ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 713 สาวงามจิตใจดี
ตอนที่ 713 สาวงามจิตใจดี
ลู่เจียวได้ฟังคำพูดเขาก็คล้ายเห็นซื่อเป่าในอดีต แต่ใบหน้าน้อยๆ ของอู่เป่าน้อยเต็มไปด้วยความจริงจัง แสดงให้เห็นว่าตนเองจริงจังมาก
แม้ว่าก่อนหน้านี้ลู่เจียวเคยเตือนเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับแฝดสี่แล้วว่าอย่าได้ปฏิบัติต่ออู่เป่ากับเย่ว์หยาต่างกัน แต่ไม่รู้ว่าอู่เป่าน้อยเกิดมาก็ไม่ชอบบิดาและพี่ชาย หรือว่าตอนเกิดมารับรู้ได้ว่าบิดาและพี่ชายไม่เป็นมิตรกับเขา ดังนั้นเขาจึงไม่ค่อยชอบอยู่กับบิดาและพี่ชาย เพียงคนเดียวที่เขาชอบน่าจะเป็นต้าเป่า อาจเพราะว่าต้าเป่าพยายามในเรื่องนี้หลายครั้ง
อู่เป่าน้อยติดนางที่สุด ในใจลู่เจียวสงสารอู่เป่า เย่ว์หยามีบิดาและพี่ชายรุมให้ความรัก แต่อู่เป่าน้อยกลับไม่ได้ความรักมากมายเพียงนั้น ดังนั้นนางเองก็ลำเอียงอยู่บ้าง ย่อมเป็นเหตุให้อู่เป่าติดนาง
ลู่เจียวคิดไปก็กอดอู่เป่าน้อยไป ไม่คิดอธิบายเรื่องนี้
“แม่รู้แล้ว เจ้าเก็บของเสร็จแล้วหรือยัง”
อู่เป่าน้อยถูกลู่เจียวกอดก็ดีใจ เอ่ยอย่างเบิกบานใจว่า “เก็บเรียบร้อยแล้วขอรับท่านแม่ ข้าอยากมาถามท่านแม่เรื่องหนึ่ง ข้าเอาของเล่นที่ไม่ต้องการแล้วไปให้เพื่อนๆ ได้หรือไม่”
“เรื่องของเจ้า เจ้าตัดสินใจเองได้”
อู่เป่าดีใจหอมแก้มลู่เจียวทีหนึ่ง หันหลังจะวิ่งออกไป
เย่ว์หยาเดินมาทางด้านหลัง แสร้งทำหน้าตาเขินอาย “พี่ห้าหน้าไม่อาย”
อู่เป่าหน้าบึ้งทันที ค้อนใส่นางก่อนจะวิ่งออกไป
เย่ว์หยาหรือชื่อจริงว่าเซี่ยหลิงหลง เป็นสาวน้อยน่ารัก นิสัยไม่ค่อยเรียบร้อยนัก ไม่สงบเสงี่ยมอยู่ในกรอบสักเท่าไร เพราะมีบิดาและพี่ชายรุมรัก แต่ก็มิได้เอาแต่ใจ กลับเป็นคนจิตใจดีมีเมตตา ชอบช่วยเหลือผู้อื่น
เพราะนางนิสัยไม่เรียบร้อยสักเท่าไร ดังนั้นจึงไม่ได้คิดมากเรื่องที่มารดาลำเอียงรักอู่เป่า
“ท่านแม่ ข้าเก็บของเรียบร้อยแล้ว”
ลู่เจียวลูบศีรษะนาง หน้าผากนางมีเหงื่อซึม “ทำไมรีบร้อนนัก”
นางกล่าวจบ ก็มองไปยังหลิ่วฝูที่ตามมาด้านหลังเย่ว์หยา “ไปรินน้ำผึ้งมาหน่อย”
“เจ้าค่ะ ฮูหยิน”
ลู่เจียวให้หลิ่วฝูมาติดตามดูแลเย่ว์หยา เป็นหัวหน้าสาวใช้มาหลายปี อุปนิสัยก็ยิ่งสุขุมหนักแน่น รู้จักรุกถอย ทำงานมีประสิทธิภาพดังเช่นเฝิงจือในตอนนั้น หลายปีมานี้นางติดตามเย่ว์หยา ลู่เจียวยิ่งเห็นก็ยิ่งวางใจ
แฝดสี่รุมล้อมเข้ามาเอาใจใส่เย่ว์หยา
“เย่ว์หยา ครั้งหน้ามีอันใดก็เรียกพี่ๆ มาช่วยเจ้าทำ”
“เจ้าตัวเล็กแค่นี้ จะทำอันใดได้”
“ใช่ หรือไม่เช่นนั้นก็ให้หลิ่วฝูช่วยเจ้าทำได้ เจ้าเหนื่อยจนเหงื่อออกเต็มหน้าผากเลย พี่ๆ เห็นแล้วสงสารยิ่งนัก”
