ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD - บทที่ 73 จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า
- Home
- ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD
- บทที่ 73 จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า
“นายน้อยปู้ โดยปกติแล้วตามกฎของร้านเรา ท่านไม่มีสิทธิ์ได้ขึ้นมากินที่ชั้นสามของร้านปักษาเพลิงนิรันดร์ เนื่องจากจวบจนปัจจุบัน มีเพียงขุนนางชั้นสูง ท่านจักรพรรดิ และเหล่าองค์ชายเท่านั้นที่ขึ้นมาได้ ข้าอนุญาตให้นายน้อยขึ้นมาเพราะท่านมีความสามารถในการประเมินอาหารที่เหนือกว่าผู้ใดเท่านั้น มิเช่นนั้นแล้วต่อให้ท่านทำตัวหน้าไม่อายเพียงใด ข้าก็จะไม่มีวันให้ท่านขึ้นมาที่ชั้นนี้อย่างแน่นอน”
เฉียนเป่าพูดด้วยสีหน้าท่าทางจริงจัง เขารักษากฎเกณฑ์ของชั้นพิเศษนี้อย่างถึงที่สุด จึงเป็นเหตุให้มีท่าทางขึงขังเช่นนี้
หากบริเวณชั้นหนึ่งสำหรับคนทั่วไปและชั้นสองสำหรับแขกผู้มีเกียรติเป็นสิ่งที่ทำให้ร้านปักษาเพลิงนิรันดร์โด่งดังขึ้นมาได้ บริเวณที่พิเศษที่สุด ณ ชั้นสามคือสิ่งที่ทำให้ร้านมีชื่อเสียงระบือไกล
เฉียนเป่ามอบสิทธิพิเศษนี้ให้ปู้ฟาง เนื่องจากชายหนุ่มสามารถระบุข้อผิดพลาดในการทำปลาคาร์ปหินผัดแห้งที่พ่อครัวเฉินคิดไม่ถึงได้อย่างง่ายดาย
ความสามารถในการประเมินคุณภาพอาหารที่ร้านปักษาเพลิงนิรันดร์ของปู้ฟาง จนทำให้เขาได้รับสิทธิ์ในการขึ้นมาที่ชั้นสาม อาจเรียกได้ว่าเป็นการปรามาสครั้งใหญ่ของร้านเลยก็ว่าได้ เฉียนเป่าจะปล่อยให้เรื่องน่าอับอายนี้เกิดขึ้นไม่ได้เป็นอันขาด ถึงอย่างไรเขาก็ต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีของร้านกลับมาให้ได้ และทางเดียวที่จะทำได้คือการอนุญาตให้ชายหนุ่มขึ้นมาลิ้มลองอาหารที่ชั้นสามนั่นเอง
ปู้ฟางปรายตามองเฉียนเป่าแล้วพูดหน้าตาย “หากมีคนขอให้ข้าประเมินคุณภาพอาหารที่ทำ ข้าคงไม่สนใจใยดีเป็นแน่ หากไม่ใช่เพราะมีเหตุการณ์พิเศษเกิดขึ้น ข้าคงไม่ดั้นด้นมากินอาหารขยะของร้านเจ้าหรอก”
น้ำเสียงของชายหนุ่มราบเรียบมากถึงมากที่สุด แม้คำพูดจะฟังดูเหมือนเย้ยหยัน แต่กลับฟังดูไม่ได้เย้ยหยันแม้แต่น้อย ราวกับว่าเขาเพียงพูดความจริงเท่านั้น
เฉียนเป่าตัวแข็งทื่อไม่รู้จะพูดอย่างไรดี แต่จากนั้นก็หรี่ตาลงแล้วระเบิดหัวเราะออกมา “ถ้าเช่นนั้นนายน้อยปู้จะให้เกียรติชิมอาหารสามจานนี้หรือไม่ขอรับ”
