ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD - บทที่ 452 หนานกงอู๋เชวียผู้อาภัพ
- Home
- ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD
- บทที่ 452 หนานกงอู๋เชวียผู้อาภัพ
ขณะที่เสียงน้ำสาดซัดดังก้องกังวาน เงาขนาดยักษ์น่าเกรงขามก็ปรากฏขึ้น ปากใหญ่โตของมันส่งเสียงคำรามลั่น
มันคือปลาหัวเสือยักษ์ ส่วนหัวของมันคล้ายคลึงอสูรเวทพยัคฆ์วิญญาณบ้าคลั่งซึ่งแผ่รัศมีน่าพรั่นพรึงออกมา ดวงตาสีแดงก่ำเบิกกว้างจ้องมาที่ปู้ฟางไม่วางตา มันอ้าปากน่าเกลียดน่ากลัวเผยฟันซี่คม ของเหลวกลิ่นคาวจัดหยดออกจากปากของอสูรตัวนี้
ปู้ฟางที่ยืนอยู่เหนือน้ำเขม่นมองปลาหัวเสือยักษ์ กลิ่นคาวของมันเหม็นเตะจมูกเขาอย่างยิ่ง
“หืม อสูรเวทระดับเก้ารึ”
ปู้ฟางประหลาดใจเล็กน้อย ไม่คาดคิดว่าจะถูกอสูรเวทระดับเก้าเล่นงานทันทีที่เข้าสู่ดินแดนเร้นลับ
ยิ่งไปกว่านั้นมันยังเป็นอสูรเวทระดับเก้าที่ดูร้ายกาจมาก
โฮก!
ปลาหัวเสือเปล่งเสียงคำรามอย่างไม่คาดฝัน เสียงของมันทำให้บริเวณโดยรอบสั่นสะเทือน ทันทีที่เสียงนั้นหลุดจากปาก ปลาหัวเสือก็พยายามกัดปู้ฟางและหมายจะฉีกเขาเป็นชิ้นๆ
ควันสีเขียวหมุนวนเมื่อกระทะกลุ่มดาวเต่าดำปรากฏในมือของปู้ฟาง เขาจับกระทะด้วยมือข้างหนึ่ง ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วโบกกระทะไปทางปลาหัวเสือ
เกิดเสียงดังสนั่นก้องกังวานขณะที่กระทะกลุ่มดาวเต่าดำฟาดไปที่หัวของปลาหัวเสืออย่างรุนแรง น้ำที่อยู่รอบตัวทั้งสองฝ่ายกระเพื่อมไหวก่อเกิดเป็นคลื่นลอยสูงขึ้นไปบนอากาศ
ปู้ฟางส่งปลาหัวเสือลอยละลิ่วไปไกล เลือดของมันสาดกระเซ็นไปทั่ว
ปลาหัวเสือท่าทางไม่ฉลาดเท่าไร มันดำลงไปในน้ำ เปล่งเสียงคำรามอีกครั้งก่อนจะพุ่งใส่ปู้ฟางอีกรอบ แน่นอนว่ามันต้องเจอชะตากรรมแบบเดิมที่ถูกกระทะฟาดจนกระเด็นไปอีกหน
หลังจากถูกฟาดหงายหลังไปหลายต่อหลายรอบ ปลาหัวเสือก็กลิ้งไปมาแล้วลอยหงายท้องอยู่บนผิวน้ำด้วยความอ่อนแรง
ปู้ฟางใช้พลังปราณเที่ยงแท้คลุมฝ่าเท้าแล้วเดินไปข้างหน้าช้าๆ เขาจับหางของปลาหัวเสือจากนั้นก็ลากมันเข้าฝั่ง
ปู้ฟางเดินไปถึงฝั่งในเวลาอันสั้น
เกิดเสียงดังกึกก้องเมื่อคลื่นซัดเข้าหาฝั่ง
ปู้ฟางโยนร่างใหญ่โตของปลาหัวเสือขึ้นฝั่งแล้วเริ่มเดินวนรอบตัวมัน เขากะขนาดของมันพลางคิดว่าจะทำอะไรกับปลาตัวใหญ่ขนาดนี้ดี
