ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD - บทที่ 87 ฆ่าหมูตายในดาบเดียว
- Home
- ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD
- บทที่ 87 ฆ่าหมูตายในดาบเดียว
ทวีปมังกรซ่อนเร้นนั้นเต็มไปด้วยทรัพยากรมากมาย มีทั้งเทือกเขาสูงตระหง่านจำนวนมาก สายธารไร้จุดสิ้นสุดที่ไหลจากยอดเขา มหาสมุทรไร้ขอบเขต และแม้กระทั่งทะเลสาบท่ามกลางภูมิทัศน์อันไม่น่าพิสมัย
ดินแดนป่ารกชัฏเป็นพื้นที่ราบลุ่มกว้างใหญ่ตั้งอยู่นอกชายแดนจักรวรรดิวายุแผ่ว มีทั้งป่ากว้างใหญ่ไพศาลและทะเลสาบขนาดใหญ่อยู่ในพื้นที่ราบลุ่มนั้น แต่นั่นไม่ใช่จุดประสงค์หลักที่ดินแดนป่ารกชัฏได้รับชื่อนี้มา เหตุผลที่แท้จริงคือเหล่าอสูรเวทมากมายนับไม่ถ้วนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ราบลุ่มนั้น อสูรเวทเหล่านี้มีความแข็งแกร่งแตกต่างกันไป
ดินแดนป่ารกชัฏมีลักษณะเป็นวงแหวนที่มีสามชั้น วงแหวนชั้นนอก วงแหวนชั้นกลาง และวงแหวนชั้นใน ความแข็งแกร่งของอสูรเวทในแต่ละชั้นก็แตกต่างกันออกไป ยิ่งเข้าใกล้ศูนย์กลางมากเท่าไรเหล่าอสูรก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น… มีข่าวลือที่เล่ากันปากต่อปากว่าอสูรเวทระดับเก้าในตำนานอาศัยอยู่ตรงใจกลางดินแดนป่ารกชัฏ
ด้วยเหตุนี้ใจกลางดินแดนป่ารกชัฏจึงถือเป็นพื้นที่ต้องห้ามสำหรับมนุษย์ แม้แต่ผู้ฝึกตนระดับเจ็ดขั้นนักพรตยุทธการยังไม่กล้าเข้าไปในสถานที่แห่งนี้ สำหรับอสูรเวทระดับเก้าในตำนานนั้น มนุษย์ที่มีปราณระดับเจ็ดก็ไม่ต่างอะไรจากมดปลวกไร้ค่า
ณ วงแหวนชั้นนอกของดินแดนป่ารกชัฏ
เสียงระเบิดดังติดต่อกัน ตามมาด้วยพายุที่อุบัติขึ้นพัดทำลายต้นไม้ในบริเวณโดยรอบเสียราบคาบ ร่างสามร่างเคลื่อนไหวระหว่างต้นไม้อย่างรวดเร็ว พลางปล่อยพลังดุเดือดออกมาเป็นชุด
ท่ามกลางพายุหมุนนั้น ร่างสองร่างกระโจนเข้าใส่อสูรเวทที่อยู่ตรงหน้า พยายามล้อมมันเอาไว้ให้หนีไปไหนไม่ได้ เป้าหมายของพวกเขาคืออสูรเวทที่กำลังตั้งท่าจะหนีไป
ความเร็วในการวิ่งของอสูรเวทนั้นเร็วมาก พลังที่มันปล่อยออกมาก็รุนแรงมากเช่นกัน อสูรตัวนี้เป็นอสูรเวทระดับหก กระแสไฟฟ้าไหลออกจากร่างของมันอย่างต่อเนื่องพร้อมเสียงหึ่งๆ กลิ่นไหม้ลอยอยู่ในอากาศตามการเคลื่อนไหวของมัน
“พี่สอง! ไอ้หมูวิญญาณเพลิงอัสนีนี่มันช้าลงแล้ว! อย่าปล่อยให้มันหนีไปได้เชียว!” เสียงอ่อนโยนใสแจ๋วดังขึ้น กระแสพลังปราณเที่ยงแท้ระเบิดออกมา พุ่งเข้าปะทะหมูวิญญาณเพลิงอัสนีที่วิ่งหนีอยู่เบื้องหน้าคนทั้งสอง
หมูตัวนั้นกรีดร้องและวิ่งหนีเต็มฝีเท้าขึ้นอีกจนชนต้นไม้ใหญ่ล้มตึง กระแสไฟฟ้าที่ไหลทะลักออกจากร่างจุดต้นไม้ต้นนั้นให้จมอยู่ในกองเพลิงทันที
