ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 1002 เลี้ยงดู
ตอนที่ 1002 เลี้ยงดู
หลังอาหารเช้า ลู่เจียวก็คุยเรื่องนี้กับมู่ซิวตามลำพัง มู่ซิวบอกเล่าความคิดตน
“สิบสองชนเผ่าเป่ยฉีตอนนี้วุ่นวายอย่างที่สุด แต่ละเผ่ามีความคิดของตนเอง ก็เหมือนกับการเจรจาสันติกับแคว้นต้าโจวตอนนี้ ก็มีหนึ่งเผ่าไม่เห็นด้วย คนพวกนั้นคิดว่าการใช้กำลังสังหารฆ่าฟันเร็วกว่า ข้าทนดูไม่ได้ จึงได้ตัดสินใจจะรวมสิบสองชนเผ่าเป็นหนึ่งเดียว”
“ไม่ขอปิดบังท่านแม่ กล่าวตามตรง ข้าเองไม่คิดครองอำนาจเป็นราชันอันใด ประสบการณ์ภพก่อนบอกข้าว่า ฮ่องเต้เป็นเพียงแค่โซ่ที่ร้อยรัดไว้ แต่เป่ยฉีเป็นรากฐานของข้า ข้าไม่อาจนิ่งดูดายปล่อยให้สถานที่นั้นเกิดเหตุเผาปล้นแย่งชิงทุกวัน โดยเฉพาะผู้หญิงถูกกระทำคล้ายสิ่งของที่ถูกซื้อขายตามอำเภอใจ เป่ยฉีตอนนี้ป่าเถื่อนไร้อารยะ ข้าคิดจะจัดระเบียบปกครองทุกอย่างให้เรียบร้อย ให้ชาวเป่ยฉีได้มีชีวิตที่ดี”
“แต่การคิดเช่นนี้ต้องทุ่มเทกำลังอย่างมาก ข้ามองออกว่าพี่ห้าเป็นคนมีความสามารถ และเขาคิดสร้างสรรค์ผลงาน ดังนั้นข้าจึงได้เชิญเขาไปช่วยข้าที่เป่ยฉีอีกแรง ท่านแม่วางใจ พอเป่ยฉีสงบสุขแล้ว ข้าจะแต่งตั้งพี่ห้าเป็นอุปราชเป่ยฉี เช่นนี้ก็จะมีคนช่วยข้าจัดการราชกิจ พี่ห้าเองก็หาคุณค่าให้ตนเองได้อีกด้วย ได้ทำในสิ่งที่เขาคิดอยากจะทำ”
“ท่านแม่วางใจ ข้าไม่ใช่คนกล่าววาจาคืนคำไร้ความน่าเชื่อถือ”
ลู่เจียวเชื่อคำพูดมู่ซิว เพียงแต่คิดถึงเรื่องที่เขาพูดมาก็รู้สึกเป็นห่วง
เป่ยฉีป่าเถื่อนวุ่นวายเช่นนี้ อย่าว่าแต่อู่เป่าไป แม้แต่มู่ซิว นางก็เป็นห่วง
“ไม่ใช่ว่าแม่ไม่เชื่อเจ้า เพียงแต่เป็นห่วงพวกเจ้า เป่ยฉีป่าเถื่อนเช่นนั้น พวกเจ้าไปรวมแผ่นดินเป็นหนึ่ง น่าจะอันตรายมาก ผู้เป็นบิดามารดาจะวางใจได้อย่างไร”
ลู่เจียวกล่าวจบ มู่ซิวก็ไม่ทันได้เอ่ยอันใด นอกประตูเซี่ยเหวินอวี้ก็ก้าวเดินเข้ามาเอ่ยทันที “ท่านแม่ เพราะวุ่นวายป่าเถื่อน ข้าจึงได้รู้สึกว่าการทำเรื่องนี้มีความหมายมาก หากวันใดพวกเราทำให้เป่ยฉีรุ่งเรืองมีอารยธรรมดังแคว้นต้าโจว ทำให้ชาวเป่ยฉีมีชีวิตที่ดี กินอิ่มนอนอุ่น ข้าก็คงรู้สึกว่าไม่เสียทีที่ท่านแม่ให้กำเนิดข้ามา”
ลู่เจียวเห็นเขากล่าวเช่นนี้แล้ว ก็ไม่คิดแสดงท่าทีไม่เห็นด้วยอีก ได้แต่กำชับว่า “พวกเจ้าต้องระมัดระวังตัวให้มาก”
พอเซี่ยเหวินอวี้ได้ฟังก็รู้ว่าท่านแม่ตนเห็นด้วยแล้ว หันกลับไปมองมู่ซิวอย่างดีใจทันที “ท่านแม่เห็นด้วยแล้ว”
มู่ซิวเองก็ดีใจมาก แม้ไม่อาจอยู่ข้างกายท่านแม่ แต่มีพี่ห้าเป็นเพื่อนเขา เขาก็รู้สึกว่าท่านแม่อยู่ข้างกายเขา เขาดีใจมาก
“ท่านแม่ ท่านวางใจ ข้าจะดูแลความปลอดภัยของพี่ห้าให้ดี”