มันเป็นปลาตัวใหญ่ยักษ์และมีเนื้อมากมาย ปู้ฟางมองหาส่วนที่ยังดูดีอยู่แล้วใช้มีดทำครัวกระดูกมังกรทองเฉือนออกมาหนึ่งชิ้นใหญ่ๆ
หากเป็นเมื่อก่อน อสูรเวทระดับเก้ายังสร้างอันตรายให้เขาได้ แต่ทันทีที่ปู้ฟางบรรลุสู่ขั้นเซียนเทพ พลังของกระทะกลุ่มดาวเต่าดำก็ร้ายกาจถึงขีดสุด เขาแข็งแกร่งมากพอที่จะรับมือกับอสูรเวทระดับเก้าได้อย่างง่ายดาย
ปู้ฟางเรียกกระทะกลุ่มดาวเต่าดำออกมาอีกครั้งแล้วพ่นเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีออกมา เขานั่งขัดสมาธิตรงหน้ากระทะแล้วเริ่มปรุงชิ้นเนื้อของปลาหัวเสือ
น้ำซุปร้อนๆ กลอกกลิ้งอยู่บนกระทะขณะไอน้ำพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ในเวลาไม่นาน ปู้ฟางก็ทำซุปปลาสำเร็จ กลิ่นหอมของมันแพร่กระจายไปทั่วในอากาศ
เนื้อของปลาหัวเสือไม่อาจนับเป็นเนื้อปลาเพราะแตกต่างจากเนื้อปลาแท้ๆ เล็กน้อย แต่ก็ยังมีความคล้ายคลึง และมีกลิ่นคาวที่เป็นของเนื้อปลาโดยเฉพาะ
แม้จคลยเนื้อปลาแต่รสชาติของมันออกจะแปลกประหลาดเล็กน้อย
หลังปรุงเนื้อปลาหัวเสือเสร็จ ปู้ฟางก็เริ่มสวาปาม
ขณะกำลังกิน เจ้าขาวก็มาโผล่ด้านหลังปู้ฟางพร้อมดวงตาสีม่วงที่ส่องแสงวูบวาบอย่างปุบปับ
…..
หนานกงอู๋เชวียรู้สึกเหมือนใช้โชคทั้งชีวิตไปหมดแล้วตอนอยู่ที่ร้านของปู้ฟาง
หนานกงอู๋เชวียถูกแยกจากปู้ฟางทันทีที่เข้าสู่ดินแดนเร้นลับ เขาเคลื่อนย้ายมาอีกแถบหนึ่งและพบคนรู้จักมากหน้าหลายตา
หนานกงเสวียนเฮ่อมองหนานกงอู๋เชวียอย่างตกตะลึงสักพัก ก่อนจะเรียกสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว เขาไม่นึกไม่ฝันว่าสารเลวหนานกงอู๋เชวียจะถูกเคลื่อนย้ายมาในจุดเดียวกันกับตน ช่างน่าตื่นเต้นและขบขันเหลือเกิน
“ดูเหมือนว่าสวรรค์ก็ยังไม่ช่วยเจ้า…” หนานกงเสวียนเฮ่อเริ่มหัวเราะอย่างเบิกบาน เสียงหัวเราะของเขาเย็นเยียบขึ้นทีละน้อยขณะจ้องมองหนานกงอู๋เชวีย
ยอดฝีมือมากมายจากหลายตระกูลกำลังรายล้อมพวกเขาอยู่ รวมถึงยอดฝีมือตระกูลหลินและตระกูลจางที่มองหนานกงอู๋เชวียด้วยสายตายวนยี
พวกเขารู้เรื่องความบาดหมางระหว่างหนานกงอู๋เชวียและหนานกงเสวียนเฮ่อเป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครคาดคิดว่าหนานกงอู๋เชวียจะอับโชคปานนี้ เขาดันเจอหนานกงเสวียนเฮ่อทันทีหลังจากเข้าสู่ดินแดนเร้นลับ
ต้องเป็นคนที่ดวงซวยปานไหนกันถึงเจอเรื่องเช่นนี้ได้
ปัง!
