๋เชวียสัมผัสถึงมันได้ เขาหันไปมองปู้ฟางอย่างไม่เชื่อสายตา
หมื่นไฟประลัยกัลป์? เถ้าแก่ปู้มีหมื่นไฟประลัยกัลป์หรือนี่