ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 715 ไม่ควรมีความคิดเช่นนี้
ตอนที่ 715 ไม่ควรมีความคิดเช่นนี้
ลู่เจียวเอ่ยขอบคุณ “ขอบคุณท่านพ่อ แม้ว่าพวกเราไปครั้งนี้ จะไม่อาจกลับมาได้อีกนาน แต่รอให้หลานชายพวกท่านแต่งงาน พวกเราก็จะให้คนมารับท่านไปเมืองหลวงร่วมงานแต่งหลานชาย”
หลานชายสี่คนตอนนี้อายุสิบสามแล้ว คนสมัยนี้แต่งงานเร็ว ก็คงอีกสามสี่ปี
นายผู้เฒ่าพอได้ฟังลู่เจียวก็ดีใจขึ้นมาทันที เขาอายุขนาดนี้ไม่เคยได้ไปเมืองหลวง คิดถึงว่าจะได้ไปเมืองหลวง เขาก็กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาก
“เช่นนั้นข้าจะรอพวกเจ้า ถึงตอนนั้นมารับข้า”
“ท่านพ่อวางใจได้”
ลู่เจียวเพิ่งจะกล่าวจบ สะใภ้รองลู่พลันเอ่ยขึ้นว่า “น้องเจียว แฝดสี่หมั้นหมายแล้วหรือ”
หลายปีมานี้สะใภ้รองลู่เอาแต่คิดยกบุตรสาวให้แต่งกับซานเป่าในบรรดาแฝดสี่ น่าเสียดายทุกครั้งที่นางมีความคิดเช่นนี้ก็จะถูกแม่สามีเอาเรื่อง นางแอบให้บุตรสาวล่อลวงซานเป่า ปรากฏบุตรสาวถึงกับบอกว่า ซานเป่าฉลาดมาก ไม่ยอมอยู่กับนางสองต่อสอง และไม่สนใจนาง ดังนั้นนางไม่มีหนทางล่อลวงเขาได้
สะใภ้รองลู่รู้สึกเพียงแค่ว่าบุตรสาวใช้การไม่ได้ หลายปีมานี้ ใช้เงินทองนางไปไม่น้อย แต่เรื่องเล็กๆ แค่นี้กลับทำไม่สำเร็จ
ในห้องโถง ทุกคนได้ฟังสะใภ้รองลู่ก็หันขวับไปมองนางพร้อมกันทันที
สะใภ้รองลู่ลูบศีรษะ ยิ้มกล่าวว่า “ข้าก็แค่อยากรู้”
ลู่เจียวรู้ความคิดสะใภ้รองลู่ แต่นางไม่คิดว่าเถาจื่อเหมาะจะเป็นลูกสะใภ้นาง
เถาจื่อฉลาดและน่ารักมาแต่เล็ก หลายปีมานี้กลับถูกสะใภ้รองลู่สอนจนมีนิสัยเอาแต่ใจ คิดแต่จะแต่งกับครอบครัวที่ดี จะได้ก้าวขึ้นไปอยู่เหนือผู้คน
ลู่เจียวไม่พอใจในเรื่องนี้มาก ยืนด้วยตนเองไม่ได้หรือ แต่งกับคนที่ฐานะเหมาะสมกันก็ไม่เลว
ตอนนี้พี่รองลู่ไม่ได้เป็นพ่อบ้านสามโรงผลิตแล้ว เขาสะสมเงินได้ก้อนหนึ่ง ออกไปทำกิจการตนเองแล้ว เปิดร้านทำเครื่องประทินผิวขาย เพราะมีประสบการณ์จากสามโรงผลิต ดังนั้นเครื่องประทินผิวที่เขาผลิตออกมาแม้ไม่ได้ดีเหมือนของจากสามโรงผลิต แต่เพราะราคาถูก จึงครองตลาดได้ส่วนหนึ่ง ตอนนี้เขาเป็นพ่อค้าใหญ่มีชื่อเสียงพอสมควรในอำเภอชิงเหอ
