ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 705 วุ่นวายใจ
ตอนที่ 705 วุ่นวายใจ
ลู่เจียวเห็นหันถงเช่นนี้ก็อดยิ้มไม่ได้ ความจริงบางครั้งผู้ชายต้องเอาแต่ใจสักนิด ผู้หญิงชอบผู้ชายแข็งกร้าวสักหน่อย
ในห้องโถง ติงเซียงกับหร่วนจู๋อดซุบซิบกันไม่ได้ “พวกเจ้าว่าพี่เฝิงจือจะรับปากคุณชายหันหรือไม่”
“ข้ารู้สึกว่าน่าจะรับปาก คุณชายหันไม่เลวเลย”
“อืม ผู้ชายยุคสมัยนี้มากมายมีสามภรรยาสี่อนุ คุณชายหันรับปากว่าวันหน้าไม่รับอนุ ก็นับว่าเป็นตัวเลือกที่ดีเยี่ยมแล้ว”
ลู่เจียวฟังพวกนางคุยกันครึกครื้น ก็ยิ้มรับคำกล่าวว่า “พวกเจ้าวางใจ วันหน้าพวกเจ้าออกเรือน ข้าก็จะขอให้อีกฝ่ายไม่รับอนุ มีเพียงพวกเจ้าคนเดียว แน่นอนว่าพวกเจ้าเองก็ต้องเชื่อข้า หากไม่เชื่อข้า ถึงตอนนั้นเสียเปรียบก็อย่าได้มาหาข้า”
ในห้องโถง พวกติงเซียงกับซานฉาอายุไม่มาก มีเพียงหร่วนจู๋ที่ปีนี้สิบแปดแล้ว แต่หร่วนจู๋ยังคงมีนิสัยเช่นเด็กน้อย รู้เพียงของอร่อย ไม่ได้คิดเรื่องออกเรือนอันใด
นางได้ยินลู่เจียวกล่าวเช่นนี้ก็รีบตอบกลับทันที “ข้าไม่คิดออกเรือน ข้าติดตามฮูหยินดีจะตาย มีกินอิ่ม ท้อง ยังได้สนุกครึกครื้นทุกวัน”
ข้างกายยังมีน้องสาวตัวน้อยๆ เป็นเพื่อนเล่น ดีเพียงใดกัน
ลู่เจียวค้อนใส่นางอย่างไร้วาจาจะกล่าว ตอนนี้เจ้าเป็นเด็กน้อยที่ยังไม่รู้ความ พูดกับเจ้าไปตอนนี้ก็เปล่าประโยชน์หันถงกับเฝิงจือกลับมารวดเร็ว ทั้งคู่ยังคงจูงมือกัน เฝิงจือดิ้นรนอย่างไรก็สลัดไม่หลุด หน้าแดงก่ำไปหมด หันถงเข้ามากล่าวกับลู่เจียวน้ำเสียงหนักแน่นว่า “พี่สะใภ้ ขอพี่ตกลงให้เฝิงจือออกเรือนไปกับข้าด้วย”
ลู่เจียวมองเฝิงจือทีหนึ่ง แม้ว่าหน้าแดง แต่ไม่ได้ปฏิเสธ คิดว่าหันถงกล่อมนางได้แล้ว
“ได้ เจ้ากำหนดวันใดไว้”
“วันที่สิบหกเดือนแปด”
ลู่เจียวคิดแล้วก็เห็นว่าเหลืออีกไม่ถึงหนึ่งเดือน แต่ก็ไม่น่าห่วง เพราะเฝิงจือได้เตรียมชุดแต่งงานกับปักหมอนและเครื่องนอนไว้แล้ว ที่เหลือก็แค่เตรียมสินออกเรือนเล็กน้อย
ลู่เจียวรับปากทันที “ได้ เจ้ากลับไปเตรียมตัว วันที่สิบหกเดือนแปดเจ้าก็มารับเจ้าสาวได้”
หันถงได้ฟังก็ดีใจเอ่ยขอบคุณไม่หยุด “ขอบคุณพี่สะใภ้ๆ”
ลู่เจียวยิ้ม ทุกคนในห้องเองก็ยิ้มตาม
ตกค่ำเซี่ยอวิ๋นจิ่นกลับมารู้เรื่องนี้ก็ไม่ได้พูดอันใด ความจริงตามความเห็นเขา เขาไม่เห็นด้วยที่หันถงจะแต่งกับเฝิงจือ แม้เฝิงจือไม่เลว แต่เซี่ยอวิ๋นจิ่นมักรู้สึกว่านางหลู่เกียรติสหายที่เป็นดังน้องชายตนเองผู้นี้ ในใจเซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นเฝิงจือเป็นบ่าวรับใช้ สถานะบ่าวรับใช้ต่ำต้อย จะคู่ควรแต่งกับสหายที่เป็นดังน้องชายตนเองผู้นี้ได้อย่างไร
