ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 722 ทดสอบ
ตอนที่ 722 ทดสอบ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นถือโอกาสเล่าเรื่องที่เมื่อก่อนลู่เจียวตีลูก หากไม่เอ่ยถึงเรื่องพวกนี้ ถึงตอนนั้นรัชทายาทได้ยินจากปากผู้อื่น ไม่แน่ว่าอาจจะลงโทษเจียวเจียว
ตอนนี้ออกจากปากเขา เซียวอวี้เองก็ไม่โทษเขา ในความรู้สึกเขาคิดว่าเด็กดื้อก็ต้องตี
“ลูกๆ ดื้อก็ต้องดี เป็นธรรมดา แม้แต่พระชายาข้าก็ยังตีบุตรชายตน”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ได้ตอบรับวาจานี้ แต่หันไปเอ่ยถึงเรื่องอื่น
“ซื่อเป่าเก่งการคำนวณมาก ยังมีความสามารถผ่านตาก็ไม่ลืม หากเป็นเรื่องตัวเลข ขอเพียงเขาได้เห็น ก็สามารถคำนวณออกมาได้ทันที ปากเขายังหวานและพูดเก่งมาก หน้าตาก็ดีมาก ที่สำคัญที่สุดก็คือตอนนี้เขาอายุสิบสาม สอบซิ่วไฉได้แล้ว แต่ความมุ่งมั่นของเขาไม่ได้อยู่ทางนี้ เขาไม่คิดเดินไปบนเส้นทางการสอบเคอจวี่”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นยิ่งพูด เซียวอวี้ก็ยิ่งแปลกใจ นี่คือบุตรชายเขาหรือ อายุสิบสามก็สอบซิ่วไฉได้ เปิดร้านค้ามีชื่อไปทั่วแคว้นต้าโจว และยังมีความสามารถผ่านตาไม่ลืม คำนวณในใจได้เร็วมาก
หากเรื่องนี้เป็นจริง อบรมสั่งสอนให้ดีๆ จะต้องเป็นผู้ปกครองที่ดีแห่งแคว้นต้าโจวในวันหน้าได้อย่างแน่นอน
ในใจเซียวอวี้รู้สึกตื่นเต้น แต่ก็ไม่แสดงออก บางทีอาจเป็นเพราะเซี่ยอวิ๋นจิ่นผู้เป็นบิดาเอ่ยชมเกินไปก็เป็นได้
ทุกคนเดินทางไปตระกูลเซี่ย
ณ จวนตระกูลเซี่ย
เด็กๆ กำลังถามลู่เจียวอย่างห่วงใยว่าไม่สบายหรือไม่ ตอนเย็นกินอาหารไปแค่นิดหน่อย จะได้อย่างไร
สองแฝดเองก็มองท่านแม่ตนอย่างเป็นห่วง อู่เป่าน้อยกับเย่ว์หยาก็รีบยื่นมือไปคลำหน้าผากท่านแม่ตน “ท่านแม่ ท่านคงไม่ได้ป่วยกระมัง”
“ท่านแม่อยากดื่มน้ำผึ้งหรือไม่ ข้าไปรินให้ท่านแม่”
เซี่ยหลิงหลงหันหลังจะวิ่งออกไปรินน้ำผึ้งมาให้ท่านแม่
ลู่เจียวเห็นลูกๆ เคร่งเครียดก็รีบปลอบใจกล่าวว่า “แม่ไม่เป็นอันใด เพียงแต่ก่อนหน้านี้นั่งเรือมาเหนื่อยไปหน่อย ดังนั้นจึงได้เป็นเช่นนี้”
นางย่อมไม่อาจบอกว่าเป็นห่วงซื่อเป่าจะถูกรัชทายาทพากลับไปจนกินข้าวไม่ลง
ซื่อเป่าเขยิบเข้ามาตรงหน้าท่านแม่ตน ยิ้มเอาใจเอ่ยว่า “ท่านแม่ ข้าเล่าเรื่องตลกให้ท่านแม่ฟัง เมื่อก่อนมีเต่าตัวหนึ่งได้รับบาดเจ็บ ให้หอยทากไปซื้อยา สองชั่วโมงผ่านไป หอยทากก็ยังไม่กลับมา เต่าโมโหด่าว่า เจ้าบัดซบหากยังไม่กลับมาข้าก็ใกล้ตายแล้ว หอยทากนอกประตูก็รับคำขึ้นว่า หากเจ้าด่าอีก ข้าไม่ไปแล้ว”
ลู่เจียวหัวเราะขำขึ้นมาทันที ต้าเป่ากับซานเป่า ยังมีอู่เป่าในห้อง เมื่อเห็นท่านแม่ยิ้ด้ม ก็อารมณ์ดี เซี่ยหลิงหลงยกน้ำผึ้งเข้ามาป้อนลู่เจียว “ท่านแม่ ข้าป้อนท่านแม่นะ”
