ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 704 แสดงท่าที
ตอนที่ 704 แสดงท่าที
เช้าวันรุ่งขึ้น พ่อบ้านเซียวก็เข้ามารายงานเรื่องเมล็ดพันธุ์ข้าวที่นำไปเพาะที่โรงนาริมเขาก่อนหน้านี้งอกแล้ว ตอนนี้ได้เวลาหว่านเมล็ดพันธุ์เพื่อให้งอกเป็นต้นกล้าแล้ว
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวได้ฟัง ก็ตัดสินใจพาเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไปหว่านข้าวเจ้า
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ดีใจอย่างมาก ทั้งครอบครัวนั่งรถม้าตรงไปยังโรงนานอกเมืองหนิงโจว เซี่ยอวิ๋นจิ่นสั่งการให้คนปูผ้ารองเรียบร้อย ก่อนให้ลู่เจียวนั่งกินขนม เขานำเจ้าหนูน้อยทั้งสี่หว่านข้าวเจ้า
ความจริงเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ทำไม่เป็น แต่เซี่ยอวิ๋นจิ่นยังคงพาพวกเขาลงนา เด็กผู้ชายไม่อาจเลี้ยงตามใจ ต้องให้ลำบากบ้าง
ลู่เจียวอมยิ้มมอง ไม่ได้ห้ามเซี่ยอวิ๋นจิ่น เด็กๆ ค่อยๆ เติบโต นอกจากเรียนหนังสือ ก็ต้องสอนเรื่องอื่นด้วย เซี่ยอวิ๋นจิ่นเป็นบิดา สอนพวกเขาด้วยตนเอง นับเป็นโชคดีของพวกเขา เพราะบิดาคือแบบอย่างของบุตรชาย
ในนา พ่อลูกทำงานกันอย่างเบิกบานใจ เซี่ยอวิ๋นจิ่นหว่านเมล็ดพันธุ์ข้าวเจ้างอกไปพร้อมกับเล่าให้เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ฟังว่าเหตุใดต้องทำเช่นนี้ และมีข้อดีอย่างไร จากนั้นก็อธิบายให้พวกเขาเข้าใจว่าทำเช่นนี้ จะทำให้ข้าวเจ้ามีผลผลิตต่อพื้นที่เพิ่มขึ้นสูงมาก รอให้พวกเขาเพาะปลูกสำเร็จแล้ว ก็จะนำเมล็ดพันธุ์ข้าวเจ้าและกรรมวิธีการปลูกเหล่านี้เผยแพร่ไปให้ทั่วแคว้นต้าโจว ราษฎรแคว้นต้าโจวก็จะไม่เกิดสถานการณ์กินไม่อิ่มท้องอีก
มีบิดาคอยนำ เจ้าหนูน้อยทั้งสี่กระตือรือร้นกันมาก พวกเขาลงมือช่วยเซี่ยอวิ๋นจิ่น สาละวนกับนาข้าวเจ้า แม้ความจริงไม่ได้ช่วยงานสักเท่าไร แต่เด็กๆ กลับตัวเลอะเทอะเหมือนลิงตกโคลน เซี่ยอวิ๋นจิ่นเองก็ไม่ได้นึกรำคาญ ทั้งยังหัวเราะพูดคุยกับบุตรชาย พลางสอนพวกเขาว่าควรหว่านข้าวเจ้างอกอย่างไร
ลู่เจียวชมภาพทุกอย่างได้ไม่นานก็เริ่มง่วงงุน ตั้งแต่ตั้งครรภ์ นางมักจะเอาแต่นอน แต่ก็ยังพยายามฝืนมองพ่อลูกที่อยู่ไม่ไกลนักต่อ
พอพวกเซี่ยอวิ๋นจิ่นพ่อลูกหว่านเมล็ดพันธุ์ข้าวเจ้างอกเสร็จ นางก็ทนไม่ไหวเอียงตัวลงพิงหลับไปแล้ว
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่เห็นก็นึกสงสารขึ้นมาทันที “ท่านพ่อ ท่านแม่หลับแล้ว”
“ท่านแม่เหมือนชอบนอนมาก”
“ท่านแม่บอกว่าคนตั้งครรภ์ก็จะนอนเก่ง”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบก้าวเข้าไปอุ้มลู่เจียวขึ้นมา ลู่เจียวถูกเขาอุ้มก็ตื่น ยิ้มมองพวกเขา “พวกเจ้าเสร็จแล้วหรือ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นยิ้มพลางพยักหน้า “อืม เสร็จแล้ว”
