ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD - บทที่ 446 การตายของหนานกงเสวียนอิง
- Home
- ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD
- บทที่ 446 การตายของหนานกงเสวียนอิง
เมื่อลำแสงสีทองสลายหายไป ละอองเลือดหนาแน่นก็แผ่เข้าปกคลุมไปทั่วบริเวณ
ร่างของเจ้ากุ้งโซเซอยู่กลางอากาศก่อนจะค่อยๆ ลอยไปเกาะศีรษะของเจ้าขาวดังเดิม พอเกาะหมับได้แล้วมันก็ไม่ขยับตัวแม้แต่น้อย
ดวงตาของหนานกงเสวียนอิงเบิกกว้าง นัยน์ตาเงื่องหงอยของเขาขยายขนาดขึ้นและเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ เขาค่อยๆ เลื่อนสายตาลงมาที่ร่างกายตัวเองซึ่งบัดนี้เต็มไปด้วยรูนับไม่ถ้วน เมื่อเห็นดังนั้นก็รู้สึกหดหู่ใจอย่างมากก่อนจะกระอักเลือดออกมาคำใหญ่
พลังรัศมีของเขาค่อยๆ จางลง พลังชีวิตแต่ละสายสลายหายไปช้าๆ
“เหตุใด…เรื่องนี้จึงเกิดกับข้าได้”
นี่เขาถูกกุ้งตัวหนึ่งสังหารจริงหรือ…
ร่างของเขาถูกเจาะพรุนก่อนที่โอสถทิพย์จะทันได้ออกฤทธิ์ เลือดไหลหลั่งออกมาจากทุกรูบนร่างกาย แม้แต่หัวใจก็ถูกเจ้ากุ้งทะลวงจนฉีกขาด ไม่มีทางใดเลยที่เขาจะยังสามารถรักษาชีวิ ตไว้ได้
เมื่อหัวใจถูกกะซวกจนเว้าแหว่งเช่นนี้เขาจะยังรอดชีวิตไปได้อย่างไร
อั่ก!
หนานกงเสวียนอิงกระอักเลือดออกมาระลอกใหญ่ ร่างสั่นสะท้านรุนแรง
เมื่อเลือดหลั่งไหลออกมาจากรูเล็กรูน้อยทั่งทั้งร่าง เขาก็อ่อนแรงจนต้องทรุดตัวลงคุกเข่า ไม่นานก็หมอบลงไปนอนราบกับพื้น ไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย พลังรัศมีสลายจากร่างอย่างรว วดเร็ว
ฝนที่ตกหนักมาตลอดทั้งคืนในที่สุดก็หยุดเม็ด จู่ๆ เมฆสีดำบนฟากฟ้าก็สลายหายไป ราวกับว่าไม่เคยปรากฏตั้งแต่แรก
เจ้าขาวยกมือขึ้นเกาศีรษะเบาๆ มือของมันไปถูกตัวของเจ้ากุ้งที่นอนแปะอยู่ด้านบนโดยไม่ได้ตั้งใจ จึงคว้าร่างเจ้ากุ้งมาวางไว้บนไหล่ก่อนกลับลงมาด้านล่าง เจ้าขาวเดินกลับมาที่ร้ านช้าๆ ดวงตาค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นสีม่วง
เมื่อรู้สึกได้ว่าถูกเจ้าขาวย้ายที่ เจ้ากุ้งก็หลับหูหลับตาคลานกลับไปบนศีรษะของเจ้าขาวอีกครั้ง มันมองหาตำแหน่งอุ่นๆ บนศีรษะของเจ้าขาวก่อนจะนอนลงแหมะไปอีกรอบ จากนั้นก็ผล็อย หลับไปอย่างรวดเร็วราวกับว่าเรื่องราวต่างๆ จบสิ้นลงแล้วในรูปแบบนี้…