เซี่ยเหวินอวี้เลิกคิ้วกล่าวว่า “ข้าเองก็จะดูแลความปลอดภัยมู่ซิวให้ดีเช่นกัน”
เซี่ยเหวินอวี้กล่าวจบ ลู่เจียวก็คิดถึงภรรยากับบุตรชายเขา “เจ้าไปแล้วภรรยากับบุตรชายเจ้าจะทำเช่นไร”
เซี่ยเหวินอวี้นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง เลิกคิ้วกล่าวว่า “ท่านแม่ ท่านแม่ช่วยข้าดูแลหลู่หนิงกับเหวินเอ๋อร์สักระยะหนึ่งได้หรือไม่ รอให้ข้าจัดการที่ทางเป่ยฉีเรียบร้อยก็จะมารับพวกนางไปเป่ยฉี”
ลู่เจียวจะกล่าวอันใดได้ ได้แต่เห็นด้วย “เลี้ยงดูบุตรชายมาดังติดค้างหนี้สินจริงๆ ข้ารู้แล้ว”
เซี่ยเหวินอวี้รู้ว่าตนเองรบกวนท่านพ่อกับท่านแม่อีกแล้วก็รู้สึกขัดเขิน เอ่ยว่า “ท่านแม่ บุตรชายอกตัญญูแล้ว”
“เอาละ เอาละ”
ลู่เจียวโบกมือลุกขึ้นเดินออกไปขี้เกียจจะสนใจพวกเขา
เพียงแต่นางเพิ่งจะเดินถึงประตูก็ได้ยินเสียงบ่าวหญิงปั้วเหอเดินเข้ามารายงาน “ฮูหยิน ฝ่าบาทพาองค์หญิงรองมาเจ้าค่ะ”
ลู่เจียวพอได้ฟังก็รู้สึกว่าแปลก “อยู่ดีๆ เขาพาองค์หญิงรองมาทำอันใด”
แม้เอ่ยวาจาเช่นนี้ แต่ก็ยังคงก้าวเดินออกไปโดยมีบ่าวหญิงคอยติดตาม เซี่ยเหวินอวี้ก็เดินออกมาจากห้องพร้อมกับมู่ซิว สองคนตามลู่เจียวไปเรือนด้านหน้า
ห้องโถงกลาง เรือนด้านหน้า
เซี่ยอวิ๋นจิ่นนั่งมองเซียวเหวินอวี๋กับองค์หญิงรองอย่างไม่พอใจ
“บ้านเรามีเด็กตั้งมากมายแล้ว เจ้ายังจะส่งมาอีก หากเกิดเรื่องอันใดขึ้น”
เซียวเหวินอวี๋ยิ้มเฝื่อน ไม่ใช่ว่าเขาไร้หนทางหรือ เมื่อคืนพระสนมเนี่ยผินทำเรื่องเช่นนั้น เขาไม่อยากให้นางเลี้ยงดูองค์หญิงรองอีก แต่เขาคิดแล้วก็หาคนเหมาะสมเลี้ยงดูองค์หญิงรองไม่ได้ ได้แต่ส่งองค์หญิงรองมาตระกูลเซี่ย
แต่เห็นได้ชัดว่าท่านพ่อไม่ยินดีเลี้ยงดูองค์หญิงรอง เซียวเหวินอวี๋ท่าทางกังวลใจ หากท่านพ่อไม่ยินดีช่วยเขาเลี้ยงดูองค์หญิงรอง จะมอบให้ผู้ใดดี
เซียวเหวินอวี๋กำลังคิดอยู่ เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็เอ่ยเตือนเขาอย่างไม่พอใจ “เจ้าไม่คิดส่งองค์หญิงรองไปตระกูลหวังบ้างหรือ ทางนั้นก็เป็นท่านตาท่านยายนางนะ”
เซียวเหวินอวี๋ไม่ทันได้พูดอะไร องค์หญิงรองก็เอ่ยน้ำเสียงนุ่มนิ่มขึ้นมาว่า “ท่านปู่ไม่ชอบซิงซิงหรือ”
ไม่ชอบนาง ดังนั้นไม่ยินดีเลี้ยงดูนาง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ทันได้พูดอะไร นอกประตูลู่เจียวก็เดินเข้ามา พอได้ยินเสียงนุ่มนิ่มขององค์หญิงรอง ลู่เจียวก็อดยิ้มตาหยีรับคำแทนไม่ได้ “ท่านปู่จะไม่ชอบซิงซิงได้อย่างไร ซิงซิงเชื่อฟังเพียงนี้ มาให้ท่านย่าอุ้มหน่อย”
องค์หญิงรองรีบปรี่เข้าหาลู่เจียวทันที
ลู่เจียวอุ้มองค์หญิงรองขึ้นมา เซียวเหวินอวี๋ก็โล่งอก แอบเหลือบมองท่านพ่อทีหนึ่ง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นสีหน้าจนใจ