พื้นที่สิบหมู่ใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวเจ้างอกไม่มาก ดังนั้นเซี่ยอวิ๋นจิ่นพ่อลูกจึงหว่านเสร็จเร็ว ตอนนี้ก็รอแค่เติบโตเป็นต้นกล้า จากนั้นก็แยกไปดำลงนา วันหน้าก็จะกำจัดวัชพืช ให้ปุ๋ย ให้ยา กำจัดวัชพืชกับให้ปุ๋ยนั้นยังดี ทว่าการให้ยาเป็นเรื่องยุ่งยาก แต่เรื่องเหล่านี้ยังอีกนาน ตอนนี้พาลู่เจียวกลับไปพักผ่อนก่อน
“พวกเรากลับกันเถอะ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นอุ้มลู่เจียวเดินไปยังรถม้าไม่ไกลนัก ลู่เจียวดิ้นรนจะลงอย่างรู้สึกขัดเขิน “ปล่อยข้าลงเถอะ ตั้งแต่ตั้งครรภ์ยิ่งมากเดือน ข้าก็ค่อนข้างนอนเก่ง แค่ได้พิงก็หลับ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกลับไม่ปล่อยนางลง อุ้มนางเดินขึ้นรถม้า
“ไม่เป็นไร ข้าอุ้มเจ้าขึ้นรถม้าเอง”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่หัวเราะคิกคัก มองดูบิดามารดารักใคร่ปรองดอง เด็กๆ ดีใจอย่างมาก
รถม้าตรงกลับเมืองหนิงโจว ตอนบ่ายลู่เจียวอยู่บ้านกับเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ เซี่ยอวิ๋นจิ่นตรงไปเขาหวาอวิ๋นเมื่อวานตอนค่ำเขาได้อ่านหนังสือชาดีอยู่นาน จึงตัดสินใจจะสอนกรรมวิธีผัดชาให้ชาวบ้านปลูกชา เช่นนี้วันหน้าใบชาเมืองหนิงโจวก็จะเลื่องชื่อไปทั่วแคว้นต้าโจว ราคาขายชาของชาวบ้านก็จะสูงขึ้น เช่นนี้ชีวิตวันหน้าของพวกเขาก็จะดีขึ้น
ตอนบ่าย ลู่เจียวกำลังสอนเรื่องสมุนไพรให้เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ ติงเซียงก็เดินเข้ามารายงานว่า “ฮูหยิน พ่อบ้านเซียวให้คนมารายงานว่า คุณชายหันมาเจ้าค่ะ”
ลู่เจียวกำลังคิดว่า เดิมเวลานี้ควรเป็นช่วงแต่งงานของหันถงกับเฝิงจือ แต่เพราะเฝิงจือลังเล ทำให้ยืดเยื้อมาถึงตอนนี้ ตอนนี้หันถงมาทำไมกัน
ลู่เจียวเงยหน้าถามติงเซียง “พี่เฝิงจือเจ้าล่ะ”
ติงเซียงยิ้มกล่าว “นางไปด้านหลังแล้วเจ้าค่ะ”
ลู่เจียวพอได้ฟังย่อมรู้ว่าเป็นเพราะได้ยินว่าหันถงมา นางจึงหลบไป
ลู่เจียวโบกมือให้ติงเซียงออกไปเชิญหันถงเข้ามา ติงเซียงรับคำเดินออกไปเชิญหันถง
หันถงเข้ามาก็คำนับลู่เจียวก่อน จากนั้นก็ส่งสมุดบัญชีร้านขนส่งสินค้าเหนือใต้ในระยะนี้ให้นาง จากนั้นก็เขามองลู่เจียวด้วยแววตาหนักแน่นจริงจัง กล่าวว่า “พี่สะใภ้ สองสามวันนี้ข้ากลับไปคิดจริงจังแล้ว พบว่าความคิดก่อนหน้านี้ของข้ามีปัญหาจริง สองสามวันนี้ข้าคิดกระจ่างแล้ว ข้าแต่งเฝิงจือกลับไปก็เพื่อหามารดาให้บุตรชายทั้งสอง ให้นางสอนธรรมเนียมพวกเขา”