ทุกคนที่ตระกูลหนานกงส่งมาถูกสังหารสิ้นก่อนจะทันได้จับเป้าหมายซึ่งก็คือหนานกงอู๋เชวีย
ผลลัพธ์นี้ไม่ใช่สิ่งที่ใครจะคาดเดาได้แม้แต่น้อย
ในเมื่อหนานกงอู๋เชวียบาดเจ็บหนัก คนตระกูลหนานกงจึงคิดว่าการส่งยอดฝีมือมากมายออกมาจับกุมตัวเขาก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องยากเย็นอะไร ไม่ควรมีอุบัติเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น…
ยิ่งเฉพาะยอดฝีมือชั้นกายาศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถทำลายโซ่ตรวนขั้นเซียนเทพได้ถึงสองชิ้นอย่างหนานกงเสวียนอิง การจับกุมตัวหนานกงอู๋เชวียน่าจะทำได้ง่ายๆ เหมือนปอกกล้วยเข้าปาก
ทว่าเรื่องไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้นจนได้ และผลลัพธ์ก็ทำให้ทุกคนตกตะลึงไป
ร้านอาหารที่ตระกูลหนานกงไม่ได้ให้ความสำคัญสังหารยอดฝีมือทุกคนที่ถูกส่งมาจนสิ้น
จินตนาการได้เลยว่าเมื่อตระกูลหนานกงได้รับรู้ข่าวนี้มันจะส่งผลกระทบรุนแรงเพียงใด
ปู้ฟางมองศพของหนานกงเสวียนอิง พลังรัศมีของคนผู้นี้สูญสลายไปจนหมดและสิ้นชีพเรียบร้อยแล้ว
พอปู้ฟางเดินออกจากร้าน เขาก็ตรงไปยังกองเศษหินเศษดิน แล้วยกเท้าขึ้นเตะหินก้อนหนึ่งทิ้ง เผยให้เห็นร่างหนึ่งที่นอนอยู่ใต้ซากปรักหักพัง
คนผู้นี้คือหนานกงอู๋เชวียที่ร่างกายท่อนบนเปลือยเปล่า ร่างของเขาเต็มไปด้วยบาดแผลนับไม่ถ้วน พลังรัศมีที่ปล่อยออกมาก็อ่อนแรงลงมาก เขานอนนิ่งปากบวมฉึ่งทั้งยังส่งเสียงกรนออ อกมา ชายหนุ่มเหนื่อยล้าหมดสิ้นเรี่ยวแรง ไม่ว่าข้างนอกฟ้าจะถล่มดินจะทลาย เขาก็ไม่รู้สึกอยากขยับร่างแม้แต่น้อย
มุมปากของปู้ฟางยกขึ้นเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้เมื่อเห็นหนานกงอู๋เชวียที่กำลังนอนกรนเสียงดังสนั่น ตอนแรกเขาคิดว่าคนผู้นี้จะถูกลูกเตะของหนานกงเสวียนอิงปลิดชีพไปเสียแล้ว แต่ กลับกลายเป็นว่าอีกฝ่ายเพียงแค่หลับไป และไม่ใช่แค่หลับไปเฉยๆ ด้วยแต่เป็นการหลับลึก ช่างหนังหนาตายยากตายเย็นไม่ต่างจากแมลงสาบเลยสักนิด
ปู้ฟางยกร่างของหนานกงอู๋เชวียขึ้นมาก่อนจะแบกเข้าร้านไป
หลังโยนร่างอีกฝ่ายลงพื้นดัง ‘โครม’ ปู้ฟางก็ปิดประตูสัมฤทธิ์หนักอึ้งหน้าร้าน
…
บรรยากาศรอบๆ ร้านกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง เมฆสีดำที่ปกคลุมไปทั่วเมืองค่อยๆ สลายหายไปทันทีที่ฝนหยุดตก ลมหนาวก่อตัวและพัดผ่านไปทั่วเมือง