เย่ว์หยาไม่ทันได้พูดอะไร ลู่เจียวเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจว่า “เอาละ ธรรมเนียมตระกูลเราก็คือเรื่องที่ทำเองได้ต้องทำเอง ผู้ใดก็ไม่มีข้อยกเว้น”
หลายปีมานี้ โชคดีที่มีลู่เจียว ทุกครั้งที่เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ลำเอียงไปมากเกินไป ลู่เจียวก็จะเตือนพ่อลูก ดีที่พ่อลูกไม่กล้าหือกับลู่เจียว ดังนั้นเย่ว์หยาจึงไม่ได้เติบโตมาอย่างบิดเบี้ยว แต่เป็นดังองค์หญิงน้อยงดงามจิตใจดี
เย่ว์หยาได้ฟังคำพูดลู่เจียวก็ยิ้มรับคำ “ท่านแม่กล่าวได้ถูกต้อง เรื่องที่ตนเองทำได้ก็ต้องทำเอง อย่าได้ให้ผู้อื่นคอยช่วยตลอด หากที่พึ่งล้มลง คนที่พึ่งพาหนีไปจะทำเยี่ยงไร แน่นอนที่สุดก็คือพึ่งพาตนเอง ดังนั้นข้าจะต้องพัฒนาตนเองให้เก่งกาจที่สุด”
เย่ว์หยายกกำปั้นขึ้นกำแน่น แฝดสี่เห็นน้องสาวน่ารักเช่นนี้ ในใจก็อดอ่อนยวบลงไม่ได้
กล่าวตามตรง เย่ว์หยาเติบโตมาเป็นน้องสาวดังใจคิดของพวกเขา
เอ้อร์เป่ามองเย่ว์หยาอย่างรู้สึกอาลัย “เย่ว์หยา พี่รองไปอยู่ค่ายทหารแล้ว เจ้าจะคิดถึงพี่รองหรือไม่”
เย่ว์หยาหันหน้าไปมองเขา “คิดถึงสิ ระยะนี้ข้าเรียนงานฝีมือกับพี่ซานฉา ไว้ข้าเรียนเป็นแล้วก็จะตัดเสื้อผ้าให้พี่รอง”
เอ้อร์เป่าดีใจรีบหัวเราะดัง “ดี พี่รองจะรอเจ้า”
“อืม”
เด็กหนุ่มอีกสามคนไม่ยินยอม เอ่ยขึ้นว่า “เย่ว์หยา แล้วพี่เล่า”
“หลิงหลง อย่าลืมตัดให้พี่สี่ด้วย”
“ได้สิตัดให้ทุกคน ตัดให้ทุกคน”
เย่ว์หยากล่าวจบ ลู่เจียวก็เหลือบมองบุตรชายทั้งสี่ กล่าวว่า “พวกเจ้าคิดให้น้องสาวเหนื่อยตายหรือ”
เด็กหนุ่มทั้งสี่รีบกล่าวว่า “น้องพี่ เจ้าปักแค่ถุงใส่เงินให้พวกเราก็พอ”
เย่ว์หยาเห็นบรรดาพี่ชายตกหลุมท่านแม่ ก็หัวเราะคิกคัก
ทั้งห้องโถงเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความสุข พริบตาก็ไม่มีคนรู้สึกเศร้าใจกับการจะไปอยู่ค่ายทหารของเอ้อร์เป่า
ทั้งครอบครัวกำลังคุยกันครึกครื้น นอกประตู เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ก้าวเข้ามา เจ็ดปีผ่านไป ใต้เท้าเซี่ยยิ่งดูน่าเกรงขาม ทั้งยังมีเสน่ห์แบบผู้ใหญ่ วัยนี้เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของผู้ชาย
ใบหน้าสง่างามกระจ่างใส คิ้วดาบดังน้ำค้างแข็ง แววตาวาวราวดวงดาว ริมฝีปากบาง รูปหน้างามหล่อเหลา รอยยิ้มเปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยน ไม่ใช่คนที่เก็บตัวเย็นชาดังเมื่อก่อน มีความอ่อนโยนอย่างเห็นได้ชัด ยามไม่เอ่ยวาจาก็ยังคงมีรอยยิ้มเล็กน้อย แต่หากมองให้ละเอียดก็จะมองออกว่าเขายังคงมีระยะห่างจากผู้อื่น
แต่เห็นพอเห็นภรรยาและบุตรี ความอ่อนโยนบนใบหน้าเขาก็ยิ่งฉายออกจากจากภายใน มุมปากแย้มยิ้ม แลดูอ่อนโยนยิ่ง
