ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 1011 เจ็บปวดทรมาน
ตอนที่ 1011 เจ็บปวดทรมาน
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนมองเขา คิดถึงเรื่องต่างๆ ที่เขาทำมา พบว่าเขาเป็นคนไม่เลว ไม่ดูแคลนผู้หญิง และให้ความเคารพผู้หญิง ในฐานะฮ่องเต้แคว้นต้าโจว เขายังรักราษฎร
ต่างกับอวี๋เซวียนสิ้นเชิง
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนคิดถึงเรื่องนี้ ในใจก็ค่อยๆ เงียบงัน ไม่คิดเอ่ยต่อ
เซียวเหวินอวี๋ไม่กล้าเอ่ยต่อ เพราะคิดว่าวาจาตนเองก่อนหน้านี้ทำให้นางไม่พอใจ
แสงอาทิตย์สาดส่องร่างเขา โครงหน้างามประณีตของเขาค่อยๆ เผยสีหน้าน้อยใจ ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนเห็นเขาเช่นนี้ก็รู้สึกใจอ่อนยวบอย่างน่าประหลาด อดยิ้มไม่ได้พลางกล่าวว่า “ไม่มีอันใด ท่านแม่เป็นหมอ ข้าเองก็เป็นหมอ พอดีพวกเราได้ช่วยคนด้วยกัน จากนั้นก็ข้าขอศึกษาวิชาการแพทย์จากนาง นางตั้งใจสอนข้า ข้าจึงได้คารวะนางเป็นมารดา”
นางกล่าวจบก็มองไปยังเซียวเหวินอวี๋กล่าวว่า “ท่านแม่เป็นคนดีมาก ข้าชอบนางมาก หากให้ข้าได้เฝ้าดูแลนางไปชั่วชีวิตก็คงดีมาก”
ภพก่อนสุดท้ายตอนนางตายก็คิดเช่นนี้ หากมีชาติหน้า นางจะไม่ออกเรือน จะอยู่กับท่านแม่ไปชั่วชีวิต
เซียวเหวินอวี๋ได้ยินคำพูดนางก็อดแย้งในใจไม่ได้ หากตอนนั้นคนที่เขาแต่งคือเยี่ยนเอ๋อร์ ไหนเลยจะมีปัญหาขัดแย้งระหว่างแม่สามีกับลูกสะใภ้ ไม่มีทางเกิดปัญหานี้อย่างแน่นอน
“ท่านแม่ดีมากจริงๆ”
เรื่องนี้เซียวเหวินอวี๋เห็นด้วยมาโดยตลอดไป
ทั้งสองคนพูดจาโต้ตอบไปมา พอเห็นว่าสายแล้ว ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนก็ลุกขึ้นยืนกล่าวว่า “พวกเราออกไปหาดูกันว่าจะมีทางขึ้นไปได้หรือไม่ หากยังมัวชักช้า เกรงว่าฟ้าก็จะมืดแล้ว ค่ำคืนบนเขาหนาวเหน็บไม่น้อย”
เซียวเหวินอวี๋รับคำลุกยืนขึ้น “ได้”
ทั้งสองคนกำลังเดินไปหาทางก็พลันได้ยินมีเสียงคุยกันดังมาจากด้านหน้า เซียวเหวินอวี๋ยื่นมือไปดึงมือซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนไว้ด้วยสัญชาตญาณ คิดปกป้องนางไว้ด้านหลัง ปรากฏพอออกแรงดึงก็ดึงเอาซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนเข้าสู่อ้อมกอดเขา
ทั้งสองคนพลันตัวนิ่งแข็งทื่อ
เซียวเหวินอวี๋หน้าแดงก่ำรีบอธิบายว่า “ข้าไม่ได้คิดดึงเจ้ามากอด ข้าคิดดึงเจ้าไปด้านหลังข้า ไม่ได้คิดล่วงเกินเจ้า”
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนหน้าแดง ไม่ใช่ว่านางไม่เชื่อเซียวเหวินอวี๋ เพียงแต่แก้มนางยังคงเห่อร้อน