ร่างของหนานกงเสวียนอิงนอนแผ่อยู่ข้างถนนไร้ซึ่งร่องรอยของลมหายใจ เป็นภาพที่น่าสังเวชไม่น้อย
รอบๆ ร้านเต็มไปด้วยเศษหินเศษปูน ไม่มีหินก้อนใดที่ไม่บุบสลายหรือป่นปี้ ทว่าเมื่อวงแหวนปราณของเมืองหมอกนภาฟื้นตัวกลับมาอีกครั้ง พื้นถนนแถวนั้นก็ค่อยๆ ถูกซ่อมแซมช้าๆ
ศพของหนานกงเสวียนอิงถูกปล่อยทิ้งไว้อย่างนั้น ไม่มีผู้ใดมาเก็บไปสักคน
แกรก
เสียงคนย้ำเท้าลงบนกองหินดังขึ้นเมื่อร่างหนึ่งปรากฏตัวออกมาจากความมืด คนผู้นี้สวมชุดคลุมสีดำปกปิดใบหน้าจนทำให้เห็นไม่ชัด สิ่งเดียวที่สะดุดตาคือหีบสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่ซึ่ง งแบกไว้บนหลัง
รัศมีสีแดงก่ำน่าสะพรึงกลัวเปล่งออกมาจากภายในชุดคลุมสีดำ
“หุ่นเชิดตัวนั้นมหัศจรรย์ดีแท้… ไม่ได้เป็นของสำนักหุ่นเชิด… แต่กลับแข็งแกร่งไม่น้อย ข้าชักสนใจเสียแล้วสิ” เสียงแหบห้าวดังออกมาจากร่างของชายชุดดำและก้องกังวานไปทั่วบริเ เวณ
เสียงหัวเราะเบาๆ เล็ดลอดออกมาจากริมฝีปาก มันไม่คล้ายเสียงหัวเราะเท่าใด แต่เหมือนเสียงอะไรบางอย่างขูดขีดกันมากกว่า ฟังดูขนลุกขนชันเป็นอย่างยิ่ง
“แม้ข้าจะรู้สึกไม่ชอบใจนัก แต่ครั้งนี้จะปล่อยไปก็แล้วกัน อย่างไรเสียเจ้านั่นก็ยังอุตส่าห์ทิ้งศพของยอดฝีมือชั้นกายาศักดิ์สิทธิ์ไว้ให้ คนผู้นี้คือผู้อาวุโสลำดับสองของตระกู ลหนานกงสินะ… ข้าอยากรู้นักว่าตระกูลหนานกงจะมีปฏิกิริยาอย่างไรเมื่อได้เห็นหุ่นเชิดที่หลอมจากศพของเขา”
ชายชุดดำยืนอยู่ข้างๆ ศพของหนานกงเสวียนอิง
หลังจากยักไหล่อย่างไม่แยแส เขาก็เหวี่ยงหีบสัมฤทธิ์ลงพื้น ทำให้พื้นดินสั่นสะเทือนเล็กน้อย
แอ๊ด…
เสียงแอ๊ดดังออกมาจากหีบเมื่อฝาหีบถูกเปิด รัศมีลึกลับน่าสะพรึงกลัวแผ่ออกมาจากในหีบ ชายผู้นั้นยื่นมือทั้งสองข้างออกไปลากขาของหนานกงเสวียนอิงแล้วดึงเข้ามาในหีบ
เสียงคำรามบูดเบี้ยวและเสียงคร่ำครวญอย่างเศร้าโศกสะท้อนก้องออกมาจากศพของหนานกงเสวียนอิงขณะถูกดึงเข้าไปในหีบ ภายในหีบคล้ายมีใบหน้าบิดเบี้ยวที่ต้องการออกไปปรากฏขึ้น
ทว่ายอดฝีมือของสำนักหุ่นเชิดกลับทำเพียงเปล่งเสียงหัวเราะแหบห้าวออกมา แล้วยื่นนิ้วหนึ่งเข้าไปในหีบเพื่อสัมผัสศีรษะของหนานกงเสวียนอิงเบาๆ
ปัง!
ศพของหนานกงเสวียนอิงถูกดึงเข้าไปในหีบจากนั้นฝาหีบก็ปิดลงเสียงดังสนั่น
กร้วม! กร้วม!