เถาจื่อเป็นบุตรสาวพวกเขา แต่งกับคนที่ฐานะเท่ากัน ก็ย่อมมีชีวิตที่ดีมาก
แต่สะใภ้รองลู่เอาแต่คิดวาดหวังมากเกินไป หรืออาจเป็นความคิดของพี่รองลู่ สถานะพ่อค้าต่ำต้อย หากเถาจื่อพวกเขาแต่งเข้าตระกูลเซี่ยได้ก็เป็นสะใภ้ตระกูลขุนนาง วันหน้าจะได้ช่วยเหลือน้องชายตนเองได้
แต่ลู่เจียวไม่เห็นด้วยที่จะให้เถาจื่อแต่กับบุตรชายนาง ไม่เอ่ยถึงว่าบุตรชายนางไม่ชอบ แค่พวกเขาเป็นลูกพี่ลูกน้องกันก็ไม่ได้แล้ว
ลู่เจียวครุ่นคิดแล้วก็ยิ้มมองไปยังสะใภ้รองลู่ กล่าวว่า “ไม่มี รอให้พวกเขาโตอีกสักหน่อยค่อยหมั้นหมายให้พวกเขา”
สะใภ้รองลู่พอได้ฟังก็ร้อนใจเอ่ยปากว่า “น้องเจียว เจ้าว่าเถาจื่อเราเป็นอย่างไรบ้าง”
เถาจื่อหน้าแดงก่ำ บิดไปมาไม่กล้ามองเด็กหนุ่มทั้งสี่คนที่ยืนอยู่ในห้องโถง
เด็กหนุ่มทั้งสี่รูปหล่อและมีความสามารถ พอได้ยินสะใภ้รองลู่ก็ขมวดคิ้วทันที ทั้งสี่อายุสิบสามก็สอบซิ่วไฉได้ ทุกคนล้วนรู้จักวิเคราะห์ พวกเขาไม่ชอบน้องเถาจื่อ ดังนั้นพอได้ยินสะใภ้รองลู่ก็กลัวมารดาจะรับปากอันใด รีบหันหน้ามองไปทันที
ลู่เจียวยิ้มกล่าวว่า “เถาจื่อเป็นเด็กดีมาก วันหน้าหากท่านอาเห็นผู้ใดเหมาะสมจะต้องช่วยเจ้าดู”
วาจานี้เท่ากับปฏิเสธคำขอของสะใภ้รองลู่ตรงๆ สะใภ้รองลู่หน้าตึงทันที เดิมนางคิดว่าเอ่ยขึ้นเช่นนี้ น้องสามีน่าจะไว้หน้า ไม่แน่อาจจะเห็นด้วย คิดไม่ถึงว่าน้องสามีกลับไม่ไว้หน้านางแม้แต่น้อย
สะใภ้รองลู่อัดอั้นอย่างที่สุด มองดูคล้ายกำลังจะร้องไห้ เถียนซื่อโมโหมาก ส่งสายตาตำหนิใส่สะใภ้รองลู่ ก่อนหันไปทางลู่เจียว กล่าวว่า “งานแต่งงานของนาง มีพวกเราช่วยดูแลอยู่ เจียวเจียวไม่ต้องมาคอยช่วยดูหรอก”
“อืม มีท่านแม่ดูแลให้นางก็พอแล้ว”
สะใภ้รองลู่เห็นแผนการไม่สำเร็จ ในใจก็ผุดอีกแผนการหนึ่ง กล่าวว่า “น้องเจียว เถาจื่อได้ยินว่าเจ้าจะจากเมืองหนิงโจวไปเมืองหลวง ในใจก็รู้สึกอาลัยคิดถึง น้องเจียวพานางไปเมืองหลวงด้วยดีไหม”