แต่พอได้ยินเสียงฝีเท้าด้านหน้ากับเสียงพูดคุยดังมา ทั้งสองรีบหลบหลังต้นไม้อย่างระแวดระวัง ป้องกันว่าจะพบเจอคนเลว
เพราะหน้าหนาว ใบไม้แห้งไร้สีเขียวบดบัง อาจพบร่องรอยได้ง่าย ทั้งสองคนได้แต่ยืนเบียดกันอยู่หลังต้นไม้ ต่างรู้สึกเก้กัง ใบหน้าเห่อร้อน แต่ก็กลัวว่าจะถูกพบเห็น ได้แต่พยายามอดทนเอาไว้อย่างสุดความสามารถ
เซียวเหวินอวี๋สูดดมกลิ่นยาสมุนไพรจากตัวซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยน กลิ่นกายนางเหมือนกับกลิ่นกายของท่านแม่ ไม่เพียงแต่เขาไม่รู้สึกแปลกแยก แต่ยังถึงกับรู้สึกความปลอดภัยอย่างหาได้ยากยิ่ง
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนเองก็อึดอัดเก้กังอย่างมาก หลบถอยหลังด้วยสัญชาตญาณ เซียวเหวินอวี๋เป็นห่วงนางถูกคนพบเข้า ตอนนี้เขาได้รับบาดเจ็บ แม้ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนเป็นวิทยายุทธ์ แต่อย่างไรก็เป็นผู้หญิง หากซั่งกวนเฮ่อพาลูกน้องมา พวกเขาย่อมประสบเคราะห์ร้ายเป็นแน่ ดังนั้นเซียวเหวินอวี๋เห็นซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนถอยก็ยื่นมือออกไปโอบนางไว้ พลางกระซิบเบาๆ ว่า “อย่าขยับ”
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนพลันตัวแข็งทื่อ ไม่กล้าขยับอีก ยืนยิ่งเป็นท่อนไม้ให้เซียวเหวินอวี๋กอดไว้แนบอก
เซียวเหวินอวี๋รีบหันไปมองทันที ได้ยินเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ยังมีเสียงตะโกนเรียกดังมาพร้อมกับเสียงฝีเท้า “ฝ่าบาท ทรงอยู่ที่ใด ฝ่าบาท ทรงอยู่ที่ใด”
เซียวเหวินอวี๋พอได้ฟังก็รู้ว่าคนที่มาคือคนของเขา จึงรีบปล่อยซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยน เดินออกมาส่งเสียงเรียก “เจียงเจิน”
เจียงเจินพอได้ยินเสียงเซียวเหวินอวี๋ก็ส่งเสียงร้องอย่างตกใจระคนดีใจ “ฝ่าบาท”
ทะยานมาตรงหน้าทันที
ยามนี้สีหน้าซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนกลับเป็นปกติแล้ว นางเดินตามหลังเซียวเหวินอวี๋ออกมา
พวกเจียงเจินไม่ได้นึกสงสัยอันใดพวกเขา เพียงแต่เห็นเซียวเหวินอวี๋สีหน้าซีดอยู่บ้าง เจียงเจินก็เอ่ยอย่างตกใจว่า “ฝ่าบาท ทรงได้รับบาดเจ็บหรือพ่ะย่ะค่ะ”
เซียวเหวินอวี๋เอ่ยน้ำเสียงสงบนิ่งว่า “ไม่มีอันใดมาก เพียงแค่บาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น”
แม้เซียวเหวินอวี๋กล่าวเช่นนี้ เจียงเจินก็ยังคงเป็นห่วง กล่าวน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ฝ่าบาท พวกเรารีบกลับเมืองหลวงกันพ่ะย่ะค่ะ”
“ได้”
