ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 1000 คิดไม่ซื่อแล้ว
ตอนที่ 1000 คิดไม่ซื่อแล้ว
ลู่เจียวไม่เอ่ยค้าน หลังจบงานเลี้ยงในวังก็จะพาคนตระกูลเซี่ยออกจากวังหลวง ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนเองก็จะออกจากวังหลวง ตระกูลเซี่ยทุกคนไม่ทันสังเกตเห็นว่าตอนพวกเขาจากไป เซียวเหวินอวี๋มองตามหลังพวกเขาไม่ละสายตา
แม้ว่าคนตระกูลเซี่ยไม่รู้ แต่พระสนมเนี่ยผินที่นั่งอยู่ด้านหลังฮ่องเต้กลับรู้ นางคิดถึงเรื่องที่ก่อนหน้านี้ฮองเฮาให้คนมาบอกว่า ฝ่าบาทชอบบุตรสาวบุญธรรมตระกูลเซี่ยผู้นั้นมาก หากนางยังไม่ฉวยโอกาสจับฝ่าบาทไว้ หญิงผู้นั้นเข้าวังมาก็จะไม่มีที่ให้นางยืนในวังแล้ว
พระสนมเนี่ยผินรู้ว่าฮองเฮาบอกนางเรื่องนี้ไม่ใช่เพราะประสงค์ดี
แต่นางชอบฝ่าบาท หลายปีมานี้ นางรอคอยอยู่เงียบๆ มาตลอด รอว่าฝ่าบาทจะเห็นความดีของนาง
ในที่สุดตอนนี้ก็คว้าโอกาสมาได้เล็กน้อย หากนางยังไม่ลงมือ วันหน้าก็คงได้แต่ทนทุกข์อยู่แต่ในวังแล้ว
พระสนมเนี่ยผินแค่คิดก็รู้สึกทนไม่ได้ ดังนั้นนางต้องไขว่คว้าโอกาสนี้ไว้
พระสนมเนี่ยผินเงยหน้ามองไปยังฝ่าบาทตรงหน้าทันที แววตาที่ฝ่าบาทมองตู้เยี่ยนมีความรู้สึกเศร้าสลดเล็กน้อย ผู้อื่นไม่รู้ แต่นางกลับรู้
หากไม่เหนือความคาดหมาย ฝ่าบาททรงชอบหญิงที่ชื่อตู้เยี่ยนแท้จริงแล้วกระมัง
ไม่ได้ นางไม่อาจยกฝ่าบาทให้ผู้อื่นได้
แววตาพระสนมเนี่ยผินเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นแรงกล้า
เซียวเหวินอวี๋ไม่รู้ความคิดในใจพระสนมเนี่ยผิน เขาสนใจแต่องค์หญิงแปดซีเหลียงซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยน
กล่าวตามตรง เมื่อก่อนแม้เขาตะลึงในความงามขององค์หญิงแปดซีเหลียงแต่ก็มิได้ถึงกับต้องการครอบครองนาง
แต่ตั้งแต่รู้ว่าหญิงผู้นี้ไม่คิดแต่งกับเขา ไม่คิดแต่งเชื่อมไมตรี เขาก็อารมณ์ไม่ดี อันใดก็ไม่ดีทั้งสิ้น มักจะอดคิดไม่ได้ว่า เขาใช้ไม่ได้เพียงนั้นเชียวหรือ ถึงกับทำให้นางไม่ยินดีเข้าวังมาเป็นพระสนมของเขา
มาคิดถึงวาจานางก่อนหน้านี้อีกที เซียวเหวินอวี๋ก็พลันเข้าใจ สิ่งที่หญิงผู้นี้ต้องการก็คือชายที่รักมั่นเพียงนางผู้เดียวตลอดชีวิต ไม่ใช่ผู้ชายเช่นเขาที่แต่งภรรยามาหลายคนแล้ว
เซียวเหวินอวี๋คิดถึงเรื่องนี้ อารมณ์ก็ตกต่ำสุดขีด รู้สึกไร้สิ้นเรี่ยวแรง และเพราะอารมณ์เช่นนี้ทำให้คืนนี้เขาดื่มหนักอยู่สักหน่อย
“โย่วจิ่น มาประคองเรากลับไป”
มหาขันทีโจวโย่วจิ่นรีบเข้าไปประคองฝ่าบาทออกไป ทูตซีเหลียงกับทูตเป่ยฉีเองก็มีคนพาไปพักผ่อน
พระสนมเนี่ยผินด้านหลังค่อยๆ ลุกขึ้นนำคนออกไป