“นี่คืออาหารที่ดีที่สุดสามจานจากร้านปักษาเพลิงนิรันดร์”
เซียวเสี่ยวหลงและคนอื่นๆ กะพริบตาปริบ มองอาหารสามจานตรงหน้าที่ดูสวยงามน่ากิน
อาหารทั้งสามจานจากชั้นที่พิเศษที่สุดของร้านปักษาเพลิงนิรันดร์นี้ไม่ใช่สิ่งที่จะหาดูกันได้ง่ายๆ แม้อาหารเหล่านี้จะไม่ได้อร่อยเลิศรสเหมือนอาหารที่ร้านปู้ฟาง แต่การได้มากินข้าวที่ชั้นสามของร้านนี้ไม่ใช่เพื่ออาหารอร่อย แต่เป็นการดื่มด่ำกับสิทธิพิเศษและยศถาบรรดาศักดิ์ต่างหาก
ปู้ฟางเริ่มชิมอาหารจานแรกก่อน ซึ่งก็คือหมูพลังปราณตุ๋นซอสแดงตำรับจีน อาหารจานนี้ทำมาจากเนื้ออสูรเวท แม้จะเป็นเพียงเนื้อหมูป่านักรบอสูรเวทระดับหนึ่งก็ตามที แต่ทักษะการทำอาหารของผู้ที่ทำจานนี้นั้นดีใช้ได้ จึงทำให้เนื้อยังฉ่ำน้ำอยู่ อาหารจานนี้เทียบได้กับปลาคาร์ปหินผัดแห้งเลยทีเดียว
ทว่า…
“แม้นี่จะเป็นเนื้อจากอสูรเวท การคัดเลือกว่าจะใช้เนื้อชนิดไหนนั้นต้องคิดให้มากหน่อย สำหรับจานนี้ การเลือกใช้เนื้อหมูป่านักรบนั้นเป็นการตัดสินใจที่ผิด เนื้อของหมูป่าชนิดนี้เหมาะกับการนำไปเคี่ยวเป็นเวลานานมากกว่า หากอยากนำมาตุ๋นควรเลือกใช้เนื้อของหมูป่าเพลิงจึงจะเหมาะสมที่สุด นอกจากนี้การควบคุมความร้อนระหว่างการตุ๋นยังทำได้ไม่ดีพอ น้ำแกงที่ได้นั้น… หวานเกินไป”
หลังจากที่กินเข้าไปคำเดียว ชายหนุ่มก็วางตะเกียบลงแล้วเริ่มสาธยายข้อผิดพลาดอย่างไร้ความปราณี ในตอนนั้นเองที่จุดผิดพลาดของอาหารชั้นเลิศอันดับหนึ่งในอาณาจักร ถูกเปิดเผยด้วยน้ำมือของปู้ฟาง
เฉียนเป่าอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก เขารีบสั่งให้บริกรหญิงจดข้อผิดพลาดที่ปู้ฟางบอกทันที
ชายเจ้าของร้านไม่ได้ประหลาดใจมากนักที่ปู้ฟางจับข้อผิดพลาดของหมูพลังปราณตุ๋นซอสแดงตำรับจีนได้หลายจุด เนื่องจากอาหารจานนี้จัดว่าอยู่ในระดับเดียวกับปลาคาร์ปหินผัดแห้ง
“นายน้อยปู้ ลองชิมจานนี้ด้วยสิ ซี่โครงขี้เมาเปรี้ยวหวาน” เขาพูดชวนต่อ
ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นกลับตรงข้ามกับความคาดหมายโดยสิ้นเชิง ปู้ฟางให้คะแนนอาหารจานนี้ต่ำมาก ทั้งยังหาข้อผิดพลาดได้มากกว่าหมูพลังปราณตุ๋นซอสแดงตำรับจีนเสียอีก
เฉียนเป่าตกใจเป็นอันมาก เขาคิด “เพราะเหตุใดกัน ซี่โครงขี้เมาเปรี้ยวหวานนั้นอร่อยกว่าหมูพลังปราณตุ๋นซอสแดงตำรับจีนเล็กน้อยแท้ๆ…”
