ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 719 มองกัน
ตอนที่ 719 มองกัน
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวพักอยู่เรือนกลางที่ตั้งอยู่ตรงกลางสุดของจวน จากนั้นก็เป็นเรือนต้าเป่า ซานเป่ากับซื่อเป่าติดกันถัดไป ให้แต่ละคนเลือกเรือนพักตนเอง
ส่วนฝาแฝดทั้งสอง ลู่เจียวคิดว่าเซี่ยหลิงหลงเป็นบุตรสาวคนเล็ก ตอนนี้ให้อยู่กับพวกนางไปก่อน ให้อยู่เรือนปีกตะวันออก แต่ปรากฏอู่เป่าน้อยก็มาขออยู่กับท่านพ่อกับท่านแม่ด้วย จึงอยู่เรือนปีกตะวันตก
ลู่เจียวก็ไม่ได้ว่าอันใด แต่เซี่ยอวิ๋นจิ่นรู้สึกว่าอู่เป่าน้อยอายุมากแล้ว ควรแยกไปอยู่ลำพังได้แล้ว
สาเหตุก็เพราะเจ้าหมอนี่มักเอาแต่ขวางหูขวางตาเขา เอาแต่ตามติดภรรยาเขา เซี่ยอวิ๋นจิ่นตัดสินใจให้เขาแยกออกไป
อู่เป่าน้อยต่อต้านอย่างไม่พอใจ เห็นอยู่ว่าเขาอายุเท่ากับน้องสาว เหตุใดเย่ว์หยาอยู่กับบิดามารดาที่เรือนปีกตะวันออกได้ แต่เขาไม่ได้
อู่เป่าน้อยสีหน้าคล้ายจะร้องไห้ มองมารดาตนเอง “ท่านแม่ นี่ไม่ยุติธรรม”
ลู่เจียวกำลังจะเอ่ย เซี่ยหลิงหลงก็เอ่ยก่อน
“เช่นนั้นข้าแยกออกไปด้วยก็แล้วกัน”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวหันไปมองเซี่ยหลิงหลง เซี่ยหลิงหลงยิ้มตาหยีกล่าวว่า “ท่านพ่อ ท่านแม่ ให้เรือนข้าแยกต่างหากก็แล้วกัน”
เซี่ยหลิงหลงคิดถึงว่าตนเองจะมีเรือนส่วนตัว ก็ดีใจตื่นเต้นอย่างมาก ในความคิดเต็มไปด้วยแผนการจัดห้องของตนเอง
ก่อนหน้านี้เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวคิดให้เซี่ยหลิงหลงอยู่เรือนปีกตะวันออก กลัวว่าบุตรสาวอาจกลัวหากต้องอยู่คนเดียว ตอนนี้เห็นเซี่ยหลิงหลงคิดอยู่คนเดียวได้ พวกเขาย่อมดีใจ
“ได้ เช่นนั้นเจ้าก็ไปเลือกเรือนเอาเอง”
เซี่ยหลิงหลงวิ่งออกไปเลือกเรือนอย่างดีอกดีใจ
แต่อู่เป่าน้อยกลับมีสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ เซี่ยหลิงหลงโง่เง่าหรือ อยู่กับท่านพ่อท่านแม่ดีเพียงใด เหตุใดต้องแยกไปอยู่คนเดียวด้วย
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นบุตรสาวคนเล็กวิ่งออกไปเลือกเรือน แต่บุตรชายห้าตนกลับยังไม่ยอมไป สีหน้าก็เย็นเยียบ “ยังไม่ไปเลือกเรือนอีก”
อู่เป่าน้อยเดินออกไปอย่างไม่ค่อยยินยอม
ลู่เจียวด้านหลังกล่าวอย่างนึกขำว่า “วันๆ เจ้าเอาแต่สู้กับบุตรชายเจ้าทำไมกัน”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ผู้ใดให้เขาเอาแต่แย่งภรรยาบิดาเล่า เห็นแล้วขัดตา”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวจบ อมยิ้มมองลู่เจียวกล่าวว่า “ยามนี้ลูกน้อยสองคนออกไปอยู่กันเองแล้ว พวกเราอิสระแล้ว”