“ในเมื่อเดิมข้าแต่งกับนางมาอบรมพวกเขา จะไม่ให้เฝิงจืออบรมสั่งสอนพวกเขาได้อย่างไร และที่ข้าอยากแต่งกับเฝิงจือก็เพราะเชื่อในคุณธรรมนาง”
ลู่เจียวมองสีหน้าจริงจังของหันถง คล้ายว่าคิดกระจ่างแล้วจริงๆ
นางคิดแล้วก็สั่งการติงเซียงไปว่า “ไปตามพี่เฝิงจือเจ้ามา ทั้งสองคนมาคุยกันต่อหน้าให้กระจ่าง อย่าได้เอาแต่ฝากวาจามากับข้า ได้ก็ได้ ไม่ได้ก็ไม่ได้”
ติงเซียงยิ้มรับคำเดินออกไปตาม
หันถงอดเคร่งเครียดขึ้นมาไม่ได้ เขากลัวเฝิงจือจะปฏิเสธ ดังนั้นจึงมองไปยังลู่เจียวกล่าวว่า “พี่สะใภ้ อีกสักครู่พี่ช่วยข้าพูดหน่อย”
ลู่เจียวมองหันถง กล่าวอย่างจริงจังว่า “เฝิงจือเองไม่ค่อยอยากแต่งงาน โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นสิ่งที่ผู้ชายรอบกายปฏิบัติต่อผู้หญิง หากเจ้าแต่งเฝิงจือไปแล้ว วันหน้าต้องดีต่อนาง พื้นฐานนิสัยนางดีมาก ดังนั้นไม่ว่านางทำอันใด เจ้าจะต้องสนับสนุนนาง นางไม่เหมือนภรรยาเดิมของเจ้าผู้นั้น ได้พบหญิงที่ดีเช่นนี้ เจ้าต้องเชื่อใจนาง จึงจะทำให้นางยินยอมทุ่มเทเพื่อเจ้า”
หันถงได้ฟังลู่เจียวเตือนด้วยความหวังดี ก็รีบเอ่ยออกตัวว่า “พี่สะใภ้วางใจ ข้าทำได้ ตระกูลเราวันหน้านางว่าอย่างไรก็อย่างนั้น”
บิดามารดาเขาอายุมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว การค้าของตระกูลก็เริ่มทำไม่ไหว ตระกูลพวกเขาต้องการนายหญิงมาดูแลงาน เฝิงจือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เมื่อก่อนนางเป็นสาวใช้ตระกูลใหญ่ ยังติดตามพี่สะใภ้มานานไม่น้อย กล่าวตามตรง นางเหมาะเป็นนายหญิงตระกูลหันยิ่งกว่าหญิงใด และเขาเองก็ชอบนาง
นอกประตูเฝิงจือเดินเข้ามาด้วยท่าทางไม่แข็งกร้าวแต่ก็ไม่ต้อยต่ำ วันนี้นางสวมชุดสีรากบัว ท่อนล่างเป็นกระโปรงยาวสีม่วงเข้ม ยามก้าวเดินอ่อนโยนนุ่มนวล แลดูงามตรึงใจยากบรรยาย
หันถงมองแล้วก็ยิ่งตื่นเต้น
เขารู้สึกว่าทุกครั้งที่เห็นเฝิงจือก็รู้สึกว่านางยิ่งงามกว่าเดิม และท่าทางไม่แข็งกร้าวแต่ก็ไม่ต้อยต่ำของนาง ไม่มีผู้ใดเทียบได้จริง
เฝิงจือเดินเข้ามาคำนับลู่เจียว “ฮูหยิน”
ลู่เจียวชี้ไปที่หันถง กล่าวว่า “หันถงบอกกับข้าแล้ว หากแต่งเจ้าไป เจ้าก็คือนายหญิงดูแลตระกูลหัน วันหน้าเขาล้วนฟังเจ้า เจ้ามีสิทธิ์อบรมเด็กทั้งสอนคน ตอนนี้ก็ดูท่าทีของเจ้าแล้ว หากเจ้าคิดแต่ง ก็แต่ง ข้าจะให้คนจัดการเรื่องนี้ให้เจ้าทันที เจ้าว่าอย่างไร”
ลู่เจียวยังกล่าวไม่จบ หันถงรีบเรียกขึ้น “พี่สะใภ้ ให้ข้าคุยกับเฝิงจือสักสองสามคำได้หรือไม่”
ลู่เจียวพยักหน้าเห็นด้วย หันถงเดินไปจูงมือเฝิงจือพาออกไป ทำเอาเฝิงจือหน้าแดงก่ำ
แม้ว่านางมักได้พบกับหันถงอยู่บ่อยๆ แต่ไม่ค่อยได้จับจูงมือ