เซียวเสี่ยวหลงและคนอื่นๆ พยายามกลั้นยิ้ม การเอาซี่โครงเปรี้ยวหวานมาแสดงต่อหน้าเถ้าแก่ปู้นั้น ไม่ต่างอะไรกับการล่อเป้าให้โดนสับจนเละ ทุกคนรู้ดีว่าซี่โครงเปรี้ยวหวานของปู้ฟางนั้นอร่อยที่สุด ไม่มีใครเทียบเทียมได้
ปู้ฟางไม่สนใจเฉียนเป่า แต่กลับหันไปมองเป็ดอบบุปผาที่ทำท่าเหมือนอยากบินหนีออกจากโต๊ะแทน
“จัดจานเช่นนี้ก็… น่าสนใจใช้ได้” มุมปากของชายหนุ่มยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม ขณะใช้ตะเกียบจิ้มเข้าไปที่ลำตัวเป็ด แรงผลักเล็กน้อยส่งผ่านตะเกียบกลับมาที่มือเขา
“แปะ แปะ!” เมื่อเฉียนเป่าเห็นว่าปู้ฟางกำลังจะชิมเป็ดอบบุปผาซึ่งเป็นอาหารจานเอกหนึ่งเดียวของร้าน เขาก็ปรบมือด้วยความกระตือรือร้นทันที
ในตอนนั้นเองบริกรหญิงหุ่นอวบอัดในชุดกระโปรงยาวผ่าให้เห็นแทบทั้งขาก็เดินเข้ามาหยุดอยู่ข้างๆ ปู้ฟางด้วยท่วงท่าสง่างาม กลิ่นหอมจากกายของนางตลบอบอวลไปทั่ว
ปู้ฟางขมวดคิ้วก่อนพูดเสียงเรียบ “อย่าเข้ามาใกล้ข้ามาก กลิ่นเครื่องหอมจากตัวเจ้าจะทำให้ประสาทรับกลิ่นกับรสของข้าเพี้ยน”
“หา” บริกรสาวชะงักค้าง ใบหน้าสวยสดเต็มไปด้วยความสงสัย นางถือมีดค้างทื่ออยู่กลางอากาศ ดูไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป
เฉียนเป่าชะงักไปชั่วครู่ก่อนขมวดคิ้ว เขาจ้างหญิงสาวรูปงามเหล่านี้มาเพื่อปรนนิบัติขุนนางและชนชั้นสูงที่มากินอาหารที่ร้าน ทั้งยังใช้เงินจำนวนมากในการซื้อเครื่องสำอางเพื่อเปลี่ยนบริกรหญิงทั้งหลายให้สวยมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้นไปอีก เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าวิธีนี้จะมีผลต่อความอยากอาหารของลูกค้า
หลังจากคิดอยู่สักพัก ชายเจ้าของร้านก็ส่งสัญญาณให้บริกรหญิงล่าถอยไป จากนั้นเขาก็เดินถือมีดเข้าไปหั่นเป็ดด้วยตนเอง
เฉียนเป่ารู้วิธีการเตรียมอาหารจานนี้อยู่บ้าง มือที่หั่นเป็ดของเขานิ่งมั่นคง เขาหั่นเนื้อเป็ดออกมาอย่างรวดเร็วแล้วนำไปใส่จานของปู้ฟาง
ชายหนุ่มหยิบแป้งป่อเปี๊ยะและผักกะหล่ำมาห่อเนื้อเป็ด ก่อนใส่น้ำส้มสายชูลงไปเล็กน้อย แล้วกินเข้าไปหมดในคำเดียว
รสชาติของเป็ดและกะหล่ำที่ผสานเข้าด้วยกันนั้นเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ และทำให้เกิดรสสัมผัสที่อธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ เมื่อรวมเข้ากับแป้งที่เหนียวเล็กน้อย รสชาติที่อยู่ในปากของชายหนุ่มจึงอร่อยจนพรรณนาไม่ถูก
ต้องยอมรับว่าเป็ดอบบุปผาจานนี้อร่อยมากจริงๆ
