ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 706 พวกมากประสบการณ์
ตอนที่ 706 พวกมากประสบการณ์
เฝิงจือพยักหน้าจริงจัง เถียนฮวนยิ้มกล่าวว่า “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ก็แค่ผู้ชายไม่ใช่หรือ ไม่ดีก็โยนทิ้งไป”
ลู่เจียวถลึงตาใส่นางอย่างไม่พอใจ มีอย่างที่ไหน คนเขาแต่งงานพูดจาเช่นนี้กัน
เถียนฮวนรีบยิ้มกล่าวว่า “ข้าสมควรตบปากตนเอง ขอให้เจ้ากับคุณชายหันครองรักร้อยปี จนแก่จนเฒ่า”
ทุกคนในห้องกำลังพูดคุยครึกครื้น นอกประตูติงเซียงก็เดินเข้ามา “ฮูหยิน คุณชายหันมารับเจ้าสาวแล้วเจ้าค่ะ”
ลู่เจียวพยักหน้าเล็กน้อย ยื่นมือไปหยิบผ้าคลุมหน้าจากในถาดมาคลุมให้เฝิงจือ กุมมือนางมากล่าวว่า “ออกเรือนไปให้สบายใจ ธรรมเนียมสามเช้ากลับบ้านมารดา ก็กลับมาตระกูลเซี่ย วันหน้าข้าก็คือพี่สาวเจ้า”
“เจ้าค่ะ ท่านพี่”
ลู่เจียวกล่าวกับเฝิงจือจบก็ออกไป ตอนนี้นางเป็นหญิงตั้งครรภ์ ไม่อาจไปร่วมวงสนุกกับบรรดาสาวๆ ได้
แต่เจ้าหนูน้อยทั้งสี่กับจ้าวอวี้หลัวกำลังรออย่างเบิกบานใจ ตามหลังพวกติงเซียงออกไปหยอกล้อคู่บ่าวสาวในห้องหอ
ลู่เจียวพาเถียนฮวนเดินไปยังห้องโถงกลางฝั่งตะวันออก
“เป็นอย่างไรบ้าง ระยะนี้เจ้ามีชีวิตไม่เลวอย่างมากนี่”
เถียนฮวนหน้าแดงระเรื่อ สีหน้าแววตางดงาม ไม่ได้มีความกลัดกลุ้มใดแม้สักนิด นางเช่นนี้ดูท่ามีชีวิตไม่เลว
เถียนฮวนยิ้มกล่าวว่า “ดีกว่าที่คิดไว้ เจ้าไม่รู้ ตอนนั้นที่กำลังจะแต่ง ข้าตื่นตกใจมาก ปรากฏพอแต่งแล้วก็ไม่ได้มีอันใด จ้าวหลิงเฟิงปกติก็วุ่นกับการค้าสามโรงผลิต กลางวันไม่ค่อยมีเวลากลับมา ส่วนอวี้หลัว ก็แค่ตามใจที่นางต้องการ ก็ไม่ได้มีเรื่องอันใด ดังนั้นวันๆ ข้าก็ไม่เลวจริงๆ เพียงแต่ว่างไปหน่อย ใช่แล้ว ครั้งก่อนเจ้าบอกกับข้าว่าจะร่วมมือกันทำการค้านี่ เจ้าคิดได้แล้วหรือยังว่าจะทำการค้าอันใด”
ลู่เจียวยิ้มมองเถียนฮวนกล่าวว่า “เจ้าอย่าว่าไป ข้าคิดได้แล้วจริงๆ เพียงแต่การค้านี้ต้องรอให้เจ้าเข้าเมืองหลวงก่อนค่อยทำ”
เถียนฮวนถามอย่างสนใจว่า “การค้าอันใด เจ้ารีบบอกข้าเร็ว”
ลู่เจียวดึงนางไปนั่งที่ห้องโถงกลาง หลิ่วฝูวิ่งเข้ามารินน้ำชา แม้ว่าหลิ่วฝูอายุน้อย แต่ลู่เจียวเลื่อนให้เป็นสาวใช้ระดับสอง ดังนั้นนางเข้าออกได้อิสระ เพราะติงเซียงได้เลื่อนเป็นหัวหน้าสาวใช้ นางจึงรู้สึกว่าต้องตระหนักรู้ตัวเองมากขึ้น ระยะนี้สาวใช้ผู้นี้จึงทำงานขยันขันแข็งเป็นพิเศษ
ลู่เจียวเห็นนางเข้ามารินน้ำชา ก็ยิ้มมองนางถามว่า “เหตุใดเจ้าไม่ไปหยอกล้อบ่าวสาวที่ห้องหอ ไม่แน่อาจได้ซองแดงจากคุณชายหัน”
หลิ่วฝูยิ้มกล่าวว่า “พวกพี่สาวไปกันแล้ว ข้าก็ไม่ไปแล้ว แต่พวกนางบอกว่าจะขอมาให้ข้าด้วย”