เช่นนี้นางก็จะได้ใกล้ชิดกับซานเป่า ไม่แน่อาจได้แต่งกับซานเป่าสมหวัง
สีหน้าลู่เจียวเริ่มทนรำคาญไม่ไหว มองสะใภ้รองลู่ กล่าวเสียงเข้มว่า “ตระกูลเราเพิ่งเข้าเมืองหลวง มีหลายเรื่องยังไม่ทันได้จัดการเรียบร้อย ไม่อาจพาไปด้วยได้”
ยามนี้อย่าว่าแต่สะใภ้รองลู่ แม้แต่เถาจื่อเองก็เสียหน้ามาก ขอบตาแดงก่ำหันหลังวิ่งออกไป พี่รองลู่เองก็หน้าบึ้งตึง ส่งสายตาจ้องดุใส่สะใภ้รองลู่ทีหนึ่ง
ลู่เจียวขี้เกียจจะสนใจครอบครัวพวกเขา หันไปคุยกับเถียนซื่อและลู่ต้าเหนียน ยังทักทายคนตระกูลเซี่ย
เซี่ยเอ้อร์จู้กับพี่สะใภ้รองพาชิงชิงกับเสี่ยวเหอและน้องชายพวกนางมาด้วย
ลู่เจียวชอบชิงชิงกับเสี่ยวเหอมาก เด็กสาวสองคนขยันขันแข็งมาก สี่ปีก่อน นางยังคงทำตามที่รับปากไว้ พาพวกนางมาอยู่ข้างกายสามปี เวลาสามปี ชิงชิงเรียนรู้การปักผ้าเป็นแล้ว เป็นช่างปักผ้ามีชื่อคนหนึ่ง เสี่ยวเหอเองก็เรียนทำอาหารเป็นแล้ว ตอนนี้เป็นแม่ครัว ทั้งสองกลับบ้านไปเมื่อปีก่อน
ชิงชิงกับเสี่ยวเหอเห็นลู่เจียวมองมา ก็น้ำตารื้นขึ้นมา พวกนางคิดถึงตอนเด็กแล้วก็คิดถึงตอนนี้ ในใจรู้สึกซาบซึ้งใจอาสะใภ้สามที่สุด อาสะใภ้สามมอบวิชาการฝีมือให้พวกนาง ให้เงินตั้งตัวกับพวกนาง ก็ดังที่อาสะใภ้สามว่า พึ่งพาผู้อื่นไม่สู้พึ่งพาตนเอง ชีวิตวันหน้ามีฝีมือติดตัว พวกนางก็มีต้นทุนชีวิตสบายแล้ว ออกเรือนไปย่อมมีศักดิ์ศรี
“อาสะใภ้สาม ท่านกับท่านอาสามไปครั้งนี้ ไม่รู้ว่าพวกเราจะได้พบกันอีกเมื่อใด”
ลู่เจียวยิ้มตบหลังมือชิงชิง กล่าวว่า “ไว้รอให้น้องชายแต่งงาน อาสะใภ้สามจะให้คนมารับพวกเจ้าไปเที่ยวเมืองหลวง”
ลู่เจียวกล่าวจบ ก็มองไปยังเซี่ยเอ้อร์จู้กับพี่สะใภ้รอง กำชับว่า “เรื่องแต่งงานของสองสาว พวกพี่ต้องเลือกให้ดีๆ อย่าได้เลือกง่ายๆ ก็ให้พวกนางแต่ง”
เซี่ยเอ้อร์จู้กับสะใภ้รองรีบลุกขึ้นกล่าวว่า “น้องสะใภ้สามวางใจ พวกเราจดจำไว้แล้ว”