“พวกเจ้าเก็บของเรียบร้อยหรือยัง”
ลู่เจียวพยักหน้าเล็กน้อยกล่าวว่า “พอสมควรแล้ว แล้วงานในที่ทำการเจ้ามอบหมายเรียบร้อยหรือยัง”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นพยักหน้า “มอบหมายเรียบร้อยแล้ว ขอเพียงใต้เท้าหูทำตามแบบอย่างที่ผ่านมา ก็จะไม่มีปัญหาอันใด”
ถูกต้อง ใต้เท้าหูขุนนางทงพั่นระดับหกได้รับการแต่งตั้งเป็นถงจือเมืองหนิงโจว
แม้ว่าถงจือเมืองหนิงโจวเป็นขุนนางท้องถิ่น แต่ก็เป็นขุนนางระดับห้า ความจริงใต้เท้าหูไม่ค่อยกล้ารับ แต่ราชสำนักมีคำสั่งลงมา เขาก็ได้แต่รับตำแหน่งนี้เอาไว้
ก่อนเซี่ยอวิ๋นจิ่นจะไป ยังอธิบายรายละเอียดกับเขา ถึงเรื่องที่ต้องทำในลำดับถัดไป
การบริหารจัดการเมืองหนิงโจวเป็นระเบียบดีแล้ว ใต้เท้าหูมารับตำแหน่งต่อ ขอเพียงทำตามแบบเดิม ไม่โกงกิน ไม่สมคบคิดกับพ่อค้า ก็ย่อมไม่มีปัญหาอันใด
ก่อนเซี่ยอวิ๋นจิ่นจะไป ยังข่มขู่เขาว่า ระวังอย่าได้มีจุดจบที่ไม่ดี
หากไม่เหนือความคาดหมาย ใต้เท้าหูดำรงตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งสุดท้าย อย่าได้ถูกคนลากลงน้ำสกปรกในยามชรา
ตอนนี้คนไม่น้อยจ้องมองพื้นที่เมืองหนิงโจวอันแสนอุดมสมบูรณ์ เขาต้องยืนหนัดดำรงตำแหน่งนี้ให้ครบวาระให้ได้
ใต้เท้าหูถูกเซี่ยอวิ๋นจิ่นขู่ ก็แสดงท่าทียืนยันจะดำรงตำแหน่งสุดท้ายของตนนี้ให้ดี นับประสาอันใดกับเขาเองต้องทำเพื่อบุตรชายตนเองบ้าง
ตระกูลหู หูซ่านเรียนหนังสือไม่เก่ง ได้แต่ดำรงตำแหน่งขุนนางที่ครอบครัวฮูหยินตนจัดการมาให้ไป วันๆ แต่บุตรชายรองตระกูลหูกลับมีสติปัญญาอยู่มาก สองปีก่อนสอบได้อันดับต้นในเมืองหนิงโจว ตอนนี้อายุสิบหก การสอบเซียงซื่อปีหน้าจะมาถึงแล้ว
ใต้เท้าหูหวังว่าตอนเขายังดำรงตำแหน่ง หากช่วยเหลือบุตรชายคนนี้ได้บ้าง วันหน้าเส้นทางของเขาจะได้ราบรื่นสักหน่อย ดังนั้นคำเตือนของเซี่ยอวิ๋นจิ่น เขาจะต้องจดจำให้ขึ้นใจ
ในห้องโถง ลู่เจียวได้ฟังเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ไม่ได้กล่าวอันใด สั่งการติงเซียงให้เอาของขึ้นรถม้านอกประตู ต้องขนย้ายของของพวกเขาไปขึ้นเรือใหญ่ที่ท่าเรือก่อน
การเข้าเมืองหลวงครั้งนี้ พวกเขาเช่าเรือใหญ่ลำหนึ่ง เดินทางเข้าเมืองหลวงไปกับตระกูลเหวิน นายท่านสามเหวินเฮ่อเซิงนายจากตระกูลเหวินเดิมเป็นผู้บังคับการขนส่งเกลือแห่งอวิ๋นหนาน ครั้งนี้ฝ่าบาทมีราชโองการเรียกตัวกลับเมืองหลวงแต่งตั้งเป็นรองเจ้ากรมตรวจการ ก่อนเหวินเฮ่อเซิงกลับเมืองหลวงก็เดินทางอ้อมมารวมตัวกับครอบครัวที่เมืองหนิงโจวก่อน ได้ยินว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นจะกลับเมืองหลวงพอดี จึงเดินทางกลับพร้อมกับครอบครัวพวกเขา