ลู่เจียวยิ่งยิ้มกว้าง ยื่นมือไปรับน้ำผึ้งจากบุตรสาว “ท่านแม่ไม่เป็นอันใด พวกเจ้าอย่าได้เป็นห่วง”
นอกประตู เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ยินเสียงในห้อง ก็ก้าวเข้ามาอย่างร้อนใจ เดินเข้ามาถามอย่างห่วงใยว่า “เกิดอันใดขึ้น เจียวเจียว เจ้าป่วยหรือ”
ลู่เจียวเงยหน้าเห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่น ยังมีรัชทายาทเซียวอวี้ที่ตามหลังเขามาติดๆ
เห็นเซียวอวี้ปรากฎตัว ลู่เจียวก็รู้ว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นได้บอกเขาเรื่องชาติกำเนิดซื่อเป่าแล้ว ในใจนางเริ่มปวดปลาบ แต่ก็รู้ว่าเรื่องนี้ช้าเร็วก็ต้องเปิดเผย ได้แต่ทนความเจ็บปวดในใจลุกขึ้นยืน
ยามนี้เซี่ยอวิ๋นจิ่นห่วงใยเพียงสุขภาพลู่เจียว “เจ้าไม่เป็นอันใดกระมัง”
ลู่เจียวยื่นมือไปดึงแขนเสื้อเขาไว้ แสดงท่าทีว่าไม่เป็นไร
ยามนี้เซี่ยอวิ๋นจิ่นจึงได้นึกได้ว่ารัชทายาทเซียวอวี้มาด้วย ความจริงเดิมเขาคิดให้คนเข้ามารายงานก่อน แต่เซียวอวี้ห้ามไว้
เขาอยากดูว่ายามบุตรชายตนเองอยู่โดยไม่มีคนนอก จะเป็นเช่นไร
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเองก็ปล่อยเขา คิดไม่ถึงว่ากลับได้ยินว่าลู่เจียวไม่กินข้าว ดังนั้นก็พลันร้อนใจจนลืมเซียวอวี้
เซี่ยอวิ๋นจิ่นหันไปมองอย่างรู้สึกเสียมารยาทเล็กน้อย “องค์รัชทายาท”
ลู่เจียวรีบกวักมือเรียกลูกๆ ในห้องมา กล่าวว่า “รีบคารวะองค์รัชทายาท”
ต้าเป่า ซานเป่า ซื่อเป่ารีบเดินเรียงกันมาถึงข้างกายเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียว ทุกคนคำนับรัชทายาทเซียวอวี้ “คารวะองค์รัชทายาท”
เซียวอวี้มองไปที่ซื่อเป่า ความจริงตั้งแต่เข้ามา เขาก็เอาแต่มองประเมินซื่อเป่าคนเดียวแล้ว
ซื่อเป่ารูปหน้าเหมือนคนตระกูลเซียว ดวงตากับจมูกเขาหมือนเฉินอิง ตอนเด็กยังไม่ชัด แต่ยิ่งโตก็ยิ่งเหมือนมารดาเขาราวกับพิมพ์เดียว
เซียวอวี้เองก็ไม่คิดว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นจะกล้านำเรื่องนี้มาหลอกเขา ดังนั้นซื่อเป่าเป็นบุตรชายเขาจริงหรือนี่
เซียวอวี้เห็นบุตรชายแล้วก็ยากจะไม่เกิดความเมตตาดังบิดาขึ้นมา
เด็กคนนี้แต่เกิดมาจนโต เขาผู้เป็นบิดาไม่เคยทำอันใดเพื่อเขาแม้สักนิด ทำให้ในใจเขารู้สึกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก และมารดาเขายังตายเพราะคลอดเขา
รัชทายาทเซียวอวี้แต่เล็กเติบโตมาในราชวงศ์ ย่อมไม่ได้รู้สึกลึกซึ้งกับความผูกพันมากนัก ความผูกพันที่เกิดกับเฉินอิงก็เกิดขึ้นตอนเขาสูญเสียความทรงจำ เฉินอิงเป็นคนเพียงคนเดียวในตอนนั้นที่เขาคว้าไว้ได้ ตอนนั้นเขาชอบเกาะติดนางมาก คิดไม่ถึงว่าต่อมาพอความจำฟื้นคืน เขาถึงกับลืมความทรงจำที่งดงามที่สุดในตอนนั้นไปหมดสิ้น ตอนนี้มาคิดอีกที ก็รู้สึกว่านั่นเป็นช่วงเวลาที่งดงามที่สุดช่วงหนึ่งในชีวิตเขา