ลู่เจียวพยักหน้า มองไปยังชิงชิงกับเสี่ยวเหอ กล่าวว่า “อาสะใภ้สามมีเครื่องประดับให้พวกเจ้าคนละกล่อง ไว้เป็นสินออกเรือนของพวกเจ้า วันหน้าพวกเจ้าจะได้นำติดตัวไปบ้านสามี”
ตอนนี้ชิงชิงกับเสี่ยวเหออายุมากแล้ว พวกนางสองคนแต่งงาน ลู่เจียวคงไม่อาจกลับมา ดังนั้นจึงได้เตรียมของขวัญไว้ก่อน
ติงเซียงด้านหลังประคองกล่องไม้จันทร์ม่วงแกะสลักประณีตออกมามอบให้
ชิงชิงกับเสี่ยวเหอขอบตาแดงมากยิ่งขึ้น ประคองรับมาเอ่ยว่า “ขอบคุณอาสะใภ้สาม”
ในห้องโถง สะใภ้รองลู่มองอย่างอิจฉา นิ้วมือจิกเกร็ง ในใจโมโหลู่เจียวมากที่ไม่แยกแยะความสำคัญของญาติ
บ้านตระกูลลู่เป็นบ้านมารดานาง นางไม่ให้เตรียมของขวัญให้เถาจื่อ แต่กลับเตรียมของขวัญ ให้หลานสาวตระกูลเซี่ยที่คนละแซ่ ไม่แยกแยะความสำคัญของญาติจริงๆ
ในความเป็นจริงลู่เจียวเองก็เตรียมของขวัญให้เถาจื่อ เพียงแต่พอสะใภ้รองลู่ก่อเรื่องเช่นนี้ นางจึงไม่มอบให้เสียเลย
เถียนซื่อรู้นิสัยลู่เจียว เม้มปากมองสะใภ้รองลู่เยียบเย็นทีหนึ่ง จากนั้นก็มองไปยังลู่อันด้วยสายตาเย็นชา
หลายปีมานี้ ลู่อันพอมีเงินทองก็คิดการณ์ใหญ่ ประเด็นก็คือพวกเขาทำตัวสูงส่งต่อนางและบิดาเขา ทำให้เถียนซื่อไม่พอใจอย่างมาก โชคดีที่นางมีเจ้าใหญ่กับเจ้าสาม
ลู่เจียวไม่ได้สนใจสะใภ้รองลู่ หันมองไปยังจิ่นซิ่ว ยกมือขึ้นกวักเรียกเสี่ยวอวี๋บุตรสาวจิ่นซิ่วเข้ามา
“เสี่ยวอวี๋คิดถึงท่านป้าหรือไม่”
เสี่ยวอวี๋เจ็ดขวบหน้าตาเหมือนจิ่นซิ่ว กระจุ๋มกระจิ๋มน่ารัก พูดจาก็เสียงค่อย
“คิดถึง”
ลู่เจียวลูบศีรษะเสี่ยวอวี๋ กล่าวว่า “รอไว้เสี่ยวอวี๋โตอีกหน่อย ป้าจะรับเสี่ยวอวี๋ไปอยู่เมืองหลวงกับป้า ดีหรือไม่”
ลู่กุ้ยกับสวีจิ่นซิ่วดีใจมาก สองสามีภรรยาสบตากัน พวกเขารู้ดีว่าลู่เจียวเก่งกาจมาก หากบุตรสาวได้รับการอบรมจากลู่เจียว วันหน้าย่อมไม่ถูกบ้านสามีรังแก
ลู่กุ้ยรีบยิ้มแก้มปริ กล่าวว่า “พี่เจียว พี่พูดแล้วนะ ถึงตอนนั้นพี่ลืม ข้าจะส่งเสี่ยวอวี๋ไปเอง”
ลู่เจียวดีกับลู่กุ้ยมากกว่าคนอื่น ได้ยินเขากล่าวเช่นนี้ ก็เอ่ยอย่างนึกขำว่า “พี่เจียวเคยหลอกเจ้าหรือ”
“ไม่เคยๆ พี่เจียวดีที่สุด”