เถียนฮวนเห็นนางก็เอ่ยชมว่า “สาวใช้ผู้นี้เหมือนเปลี่ยนร่างใหม่จริงๆ เมื่อก่อนดูแล้วทั้งตัวเล็กและน่าเกลียด ตอนนี้โตขึ้นมาก็หน้าตางามกระจ่าง”
หลิ่วฝูรีบกล่าวว่า “เพราะอาหารจวนเราดี บ่าวกินดี ดังนั้นจึงหน้าตาดีกว่าเมื่อก่อน”
เถียนฮวนเอ่ยชมว่า “ปากน้อยๆ ก็รู้จักพูดจา เจียวเจียว พูดตามตรงนะ เจ้าอบรมสาวใช้เก่งจริงๆ”
ลู่เจียวยิ้มกล่าวว่า “ความจริงไม่ใช่ข้าอบรม แต่เป็นเฝิงจืออบรมมา”
กล่าวถึงเรื่องนี้ เถียนฮวนก็ถอนหายใจ “เฝิงจือเป็นกำลังสำคัญของเจ้าจริงๆ ตอนนี้ออกเรือนแล้ว วันหน้าข้างกายเจ้าก็ต้องขาดคนไปคนหนึ่ง รู้อย่างนี้ไม่ให้นางออกเรือนดีกว่า”
ลู่เจียวยื่นมือไปผลักนางทีหนึ่ง “ไหนเลยจะห้ามบุพเพวาสนาผู้อื่นเพื่อตนเองกัน อย่าว่าแต่เฝิงจือ แม้เป็นพวกติงเซียง วันหน้าพวกนางโตขึ้น ข้าก็จะให้พวกนางได้ออกเรือนกันอย่างมีหน้ามีตา”
หลิ่วฝูได้ฟัง ในใจก็ยิ่งดีใจ ลู่เจียวโบกมือกล่าวว่า “เจ้าไปสนุกกับพวกพี่ติงเซียงเถอะ ข้ากับเถียนเหนียงจื่อจะคุยกันสักหน่อย”
หลิ่วฝูรับคำถอยออกไป ในห้องโถงเถียนฮวนดึงมือลู่เจียวมาถามอย่างห่วงใยว่า “เจ้าว่ามา ให้ข้าทำอันใดบ้าง”
“ข้าคิดแล้ว อีกสักระยะ ข้าวสาลีฤดูใบไม้ร่วงเติบโตแล้ว เกรงว่าจ้าวหลิงเฟิงคงถูกฝ่าบาทเรียกตัวเข้าเมืองหลวง ตอนนั้นเมืองหลวงน่าจะหน้าหนาวแล้ว สิ่งที่เมืองหลวงขาดแคลนที่สุดในหน้าหนาวก็คือผักสด พวกเราซื้อโรงนาชานเมืองหลวงแห่งหนึ่งมาปลูกผักสดโดยเฉพาะได้”
เถียนฮวนสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ “หน้าหนาวปลูกผักได้หรือ”
อย่าว่าแต่ตอนเหนือ แม้แต่ทางใต้เช่นเมืองหนิงโจวเอง ตอนหน้าหนาวก็มีแต่หัวไชเท้าขาวและแดง[1] แม้ว่าอากาศทางใต้อบอุ่นกว่าทางเหนือไม่น้อย แต่อุณหภูมิก็ไม่ได้สูงเหมือนหน้าร้อน ดังนั้นผักหลายอย่างก็เติบโตไม่ได้ นับประสาอันใดกับทางเหนือยังมีหิมะ
ลู่เจียวยิ้มกล่าวว่า “ได้สิ ข้ามีวิธีปลูกผัก ถึงตอนนั้นผักย่อมขายดี คนเมืองหลวงไม่ขาดแคลนเงินทอง ปรับราคาสูงหน่อย พวกเราคงได้กำไรกันไม่น้อย”
หน้าหนาวทางเหนือกินระยะเวลายาวนาน พวกนางขายผักสดได้ระยะยาว แม้หน้าร้อนก็ขายได้ เพราะผักที่นางปลูกเติมน้ำพุจิตวิญญาณลงไป ผักเหล่านั้นย่อมสดและกรอบกว่าของผู้อื่น แม้หน้าร้อนก็มีคนมากมายอยากซื้อ
เถียนฮวนได้ฟังคำพูดลู่เจียวก็ดีใจขึ้นมา “ดี เช่นนั้นพวกเราก็ทำการค้านี้ กลับไป ข้าจะบอกให้จ้าวหลิงเฟิงหาซื้อโรงนาแถบชานเมืองหลวง พอพวกเราเข้าเมืองหลวงก็เริ่มปลูกผัก”
ลู่เจียวยิ้มกล่าวว่า “เจ้าใจร้อนจริง ถึงตอนนั้นบอกข้าด้วย โรงนานี่ข้าออกเงินครึ่งหนึ่ง”