ชายในชุดสีเขียวผู้มีผมปลิวไสว ไล่ล่าอสูรเวทขณะยืนอยู่บนกระบี่บิน ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มเล็กน้อย เขามองไปที่หมูวิญญาณเพลิงอัสนีที่อยู่ไกลออกไปแล้วเอ่ย “น้องหญิง ไม่ต้องรีบไป แม้หมูตัวนี้จะเป็นอสูรเวทระดับหก แต่มันก็มีดีแค่การป้องกันที่แข็งแกร่งเท่านั้น ความสามารถในการต่อสู้ ความเร็ว และพลังกายของมันอ่อนแอเกินไป ไม่นานมันต้องเลิกหนีแน่นอน”
ข้างๆ ชายหนุ่มรูปหล่อนั้นเป็นเด็กหญิงดวงตากลมโตน่ารักที่กำลังจ้องไปยังหมูวิญญาณเพลิงอัสนีด้วยสายตาตื่นเต้น ใบหน้าของนางเปื้อนยิ้ม แก้มสองข้างมีลักยิ้มบุ๋ม
ทันใดนั้นชายหนุ่มก็ดูตกใจเล็กน้อย เขามองไปที่ระยะไกลด้วยสีหน้างุนงง
หมูวิญญาณเพลิงอัสนีที่กำลังหนีเอาชีวิตรอดหยุดชะงักกะทันหัน มวลอากาศว่างเปล่าข้างหน้าหมูตัวนั้นเริ่มบิดเบี้ยว พายุหมุนระเบิดออกมาจากมวลอากาศที่ถูกบีบอัด ตามมาด้วยลำแสงเจิดจ้าส่องวาบอยู่ภายในพายุ
ตูม!
เสียงระเบิดดังขึ้น พายุหมุนสลายตัวลง ตามมาด้วยร่างโปร่งที่ปรากฏขึ้นในวงแหวนปราณที่สร้างจากแสง
หมูวิญญาณเพลิงอัสนีคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว ความเร็วของมันไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อยขณะพุ่งเข้าใส่ร่างโปร่งที่เพิ่งปรากฏตัวขึ้นจากความว่างเปล่า มันเป็นถึงอสูรเวทระดับหก ต่อให้ความสามารถในการต่อสู้จะจัดว่าอ่อนแอ แต่การเข้าปะทะด้วยความเร็วขนาดนี้ก็ถือว่าอันตรายมาก
“หืม นี่มันบ้าอะไรกัน” เจ้าของร่างสูงโปร่งดูงุนงงกับภาพตรงหน้า เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นแล้วมองเห็นหมูคลั่งที่กำลังพุ่งเข้ามาใส่ตน ชายผู้นั้นก็เลิกคิ้วขึ้นพลันพูดออกมาอย่างไร้อารมณ์
“ระวัง!” แม้ชายในชุดเขียวจะไม่เข้าใจว่าชายหนุ่มร่างผอมตรงหน้าปรากฏตัวขึ้นโดยฉับพลันได้อย่างไร แต่เขาก็ยังตะโกนร้องเตือนด้วยความหวังดี
เด็กหญิงที่มีลักยิ้มผู้กำลังตามติดอยู่เบื้องหลังใบหน้าซีดเผือดด้วยความกลัวทันที นางปิดตาด้วยมือสองข้าง ไม่กล้ามองดูภาพน่าสยดสยองที่กำลังจะเกิดขึ้น…
ชายในชุดเขียวไม่ได้คาดคิดว่าจะมีคนโผล่ขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยต่อหน้าหมูวิญญาณเพลิงอัสนี แม้ความสามารถในการต่อสู้ของอสูรเวทตัวนี้จะไม่น่ากลัว แต่การป้องกันตัวเองของมันนั้นจัดว่าทรงพลังมาก หนังของมันหนา กล้ามเนื้อก็แข็งแกร่ง แม้แต่ผู้ฝึกตนระดับหกขั้นจักรพรรดิยุทธการยังต้องบาดเจ็บหนักหากถูกพุ่งเข้าชนในลักษณะนี้ คนธรรมดาคงถูกบดขยี้กลายเป็นเศษเนื้อในพริบตาอย่างแน่นอน
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนี้ทำให้สีหน้าของชายหนุ่มแข็งทื่อ ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ
ชายหนุ่มผู้ที่เพิ่งปรากฏตัวขึ้นดูไม่สนใจแม้แต่น้อย ถึงจะกำลังเผชิญหน้ากับหมูวิญญาณเพลิงอัสนีที่พุ่งเข้าใส่ด้วยความเร็วสูง สีหน้าของเขาก็ไม่เปลี่ยนแปลง ดวงตาสงบเหมือนน้ำนิ่ง ชายในชุดเขียวเห็นเพียงมีดทำครัวที่ปรากฏขึ้นในมือของชายหนุ่มร่างโปร่งตรงหน้าเท่านั้น
“จะบ้ารึ… กำลังเผชิญหน้ากับหมูวิญญาณเพลิงอัสนีจะเอามีดทำครัวออกมาทำบ้าอะไร” นี่คือความคิดแรกที่พุ่งเข้ามาในศีรษะของชายในชุดเขียวเมื่อเห็นมีดทำครัว
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงนั้นตรงข้ามกับสิ่งที่เขาคิดโดยสิ้นเชิง ความเร็วของหมูวิญญาณเพลิงอัสนีไม่ได้ลดน้อยลงแม้แต่น้อย ส่วนมีดทำครัวหน้าตาไม่มีพิษภัยในมือชายหนุ่มก็เรืองแสงสีทองสว่างเจิดจ้า จนชายหนุ่มในชุดเขียวลืมตาสู้แสงเจิดจรัสนั้นไม่ไหว
เมื่อแสงจางหายไป ทุกอย่างก็กลับมาสงบเงียบอีกครั้ง
ทันทีที่ชายในชุดเขียวเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเต็มสองตา เขาก็ต้องอ้าปากค้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความสะพรึงกลัว เด็กหญิงที่ยืนอยู่ข้างๆ อุทานออกมาด้วยความตกใจเช่นกัน ดวงตาของนางเบิกกว้างยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
หมูวิญญาณเพลิงอัสนีถูกผ่าครึ่งทั้งเป็น ร่างใหญ่ยักษ์ของมันร่วงลงบนพื้น เลือดสาดกระจายไปทั่วบริเวณ บนกองเลือดนั้นยังมีกระแสไฟฟ้ากระเด็นกระดอนอยู่ไปมา
ชายหนุ่มเก็บมีดทำครัวหน้าตาไม่มีพิษภัยของตนเองกลับไป จากนั้นก็เดินไปหาหมูวิญญาณเพลิงอัสนีพร้อมห่อผ้าในมือ เขานั่งยองๆ ลงข้างหมู ดูเหมือนกำลังสำรวจซากของมันอยู่
ชายในชุดเขียวและเด็กหญิงรีบลงมาบนพื้นแต่ไม่กล้าส่งเสียงแม้แต่น้อย ความจริงที่ว่าชายตรงหน้าสามารถฆ่าหมูวิญญาณเพลิงอัสนีตายในดาบเดียว ทั้งที่เป็นที่รู้กันดีว่าหมูชนิดนี้แข็งแกร่งด้านการป้องกันตัวเพียงใด แปลว่าชายผู้นี้ต้องทรงพลังมากอย่างแน่นอน
เขาอาจเป็นผู้ฝึกตนระดับเจ็ดขั้นนักพรตยุทธการก็เป็นได้!
“นายท่า… ศิษย์พี่ การโจมตีของท่านช่างเก่งกาจเหลือเกิน! ถึงกับสังหารหมูวิญญาณเพลิงอัสนีตายได้ในดาบเดียว ช่างน่าเลื่อมใสยิ่งนัก” ชายในชุดเขียวพูดกับชายหนุ่มที่กำลังสำรวจซากหมูวิญญาณเพลิงอัสนีด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นอย่างไร้อารมณ์ เขามองไปที่ชายในชุดเขียวและเด็กหญิงมีลักยิ้มที่ยืนอยู่ข้างกัน จากนั้นก็พยักหน้านิ่งๆ แล้วลุกขึ้นยืน
“เนื้อของหมูวิญญาณเพลิงอัสนีมีทั้งธาตุสายฟ้าและธาตุไฟ เป็นวัตถุดิบที่ดีทีเดียว น่าเสียดายที่ยังจัดว่าด้อยนักหากเทียบกับสิ่งที่ข้าอยากจับจริงๆ” ชายหนุ่มพึมพำกับตนเอง แต่คำพูดเหล่านี้กลับฟังดูเหมือนสายฟ้าที่ฟาดเข้ากกหูของชายในชุดเขียว
