ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 710 แสงวิเศษสาดส่องจากเบื้องบน
ตอนที่ 710 แสงวิเศษสาดส่องจากเบื้องบน
ข้าวสาลีฤดูใบไม้ร่วงที่จ้าวหลิงเฟิงปลูกทุกหมู่[1]ได้ผลผลิตถึงสี่ร้อยชั่ง มากว่าผลผลิตข้าวสาลีเดิมเกินครึ่ง ฝ่าบาทได้ยินก็ดีพระทัยมาก พระราชทานตำแหน่งให้จ้าวหลิงเฟิงอย่างเต็มที่ให้เป็นหลางจงลิ่งขุนนางระดับห้ากรมคลัง
อีกไม่กี่วันเขาก็ต้องกลับเมืองหลวงแล้ว
จ้าวหลิงเฟิงรู้ว่าตนเองได้เป็นหลางจงลิ่งระดับห้ากลับเมืองหลวงอย่างยิ่งใหญ่ ก็เพราะเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวมอบโอกาสนี้ให้เขา เขาจึงได้กลับเมืองหลวงราบรื่นสมดังหวัง
“ขอบคุณพี่อวิ๋นจิ่น วันหน้าหากเจ้ามีเรื่องอันใดต้องการให้ช่วย ก็ให้คนมาบอกข้า”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นอมยิ้มกล่าวว่า “ทุกอย่างเพื่อชาวแคว้นต้าโจว ขอเพียงราษฎรมีข้าวกิน มีเสื้อผ้าใส่ เรื่องอื่นๆ ล้วนเป็นเพียงชื่อเสียงมายา”
ในใจจ้าวหลิงเฟิงรู้สึกเลื่อมใสขึ้นมาทันที เขาเคยดูแคลนเซี่ยอวิ๋นจิ่น ตอนนี้ดูอีกที คนที่ใจแคบผู้นั้นคือตนเอง คนอื่นเขาใจกว้างและคิดเพื่อส่วนรวม
“ความใจกว้างของอวิ๋นจิ่น ข้าจ้าวหลิงเฟิงรู้สึกละอายยิ่ง”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นจะกล่าวอันใดได้ ความจริงเขาก็ไร้หนทาง เจียวเจียวไม่ใช่คนในยุคสมัยนี้ สิ่งที่นางเป็นมีมากมาย หากเผยทุกสิ่งออกไปว่ามาจากพวกเขา เกรงว่าคงเป็นที่ระแวงพระทัยของฝ่าบาท ถึงตอนนั้นไม่ใช่เรื่องโชคดี แต่เป็นเรื่องโชคร้ายแทนแล้ว
แน่นอนว่าวาจาเหล่านี้ เขาไม่มีทางกล่าวกับจ้าวหลิงเฟิง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวกับจ้าวหลิงเฟิงว่า “ความจริงข้าเองก็มีเรื่องมงคลหนึ่งบอกเจ้า”
ก่อนหน้านี้จ้าวหลิงเฟิงได้ยินเซี่ยอวิ๋นจิ่นเอ่ยถึงเรื่องปลูกข้าวเจ้า ตอนนี้เห็นสีหน้าเขา ก็อดดีใจด้วยไม่ได้ “ข้าวเจ้าเจ้าปลูกสำเร็จแล้วหรือ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นพยักหน้า “ใช่ ผลิตข้าวเจ้าได้ถึงสี่ร้อยกว่าชั่งต่อหมู่ มากกว่าเดิมหนึ่งเท่า”
จ้าวหลิงเฟิงดีใจมาก “นี่เป็นเรื่องมงคลใหญ่ยิ่งจริงๆ เจ้ารีบนำเรื่องนี้รายงานอ๋องเยียน อ๋องเยียนจะได้นำรายงานต่อราชสำนัก ฝ่าบาทจะต้องแต่งตั้งเจ้ากลับเมืองหลวงอย่างแน่นอน”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกลับส่ายหน้า “ข้ายังไม่อยากกลับไปตอนนี้ ข้าอยากอยู่เมืองหนิงโจวต่อ จะได้สร้างผลงานมากอีกหน่อยค่อยกลับเมืองหลวง”
จ้าวหลิงเฟิงมีจวนหย่งหนิงโหวส่งเสริม เขากลับไปเกรงว่าแม้จะแค่หลางจงลิ่งระดับห้า แต่เมืองหลวงก็คงไม่มีขุนนางกล้าล่วงเกินเขา