โจวโย่วจิ่นประคองเซียวเหวินอวี๋เดินกลับตำหนักประทับฮ่องเต้ ตลอดทางมา โจวโย่วจิ่นเห็นเซียวเหวิน อวี๋อารมณ์ไม่ดีนัก ก็อดเอ่ยไม่ได้ “ฝ่าบาท หากทรงชอบก็มีราชโองการให้นางเข้าวังมาก็ได้ เหตุใดต้องทรงทนทุกข์ทรมานเช่นนี้ด้วย”
เซียวเหวินอวี๋มองโจวโย่วจิ่นทีหนึ่ง “เจ้าคิดว่าเราจะเป็นผู้ชายที่บีบบังคับผู้อื่นหรือ นับประสาอันใดกับเราเองก็มิได้ชอบมากมายเช่นนั้น น่าจะเพราะไม่อาจยอมรับที่ถูกนางปฏิเสธได้กระมัง เอาละ ๆ วันหน้าอย่าได้เอ่ยถึงคนผู้นี้อีก”
เขากล่าวไปก็พยายามสลัดความรู้สึกอัดอั้นในใจทิ้งไป คว้าแขนโจวโย่วจิ่นเดินกลับตำหนักอวี้หวากง
คืนนี้ดื่มมากไปสักหน่อย เซียวเหวินอวี๋กลับเข้าตำหนักบรรทม โจวโย่วจิ่นก็รีบให้คนไปเตรียมน้ำแกงสร่างเมามา
เพียงแต่เขาเพิ่งจะเดินถึงหน้าประตูตำหนักอวี้หวากง ก็เห็นพระสนมเนี่ยผินในชุดสีม่วงอ่อนพานางกำนัลสองคนเดินมา
โจวโย่วจิ่นคิดไม่ถึงว่าพระสนมเนี่ยผินจะมาในยามนี้ รีบถวายบังคมทันที “ถวายบังคมพระสนมเนี่ยผิน”
พระสนมเนี่ยผินยิ้มเอ่ยว่า “โจวกงกง เกรงใจไปแล้ว ลุกขึ้นได้”
โจวโย่วจิ่นลุกขึ้น พระสนมเนี่ยผินมองเขากล่าวว่า “ข้าเตรียมน้ำแกงสร่างเมามาดูแลฮ่องเต้”
โจวโย่วจิ่นเดิมเตรียมให้คนไปต้มน้ำแกงสร่างเมา พอได้ยินพระสนมเนี่ยผินก็ยิ้มเอ่ยว่า “พระสนมเนี่ยผินช่างใส่ใจจริง”
เขากล่าวจบยื่นมือไปคิดรับน้ำแกงสร่างเมามา แต่พระสนมเนี่ยผินกลับยกมือขวางไว้ “โจวกงกง ขอให้ข้าเอาเข้าไปส่งด้านใน”
โจวโย่วจิ่นนิ่งอึ้ง เงยหน้ามองไปยังพระสนมเนี่ยผิน คิดถึงว่าฝ่าบาทคืนนี้ทรงเสียพระทัย เขาก็อดคิดว่าจะอนุญาตไม่ได้
ก่อนหน้านี้ฝ่าบาทก็ละทิ้งความคิดต่อองค์หญิงแปดซีเหลียงแล้ว ตอนนี้ในวังไม่มีสตรีใดที่จะรู้พระทัยฝ่าบาท มีเพียงพระสนมเนี่ยผินที่พอจะได้ ดังนั้นให้พระสนมเนี่ยผินเข้าไปเป็นเพื่อนฝ่าบาทก็น่าจะดี ไม่แน่ว่าอาจทำให้ฝ่าบาทอารมณ์ดีขึ้นบ้าง หากฝ่าบาทยอมรับพระสนมเนี่ยผินได้ ก็จะได้มีคนเป็นเพื่อนพระองค์บ้าง
โจวโย่วจิ่นสงสารฝ่าบาท ไม่มีผู้ใดรับรู้มากกว่าเขา แม้ฝ่าบาทมีฮองเฮาสองบุตรสี่ แต่ความจริงทั้งสองไม่ใช่คนที่พระองค์ต้องการจริงๆ อาจกล่าวได้ว่าฝ่าบาทโตเป็นหนุ่มช้ากว่าผู้อื่น แต่งฮองเฮาเผยก่อนก็เพราะการจัดการของไท่ซั่งหวง ต่อมายกหวังฮองเฮาขึ้นมาและให้ความโปรดปรานนางก็เพื่อแสดงให้ฮูหยินโจวกั๋วเห็นว่าเขาก็เหมือนกับบุตรชายตระกูลเซี่ยเช่นกัน ไม่มักมากในนารี เป็นสุภาพชนแท้จริง
แต่ในความเป็นจริง ฝ่าบาทไม่เคยรักหวังฮองเฮา เพียงแต่ตอนนั้นสตรีข้างกายเขามีเพียงหวังฮองเฮาที่ดีกว่าสตรีอื่นเล็กน้อยเท่านั้น
ตั้งแต่มีเรื่องกับหวังฮองเฮา ข้างกายฝ่าบาทก็ไม่มีหญิงอื่น ตอนนี้พระสนมเนี่ยผินดูท่าทางอาจผ่านด่านพระทัยฝ่าบาทได้ เช่นนั้นให้นางลองดูสักหน่อยก็คงได้
