ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 714 ไปส่ง
ตอนที่ 714 ไปส่ง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวเห็นด้วย ประการแรก สองตระกูลเข้าเมืองหลวงด้วยกันปลอดภัยยิ่งกว่า ประการที่สอง สองตระกูลสนิทกัน เรื่องนี้จะว่าไปก็เป็นเรื่องบังเอิญ ก่อนหน้านี้ลู่เจียวช่วยจู้เป่าจูหย่ากับเจิ้งจื้อซิ่งแล้ว จู้เป่าจูกลับไปตระกูลจู้ก็มีชีวิตไม่มีความสุขนัก หญิงที่หย่าสามีกลับไปอยู่บ้านตนเองจะมีชื่อเสียงไม่ดี ตระกูลจู้เองก็ไม่ได้มีเพียงบิดา มารดาและพี่ชายนาง ยังมีพี่สะใภ้และหลานชายหลานสาว
โดยเฉพาะหลานสาวโตแล้วก็ต้องหาคู่ครอง แต่พอคนรอบข้างได้ยินว่าตระกูลพวกนางมีท่านอาที่ถูกหย่ามาอยู่ด้วย ก็ไม่ยอมเป็นแม่สื่อให้ สีหน้าพี่สะใภ้นับวันก็ยิ่งย่ำแย่ หลานสาวเองทุกครั้งที่เห็นนางก็จะทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
จู้เป่าจูเดิมถูกเจิ้งจื้อซิ่งทารุณกรรม ปรากฏยังต้องมาพบเจอเรื่องพวกนี้อีก สุดท้ายจิตใจก็ยิ่งย่ำแย่ บิดาและพี่ชายตระกูลจู้ทำอันใดไม่ได้ ได้แต่ส่งนางมาให้ลู่เจียว ขอให้ลู่เจียวรักษานาง ลู่เจียวให้นางอยู่ตระกูลเซี่ย ยามว่างมักจะพานางออกไปเดินเล่น ทำเช่นนี้ทำให้อาการป่วยจู้เป่าจูดีขึ้นไม่น้อย
มีครั้งหนึ่ง ลู่เจียวพาจู้เป่าจูไปเป็นแขกที่ตระกูลเหวิน บังเอิญได้พบกับเหวินเฮ่อเซิงนายท่านสาม ตระกูลเหวิน เหวินเฮ่อเซิงมีตำแหน่งเป็นถึงผู้บังคับการขนส่งเกลือแห่งอวิ๋นหนาน แต่งบุตรสาวจวนป๋อในเมืองหลวงเป็นภรรยา แต่สองปีก่อนภรรยาป่วยจากไป ทิ้งบุตรชายหนึ่งบุตรสาวหนึ่ง
เหวินเฮ่อเซิงเป็นขุนนางระดับสาม แม่สื่อมากมายพากันมาเสนอคู่ครองให้ แต่เขาไม่ถูกใจสักคน แม้แต่จวนป๋อในเมืองหลวงคิดจะส่งน้องสาวบุตรีอนุในจวนให้มาเป็นภรรยาแทนตำแหน่งพี่สาวก็ไม่สำเร็จ สุดท้ายเขาได้พบกับจู้เป่าจูที่ตระกูลเหวินโดยบังเอิญ จึงขอให้แม่สื่อไปสู่ขอที่ตระกูลเซี่ย
ลู่เจียวถามจู้เป่าจู จู้เป่าจูกลัวผู้ชาย จึงไม่ยอมตกลง เจิ้งจื้อซิ่งเป็นเพียงขุนนางเล็กๆ ระดับเจ็ดยังทรมานตนเองเช่นนี้ นับประสาอันใดกับคนเขาเป็นถึงผู้บังคับการขนส่งเกลือแห่งอวิ๋นหนานระดับสาม