หนานกงเสวียนเฮ่อระเบิดพลังปราณเที่ยงแท้ทั้งหมดออกมาทันที
“หากพวกเจ้าช่วยข้าเอาชีวิตสารเลวนี่ ข้าจะตอบแทนให้อย่างงาม” หนานกงเสวียนเฮ่อเอ่ยขึ้น เสียงของเขาก้องกังวานไปทั่วบริเวณราวกับเสียงกลอง
ยอดฝีมือไม่น้อยของตระกูลหลินและตระกูลจางสนใจข้อเสนอนี้
ถึงอย่างไรตระกูลหนานกงก็เป็นหนึ่งในตระกูลใหญ่ของเมืองหมอกนภา รางวัลจากตระกูลหนานกงย่อมไม่ขี้ริ้วขี้เหร่แน่
อึดใจถัดมาพลังรัศมีก็ปะทุออกมารอบด้านในชั่วพริบตา
พวกเขาจับจ้องหนานกงอู๋เชวียด้วยสายตาที่เปี่ยมด้วยจิตสังหาร
ตอนนั้นเองหนานกงอู๋เชวียก็รู้สึกเหมือนมีกุ้งหลายพันตัวบินอยู่ตรงหน้า เขาจนด้วยคำพูดและรู้สึกว่าตัวเองช่างอาภัพเหลือเกิน
“ไอ้สุนัขแก ช่างหน้าด้านจริง หากมีฝีมือก็มาดวลกับข้าตัวต่อตัว ไม่ใช่ขอให้คนอื่นช่วยเช่นนี้” หนานกงอู๋เชวียพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
สายตาของเขาวูบวาบเหมือนสายฟ้า ร่างของเขาเหมือนกระบี่แหลมคมที่ถูกชักออกจากฝัก
หนานกงเสวียนเฮ่อหัวเราะเย้ยหยันแทนคำตอบ
“คิดว่าข้ากลัวเจ้าหรืออย่างไร” หนานกงเสวียนเฮ่อเหยียดยิ้ม เขาคือยอดฝีมือที่ทำลายโซ่ตรวนขั้นเซียนเทพแล้วสองชิ้น เหตุใดจึงต้องกลัวยอดฝีมือที่เพิ่งทำลายโซ่ตรวนขั้นเซียนเทพได้เพียงชิ้นเดียวด้วย
ให้ประลองกันตัวต่อตัว… หนานกงอู๋เชวียสมองทึบหรืออย่างไร
แม้ว่าคนจำนวนไม่น้อยที่รายล้อมอยู่จะผิดหวังกับเหตุการณ์ที่พลิกผันฉับพลัน แต่ก็ยังมีหลายคนที่ค่อนข้างตื่นเต้น พวกเขาอยากเห็นการต่อสู้จนตัวตายทันทีที่เข้าสู่ดินแดนเร้นลับ และสนใจการต่อสู้ครั้งนี้สุดๆ
เคร้ง!
โซ่สองเส้นด้านหลังหนานกงเสวียนเฮ่อแกว่งไกวไม่หยุดพลางกระทบกันไปมา มันส่งเสียงเคร้งๆ ขณะกระแทกใส่กัน
หนานกงอู๋เชวียถอนหายใจยาว สายตาที่ส่งมาแหลมคมและจริงจัง
อึดใจต่อมา พลังปราณเที่ยงแท้ของชายหนุ่มก็พวยพุ่งออกมาขณะกระทืบปลายเท้าลงบนพื้น
พวกเขากำลังอยู่บนเกาะเล็กๆ เรียกว่าเกาะขนาดกะจิริดก็ยังได้ ทั้งเกาะสั่นไหวเมื่อหนานกงอู๋เชวียกระทืบเท้า
ชั่วขณะต่อมา สายตาทุกคู่ของผู้ชมก็เบิกกว้าง พวกเขามองหนานกงอู๋เชวียอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
ร่างของหนานกงอู๋เชวียซึ่งควรกระโจนเข้าใส่หนานกงเสวียนเฮ่อเปลี่ยนทิศทาง เขาพุ่งทะยานออกจากเกาะไปยังที่ไกลโพ้นทันที
หัวใจของทุกคนเต้นตึกตักรุนแรงขณะมองหนานกงอู๋เชวีย
ไอ้หมอนี่… กำลังจะหนีสินะ
หนานกงอู๋เชวีย… ความละอายของเจ้าอยู่แห่งหนใดกัน แล้วยังมีหน้าพูดออกมาว่าหนานกงเสวียนเฮ่อไร้ยางอาย…