“นายน้อยปู้ รสชาติของอาหารจานที่ดีที่สุดในร้านปักษาเพลิงนิรันดร์เป็นอย่างไรบ้างขอรับ” เฉียนเป่าเลียริมฝีปากอย่างคาดหวังขณะมองปู้ฟางตาไม่กะพริบ เขามั่นใจว่าอาหารจานนี้ที่ท่านจักรพรรดิยังออกปากชมว่าเป็นอาหารจานเป็ดอันดับหนึ่งในอาณาจักร จะต้องทำให้ชายหนุ่มตรงหน้ายอมสยบอย่างแน่นอน
“อืม จานนี้รสชาติอร่อยใช้ได้” เขาหั่นเนื้อเป็ดออกมาอีกชิ้น คราวนี้ไม่ได้เอาแผ่นแป้งมาห่อแต่กินเข้าไปทันที
ตัวเขาเองก็เป็นคนชอบกินอาหารอร่อยเช่นกัน พ่อครัวแม่ครัวทุกคนล้วนรักการกินเป็นชีวิตจิตใจด้วยกันทั้งสิ้น
“แปลว่า นายน้อยปู้… หาข้อผิดพลาดในอาหารจานนี้ไม่ได้ใช่หรือไม่ขอรับ” เฉียนเป่าสูดหายใจเข้าลึก ดวงตายังคงจ้องปู้ฟางไม่วางตา
ปู้ฟางค่อยๆ ดื่มน้ำอย่างไม่รีบร้อน จากนั้นก็เอ่ยเสียงเรียบ “อาหารจานนี้เป็นจานที่สมบูรณ์แบบที่สุดในร้านปักษาเพลิงนิรันดร์ รสชาติอร่อยมาก
“ข้าพอเดาได้ว่าอาหารจานนี้ทำขึ้นมาตามสูตรทุกอย่างโดยเคร่งครัด ไม่มีการออกนอกสิ่งที่สูตรระบุเอาไว้เลยแม้แต่นิดเดียว รายละเอียดทุกอย่างจัดว่าเก็บได้ครบถ้วน” ปู้ฟางพูด
รูม่านตาของเฉียนเป่าหดแคบขณะผุดลุกขึ้นยืน เขาจ้องไปที่ปู้ฟางเขม็ง ส่วนที่ลึกที่สุดของดวงตาเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
ถูกต้องแล้ว! เป็ดอบบุปฝากระจกสีจานนี้มาจากสูตรที่เขาได้มาโดยบังเอิญ เป็นเพราะอาหารจานนี้ที่ทำให้เขาพาร้านปักษาเพลิงนิรันดร์มาสู่จุดสูงสุดนี้ได้ จนได้รับการสนับสนุนจากผู้ทรงอิทธิพลมากมาย
“เจ้าทำถูกแล้วที่ทำตามขั้นตอนทุกอย่างไม่ผิดพลาดแม้แต่รายละเอียดเดียว แต่ความเข้มงวดจนไม่ยอมยืดหยุ่นนี้ทำให้เจ้ามองข้ามสิ่งสำคัญบางอย่างไป เจ้าคงรู้อยู่แล้วว่าสูตรอาหารนั้นกว่าจะมาเป็นสูตรได้ ต้องผ่านการทดลองและทดสอบมานับครั้งไม่ถ้วนก่อนจะบันทึกลงไปตายตัว แน่นอนว่าสูตรอาหารนั้นไม่ได้สมบูรณ์แบบไปเสียหมด และยังมีช่องให้ปรับปรุงเสมอ อาหารจานนี้เองก็เช่นกัน ข้อผิดพลาดอยู่ที่การเลือกวัตถุดิบ”
“การเลือกวัตถุดิบรึ”
“ใช่แล้ว สูตรบอกว่าให้ใช้เป็ดโตเต็มวัยใช่หรือไม่ นอกจากนี้ยังต้องใช้เป็ดอสูรเวทระดับสูงอีกด้วย แต่หากเจ้าเลือกใช้เป็ดอายุน้อยจะทำให้รสชาติออกมาดีกว่า หนังของเป็ดที่โตเต็มไวแล้วนั้นเหนียวเกินไป และเนื้อก็แข็งเกินไป ส่วนข้อผิดพลาดอื่นๆ นั้นจัดว่าเล็กน้อยจนไม่สำคัญอะไร ข้าจะไม่พูดถึงก็แล้วกัน” ปู้ฟางพูดหน้าตาย