จู้เป่าจูปฏิเสธไป ปรากฏเหวินเฮ่อเซิงกลับยืนยัน ขอให้ลู่เจียวนัดให้เขาได้พบกับจู้เป่าจูสักครั้ง ทั้งสองคนคุยกันร่วมครึ่งค่อนวัน สุดท้ายจู้เป่าจูตกลงแต่งกับเหวินเฮ่อเซิง นางจึงได้กลายเป็นฮูหยินคนใหม่ของนายท่านสามแห่งตระกูลเหวิน
ตอนนั้นเรื่องนี้เป็นที่ดังกระหึ่มไปทั่วเมืองหนิงโจว เพราะสถานะเหวินเฮ่อเซิงต้องการแต่งภรรยาเช่นใดล้วนได้ทั้งสิ้น ไยต้องแต่งหญิงที่ถูกหย่ามา ตอนนั้นคนไม่น้อยพากันไปตระกูลเหวิน ขอให้ฮูหยินผู้เฒ่าบ้านหนึ่ง[1]ตระกูลเหวินกล่อมเหวินเฮ่อเซิง ที่น่าขันยิ่งกว่าก็คือเจิ้งจื้อซิ่งถึงกับมากล่อมเหวินเฮ่อเซิงด้วยตนเอง
ปรากฏถูกเหวินเฮ่อเซิงให้คนไล่ตีกลับไป ทำให้เขาลุกไม่ขึ้นถึงครึ่งเดือน สุดท้ายจู้เป่าจูยังคงได้แต่งกับเหวินเฮ่อเซิง
ต่อมาลู่เจียวถามจู้เป่าจู เหวินเฮ่อเซิงคุยอันใดกับนาง นางจึงได้ล้มเลิกความคิดเดิม ตัดสินใจแต่งกับเขา
จู้เป่าจูเอ่ยกับลู่เจียวอย่างเขินอายว่า เหวินเฮ่อเซิงยืนยันกับนางหนักแน่น เขาชมว่านางจิตใจตรงไปตรงมา เป็นหญิงที่เขาเฝ้าปรารถนามาโดยตลอด ชีวิตของเขาหากแต่งกับนางแล้วก็จะไม่รับอนุอีก จากนี้จะปฏิบัติต่อนางดังไข่มุกอันล้ำค่า จะไม่ทำผิดต่อนางแม้แต่น้อย เขายังวิเคราะห์ให้นางฟังว่าหากอยู่ตระกูลจู้ต่อไปจะไม่เหมาะสมเช่นไร เขาว่าหากแต่งกับผู้อื่น ไม่สู้แต่งกับเขา เขาเป็นคนสุภาพ คุณธรรมไม่อาจเรียกว่าสูงส่ง แต่ก็รู้มารยาทธรรมเนียมและให้เกียรติผู้อื่น นางแต่งกับเขา จะไม่ด้อยกว่าผู้ใด
สุดท้ายจู้เป่าจูจึงได้แต่งกับเหวินเฮ่อเซิงเป็นฮูหยินขุนนางระดับสาม
เรื่องนี้เป็นที่เลื่องลือไปทั่วทั้งเมืองหนิงโจว
แต่หลายปีผ่านไป จู้เป่าจูติดตามเหวินเฮ่อเซิงมา นางมีชีวิตที่ไม่เลวจริงๆ ทั้งสองคนยังมีบุตรชายอีกคนหนึ่ง
ในห้องโถง ลู่เจียวคิดถึงเรื่องของจู้เป่าจูแล้วก็สั่งให้คนขนของออกไป
เซี่ยอวิ๋นจิ่นถามถึงลูกๆ อย่างห่วงใยว่าเก็บของเรียบร้อยแล้วหรือยัง ก่อนไปยังกำชับเอ้อร์เป่าให้แสดงความสามารถในค่ายให้ดี อย่าได้เอาแต่ใจเหิมเกริม ต้องจริงใจและมีมารยาทกับผู้อื่น
เอ้อร์เป่าพยักหน้าฟังคำกำชับบิดา ความเบิกบานในใจลดลงไปไม่น้อย ยามนี้เขาเพิ่งรับรู้กระจ่างว่าเขากำลังจะต้องแยกจากครอบครัวอันเป็นที่รักของเขา
