ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 717 แย่งชิงตัว
ตอนที่ 717 แย่งชิงตัว
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรู้ว่าเรื่องนี้เร่งด่วน ได้แต่พยักหน้าถอนหายใจ “ข้ารู้แล้ว”
คิดถึงว่าบุตรชายที่เขาเลี้ยงมาจนโตต้องคืนให้คนเขาไป ในใจก็ปวดปลาบบอกไม่ถูก
ในใจลู่เจียวใช่ว่าไม่รู้สึกเจ็บปวด แต่ซื่อเป่าเป็นองค์ชาย พวกเขาไม่อาจขัดขวางอนาคตไม่ใช่หรือ
“แม้เขากลับไปอยู่กับบิดา แต่เขาก็ยังเป็นบุตรชายที่พวกเราเลี้ยงดูมาจนโต ข้าเองก็เป็นห่วงเขาว่าอยู่ในตำหนักตงกงของรัชทายาทจะไม่สงบสุขนัก หากเขากลับไปตำหนักตงกง ไม่มีมารดาปกป้อง เกรงว่าจะเกิดอันตราย”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเลิกคิ้วคิดอยู่ครู่หนึ่งกล่าวว่า “ไม่แน่รัชทายาทอาจจะยังคงให้เขาอยู่กับพวกเราต่อ”
ลู่เจียวมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นอย่างรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที “มีเหตุผลอันใดหรือ”
“แม้ว่าทรงได้เป็นรัชทายาทแห่งแคว้นต้าโจว แต่อย่างไรก็ยังไม่ใช่ฮ่องเต้ ตอนนี้ได้เป็นรัชทายาท ทว่าก็ทำให้บรรดาอ๋องที่เหลือรวมตัวกัน ตอนนี้สถานการณ์เขาอันตรายกว่าก่อนหน้านี้เสียอีก ยามนี้คงไม่ยอมให้ซื่อเป่ากลับไปอยู่กับเขา หากเขาเกิดเรื่อง อย่างไรก็ยังเหลือเลือดเนื้อเชื้อไขอยู่นอกจวนอีกหนึ่ง”
ลู่เจียวคิดแล้วก็รู้สึกว่าการคาดเดาของเซี่ยอวิ๋นจิ่นมีเหตุผล แอบนึกดีใจขึ้นมาเล็กน้อย
แต่พอคิดถึงซื่อเป่า นางก็อดเป็นห่วงไม่ได้ “ข้ากลัวซื่อเป่าเสียใจ เขาคิดมาตลอดว่าตนเองเป็นบุตรชายพวกเรา ก่อนหน้านี้เพราะหน้าตาไม่เหมือนพวกเรา ก็ไม่เบิกบานใจแล้ว”
“ไม่เป็นไร ถึงตอนนั้นค่อยบอกเขา แม้ไม่ใช่บุตรชายแท้ๆ ของพวกเรา แต่พวกเราก็เลี้ยงดูมาจนโต เขาจะยอมรับความจริงเช่นนี้ได้ คนเราอย่างไรก็ต้องเติบโต”
สองสามีภรรยาคุยกันครู่หนึ่ง ก็โอบกอดกันไม่กล่าวอันใดอีก
ท่าเรือเมืองหนิงโจว คนตระกูลเหวินมารออยู่ก่อนแล้ว พอเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวมาถึง เหวินเฮ่อเซิงกับจู้เป่าจูก็เข้ามารอรับ
เหวินเฮ่อเซิงให้ความเคารพเซี่ยอวิ๋นจิ่นมาก แม้ว่าอายุน้อย แต่ไม่โกงกิน ไม่ติดผู้หญิง ยังมีใจเพื่อประชา ขุนนางเช่นนี้หากมีมากอีกสักคนสองคน คงทำให้แคว้นต้าโจวสว่างสดใสขึ้นอีกไม่ใช่หรือ
เหวินเฮ่อเซิงเป็นคนรักความยุติธรรม ไม่กลัวเกรงอิทธิพลอำนาจ นี่ก็เป็นสาเหตุที่ฝ่าบาทเรียกตัวเขาเข้าเมืองหลวงมาเป็นรองเจ้ากรมตรวจการ
หลายปีมานี้เหวินเฮ่อเซิงดูแลจู้เป่าจูจนนางค่อยๆ ก้าวออกจากเงามืดในใจเมื่อก่อนได้แล้ว ตอนนี้นางกลับไปเป็นคนเปิดเผยร่าเริงเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
“พี่ลู่ พวกพี่มาถึง พวกเราควรออกเดินทางได้แล้ว ท่านพี่บอกว่า หากยังไม่เดินทางอีก คืนนี้น่าจะไม่ทันเข้าเทียบท่า ครั้งนี้พวกเราเข้าเมืองหลวงมีสัมภาระมาก เป็นที่จับจ้องของบรรดาโจรป่าได้ง่าย ดังนั้นท่านพี่บอกว่าพวกเราอย่าได้จอดเรือระหว่างทางจะดีที่สุด”