เซียวเหวินอวี๋รับคำ แต่ในใจพลันสลดลง พอกลับเมืองหลวง เขากับนางก็คือพี่น้องบุญธรรม วันหน้าก็ไม่มีสัมพันธ์อื่นอีก แม้ว่าเขาเตรียมใจไว้แล้ว แต่ในใจก็ยังคงเจ็บปวดอย่างไม่อาจระงับ
ตามหลักแล้วเขาบังคับนางเข้าวังมาเป็นสนมเขาได้ แต่เขาไม่คิดบีบบังคับนาง ไม่อยากให้นางต้องทนฝืนใจ ดังนั้นก็ได้แต่ปล่อยไปเช่นนี้แล้ว
เซียวเหวินอวี๋เอ่ยว่า “ได้ กลับเมืองหลวงกัน”
เขากล่าวจบมองไปยังซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนด้วยแววตานิ่งสงบ “พวกเรากลับเมืองหลวงกันเถอะ ท่านแม่น่าจะรอพวกเราร้อนใจแย่แล้ว เราไม่อยากให้นางร้อนใจ”
คำพูดเซียวเหวินอวี๋ทำให้คนรู้สึกว่าที่เขามาช่วยน้องสาวบุญธรรมล้วนเป็นเพราะไม่อยากให้ฮูหยินโจวกั๋วเป็นห่วง
พอคิดถึงว่าเซียวเหวินอวี๋ให้ความเคารพต่อฮูหยินโจวกั๋วเพียงนั้น พวกเจียงเจินก็เข้าใจ ไม่ได้รู้สึกถึงความในใจเซียวเหวินอวี๋แม้แต่น้อย
ทุกคนรีบขึ้นเขาออกจากป่าขึ้นรถม้ากลับเมืองหลวงด้วยเส้นทางหลวง
ผู้ใดก็ไม่รู้ว่า พวกเขาเพิ่งออกจากป่า ด้านหลังก็มีเงาคนหลายคนเดินออกมา คนที่เดินนำมาสีหน้าดำทะมึนชั่วร้าย คล้ายดังเมฆหมอกดำรอพายุโหมกระหน่ำ
เซียวเหวินอวี๋ เจ้าถึงกับกล้าทำลายงานของเรา เราไม่ปล่อยเจ้าไปเป็นแน่
เซียวเหวินอวี๋กับซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนไม่รู้ ทั้งสองคนนั่งรถม้าสองคันกลับเมืองหลวง จากนั้นก็เดินทางไปจวนตระกูลเซี่ย
ตระกูลเซี่ย เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวกำลังรอข่าวอยู่ เมื่อคืนลู่เจียวนอนไม่หลับ สีหน้าแลดูอิดโรยอยู่สักหน่อย เซี่ยอวิ๋นจิ่นกำลังปลอบใจนาง
“เจ้าอย่าได้เป็นห่วงเลย จะไม่เป็นอันใด หากเกิดเรื่อง ฝ่าบาทย่อมต้องส่งคนมาแจ้งพวกเรา การไม่ได้ส่งคนมาแปลว่านางไม่เป็นอันใด”
เห็นเจียวเจียวเคร่งเครียดกับเรื่องซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนนี้ เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็เริ่มอิจฉา นางไม่ใช่บุตรีแท้ๆ ของพวกเขา เจียวเจียวเป็นห่วงนางเช่นนี้ ทำให้เขารู้สึกไม่ชอบใจจริงๆ
แต่พอคิดถึงว่าลู่เจียวทำภารกิจเพื่อทำให้เขาฟื้นคืนชีพ เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ไม่อาจเอ่ยอันใด ได้แต่อดทนปลอบใจลู่เจียวต่อไป
ลู่เจียวถอนหายใจ “เจ้าก็รู้ ซั่งกวนเฮ่อเป็นคนชั่วร้ายเจ้าเล่ห์ เขาต้องการครอบครองเยี่ยนเอ๋อร์ ข้ากลัวว่าเขาจะทำอันใดเยี่ยนเอ๋อร์”
ลู่เจียวเพิ่งกล่าวจบ นอกประตู ปั้วเหอเดินเข้ามารายงานอย่างดีใจ “ใต้เท้า ฮูหยิน พ่อบ้านเซียวส่งคนมารายงานว่าคุณหนูแปดไม่เป็นอันใดแล้ว ฝ่าบาทส่งนางกลับมาถึงจวนแล้ว”