ส่วนเขาเป็นแค่คนชาติกำเนิดบ้านนา เบื้องหลังไม่มีบุคคลทรงอิทธิพลหนุนหลังอันใด เกรงว่าแม้เจียวเจียวเคยช่วยอ๋องเยียน ท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่และขุนพลหวัง แต่หากเอาแต่พึ่งพาคนเหล่านั้น ไม่สู้สร้างตนเองให้เข้มแข็งหน่อยจะมีศักดิ์ศรีกว่าหรือ
ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจอยู่เมืองหนิงโจวสร้างผลงานต่อค่อยกลับเมืองหลวง ถึงตอนนั้น ตำแหน่งขุนนางเขาจะต้องสูงกว่านี้ และไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวคนมากมายเพียงนั้นแล้ว
จ้าวหลิงเฟิงเองก็รู้ความกังวลของเขา จึงไม่ได้ชักชวนเขาอีก “ก็ได้”
สองคนกำลังคุยกันอยู่เรือนด้านหน้า ที่เรือนด้านหลัง ลู่เจียวแสดงความยินดีกับเถียนฮวนไปพลางส่งข้อมูลเกี่ยวกับการเพาะปลูกที่ตนเองเขียนไว้ก่อนหน้านี้ให้เถียนฮวน พร้อมกับยังให้ห่อเมล็ดพันธุ์ต่างๆ แก่เถียนฮวนห่อใหญ่
“เมล็ดพันธุ์เหล่านี้ข้าเพาะเอง ปลูกแล้วย่อมได้ผักสดและกรอบกว่าเมล็ดพันธุ์ทั่วไปมาก ดังนั้นเจ้าใช้เมล็ดพันธุ์เหล่านี้ปลูก”
เมล็ดพันธุ์เหล่านี้วางไว้ในห้วงอากาศ ซึมซับกระแสกลิ่นอายวิเศษจากห้วงอากาศมา ผักที่ปลูกออกมาก็ย่อมอร่อย กรอบและสดกว่าทั่วไป ดังนั้นลู่เจียวจึงได้กล่าวเช่นนี้
เถียนฮวนรีบพยักหน้า จากนั้นก็ยื่นมือไปกุมมือลู่เจียวกล่าวว่า “เจียวเจียว ข้ารู้สึกเป็นห่วง เกรงว่าปรับตัวเข้ากับชีวิตเมืองหลวงไม่ได้ อีกอย่างจ้าวหลิงเฟิงมาจากจวนโหว ครั้งนี้กลับไป หากไม่เหนือความคาดหมาย พวกเราก็ต้องพักที่จวนโหว เจ้าว่าธรรมเนียมจวนโหวมากมายเพียงนั้น ข้าจะปรับตัวได้หรือไม่”
ลู่เจียวยิ้มมองนางกล่าวว่า “ทำไมต้องปรับตัวเข้ากับพวกเขา เจ้าก็คือเจ้า ไม่ต้องปรับตัวเข้ากับผู้อื่น เจ้าคิดอยากทำอันใดก็ทำไป เจ้าไม่จำเป็นต้องปรับตัว พวกเขาจะปรับตัวให้เข้ากับเจ้าได้ พระชายาหย่งหนิงโหวกับสะใภ้นางล้วนเป็นคนเมืองหลวง ล้วนใส่ใจเรื่องหน้าตา เจ้าไม่ต้องคุยเรื่องหน้าตากับพวกนาง เจ้าแค่ใช้กำปั้นบอกพวกนางว่าเจ้าเป็นคนเช่นนี้ รับรองว่าวันหน้าจะไม่มีผู้ใดกล้ามาหาเรื่องเจ้า”
ไม่เคยได้ยินหรือว่า คนจนกลัวนักเลง นักเลงกลัวคนโง่ คนโง่กลัวคนไม่รักชีวิต
เถียนฮวนได้ฟังลู่เจียวชี้แนะ ก็คล้ายกระจ่างใจ ราวกับทะลวงเส้นลมปราณ มีลำแสงวิเศษสาดส่องลงมาจากเบื้องบน
นางยิ้มบานแฉ่ง กล่าวว่า “ถูกต้อง ข้ากลัวพวกนางทำไมกัน ข้าเถียนฮวนไม่มีความสามารถอื่น มีแต่กำปั้นแข็งๆ พวกนางกล้ามาหาเรื่องข้า ดูว่าข้าจะใช้กำปั้นกับพวกนางหรือไม่”
ลู่เจียวพยักหน้า เอ่ยเตือนนางว่า “แต่เจ้าต้องระวังพวกนางเล่นอุบายชั่ว คนพวกนั้นถนัดเล่นอุบายชั่วที่สุด ใส่อะไรในอาหารการกินเจ้าหรือทาอะไรบนเสื้อผ้าเจ้า เจ้าจะตกหลุมพรางพวกนางโดยไม่รู้ตัวได้ ดังนั้นหากเจ้ารู้สึกไม่สบายหรือสุขภาพไม่ค่อยดี ก็ต้องรีบไปหาหมอ และอย่าหาหมอคนเดียว ต้องหาสองคน”