เถียนฮวนรีบปฏิเสธ “ไม่ต้อง เงินค่าซื้อโรงนา พวกเราออก แต่ซื้อมาแล้ว พวกเราถือครองร่วมกัน เจ้าลงแรงเรื่องกรรมวิธีปลูกแล้ว พวกเราแค่ออกเงินนิดหน่อย”
พี่น้องกันยังต้องคิดบัญชีกระจ่าง ทำการค้าไม่อาจเอาเปรียบผู้อื่น ไม่เช่นนั้นการค้านี้ไม่ยืนนาน แม้นางกับเจียวเจียวสนิทกัน แต่ก็ต้องแยกให้กระจ่าง ไม่เช่นนั้นมิตรภาพก็จะไม่ยืนยาว
เถียนฮวนมาจากสำนักคุ้มภัย รู้หลักการคบหาสหายไม่น้อย
ลู่เจียวก็ไม่ได้ปฏิเสธ ทั้งสองคนคุยเรื่องอื่นๆ กันครึกครื้นขึ้นมาอีกครั้ง
เถียนฮวนมองท้องลู่เจียวคล้ายว่าโตขึ้นแล้ว ถามอย่างตกใจว่า “เจียวเจียว เหตุใดข้ารู้สึกว่าท้องเจ้าใหญ่มาก”
ลู่เจียวยิ้มตอบว่า “ตั้งครรภ์แฝด ตอนนี้ห้าเดือนกว่าก็ต้องใหญ่สิ”
เถียนฮวนสีหน้าตกตะลึง “ถึงกับตั้งครรภ์แฝด เจ้าคลอดเก่งจริง ครรภ์แรกก็ได้มาสี่ ครรภ์สองก็ยังเป็นครรภ์แฝดอีก”
ลู่เจียวคิดอยู่ครู่หนึ่งกล่าวว่า “คงเพราะเป็นสภาพร่างกายที่ตั้งครรภ์แฝดได้ง่ายกระมัง”
นางกล่าวจบก็กล่าวอย่างนึกขำว่า “เจ้าไม่รู้ว่าพ่อลูกเอาแต่พูดว่าสองคนนี้เป็นเด็กผู้หญิง แม้แต่ชื่อก็ตั้งแล้ว ทั้งชื่อจริงชื่อเล่น รอแค่คลอดออกมา ข้ากลัวจริงๆ ว่าเด็กสองคนนี้เป็นชาย คงได้ทำพวกพ่อลูกผิดหวังตาย”
เถียนฮวนหัวเราะดังลั่น พลันกล่าวว่า “เจียวเจียว ข้าจะพยายามตั้งครรภ์ ถึงตอนนั้นเราสองตระกูลก็หมั้นหมายบุตรชายหญิงกันไหม”
ลู่เจียวไม่รู้ว่าควรกล่าวอันใดดีแล้ว เหตุใดไปที่ใดก็มีแต่คนอยากจะหมั้นหมายลูกนาง
นางไม่ต้องการให้ลูกตนเองต้องมาหมั้นหมายแต่เด็ก
“รอเจ้าตั้งครรภ์ก่อนค่อยว่ากัน”
“คืนนี้กลับไปก็จะไปพยายามกับจ้าวหลิงเฟิงสักหน่อย”
ลู่เจียวตกใจหันไปมองเถียนฮวน “คุณหนูเจ็ด เจ้าความคิดเปิดกว้างจริง”
นางอยู่ร่วมกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นมานาน ยังไม่ได้มีความคิดเปิดกว้างเช่นเถียนฮวน ทุกครั้งที่คุยเรื่องความรักความใคร่ก็ยังรู้สึกเขินอาย แต่เถียนฮวนถึงกับเปิดกว้างยิ่งกว่านาง เถียนฮวนได้ฟังคำพูดลู่เจียวก็มีท่าทางได้ใจ
“เป็นอะไรไปหรือ ระหว่างชายหญิงก็มีแค่เรื่องพวกนั้นไหม”
นางกล่าวจบถึงกับถามลู่เจียวตรงไปตรงมาว่า “เจ้าว่า เจ้าเอาแต่ตั้งครรภ์ฝาแฝด เพราะใต้เท้าเซี่ยค่อนข้างร้ายกาจใช่หรือไม่ ไม่เช่นนั้นทำไมผู้อื่นไม่ตั้งครรภ์แฝด แต่เจ้ากลับเอาแต่ตั้งครรภ์แฝด”
ลู่เจียวหน้าแดง ถลึงตาใส่เถียนฮวน “เถียนฮวน เจ้าแน่ใจนะว่าเจ้าเพิ่งแต่งงานได้ไม่นาน เหตุใดจึงเหมือนพวกมากประสบการณ์”
เถียนฮวนเลิกคิ้วท่าทางได้ใจ กล่าวว่า “เจ้าลืมไปแล้วหรือ ข้ามาจากสำนักคุ้มภัย พวกชายในสำนักคุ้มภัยว่างก็ชอบพูดเรื่องในมุ้ง ข้าฟังจนชินแล้ว ไม่มีอันใดทำก็จะคุยเล่นกับพวกเขาสักคำสองคำ”
[1] แคร์รอต