ลู่เจียวพอได้ฟังดีใจก็รีบออกไปรับ เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ตามไปเช่นกัน สองสามีภรรยาเพิ่งจะเดินออกจากประตู ก็เห็นกลุ่มคนเดินมาจากทางเรือนด้านหน้า
หูหลิงเสวี่ยกับหลู่หนิงเดินเข้ามาพร้อมกับเซียวเหวินอวี๋และซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยน
ลู่เจียวมองประเมินซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนรอบหนึ่ง พบว่าแม้ว่าเสื้อผ้านางจะขาดหลายแห่ง แต่ไม่ได้บาดเจ็บอันใด นางก็รู้สึกวางใจ
เพียงแต่นางหันหน้าไปเห็นเซียวเหวินอวี๋สีหน้าซีดขาว ก็รู้สึกสะดุ้งวาบขึ้นมา “ฝ่าบาท เหตุใดสีพระพักตร์จึงไม่ดีเช่นนี้”
พอลู่เจียวกล่าว ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนก็ตำหนิตนเอง กล่าวว่า “ท่านแม่ ฝ่าบาทได้รับบาดเจ็บเพราะช่วยข้า”
เซียวเหวินอวี๋เห็นนางตำหนิตนเอง ก็เอ่ยน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า “ไม่มาก”
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนมองเขา นางรู้ว่าเขาต้องการปลอบใจนาง ตอนนั้นเขาถูกซั่งกวนเฮ่อฟาดใส่หนึ่งฝ่ามือจนเขาสลบไป
ลู่เจียวไม่สนใจวาจาเซียวเหวินอวี๋ รีบสั่งว่า “เจ้ามานี่ ให้แม่จับชีพจรหน่อย”
เซียวเหวินอวี๋กลัวว่าลู่เจียวจะเป็นห่วง รีบเอ่ยขึ้นว่า “ท่านแม่ ข้ากลับเข้าวังไปหาหมอหลวงก็ได้”
ลู่เจียวยังคงยืนยัน “เจ้ามาหาแม่”
เซียวเหวินอวี๋ก้าวเข้าไปหาด้วยสีหน้าจนใจ ตอนคนอื่นตามหลังพวกเขาเข้าไป ลู่เจียวก็จับชีพจรให้เซียวเหวินอวี๋อยู่ ไม่นานก็รู้ว่าเซียวเหวินอวี๋บาดเจ็บภายใน แม้ว่ารักษาแล้ว แต่ยังคงสาหัสมาก
นางควักขวดยารักษาอาการบาดเจ็บชั้นเลิศขวดหนึ่งออกมาส่งใส่มือเซียวเหวินอวี๋ “รับยานี้ไป กินหมดหนึ่งขวดนี้ก็จะหายดีพอสมควรแล้ว อย่าใช้กำลังภายใน จดจำได้หรือไม่”
เซียวเหวินอวี๋รีบยิ้ม “จดจำไว้แล้ว ท่านแม่วางใจ”
เขากล่าวจบลุกขึ้น “เช่นนั้นข้ากลับเข้าวังแล้ว เยี่ยน… องค์หญิงแปดก็มอบให้พวกท่านดูแลต่อแล้ว”
เซียวเหวินอวี๋กล่าวจบก็หันหลังเดินออกไป ไม่ได้มองซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยน ความจริงมีชั่วขณะหนึ่งที่เขาคิดหันไปมองนาง แต่เขาก็ฝืนบังคับใจตนเองไม่ให้หันหน้าไป เดินออกจากตระกูลเซี่ยกลับเข้าวังทันที
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนมองตามหลังเซียวเหวินอวี๋จากไป ขอบตาค่อยๆ แดงก่ำ นางเห็นแผ่นหลังเงียบเหงาของเขาแล้วก็รู้สึกพลอยเป็นทุกข์ไปด้วย
ลู่เจียวย่อมเห็นท่าทางนาง แต่ไม่ได้เอ่ยอันใด ให้นางกลับไปอาบน้ำก่อน ค่อยคุยกัน