เขามองลู่เจียวกล่าวว่า “เจ้าดู เขาคิดส่งองค์หญิงรองมาไว้ตระกูลเซี่ยให้พวกเราเลี้ยงดู บุตรสาวตนเองไม่เลี้ยง แต่ให้พวกเราช่วยเขาเลี้ยง นี่มันเรื่องอันใดกัน”
เซียวเหวินอวี๋พลันตำหนิตนเองว่า “ข้าคิดไม่รอบคอบเอง ขอท่านพ่ออย่าได้โมโห”
ลู่เจียวชอบองค์หญิงรองมาก แม้ว่านางเป็นองค์หญิงที่หวังเมิ่งเหยาให้กำเนิด แต่องค์หญิงรองเหมือนซื่อเป่าตอนเด็ก ทั้งนุ่มนิ่มและน่ารัก ลู่เจียวคิดถึงตอนมาถึงที่นี่แรกๆ เห็นเด็กน้อยน่ารักนุ่มนิ่มก็ชอบมาก องค์หญิงรองทำให้นางรู้สึกเช่นนั้นอีกครั้ง
นางมองเซียวเหวินอวี๋ทีหนึ่งกล่าวว่า “แม่ชอบซิงซิง หากเจ้าคิดให้พวกเราเลี้ยงดู พวกเราช่วยเจ้าเลี้ยงได้ แต่ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่ามอบซิงซิงให้พระสนมเนี่ยผินเลี้ยงดูหรือ เหตุใดจึงได้ส่งนางมาให้พวกเราเลี้ยงดู”
พอลู่เจียวกล่าว เซียวเหวินอวี๋ก็สีหน้าเย็นเยียบทันที แต่เขาไม่มีทางเล่าเรื่องเมื่อคืนอย่างแน่นอน เพียงเอ่ยน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า “ข้ารู้สึกว่าฝากท่านพ่อกับท่านแม่เลี้ยงดูจึงจะวางใจได้”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวพอได้ฟังก็รู้ว่าพระสนมเนี่ยผินต้องทำเรื่องอันใดที่ทำให้ซื่อเป่าไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงได้ไม่วางใจให้นางเลี้ยงดูองค์หญิงรอง
“เอาละ องค์หญิงรองก็ทิ้งไว้ที่นี่ แม่จะช่วยเจ้าเลี้ยงดูนางเอง”
ลู่เจียวกล่าวจบมองไปยังองค์หญิงรอง “ซิงซิงยินยอมอยู่กับท่านย่าหรือไม่”
องค์หญิงรองอึ้งไปครู่หนึ่ง ความจริงก็คิดถึงพระสนมเนี่ยผินในวังอยู่บ้าง แต่นางชอบท่านย่ามากกว่า “ได้เจ้าค่ะ ซิงซิงอยู่กับท่านย่า”
ลู่เจียวดีใจหอมแก้มนางทีหนึ่ง “องค์หญิงน้อยน่ารัก ย่าดีใจมาก”
ยามนี้องค์หญิงรองเองก็ดีใจกอดนางไว้ พลางหอมแก้มนางทีหนึ่ง “ท่านย่า ซิงซิงก็ดีใจมาก”
เซียวเหวินอวี๋เห็นย่าหลานเข้ากันได้ดีก็วางใจ เขาอมยิ้มมองเซี่ยอวิ๋นจิ่น เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นว่าลู่เจียวชอบองค์หญิงรองจริงๆ ก็ไม่ได้เอ่ยอันใด
เซียวเหวินอวี๋ดีใจลุกขึ้นทันที “เช่นนั้นข้ากลับเข้าวังแล้ว ซิงซิงก็มอบให้ท่านพ่อกับท่านแม่แล้ว”
เขากล่าวจบเหลือบตาขึ้นกวาดตามองไปรอบๆ ไม่เห็นคนที่เขาคิดคำนึงถึง ในใจอดผิดหวังไม่ได้
ความจริงที่เขามาส่งองค์หญิงรองด้วยตนเองเพราะเขาคิดพบหน้าคนผู้หนึ่ง ไม่เช่นนั้นเขาให้โจวโย่วจิ่นพามาส่งก็ได้
เซียวเหวินอวี๋คิดว่าตนเองแค่เหลือบมองไปอย่างนั้นทีหนึ่ง คงไม่มีคนสังเกตเห็น
แต่ลู่เจียวเลี้ยงดูเขามาจนเติบใหญ่ แววตาเขาขยับเล็กน้อย นางก็รับรู้ได้ว่าเขาคิดทำอันใด
ดังนั้นพอเขาขยับ ลู่เจียวก็รู้ว่าเขากำลังมองหาคน
มองหาผู้ใด