เสียงกระดูกถูกเคี้ยวดังออกมาจากภายในหีบ ทั้งยังมีเสียงกระดูกถูกหักอีกด้วย
ชายผู้มีนัยน์ตาสีแดงหันมามองประตูที่ปิดแน่นของร้านอาหาร นัยน์ตามีแววลุ่มลึก ผ่านไปพักหนึ่งจึงแบกหีบขึ้นบ่าแล้วเดินออกไปจากสถานที่แห่งนี้
ร่างของเขาค่อยๆ หายไปในความมืดมิด
สายลมแผ่วเบาพัดพาเศษหินที่อยู่บนพื้นให้ปลิวขึ้นมาเกิดเป็นเสียงแกรกกรากดังก้อง
…
หอโอสถ เมืองหมอกนภา
ร่างใหญ่โตของหยางเหมยจี๋คุกเข่าอยู่บนเสื่อสีเหลือง หญิงสาวเคร่งขรึมและระแวดระวังเป็นอย่างมากจนแทบไม่กล้าหายใจเสียงดัง
ชายชราคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้านาง ผมของคนผู้นี้ขาวหมดศีรษะ เคราและคิ้วเองก็ขาว ดวงตาของชายชราปิดสนิทหายใจแผ่วเบา ทุกครั้งที่หายใจออกเคราจะกระเพื่อมเบาๆ
“ทะ…ท่านอาจารย์… ข้าต้องอยู่ในหอยานี่อีกนานเท่าไรเจ้าคะ” หยางเหมยจี๋บิดร่างอย่างเหนียมอายพลางเอ่ยปากถามเสียงกระมิดกระเมี้ยน
ชั่วลมหายใจถัดมา ชายชราก็ลืมตาขึ้นพลันจ้องมาที่นาง
“เมืองหมอกนภาในขณะนี้กำลังเผชิญกับกลียุค ดินแดนเร้นลับจะเปิดออกในไม่ช้า และครั้งนี้ไม่เหมือนกับครั้งที่ผ่านๆ มา ข้าจะพาเจ้าเข้าไปในนั้นด้วย ครั้งนี้โชคน่าจะเป็นของเรา เจ้า าจะออกไปจากที่นี่ได้หลังจากดินแดนเร้นลับเปิดออกแล้ว
ดินแดนเร้นลับกำลังจะเปิดเช่นนั้นหรือ
สีหน้าของหยางเหมยจี๋เปลี่ยนไปทันที ใบหน้าของนางเคร่งขรึม ความคิดล่องลอยไปไกล อีกวันหรือสองวันกันนะที่ดินแดนเร้นลับจะเปิด
“เจ้าเบื่อหรือ เช่นนั้นจะไปหลอมโอสถวิญญาณหนึ่งแต้มก็ได้ คนเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุนั้นต้องอาศัยการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ปราณของเจ้ายังไม่บรรลุชั้นกายาศักดิ์สิทธิ์ ตอนนี้เจ้าอาศัย เพียงพลังจิตของตัวเองที่แข็งแกร่งกว่าคนทั่วไป เจ้าควรจะหมั่นเพียรฝึกฝนให้มากเข้าไว้”
หยางเหมยจี๋รับคำในสิ่งที่ชายชรากล่าว จากนั้นก็ก้มศีรษะลงอย่างซึมกะทือ นางรู้สึกว่าสถานการณ์ของตัวเองในตอนนี้ย่ำแย่ไม่น้อย นางไม่รู้เลยว่าดินแดนเร้นลับเป็นอย่างไร ทั้งยั งไม่รู้ด้วยว่าวัตถุล้ำค่าที่อาจารย์หมายมั่นปั้นมือไว้คือสิ่งใดกันแน่
…..