เฉียนเป่าสูดหายใจเข้าเพื่อทำใจให้สงบลง สีหน้าของเขาไม่สู้ดีนัก
เขาไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ปู้ฟางพูด “นายน้อยปู้ เป็ดอบบุปผาจานนี้เป็นอาหารจานเอกของร้านเราที่ผ่านการทดลองสูตรมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว ข้าไม่เห็นด้วยที่ท่านเสนอให้ใช้เป็ดอายุน้อยในการทำ ข้าเชื่อในสูตรที่ทางฝั่งเราบันทึกเอาไว้เต็มร้อย”
แม้คำพูดของปู้ฟางจะดูมีเหตุผล แต่เฉียนเป่าเองก็ไม่อยากเชื่อโดยง่าย เนื่องจากนี่เป็นอาหารจานเอกของร้าน แล้วเขาจะไปแก้สูตรง่ายๆ ตามอำเภอใจได้อย่างไร
ปู้ฟางปรายตามองชายเจ้าของร้านแล้วเอ่ย “จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า ข้ามาแค่เพื่อประเมินคุณภาพอาหารเท่านั้น เอาล่ะ ในเมื่อข้าประเมินครบทุกจานแล้ว ข้าก็จะไปเสียที นี่ค่าอาหาร”
ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนแล้ววางผลึกห้าชิ้นลงบนโต๊ะ จากนั้นก็เดินลงบันไดไปอย่างสง่างาม
เฉียนเป่ามีสีหน้าบูดบึ้งขณะยืนอยู่กับที่ เขามองอาหารในจานทั้งสามจานที่แทบไม่ได้ถูกแตะ ในดวงตาสั่นระริกด้วยความรู้สึกมากมาย
“นายน้อยปู้… เป็นใครกันแน่!” เฉียนเป่าสูดหายใจเข้าลึกแล้วพึมพำกับตนเอง จากนั้นดวงตาก็มองไปที่เซียวเสี่ยวหลงซึ่งกำลังจะจากไป
“นายน้อยเซียว ท่านพอจะบอกข้าได้หรือไม่ว่านายน้อยปู้เป็นใคร… ผู้ที่สามารถบอกข้อผิดพลาดของอาหารได้โดยละเอียดเช่นนี้ย่อมไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน เขาเป็นพ่อครัวหลวงรึ” เฉียนเป่าผสานมือและกำปั้นคารวะ
เซียวเสี่ยวหลงชะงักไปชั่วครู่ จากนั้นรอยยิ้มชั่วร้ายก็ผุดขึ้นบนใบหน้า เขาหรี่ตาแล้วเอ่ยตอบ “เถ้าแก่ปู้ยอดเยี่ยมไปเลยใช่ไหมเล่า เขาไม่ได้เก่งแค่การทำอาหารหรอกนะ แต่การวิจารณ์เองก็เรียกได้ว่าไร้เทียมทานเช่นกัน ข้าประทับใจในตัวเขาจริงๆ”
“เถ้าแก่ปู้รึ!” เฉียนเป่าขมวดคิ้ว ดวงตาหรี่ลงขณะสูดลมหายใจเข้าลึก “คนคนนี้… เป็นเจ้าของร้านใจไม้ไส้ระกำหรือนี่”
เซียวเสี่ยวหลงยิ้มอย่างลึกลับและไม่ได้ตอบอะไร เขาหันหลังกลับเดินตามปู้ฟางไป
ตอนที่ปู้ฟางกำลังเดินเอามือไพล่หลังจากไปนั้นเอง ระบบก็ประกาศเสียงขึงขังอยู่ในศีรษะ
“ยินดีด้วยนายท่าน ท่านทำภารกิจฉุกเฉินสำเร็จแล้ว ท่านชิมอาหารในร้านปักษาเพลิงนิรันดร์ครบสิบสามจาน ทั้งยังหาข้อบกพร่องได้หมด ระบบจะมอบรางวัลให้ท่านเดี๋ยวนี้”
………………