ลู่เจียวพยักหน้ายิ้มกล่าวว่า “อืม ข้ารู้แล้ว พวกเราขึ้นเรือกันเถอะ”
“อืม”
จู้เป่าจูเข้าเมืองหลวงครั้งที่สอง อย่างไรก็ยังมีเงามืดค้างคาในใจอยู่บ้าง ลู่เจียวมองออก จึงยื่นมือไปกุมมือนางกล่าวว่า “หลายปีมานี้ เจ้าก็คงเห็นแล้วว่าใต้เท้าเหวินดีต่อเจ้า ดังนั้นเจ้าอย่าได้เป็นห่วง มีเขาอยู่ด้วย ไม่มีคนกล้ารังแกเจ้า”
กล่าวถึงเหวินเฮ่อเซิง จู้เป่าจูก็ยิ้มออก เหวินเฮ่อเซิงแก่กว่าจู้เป่าจูสิบกว่าปี เริ่มแรกนางโดนสถานการณ์บังคับให้แต่งกับเขา แต่หลายปีผ่านมานี้ การกระทำของเหวินเฮ่อเซิงทำให้นางค่อยๆ ยอมรับและชอบเขาแล้ว
“อืม ข้าเชื่อเขา”
ทั้งสองคนคุยกันได้ครู่หนึ่ง ก็แยกกันไปขึ้นเรือใหญ่ตนเอง
เรือใหญ่ตระกูลเซี่ยจอดริมฝั่ง เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวจับมือเอ้อร์เป่าไว้อย่างอาลัยอาวรณ์ “อีกสักครู่ท่านพ่อกับท่านแม่ก็จะไปแล้ว ท่านอาจ้าวเหิงจะอยู่พาเจ้าไปส่งที่ซีหนาน”
“เจ้าต้องเชื่อฟังคำสั่งใต้เท้าเกิ่ง อย่าได้วู่วาม นี่คือชีวิตที่เจ้าเลือกเอง ดังนั้นต้องตั้งใจให้ดี”
เอ้อร์เป่าขอบตาแดงเล็กน้อย “ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้ารู้แล้ว ข้าจะเชื่อฟังคำสั่งใต้เท้าเกิ่ง จะไม่ทำอันใดแบบคิดเอาเอง จะสานสัมพันธ์กับคนข้างกายทุกคนให้ดี”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวพยักหน้า จากนั้นก็มองไปยังเอ้อร์เป่าที่มาพร้อมกับโจวฉางอาน โจวฉางอานโต กว่าเอ้อร์เป่าสองปี ปีนี้สิบห้าแล้ว ร่างกายกำยำแข็งแรงเหมือนวัวหนุ่ม หลายปีมานี้ โจวฉางอานฝึกยุทธ์และเรียนหนังสือมากับเอ้อร์เป่า ความสามารถเพิ่มมากขึ้นไม่น้อย
“ฉางอาน ดูแลเอ้อร์เป่าให้ดีๆ พวกเจ้าทั้งสองคนต้องช่วยเหลือกันและกันรู้ไหม”
โจวฉางอานรีบยืดอกรับรองกล่าวว่า “ใต้เท้ากับฮูหยินวางใจ ข้าจะดูแลคุณชายรองให้ดี พวกท่านวางใจได้”
เพราะเขาติดตามคุณชายรองจึงโชคดีได้เรียนรู้สิ่งที่หลายคนไม่มีโอกาสได้เรียน ดังนั้นเขาต้องปกป้องคุณชายรองให้ดี
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวพยักหน้า มองไปยังจ้าวเหิงกล่าวว่า “จ้าวเหิง เจ้าส่งพวกเขาไปค่ายทหารที่ซีหนานแล้วค่อยกลับเมืองหลวง”
“ขอรับ ใต้เท้า”
แม่ทัพเกิ่งเป็นขุนพลค่ายทหารที่หลี่หนานเทียนกับโจวเส้ากงเคยประจำอยู่ ก่อนหน้านี้หลี่หนานเทียนกับโจวเส้ากงได้รับบาดเจ็บก็เพื่อช่วยแม่ทัพเกิ่ง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นและลู่เจียวสนิทกับแม่ทัพเกิ่ง ก็เพราะแม่ทัพเกิ่งต้องการยาแก้อักเสบกับยาห้ามเลือด แต่ทุกแห่งต่างก็ต้องการ จึงมีไม่พอ ยากจะหายาจำนวนมากมาได้ แม่ทัพเกิ่งนำคนมาหาลู่เจียวด้วยตนเอง ลู่เจียวรับปากว่าทุกครั้งจะมอบให้แม่ทัพเกิ่งมากอีกหน่อย สุดท้ายสองตระกูลก็ไปมาหาสู่กันบ่อยขึ้น สายสัมพันธ์ก็ดีอย่างมาก