เถียนฮวนได้ฟังลู่เจียวกำชับก็พยักหน้าจริงจัง จดจำทุกคำพูดนางขึ้นใจ
ลู่เจียวมอบข้อมูลเกี่ยวกับการตั้งนั่งร้านผักและเมล็ดพันธุ์ใส่มือเถียนฮวน ให้นางเก็บให้ดี เถียนฮวนมอบหนังสือสัญญาให้ลู่เจียว พวกเขาได้ซื้อโรงนาสองแห่งในละแวกชานเมืองของเมืองหลวงแล้ว โรงนามีพื้นที่สองร้อยกว่าหมู่ นำมาปลูกผักทั้งหมด
ลู่เจียวพลิกดูแล้วก็ดีใจมาก ยื่นมือออกไปกุมมือเถียนฮวน กล่าวว่า “เถียนฮวน ขอให้พวกเราประสบความสำเร็จ”
เถียนฮวนพลิกกลับมากุมมือนาง ยิ้มตาหยีกล่าวว่า “ขอให้พวกเราประสบความสำเร็จ ใช่แล้ว ข้ายังมีเรื่องมงคลอีกเรื่องอยากบอกเจ้า”
เถียนฮวนรีบเขยิบเข้าไปกระซิบข้างใบหูลู่เจียว “ข้าตั้งครรภ์แล้ว”
ยามนี้ลู่เจียวดีใจแทนนางจริงๆ แต่ดีใจได้ครู่เดียวก็รู้สึกเป็นห่วงนางขึ้นมา
“เจ้ากลับเมืองหลวงครั้งนี้ต้องระวังตัวหน่อย หญิงในเมืองหลวงเหล่านั้นอุบายสกปรกต่ำช้ามากมาย เจ้าจะต้องดูแลตัวเองกับลูกให้ดี”
เพียงแค่เถียนฮวนคนเดียว นางเชื่อว่านางรับมือได้ แต่มีลูกเพิ่มมาอีกก็ไม่เหมือนกัน
เถียนฮวนยิ้มกล่าวว่า “ไม่เป็นไร ก่อนหน้านี้จ้าวหลิงเฟิงบอกกับข้าว่าจะปกป้องข้ากับลูกเอง”
ลู่เจียวรู้สึกว่าหวังพึ่งผู้อื่น ไม่สู้พึ่งพาตนเอง
นางคิดแล้วก็หยิบยาสามสี่ขวดจากห้วงอากาศออกมาส่งใส่มือเถียนฮวน “พวกนี้เป็นยาที่ข้าปรุงเอง หากพบเหตุกะทันหัน เจ้าก็ใช้ได้ นี่คือยาถอนพิษที่เป็นพิษปกติทั่วไปได้หมด แต่นี่คือยาถอนพิษกำหนัด อีกขวดเป็นยารักษาครรภ์ไว้”
ลู่เจียวปรุงยารักษาครรภ์ไว้ให้ตนเองเพื่อป้องกันการเกิดเหตุกะทันหันอันใด แต่นางไม่ได้ใช้ ตอนนี้นำมามอบให้เถียนฮวนได้พอดี
เถียนฮวนรับไปเก็บไว้เรียบร้อยด้วยท่าทางให้ความสำคัญอย่างมาก
“ขอบคุณเจียวเจียว ข้าจะรอเจ้าที่เมืองหลวง”
“อืม เจ้ารักษาตัวเองให้ดี ใช่แล้ว หากอยู่เมืองหลวงแล้วเหงา ก็ไปหาพี่สาวข้า ตอนนี้นางเป็นเซียงจวิน อยู่เมืองหลวงมาได้ระยะหนึ่งแล้ว มีแวดวงสังคมของตนเอง เจ้าไปหานาง จะได้ให้นางพาเจ้าเที่ยวเล่น”
เถียนฮวนพยักหน้า ทั้งสองคนคุยกันได้ครู่หนึ่ง เถียนฮวนก็ลุกขึ้นขอตัว พวกเขาสองสามีภรรยาเดินทางอ้อมมาเมืองหนิงโจวเพื่อกล่าวอำลากับเซี่ยอวิ๋นจิ่นและลู่เจียว
“เดินทางรักษาสุขภาพด้วย”
ลู่เจียวให้ติงเซียงออกไปส่งเถียนฮวน มองเห็นสหายสนิทจากเมืองหนิงโจวไปเมืองหลวงทีละคน ลู่เจียวก็อดเศร้าใจไม่ได้
เถียนซื่อเห็นก็ปลอบใจนาง กล่าวว่า “ทุกคนล้วนต้องจากไปในเวลาอันเหมาะสม แม้แต่ท่านพ่อกับท่านแม่เองก็ไม่อาจอยู่กับเจ้าได้ตลอดไป ดังนั้นเจ้าอย่าได้เสียใจไป”
ลู่เจียวได้ฟังเถียนซื่อก็ดึงนางมาออดอ้อนกล่าวว่า “ข้าอยากให้ท่านแม่อยู่กับข้าตลอดไป”
เถียนซื่อยิ้มกล่าวว่า “ได้ แม่อยู่กับเจ้าตลอดไป”
[1] ที่นาหนึ่งหมู่เท่ากับราว 666 ตารางเมตร