เอ้อร์เป่าพลันเกิดความรู้สึกอาลัยขึ้นมา ขอบตาเริ่มแดง “ท่านพ่อ ข้าจะคิดถึงท่านพ่อกับท่านแม่”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นลูบศีรษะเขา กล่าวว่า “อย่าได้เศร้าเสียใจไป พวกเจ้าโตแล้ว อย่างไรก็ต้องไปจากบิดามารดา เดินไปบนเส้นทางตนเอง นี่เป็นเส้นทางที่ทุกคนล้วนต้องเดินไป ท่านพ่อกับท่านแม่จะรอเจ้าอยู่ที่เมืองหลวง รอเจ้าสร้างผลงานกลับมา ขอเพียงเจ้ากลับมาก็จะพบว่าพวกเรารออยู่ที่นั่น”
เอ้อร์เป่าซาบซึ้งชูกำปั้นขึ้นกล่าวว่า “ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกท่านรอข้า ข้าจะนำตำแหน่งแม่ทัพกลับมาให้พวกท่านให้ได้”
“อืม พ่อจะรอ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองบุตรชายตนด้วยแววตาชื่นชม
ต้นไม้เล็กเติบโตแล้ว วันหน้าก็จะยิ่งเติบใหญ่แข็งแรง
เพราะคำพูดเซี่ยอวิ๋นจิ่น ทำเอาทั้งครอบครัวรู้สึกเศร้าขึ้นมา
พอดียามนี้ ติงเซียงเดินเข้าประตูมารายงานว่า “ใต้เท้า ฮูหยิน ครอบครัวใต้เท้าและฮูหยินมาถึงแล้ว คนจากทางบ้านเกิดก็มาถึงแล้ว ขุนนางที่ทำการกับชาวบ้านเมืองหนิงโจวก็มาถึงแล้ว”
ลู่เจียวให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นไปต้อนรับขุนนางกับชาวบ้านเมืองหนิงโจว นางสั่งการติงเซียงให้พาท่านพ่อท่านแม่ น้องชายกับพี่ชายตนและบรรดาคนที่มาจากทางบ้านเดิมเข้ามา
ติงเซียงเดินออกไปเชิญ ลู่เจียวหันไปมองบุตรชายกับบุตรสาวข้างกาย ยิ้มแล้วลุกขึ้นพาลูกๆ ออกไปต้อนรับ
ไม่นาน บ้านตระกูลลู่ทั้งครอบครัวก็เข้ามา ครั้งนี้มากันทั้งครอบครัวไม่ขาดตกแม้สักคน
ไม่เพียงแต่เถียนซื่อกับลู่ต้าเหนียน ยังมีบ้านใหญ่ของพี่ใหญ่ลู่กับสะใภ้ใหญ่และหู่จื่อกับหนิวหนิวลูกๆ ของพวกเขา บ้านบุตรชายรองก็มา พี่รองลู่กับสะใภ้รองลู่พาบุตรชายหนึ่งบุตรสาวหนึ่งมาด้วย บุตรชายพวกเขาเล็กกว่าอู่เป่าและเย่ว์หยาหนึ่งปี เถาจื่อโตเป็นสาวน้อยแล้ว หน้าตาละม้ายคล้ายลู่เจียว เป็นเด็กสาวน่ารักงดงามคนหนึ่ง แต่ก็ยังคงมีกิริยาท่าทางแบบหญิงสาวที่เติบโตมาในครอบครัวเล็ก เรื่องนี้น่าจะได้รับการถ่ายทอดมาจากพี่สะใภ้รองลู่