ลู่เจียวเห็นสีหน้าเขาไม่ได้รู้สึกยินดี ก็ผลักเขาทีหนึ่ง “เอาน่า เฝิงจือหน้าตาดียังมีความสามารถ แต่งกับหันถงเป็นอันใดไป หันถงได้กำไรแล้วไหม เจ้าอย่าเอาแต่ได้ประโยชน์กลับยังตินั่นตินี่ หากตามความคิดเจ้า ข้าเองก็ไม่คู่ควรกับเจ้าด้วยสิ ข้าชาติกำเนิดบ้านนา ไม่คู่ควรกับใต้เท้าถงจือ”
ลู่เจียวกล่าวเช่นนี้ เซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบเห็นแย้ง หันไปถลึงตาใส่นาง “เจ้าพูดจาเหลวไหลอันใด ข้าเองก็หนุ่มบ้านนา พวกเราทั้งคู่สมฐานะ”
เขากล่าวจบพลันคิดถึงสถานะแท้จริงของลู่เจียว เซี่ยอวิ๋นจิ่นยิ้มบางกล่าวว่า “ตามหลักแล้วข้าน่าจะอาจเอื้อมเจ้าแล้ว แต่ข้าไม่ยอมปล่อยมือเด็ดขาด”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นก้มลงกอดลู่เจียว กัดริมฝีปากนางไปทีหนึ่ง คล้ายลงโทษนาง
วันเวลาจากนั้นก็ผ่านไปอย่างสงบสุขมาก เซี่ยอวิ๋นจิ่นไปทำงานที่ทำการทุกวัน ยุ่งกับการงานในที่ทำการ ลู่เจียวอยู่จวนเตรียมสินออกเรือนให้เฝิงจือ เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไปเรียนกับท่านอาจารย์หลิวที่ซีเฟิงย่วน
หลินจือฝู่ถงจือเมืองหนิงโจวถูกใต้เท้าฟางจับกุมส่งตัวไปเมืองหลวงแล้ว เมืองหนิงโจวก็ขาดจือฝู่ เบื้องบนมีคำสั่งแต่งตั้งจือฝู่คนใหม่มาอย่างรวดเร็ว นอกจากจือฝู่ ยังแต่งตั้งขุนนางมากันอีกสองสามคน ในจำนวนนี้ยังมีหันจือแห่งหวาหยางที่สอบจิ้นซื่อรุ่นเดียวกับเซี่ยอวิ๋นจิ่น ได้รับการแต่งตั้งเป็นขุนนางทุยกวานระดับเจ็ดประจำเมืองหนิงโจว
หันจือเห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ดีใจอย่างมาก “พี่อวิ๋นจิ่น วันหน้าขอได้โปรดชี้แนะให้มากๆ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นยิ้มบางรับคำ “ล้วนทำงานเพื่อราชสำนัก วันหน้าทุกคนตั้งใจทำงานร่วมกัน”
ขุนนางที่เหลือที่ถูกส่งมาต่างเข้ามาคำนับด้วยความเกรงใจกันอย่างยิ่ง แม้ว่าใต้เท้าถงจืออายุยังน้อย แต่ผู้ใดก็ไม่กล้าดูแคลนเขา ได้ยินว่าครั้งนี้ที่หลินจือฝู่ถูกปลดก็เพราะฝีมือถงจือท่านนี้ ดังนั้นพวกเขาอย่าได้ล่วงเกินใต้เท้าถงจือท่านนี้จะดีกว่า
ไม่เพียงแต่ขุนนางระดับล่าง แม้แต่ใต้เท้าซู จือฝู่ที่เบื้องบนส่งมาก็ยังเกรงใจต่อเซี่ยอวิ๋นจิ่นอย่างมาก ใต้เท้าซูท่านนี้อายุห้าสิบกว่าแล้ว ดูแล้วน่าจะอำลาจากตำแหน่งกลับบ้านเกิดได้แล้ว คิดไม่ถึงว่ายังถูกส่งมาเป็น จือฝู่ประจำเมืองหนิงโจว
เขาหาจังหวะที่ทุกคนไม่มีคน ดึงตัวเซี่ยอวิ๋นจิ่นมาคุย
“เซี่ยถงจือ ข้าอายุมากแล้ว ไม่ได้มีปณิธานมุ่งมั่นยิ่งใหญ่อันใดแล้ว ตอนนี้เมืองหนิงโจวเป็นพื้นที่ของหนุ่มสาวเช่นพวกเจ้า พวกเจ้าอยากจะจัดการเช่นไรก็จัดการไป ข้าไม่ขัดขวางอย่างเด็ดขาด ขอเพียงเรื่องเดียว อย่าได้แตะต้องเงินทองพื้นที่ปลูกชากับบ่อเกลือเท่านั้น”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นประสานมือแสดงท่าทีทันที “ใต้เท้าจือฝู่วางใจ ข้าตั้งใจทำเพื่อประชาชน คิดแต่ว่าจะทำอย่างไรให้ราษฎรเมืองหนิงโจวร่ำรวยมีเงินทอง ไม่ได้มีความคิดไม่ดีอันใดทั้งสิ้น”