ในจวนตระกูลหนานกง หนานกงเสวียนเฮ่อกำลังพูดคุยอยู่กับสองยอดฝีมือจากเมืองโบราณอสุราอย่างกระตือรือร้น เขาไม่คาดคิดแม้แต่น้อยว่าคนจากเมืองโบราณอสุราจะมาที่เมืองหมอกนภา
เมืองโบราณอสุราเป็นกลุ่มอำนาจระดับหนึ่งไม่ต่างจากวังโอสถ ทั้งยังเป็นกลุ่มอำนาจที่ลึกลับที่สุดในบรรดากลุ่มอำนาจระดับหนึ่งทั้งหมด
ไม่มีใครรู้ตำแหน่งที่ตั้งที่ชัดแจ้งของเมืองโบราณอสุรา พวกเขารู้เพียงว่ามีกลุ่มอำนาจที่ชื่อว่าเมืองโบราณอสุราอยู่ และเป็นกลุ่มอำนาจที่ลึกลับยิ่งกว่าวิหารราชันมังกรซ่อนเร้น เสียอีก
ด้วยความลึกลับของมัน กลุ่มอำนาจอื่นๆ จึงรู้สึกหวาดกลัวและยำเกรงเมืองโบราณอสุราไม่น้อย เหล่ายอดฝีมือที่ที่นี่ส่งมาล้วนทรงพลังอย่างยิ่งยวด ดังนั้นจึงไม่มีใครหน้าไหนกล้าลบหลู่เ เมืองโบราณอสุรา
ยอดฝีมือทั้งสองที่มาจากเมืองโบราณอสุราอยู่ในชุดคลุมสีแดงเลือด ใบหน้าของพวกเขาเคร่งขรึมจริงจังขณะพูดคุยเรื่องทั่วๆ ไปกับหนานกงเสวียนเฮ่อ
ตอนนั้นเองบุคคลหนึ่งก็พรวดพราดเข้ามาในห้องพร้อมด้วยสีหน้าตื่นตกใจ ขณะมองหนานกงเสวียนเฮ่อที่นั่งอยู่ในห้อง ดวงตาของคนผู้นี้ก็ฉายแววหวาดกลัวและตื่นตระหนกออกมา
“ท่าน…ท่านผู้อาวุโสสูงสุด… ข้ามีข่าวร้ายมาแจ้ง!”
จิตใจของยอดฝีมือชั้นกายาศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถทำลายโซ่ตรวนขั้นเซียนเทพได้แล้วหนึ่งชิ้นผู้นี้ยุ่งเหยิงปั่นป่วนเป็นอันมากขณะรีบรุดเข้ามาในห้อง
“เหตุใดเจ้าจึงดูว้าวุ่นใจนัก สงบใจเสีย!”
ใบหน้าของหนานกงเสวียนเฮ่อเคร่งขรึมขณะตวาดใส่บุคคลที่เพิ่งเข้ามาในห้อง
ยอดฝีมือของเมืองโบราณอสุรานั่งอยู่ตรงหน้า ดังนั้นเขาจึงต้องการวางตัวสง่างามต่อหน้าพวกเขา ไม่ต้องการให้คนทั้งสองหัวเราะเยาะใส่
ทว่าเมื่อได้ยินเรื่องราวจากปากผู้คุ้มกัน สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ ใบหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมจริงจังทันที
“ผู้อาวุโสสูงสุด ทุกคนที่ถูกส่งไปตามล่าตัวหนานกงอู๋เชวีย… เสียชีวิตทั้งหมด ส่วนผู้อาวุโสลำดับสองนั้นทางเรายังไม่พบตัวเขา พวกข้าเกรงเหลือเกินว่าเขาจะประสบชะตากรรมเดียวก กัน”
ยอดฝีมือชั้นกายาศักดิ์สิทธิ์โพล่งทุกอย่างออกมาขณะที่ร่างกายสั่นเทิ้มไม่หยุด
“ว่าอย่างไรนะ”
เสียงโครมครามดังสนั่นเมื่อเก้าอี้ที่หนานกงเสวียนเฮ่อนั่งอยู่แหลกสลายไป ชายชราเบิกตากว้างขณะลุกยืน พลังรัศมีแผ่พุ่งออกจากตัว
“เจ้าว่าอย่างไรนะ ทุกคนที่ถูกส่งไปตามล่าตัวหนานกงอู๋เชวียตายหมดหรือ”