บ้านสาม ลู่กุ้ยกับจิ่นซิ่วพาเสี่ยวอวี๋ผู้เป็นบุตรสาวมาด้วยคนหนึ่ง ตั้งแต่จิ่นซิ่วคลอดบุตรสาวแล้วก็ไม่ได้ตั้งครรภ์อีก แต่ลู่กุ้ยก็ไม่ได้คิดมาก รักบุตรสาวราวกับไข่มุกในฝ่ามือ เห็นบุตรสาวเป็นดังบรรพชนที่เคารพรัก โชคดีที่เสี่ยวอวี๋ไม่ได้ถูกตามใจจนเสียคน
ด้านหลังบ้านตระกูลลู่ ยังมีพวกตระกูลเซี่ยจากบ้านเดิมตามมา นายผู้เฒ่าเซี่ยสองปีมานี้กระปรี้กระเปร่าไม่เลว แต่ก็ชราลงไปมาก ตั้งแต่เซี่ยต้าเฉียงถูกเนรเทศไปใช้แรงงานชายแดน นายผู้เฒ่าก็ไม่ได้ฮึกเหิมลำพองดังเช่นเมื่อก่อน วันๆ เอาแต่อยู่บ้านไม่ยอมออกไปไหน แต่ก็กระปรี้กระเปร่าไม่เลว นี่เป็นเพราะเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวสั่งการแม่หม้ายหวังกับผอจื่อเป็นพิเศษ ว่าให้ดูแลปรนนิบัตินายผู้เฒ่าให้ดี หากนายผู้เฒ่าตายไป เซี่ยอวิ๋นจิ่นผู้เป็นบุตรชายก็ต้องไว้ทุกข์ เขากำลังอยู่ในวัยเช่นนี้ ชีวิตรุ่งเรืองก้าวหน้า ไม่อยากให้ต้องลาออกจากราชการกลับบ้านมาไว้ทุกข์เพราะนายผู้เฒ่าจากไป
แม่หม้ายหวังกับผอจื่อได้ฟังลู่เจียวก็ตั้งใจปรนนิบัตินายผู้เฒ่าอย่างดี ดังนั้นแม้ว่าเขาชรามากแล้ว แต่ก็ยังกระปรี้กระเปร่าไม่เลว
ผู้ที่มาจากบ้านเดิมตระกูลเซี่ย นอกจากนายผู้เฒ่าแล้วก็ยังมีบ้านสองและบ้านสี่สองครอบครัว ไม่ปรากฏคนจากบ้านใหญ่
เพราะเซี่ยต้าเฉียงถูกเนรเทศไปชายแดน ในใจเฉินหลิ่วยังโกรธแค้นเซี่ยอวิ๋นจิ่นอยู่ หลายปีมานี้จึงไม่ไปมาหาสู่กับตระกูลเซี่ยทางนี้
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวแทบจะไม่ไปมาหาสู่กับนาง และก็ขี้เกียจจะสนใจ
“ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกท่านมากันแล้ว รีบเข้ามานั่ง”
เถียนซื่อกับลู่ต้าเหนียนเชิญนายผู้เฒ่าเซี่ยเข้ามาก่อน จากนั้นตนเองค่อยตามเข้ามา ทุกคนเดินตามกันเข้ามานั่งในห้องโถงตระกูลเซี่ย
นายผู้เฒ่าเซี่ยเอ่ยปากก่อนว่า “พวกเจ้ากลับเข้าเมืองหลวงครั้งนี้ เกรงว่าคงไม่ได้กลับมาอีกนาน พ่อจึงมาส่งพวกเจ้า”
[1] สมัยโบราณของจีนจะอยู่รวมกันเป็นครอบครัวใหญ่ ครอบครัวบุตรชายจะไล่ลำดับไปทีละบ้าน บ้านหนึ่งคือครอบครัวบุตรชายคนโต บ้านสองคือครอบครัวบุตรชายคนรอง เป็นต้น