โจวโย่วจิ่นคิดกระจ่างแล้วก็เอี้ยวตัวหลบ กล่าวว่า “พระสนมเนี่ยผิน เชิญพ่ะย่ะค่ะ”
ทุกคนเดินเข้าไปในตำหนักอวี้หวากง แม้โจวโย่วจิ่นให้พระสนมเนี่ยผินนำน้ำแกงสร่างเมาเข้าไป แต่ก็มิได้วางใจแท้จริง
เขานำขันทีไปเฝ้านอกประตูตำหนักบรรทม รอฟังเสียงเคลื่อนไหวด้านใน หากในพระตำหนักเกิดเรื่องไม่คาดคิดอันใด เขาก็จะบุกเข้าไปอารักขาฝ่าบาทได้ทันที
โจวโย่วจิ่นครุ่นคิดไปมาแล้วก็คิดไปถึงพระสนมเนี่ยผิน ไม่รู้ว่าหญิงผู้นี้จะผ่านด่านพระทัยฝ่าบาทได้หรือไม่ ทว่าดูเหมือนว่าชุดที่นางเพิ่งจะใส่เข้าไปเหมือนไม่ใช่ชุดที่แต่งในงานเลี้ยง ทรงผมก็ไม่เหมือนก่อนหน้านี้ นางเพิ่งจะเปลี่ยนเสื้อผ้าหรือ
โจวโย่วจิ่นคิดแล้ว สีหน้าก็พลันแปรเปลี่ยน ผุดลุกขึ้นยืนทันทีอย่างไม่อาจระงับความตื่นตกใจ
สวรรค์ ในที่สุดเขาก็คิดออกว่าเสื้อผ้ากับทรงผมพระสนมเนี่ยผินเหมือนผู้ใด เหมือนองค์หญิงแปดซี เหลียงซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยน
หญิงผู้นี้อยู่ดีๆ แต่งกายเลียนแบบองค์หญิงแปด ทำทรงผมแบบองค์หญิงแปดทำไมกัน
แสดงให้เห็นชัดว่านางมีใจคิดไม่ซื่อ
โจวโย่วจิ่นคิดบุกเข้าไปด้วยสัญชาตญาณ แต่ไม่ได้ยินเสียงเคลื่นอไหวในพระตำหนัก เขาได้แต่อดทนเอาไว้ หากบุกเข้าไปตอนนี้ จะเสียธรรมเนียมมารยาท รออีกสักหน่อยดีกว่า
ในห้องบรรทม เซียวเหวินอวี๋เดิมกำลังเอนตัวพิงเตียงพักอยู่ คืนนี้ดื่มมากไปสักหน่อย เขารู้สึกปวดหัวกำลังนั่งรอน้ำแกงสร่างเมาจากโจวโย่วจิ่น
แต่ในยามนี้ พระสนมเนี่ยผินกลับยกน้ำแกงสร่างเมาเดินเข้ามา “ฝ่าบาท”
เซียวเหวินอวี๋เหลือบตาขึ้นมองไปก็เห็นพระสนมเนี่ยผินในชุดม่วงอ่อนเลือนราง คล้ายดังเห็นซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนยิ้มละไมก้าวเดินเข้ามาเรียกเขาเบาๆ ว่า ฝ่าบาท
เขาพลันรู้สึกว่าชาวาบทั่วสรรพางค์กาย ในใจที่เคยอัดอั้นก็พลันมลายหายไปสิ้น สีหน้าแย้มยิ้มเอ่ยว่า “อวิ๋นเยี่ยน เจ้ามาได้อย่างไร”
พระสนมเนี่ยผินได้ยินคำพูดเซียวเหวินอวี๋ ในใจก็หนักอึ้งตกต่ำสุดขีด ในเวลานี้ในที่สุดนางก็รับรู้ได้เรื่องหนึ่ง ฝ่าบาททรงชอบบุตรสาวบุญธรรมฮูหยินโจวกั๋วผู้นั้นมากจริงๆ
แม้ว่าไม่รู้ว่าเหตุใดฝ่าบาทเรียกหญิงที่ชื่อว่าตู้เยี่ยนว่าอวิ๋นเยี่ยน แต่นางรู้ว่าฝ่าบาทชอบนางผู้นั้น
ในใจพระสนมเนี่ยผินมีเปลวไฟแห่งความริษยาปะทุขึ้นมาทันที แต่ยามนี้คือโอกาสของนาง
นางไม่ปฏิเสธเซียวเหวินอวี๋ ก้าวเข้าไปเอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ฝ่าบาท ทรงเมาแล้ว ดื่มน้ำแกงสร่างเมาหน่อยนะเพคะ”
——————————————–