แววตาร้อนแรงเปิดเผย ก่อนหน้านี้เด็กน้อยสองคนอยู่กับพวกเขา พวกเขาทำอันใดก็ไม่สะดวก ตอนนี้พวกเขาแยกไปอยู่แล้ว ทำอันใดก็สะดวกกว่ามาก
ลู่เจียวอดหน้าแดงไม่ได้ ยู่ปากกล่าวว่า “รีบเก็บของ วันๆ เอาแต่พูดจาเหลวไหลอันใด”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ได้ขยับ แต่นั่งจ้องมองใบหน้าแดงก่ำท่าทางเขินอายของฮูหยินตนเงียบๆ แม้ว่าทั้งสองคนอยู่ร่วมกันมาเจ็ดแปดปีแล้ว แต่ลู่เจียวก็ยังมีอาการหน้าแดงอยู่บ้าง ทุกครั้งเซี่ยอวิ๋นจิ่นมองแล้วก็รู้สึกพึงพอใจอย่างมาก
เซี่ยเหวินสองตระกูลเดินทางเข้าเมืองหลวงใช้เวลาจัดของสามวัน สามวันต่อมา เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับเหวิน เฮ่อเซิงก็ไปรายงานตัวที่หน่วยงานตนเอง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเข้าดำรงตำแหน่งจิงจ้าวฝูอิ่นที่เป็นดังเจ้าเมืองประจำเมืองหลวง เหวินเฮ่อเซิงดำรงตำแหน่งรองเจ้ากรมตรวจการ
จวนตระกูลเซี่ย
ลู่เจียวได้รับเทียบขอเยือนจวนตระกูลเซี่ยจากเนี่ยอวี้เหยา
นี่ถือว่าเป็นความอดทนยิ่งของเนี่ยอวี้เหยาแล้ว หากไม่ใช่ว่านางอดทนอยู่ นางคงพาบุตรสาวมาเยือนตระกูลเซี่ยนานแล้ว
ก่อนหน้านี้นางกลับไปบอกเรื่องนี้กับมารดาตน มารดาตนเห็นด้วยที่จะให้บุตรสาวนางแต่งเข้าตระกูลเซี่ย
นางถามบุตรสาว บุตรสาวก็หน้าแดงไม่กล่าวอันใด แต่เห็นได้ชัดว่ายินดี ที่สำคัญที่สุดก็คือนางรู้สึกได้ว่าบุตรสาวนางมีใจต่อต้าเป่า เพียงแต่ไม่รู้ท่าทีตระกูลเซี่ย
ดังนั้นเนี่ยอวี้เหยาอดทนมาได้สามวัน ในที่สุดก็ทนไม่ไหว จะพาหูหลิงเสวี่ยมาเยือนตระกูลเซี่ย
ลู่เจียวรับตอบรับเทียบมาเยือน เชิญพวกนางมาเยือนตอนบ่าย
ในใจลู่เจียวไม่รู้ความคิดเนี่ยอวี้เหยา คิดเพียงว่านางอยากมาเยี่ยมนาง
ตอนบ่าย เนี่ยอวี้เหยาพาหูหลิงเสวี่ยกับบุตรชายผิงอันมาถึง
หูหลิงเสวี่ยปีนี้อายุสิบสี่แล้ว หน้าตางามหมดจด รูปร่างสูงบางอรชร กิริยาท่าทางก็เรียบร้อยแลดูมีสง่าราศี เพราะก่อนหน้านี้มารดาถามนาง ดังนั้นพอนางเห็นลู่เจียวก็มีท่าทางเขินอาย
“น้าลู่”
ลู่เจียวเห็นหูหลิงเสวี่ยก็ดีใจมาก กวักมือเรียกนางมานั่ง “หลิงเสวี่ยโตเป็นสาวแล้ว ไม่เลวๆ”
นางกล่าวจบก็มองไปยังผิงอัน ผิงอันเองก็เป็นเด็กหนุ่มอายุเก้าขวบแล้ว
“นี่คือผิงอันสินะ ผิงอันยังจำน้าลู่ได้หรือไม่”
ผิงอันไม่ได้มีภาพจำของลู่เจียวแล้ว แต่เด็กน้อยไม่เหมือนบิดาเขา เขาปากหวานมาก พอได้ฟังคำพูดลู่เจียว ก็เอ่ยอย่างปากหวานว่า “น้าลู่ ข้าจำท่านได้ ข้าได้ยินท่านแม่เอ่ยถึงว่าท่านน้าลู่ช่วยชีวิตพวกเราแม่ลูกไว้”