เรื่องเฉินอิงมีบุตรชายให้เขา เขาคิดแล้วก็อารมณ์ดีอย่างมาก
เด็กๆ ตระกูลเซี่ยไม่รู้ความในใจรัชทายาท พวกเขาคำนับรัชทายาทนอบน้อม ปรากฏไม่ได้ยินเสียงตอบอยู่เป็นนาน
เด็ก ๆ ก็เริ่มเลิกคิ้วสงสัย เซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบเรียก “องค์รัชทายาท”
เซียวอวี้ได้สติคืนมา โบกมือกล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “ลุกขึ้นได้”
ลู่เจียวนำลูกๆ ขอบพระทัย สุดท้ายเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวเชิญรัชทายาทไปนั่งตำแหน่งประธานของห้อง ส่วนพวกเขาสองสามีภรรยาพาลูกๆ ไปนั่งตำแหน่งถัดลงมา
เด็กโตสามคนยังดี เด็กน้อยสองคนอายุยังน้อย เห็นบิดามารดาเคร่งเครียดเช่นนั้นก็เคร่งเครียดตาม
ลู่เจียวส่งสัญญาณให้ติงเซียงกับซานฉาพาสองหนูน้อยออกไปก่อน เหลือแค่สามเด็กโตเอาไว้ในห้องโถงต่อ
ติงเซียงรับคำพาสองหนูน้อยออกไป
รัชทายาทเซียวอวี้จึงได้ผละสายตาจากซื่อเป่า แต่แม้เป็นเช่นนี้ ซื่อเป่าเองก็ยังรู้สึกได้ว่ารัชทายาทเอาแต่มองเขาทำไมกัน หรือว่าเพราะเขาหน้าตาดีที่สุด
ยามนี้เซียวอวี้สงบใจลงได้แล้ว มองบุตรชายตระกูลเซี่ยทั้งสามถามเซี่ยอวิ๋นจิ่นว่า “นี่คือบุตรชายทั้งสามของเจ้าหรือ”
“พ่ะย่ะค่ะ รัชทายาท”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นแนะนำลูกทั้งสามให้เซียวอวี้ เซียวอวี้ถามว่า “ข้าได้ยินว่าเจ้ามีแฝดสี่ใม่ใช่หรือ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นยิ้มตอบว่า “เอ้อร์เป่าอยากเป็นทหารในกองทัพมาตั้งแต่เล็ก ครั้งนี้ก่อนกระหม่อมเข้าเมืองหลวง ส่งเขาไปให้กองทัพแม่ทัพเกิ่งที่ซีหนาน”
เซียวอวี้เผยแววตาชื่นชม “ขุนนางเซี่ยทำได้ถูกต้อง”
ความจริงเขาเองก็คิดให้คนส่งพระราชนัดดาเซียวเจินหรือก็คือบุตรชายคนโตของเขาไปกองทัพเผชิญความลำบากบ้างเช่นกัน
น่าเสียดายพระชายาเขาตัดใจไม่ลง ยืนยันหนักแน่นห้ามปรามเรื่องนี้ เซียวอวี้จึงได้แต่ปล่อยไป
เซียวอวี้กล่าวจบก็มองไปยังเด็กสามคนในห้องโถง กล่าวว่า “ได้ยินว่าพวกเจ้าล้วนสอบซิ่วไฉได้แล้ว”
“พ่ะย่ะค่ะ ก่อนหน้านี้มารดาพวกเขาได้กำหนดเงื่อนไขไว้หนึ่งข้อ แม้ไม่สอบเคอจวี่ แต่ทุกคนอย่างน้อยต้องสอบซิ่วไฉได้ จากนั้นค่อยทำสิ่งที่ตนเองอยากทำตามความต้องการตน”
เซียวอวี้พอจะเข้าใจลู่เจียว หันไปมองท่าทางมั่นใจและความกตัญญูของเด็กๆ ก็รู้ว่าลู่เจียวสอนลูกๆ ได้ดีมาก
เขาส่งสายตาชื่นชมให้ลู่เจียว แล้วก็มองไปยังเด็กสามคน กล่าวว่า “ข้าทดสอบพวกเขาหน่อย”