“สวรรค์… ท่านผู้นี้เป็นผู้เยี่ยมยุทธ์จริงๆ เสียด้วย! ขนาดหมูวิญญาณเพลิงอัสนียังบอกว่าดีไม่พอสำหรับเขา นี่เขากำลังมองหาอสูรเวทระดับเจ็ดอยู่เช่นนั้นรึ” ชายในชุดเขียวคิด
“หืม… เจ้าสองคนชื่ออะไร มาทำอะไรที่นี่กัน” ชายร่างโปร่งถามชายในชุดเขียวด้วยสีหน้าตายด้านคงเส้นคงวา
“ศิษย์พี่ ข้ามีนามว่าถังอิ่น ศิษย์จากสำนักความลับแห่งสวรรค์ นี่ศิษย์น้องหญิงของข้า ลู่เซียวเซียว พวกข้าขอทราบชื่อเสียงเรียงนามของท่านได้หรือไม่ขอรับ” ถังอิ่นแนะนำตัว หลังจากที่ลองพิจารณาดูอย่างถี่ถ้วนแล้ว ชายหนุ่มก็รู้ว่าพลังปราณที่ชายตรงหน้าปล่อยออกมานั้นไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนที่คิดไว้ อยู่ที่ระดับสี่ขั้นจิตยุทธการเท่านั้น กระนั้นเขาก็ยังพูดด้วยน้ำเสียงเคารพนบนอบ
ขั้นจิตยุทธการ… ผู้ที่มีปราณระดับนี้จะอาจหาญเข้ามาในดินแดนป่ารกชัฏได้อย่างไรกัน… เป็นไปไม่ได้เลยที่คนซึ่งฆ่าอสูรเวทระดับหกตายในดาบเดียวด้วยมีดทำครัวจะมีปราณระดับสี่ขั้นจิตยุทธการจริงๆ!
“อ้อ ข้าชื่อปู้ฟาง เป็นพ่อครัว มาจาก… เอ่อ จักรวรรดิวายุแผ่ว” ปู้ฟางแนะนำตัวอย่างตรงไปตรงมา
“หา… อะไรนะ เป็นพ่อครัวรึ หมอนี่เพิ่งแนะนำตัวว่าเป็นพ่อครัวจริงรึ” ถังอิ่นคิด
ถังอิ่นและลู่เซียวเซียวต่างมีสีหน้าประหลาด ต้องยอมรับจริงๆ ว่างานอดิเรกของผู้ทรงอำนาจนั้นช่างแปลกประหลาดเสียจริง ผู้อาวุโสสามจากสำนักความลับแห่งสวรรค์ซึ่งเป็นอาจารย์ของพวกเขาทั้งสองเองก็ใช้เวลามากมายศึกษาเรื่องการทำอาหารอยู่ในครัวเช่นกัน
“ศิษย์พี่ พวกข้าขอซื้อหมูวิญญาณเพลิงอัสนีต่อได้หรือไม่ ศิษย์น้องหญิงและข้ามาที่ดินแดนป่ารกชัฏแห่งนี้เพื่อตามล่าหมูวิญญาณเพลิงอัสนีนี่ละ…” ถังอิ่นเอ่ยพร้อมผสานมือคาราวะ
ปู้ฟางคิดอยู่สักพัก เขาหันไปมองซากหมูวิญญาณเพลิงอัสนี จากนั้นมุมปากก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม “พวกเจ้าเอาไปเลย ข้าไม่จำเป็นต้องใช้อยู่แล้ว เนื้อหมูวิญญาณเพลิงอัสนีเอาไปทำอย่างอื่นไม่ได้อีกนอกจากทำอาหาร พวกเจ้าทั้งสองคนก็เป็นพ่อครัวแม่ครัวเหมือนกันรึ”
รูม่านตาของถังอิ่นหดแคบ ชายหนุ่มรู้สึกชื่นชมในตัวปู้ฟางขึ้นมาทันที สมแล้วที่เป็นศิษย์พี่ผู้มากความสามารถ! มองปราดเดียวก็อ่านขาดว่าพวกเขามาตามล่าหมูวิญญาณเพลิงอัสนีไปเพื่อสิ่งใด! ใช่แล้ว! ทั้งสองได้รับคำสั่งจากอาจารย์ให้มาเก็บวัตถุดิบเพื่อไปทำอาหาร!
“จะเป็นพ่อครัวแม่ครัวหรือไม่ก็ไม่สำคัญ ข้ามีคำถามอยากถามพวกเจ้าสองคน” ปู้ฟางขัดจังหวะถังอิ่นที่กำลังจะเอ่ยตอบ “พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าจะไปหาวัตถุดิบที่ดีกว่าหมูวิญญาณเพลิงอัสนีจากแถวๆ นี้ได้ที่ไหน”
………………