ลู่เจียวส่งสายตาจ้องใส่เนี่ยอวี้เหยาอย่างไม่พอใจ “พี่อวี้เหยา พี่เล่าเรื่องอะไรให้ลูกฟังกัน”
เนี่ยอวี้เหยายิ้มกล่าวว่า “คนเราต้องรู้บุญคุณและตอบแทนบุญคุณ เจ้าเป็นคนช่วยพวกเราแม่ลูกไว้จริงๆ ข้าต้องให้เขาจดจำบุญคุณเจ้าไว้”
ลู่เจียวไม่สนใจนาง หันไปยิ้มมองผิงอัน กล่าวว่า “ผิงอัน ขอเพียงเติบโตอย่างดีก็พอแล้ว ไม่ต้องตอบแทนบุญคุณน้าลู่ น้าลู่เป็นหมอหมอช่วยคนก็คือหน้าที่ที่ควรทำ”
ผิงอันได้ฟังคำพูดลู่เจียว ก็ยิ่งชอบนาง เขยิบเข้าหาลู่เจียว
“น้าลู่ ไม่ใช่เพราะตอบแทนบุญคุณ แต่เพราะข้าชอบน้าลู่ น้าลู่ดีเพียงนี้ ข้าอยากเป็นบุตรชายน้าลู่แล้ว”
ลู่เจียวพลันถูกหยอกจนขำ มองเนี่ยอวี้เหยายิ้มกล่าวว่า “ผิงอันไม่เหมือนคนตระกูลหูสักนิด ก็ไม่รู้ว่าเหมือนผู้ใด ปากน้อยๆ นี่หวานจริง”
วาจานี้ไม่เพียงแต่ทำเอาเนี่ยอวี้เหยาขำ แม้แต่หูหลิงเสวี่ยเองก็ขำ
ในห้องโถงทุกคนกำลังคุยหัวเราะกันสนุกสนาน นอกประตูก็มีเสียงนุ่มกระจ่างใสดังเข้ามา “น้าเนี่ยมาแล้วหรือ ท่านแม่จึงได้หัวเราะเบิกบานใจเช่นนี้”
ตอนเที่ยงกินข้าว เซี่ยเหวินเหยาพี่ใหญ่แฝดสี่กับน้องๆ ก็ได้ยินท่านแม่เอ่ยว่า ตอนบ่ายน้าเนี่ยจะมาเยือน
สามพี่น้องเข้ามาพบแขก
เนี่ยอวี้เหยาได้ยินเสียงนอกประตูก็ยิ้มมองออกไปด้านนอก กล่าวว่า “น้าเนี่ยเอง พวกเจ้าพี่น้องรีบเข้ามาคุยกันเร็ว”
นอกประตูมีหลายคนเดินเข้ามา คนที่เดินนำมาก็คือพี่ใหญ่เซี่ยเหวินเหยา ด้านหลังมีเจ้าสาม เจ้าสี่ ถัดออกไปก็มีเจ้าห้าเซี่ยเหวินอวี้กับน้องสาวเล็กเซี่ยหลิงหลงสองฝาแฝด
พอลูกๆ ตระกูลเซี่ยเข้ามาก็คารวะมารดา จากนั้นก็คารวะเนี่ยอวี้เหยา
เนี่ยอวี้เหยาเห็นกิริยาท่าทางพวกเขามีมารยาทดียิ่ง และยังกตัญญูต่อมารดา ในใจก็ยิ่งพึงพอใจ แทบจะรีบยกบุตรสาวตนเองให้แต่งกับเซี่ยเหวินเหยา
แต่เรื่องนี้ไม่ใช่นางตัดสินใจเองได้
เนี่ยอวี้เหยาหันไปมองบุตรสาว ตั้งแต่ลูกๆ ตระกูลเซี่ยปรากฏตัว แววตาหูหลิงเสวี่ยก็จ้องมองนิ่ง นี่คือพวกต้าเป่าหรือ ไม่ได้เจอกันหลายปี พวกเขาหน้าตายิ่งดีขึ้นอีกแล้ว แต่ที่ดียิ่งกว่าก็คือท่าทีกำลังพอเหมาะของพวกเขา เป็นคุณชายนุ่มนวลอ่อนโยน ไม่ได้เหมือนพวกลูกหลานตระกูลชนชั้นสูงศักดิ์ในเมืองหลวงที่มีท่าทางหยิ่งยโสและโอ้อวด
หูหลิงเสวี่ยมองรวดเร็ว แล้วก็รีบถอนสายตากลับคืน เพราะตอนนี้พวกนางโตแล้ว หากตระกูลเซี่ยไม่ต้องการแต่งสะใภ้เช่นนาง ใช่ว่านางกำลังสร้างความยุ่งยากให้ผู้อื่นหรือ
เนี่ยอวี้เหยามองท่าทางบุตรสาวตนก็รู้ว่าบุตรสาวยินดี
พวกต้าเป่าไม่รู้เรื่องเหล่านี้ พวกเขาคารวะเนี่ยอวี้เหยาเสร็จก็หันไปมองหูหลิงเสวี่ยกับผิงอัน ต่างยิ้มทักทายกัน
“พี่หู ผิงอัน”