ทุกคนล้วนตกตะลึง มีคนหน้าด้านเช่นนี้ในโลกด้วยหรือ
เมื่อครู่สีหน้าของคนผู้นี้เคร่งขรึมชอบธรรม ประหนึ่งว่าพร้อมจะสู้จนตัวตายกับหนานกงเสวียนเฮ่อ แต่จู่ๆ ตอนนี้เขาดันกลับลำเหาะหนีไปเสียอย่างนั้น
เมื่อเห็นหนานกงอู๋เชวียหลบหนีไปจนเกือบลับสายตา หนานกงเสวียนเฮ่อก็แผดเสียงด้วยความโกรธเคือง
“บัดซบ! เจ้าจะไปไหน”
‘ไม่คิดว่าข้าจะหนีสิท่า คิดว่าข้าโง่เง่าหรืออย่างไร’ หนานกงอู๋เชวียตอบโต้ในใจ ตอนนี้เขากำลังปวดศีรษะอย่างหนัก มันเรื่องบ้าเรื่องบออะไรเขาถึงต้องมาเจอศัตรูอย่างหนานกงเสวียนเฮ่อทันใดที่เข้าสู่ดินแดนเร้นลับด้วย
ต่อให้มีเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพี ก็ไม่แน่ว่าเขาจะเอาชนะหนานกงเสวียนเฮ่อได้ ตอนนี้เปลวเพลิงของเขาถูกหนานกงเสวียนเฮ่อชิงไป ยิ่งแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะมีชัย
เหล่ายอดฝีมือจากตระกูลหลินและตระกูลจางสนใจการต่อสู้ระหว่างหนานกงอู๋เชวียและหนานกงเสวียนเฮ่อไม่น้อย พวกเขารีบตามติดทั้งสองฝ่ายไปทันที
ชั่วขณะนั้น ฉากน่าขบขันอย่างยิ่งในดินแดนเร้นลับก็ปรากฏขึ้น คนกลุ่มใหญ่เริ่มไล่ล่าคนเพียงคนเดียว
ดินแดนเร้นลับทะเลเมฆาประกอบด้วยเกาะขนาดเล็กจำนวนนับไม่ถ้วน แต่ละเกาะมีอสูรเวทน่าสะพรึงกลัวและสมบัติล้ำค่าเหลือคณานับอยู่
แน่นอนว่าทุกคนตั้งใจจะออกตามหาสมบัติล้ำค่ามาครอง
ปัง! ปัง! ปัง!
หลังจากประมือกันหลายกระบวนท่า หนานกงอู๋เชวียก็รู้ตัวว่าไม่อาจสู้หนานกงเสวียนเฮ่อได้ เขารู้สึกเหมือนร่างกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ทำได้เพียงหนีไปทั้งที่เลือดอาบตัว
เขาสละเกาะนี้ทันที รวบรวมพลังปราณเที่ยงแท้แล้วทะยานไปสู่ท้องทะเลไร้ขอบเขต เกาะทั้งหมดถูกรายล้อมด้วยทะเลสุดลูกหูลูกตา
หนานกงเสวียนเฮ่อไล่ล่าต่อเป็นระยะหลายสิบลี้ก่อนถอดใจ ปล่อยให้หนานกงอู๋เชวียที่เลือดอาบทั่วร่างหนีไปได้
หนานกงเสวียนเฮ่อพ่นลมไม่พอใจออกมาก่อนจะหันหลังกลับไปที่เกาะ
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขามายังดินแดนเร้นลับ เขารู้ดีว่ามีอันตรายมากมายในทะเลไร้ขอบเขต
แต่ละเกาะมีเรือวิญญาณซุกซ่อนอยู่สักแห่งบนเกาะ และหากต้องการท่องไปในดินแดนเร้นลับ พวกเขาก็ต้องหาเรือวิญญาณให้เจอ
หากใครลงทะเลไปสุ่มสี่สุ่มห้า พวกเขาจะถูกทะเลกลืนกินอย่างรวดเร็ว
มันคือประสบการณ์ที่บรรพชนถ่ายทอดต่อๆ กันมา และหนานกงเสวียนเฮ่อก็เข้าใจจุดนี้อย่างถ่องแท้