ก่อนหน้านี้เอ้อร์เป่าคิดเข้ากองทัพ เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวคิดถึงทันทีว่าให้แม่ทัพเกิ่งพาเอ้อร์เป่าไปส่งค่ายทหารที่ซีหนาน
ที่แห่งนี้ไม่นับว่าไกลจากเมืองหนิงโจว หากเอ้อร์เป่าคิดถึงบ้าน ก็กลับบ้านมาพักสักสองวันได้ แม้ว่าบิดามารดาไม่อยู่ แต่ยายเฒ่าชิวกับท่านอาเหวินก็ใช้ชีวิตบั้นปลายอยู่เมืองหนิงโจว ไม่ได้ตามเข้าเมืองหลวง
ก่อนหน้านี้บ้านในอำเภอชิงเหอ ลู่เจียวขายไปแล้ว แต่ไม่ได้ขายบ้านที่เมืองหนิงโจว เก็บเอาไว้วันหน้า ไม่แน่ว่าพวกเขายังจะกลับมาใช้ชีวิตบั้นปลายที่เมืองหนิงโจว ดังนั้นจึงเก็บบ้านนี้ไว้
ยายเฒ่าชิวกับท่านอาเหวินขออยู่ช่วยพวกเขาเฝ้าบ้าน เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวเองก็เห็นด้วย ประการแรก บ้านก็จะมีคนดูแล ประการที่สอง พวกเขาต้องการคนจับตาดูคนตระกูลเซี่ยทางนั้นไว้
หากเอ้อร์เป่ามีเวลาก็กลับมาพักที่นี่สักสองวันได้ อย่างไรก็เป็นสถานที่ที่เขาคุ้นเคย
เอ้อร์เป่ายังคงก้าวขึ้นรถม้าอย่างอาลัย เซี่ยอวิ๋นจิ่นโบกมือให้จ้าวเหิงส่งเขาไปค่ายทหารที่ซีหนาน
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวและลูกๆ มองส่งเอ้อร์เป่าจากไป
เซี่ยหลิงหลงตัดใจไม่ลง “ทำไมพี่รองต้องเป็นทหารด้วย หากเขาไม่เป็นทหาร ก็ตามพวกเรากลับเมืองหลวงด้วยกันได้”
ลู่เจียวรีบหันไปมองเซี่ยหลิงหลงกล่าวว่า “คนเรามีปณิธาน ปณิธานพี่รองเจ้าก็คือเป็นแม่ทัพ เขาทุ่มเทความพยายามเพื่อเรื่องนี้มาโดยตลอด แสดงให้เห็นชัดว่าเขาเป็นคนที่มีปณิธานมุ่งมั่น นี่เป็นเรื่องที่ควรยินดี”
“ไม่พูดถึงพี่รองเจ้า แม้แต่พี่ใหญ่ พี่สาม พี่สี่เจ้า พวกเขาก็จะค่อยๆ ก้าวออกจากบิดามารดาเดินไปบนเส้นทางที่ตนตั้งปณิธานไว้ อินทรีน้อยอย่างไรก็ต้องเติบใหญ่ จะต้องทะยานสู่ท้องฟ้า”
ลู่เจียวเพิ่งกล่าวจบ อู่เป่าน้อยก็เบียดตัวเข้ามาข้างกายลู่เจียว แสดงท่าทีกล่าวว่า “ท่านแม่ ข้าไม่บิน ข้าจะติดตามท่านแม่”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นพอได้ฟังก็ไม่พอใจ หรี่ตามองบุตรชายคนเล็กตนเอง “ท่านแม่เจ้ามีพ่อเป็นเพื่อนแล้ว จะมีเจ้าไว้ทำอันใดกัน”
เขากล่าวจบยื่นมือไปดึงมือลู่เจียวเดินขึ้นเรือใหญ่ไปทันที
เพราะอู่เป่าน้อยกล่าวเช่นนี้ ความรู้สึกอาลัยในใจทุกคนจึงพลันมลายหายไป แต่ละคนหันหลังขึ้นเรือใหญ่กันหมด
อู่เป่าน้อยไม่พอใจส่งเสียงฮึในลำคอ ก่อนจะกล่าวว่า “ท่านพ่อโตขนาดนี้แล้ว เอาแต่แย่งชิงท่านแม่กับข้า หน้าไม่อายไหม”
เซี่ยหลิงหลงหัวเราะขำ กล่าวว่า “เดิมท่านแม่ก็เป็นของท่านพ่อ เจ้ากำลังแย่งท่านแม่จากท่านพ่อ”
เซี่ยหลิงหลงกล่าวจบก็หันหลังวิ่งขึ้นเรือ เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวเห็นก็ส่งเสียงเรียกว่า “เจ้าวิ่งช้าหน่อย ระวังลื่นล้ม”
อู่เป่าน้อยด้านหลังไพล่มือเดินราวกับผู้ใหญ่ขึ้นเรือไปก็ส่ายหน้าไป ก่อนจะกล่าวว่า “กิริยาไม่ได้ ช่างไร้ธรรมเนียมจริง”