ใต้เท้าซูพอได้ฟังก็พึงพอใจ ยกมือตบไหล่เซี่ยอวิ๋นจิ่นเอ่ยว่า “ดี ใช้ได้ เจ้าทำงานไปได้ตามสบาย ข้าสนับสนุนเจ้าเอง”
หลังทั้งสองคนตกลงเรื่องนี้กันเสร็จ ต่างก็รู้กันโดยไม่ต้องเอ่ย ซูจือฝู่ไปทำงานที่ทำการทุกวัน ก็เพียงแค่ชงน้ำชาดื่ม หาคนมาคุยทั่วไป เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับหูทงพั่นและขุนนางอื่นๆ ก็ทำงานทุกอย่างของที่ทำการ เช่นนี้ก็ทำให้เกิดการบริหารจัดการที่มีระบบขึ้น
เห็นได้ชัดว่าเมืองหนิงโจวเกิดความสามัคคีกันอย่างไม่เคยมีมาก่อน ใบชาที่ได้จากพื้นที่ปลูกชาบนเขาหวาอวิ๋นก็ไม่ได้มีรสขมฝาดอ่อนๆ เหมือนก่อนหน้านี้ แต่มีกลิ่นหอมรสหวานชุ่มคอเป็นพิเศษ ใบชาเช่นนี้ผลิตออกมาก็ดังไปทั่วเมืองหนิงโจว พ่อค้าชาต่างคิดมาแย่งกันซื้อใบชานี้กันอย่างเรียกได้ว่าแทบบ้าคลั่ง หากไม่เหนือความคาดหมาย ก็คงขายได้ราคาสูงมาก
พวกเซี่ยอวิ๋นจิ่นยุ่งกันจนไม่เห็นเงา แต่จะยุ่งเพียงใด ตกค่ำเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ต้องกลับมาเป็นเพื่อนลู่เจียว
พริบตาเวลาก็ผ่านมาจนถึงวันแต่งงานของเฝิงจือ
เช้าตรู่มาตระกูลเซี่ยก็ครึกครื้นอย่างยิ่ง บ่าวรับใช้ในจวนล้วนมอบสินออกเรือนเพิ่มเติมให้เฝิงจือ แม้แต่เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ก็มอบของขวัญให้เฝิงจือ เถียนฮวนที่อยู่ไกลถึงอำเภอชิงเหอก็พาจ้าวอวี้หลัวมามอบของขวัญที่ตระกูลเซี่ย เป็นเครื่องประดับทองที่งดงามและมีราคา
เฝิงจือรู้สึกอาลัยอาวรณ์และซาบซึ้งอย่างยิ่ง โขกศีรษะคำนับลู่เจียวอย่างจริงจัง
ลู่เจียวยื่นมือไปดึงมือนางขึ้นมา กล่าวว่า “เอาละ วันหน้าเจ้าก็เป็นน้องสาวข้าแล้ว ไม่ต้องโขกศีรษะอะไรพวกนี้แล้ว วันหน้าพวกเราก็ไปมาหาสู่กันให้บ่อย หากเจ้าอยู่ตระกูลหันแล้วโดนรังแก ก็มาหาข้า ข้าจะออกหน้าจัดการหันถงให้เจ้าเอง”
เฝิงจือพยักหน้าอย่างอาลัยอาวรณ์ นางโตมาจนป่านนี้ ผ่านความทุกข์มามากมาย ความโชคดีทั้งหมดในชีวิตล้วนได้มาจากบุคคลตรงหน้านี้ นางพลันนึกเสียใจภายหลังแล้วที่ตัดสินใจแต่งงาน วันหน้านางไปอยู่ตระกูลหันแล้วจะมีวาสนาสุขจริงหรือ
ลู่เจียวมองออกว่าเฝิงจือรู้สึกอาลัยอาวรณ์และวุ่นวายใจ ก็ยื่นมือไปดึงนางมากล่าวว่า “เอาละ อย่าคิดเรื่องที่ยังไม่เกิด ออกเรือนก็ออกไปแล้ว วันหน้าเจ้าจะมีบุตรหลานมากมาย แก่ตัวไปก็ไม่ต้องโดดเดี่ยวเดียวดาย ขอเพียงเจ้าเลี้ยงดูบุตรเจ้าให้ดี ยามชราก็มีที่พึ่ง”
“ขอบคุณท่านพี่ที่อบรมสอนสั่ง”