แม้ว่าอยากเข่นฆ่าหนานกงอู๋เชวีย แต่เขาคงไม่เอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยง
…
หนานกงอู๋เชวียกับร่างโชกเลือดเหาะไปในอากาศ ชายหนุ่มหยิบขวดหยกออกมาอย่างรวดเร็วแล้วกรอกโอสถทิพย์ทั้งหมดในขวดเข้าปาก เขายกมือกุมหน้าอกขณะทะยานไปบนระลอกคลื่นเข้าไปในดินแดนเร้นลับลึกขึ้นเรื่อยๆ
เลือดของชายหนุ่มที่หยดลงน้ำถูกคลื่นทะเลสีฟ้าดูดกลืนไปจนสิ้น
หนานกงอู๋เชวียหอบหายใจแรงราวกับเป็นเครื่องสูบลม
ตัวของเขามีกลิ่นไหม้และมันก็ทำให้เขารู้สึกโศกเศร้าใจ เปลวเพลิงที่กำลังผลาญร่างเขาอยู่เคยเป็นของเขามาก่อน มันคือเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพี เปลวเพลิงราชันเก้าโลกันตร์ซึ่งเขาเคยครอบครอง
ความเศร้าโศกที่ผุดขึ้นอย่างฉับพลันในใจทำให้เขากระอักเลือดออกมา
สายตาของหนานกงอู๋เชวียเริ่มพร่าเลือน ไม่รู้ว่าจะโต้คลื่นที่น่าสะพรึงกลัวนี้ได้นานเท่าใด
เขารู้สึกเหมือนพลังปราณเที่ยงแท้หดหายจากร่างอย่างรวดเร็ว เสมือนว่าถูกน้ำทะเลดูดซับไปไม่หยุดหย่อน
“นี่…”
เกิดวิกฤติใหญ่ในใจของหนานกงอู๋เชวีย หากเขาไม่สามารถหาเกาะได้คงต้องตายในทะเลไร้ขอบเขตแห่งนี้ เขารู้ตัวว่าต้องจมลงทะเลแล้วกลายเป็นกองกระดูกแน่ๆ
ตนเองช่างอับโชคอะไรเช่นนี้!
เพิ่งเข้ามาในดินแดนเร้นลับแท้ๆ ยังไม่ทันได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันแต่กลับต้องมาตายเสียแล้ว
ทันใดนั้นดวงตาที่ขมุกขมัวของชายหนุ่มก็หมุนมาอีกทาง เขาเห็นภาพเลือนรางของเรือวิญญาณลอยมาช้าๆ มันแหวกคลื่นทะเลเป็นทางเล็กๆ ขณะพุ่งไปข้างหน้า
หนานกงอู๋เชวียที่หน้ามืดเต็มทนรู้สึกเหมือนคว้าฟางเส้นสุดท้ายไว้ได้ เขาก้มหัวลงแล้วพุ่งไปที่เรือวิญญาณสีดำทะมึน
เสียง “ตุ้บ” ดังขึ้นพร้อมร่างของเขาที่ตกลงบนเรือแล้วสลบไป
…..
ปู้ฟางใช้มือข้างหนึ่งถือชิ้นเนื้อปลาหัวเสือ พลางใช้มืออีกข้างผลักเรือวิญญาณสีน้ำตาลที่พบบนเกาะลงไปในทะเล
ปู้ฟางทำความสะอาดเนื้อปลาหัวเสือล้ำค่าบนฝั่งเรียบร้อย เก็บเนื้อปลาทุกชิ้นลงกระเป๋าก่อนกัดเนื้อปลาในมืออีกหนึ่งคำ จากนั้นก็เหาะขึ้นเรือวิญญาณสีน้ำตาลไป
หลังจากใช้พลังปราณเที่ยงแท้ เรือวิญญาณก็พุ่งทะยานออกไปด้วยความเร็ว ตัวหนังสือมากมายปรากฏอยู่บนผนังด้านในเรือ ประหนึ่งว่ากำลังแนะนำดินแดนเร้นลับทะเลเมฆาอย่างไรอย่างนั้น
ปู้ฟางอ่านตัวหนังสือเหล่านี้ขณะกินเนื้อปลานึ่งร้อนๆ พริบตานั้นดวงตาของเขาก็เป็นประกาย