ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 723 จัดการวางแผน
ตอนที่ 723 จัดการวางแผน
ในใจเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวต่างรู้ว่ารัชทายาทคิดทดสอบบุตรชายตนเอง ทั้งสองคนพยักหน้า
แต่เซียวอวี้ไม่ได้ทดสอบซื่อเป่าโดยตรง แต่เริ่มจากต้าเป่าไปทีละคน คิดไม่ถึงว่าพอทดสอบก็พบว่าลูกหลานตระกูลเซี่ยไม่เพียงแต่ฉลาดมีไหวพริบ แต่ยังมีความรู้กว้างไกลมาก ไม่เพียงแต่ในขอบเขตสี่ตำราห้าคัมภีร์ ยังไปถึงเรื่องการแพทย์ การเกษตร และการคำนวณ
ทุกคนล้วนมีความเชี่ยวชาญของตนเอง แต่เรื่องอื่นก็เรียนรู้ได้ไม่เลว หนึ่งในนี้ยังเป็นบุตรชายเขาคนหนึ่ง
ในใจเซียวอวี้บังเกิดความรู้สึกยินดีที่ยากจะเกิดขึ้นสักครั้ง เขามองเซี่ยอวิ๋นจิ่นเอ่ยชมว่า “ขุนนางเซี่ยอบรมลูกเป็น”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นยิ้มกล่าวว่า “ไม่ใช่กระหม่อมอบรม แต่ความสามารถของลูกๆ ล้วนเป็นฮูหยินอบรม กระหม่อมเป็นบิดาเมตตา ฮูหยินเป็นมารดาเข้มงวด[1]”
ตระกูลเซี่ยเป็นแบบนี้จริง ทุกครั้งที่เซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดถึงความลำบากที่เจ้าหนูน้อยทั้งสี่เผชิญมาในตอนเด็ก ก็ตัดใจทำใจร้ายกับพวกเขาไม่ลง แต่ลู่เจียวเข้มงวดกับการอบรมลูกๆ มาก อย่าเห็นว่านางยิ้มแย้ม หากทำผิดก็จะลงโทษอย่างไม่ใจอ่อน อย่าว่าแต่เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ แม้แต่สองแฝดก็อบรมเข้มงวด ไม่เห็นหรือว่าสาวน้อยเซี่ยหลิงหลงพวกเขาถูกอบรมสั่งสอนได้ดีมากเพียงใด
เซียวอวี้อดหันไปมองลู่เจียวไม่ได้ หญิงผู้นี้มีปัญญาเฉลียวฉลาดจริง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวสองคนเดาไม่ถูกว่ารัชทายาทคิดเช่นไร และไม่รู้ว่าเขาจะจัดการเรื่องซื่อเป่าเช่นไร ดังนั้นยามนี้ไม่กล้ากล่าวอันใด
เซียวอวี้พูดอีกสองสามคำแล้วก็ลุกขึ้นยืน เซี่ยอวิ๋นจิ่นออกไปส่งเขา ลู่เจียวพาลูกๆ ออกไปส่งรัชทายาทอย่างนอบน้อม แต่ลู่เจียวครุ่นคิดแล้วก็คิดว่า เซียวอวี้น่าจะมีวาจากล่าวกับเซี่ยอวิ๋นจิ่น ดังนั้นพาเด็กเดินไปส่งไม่กี่ก้าวแล้วก็หยุดลง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเดินไปส่งเซียวอวี้ที่เรือนด้านหน้า ลู่เจียวพาลูกทั้งสามคนเดินกลับ ซื่อเป่าพลันเขยิบเข้ามาใกล้ลู่เจียว ยิ้มตาหยีถามว่า “ท่านแม่ ท่านว่าข้าเป็นคนหน้าตาดีที่สุดในตระกูลเราหรือไม่”
ซื่อเป่ายามนี้แม้ว่าอายุเพียงแค่สิบสาม แต่กลับหน้าตามีเสน่ห์ เรียวตาดอกท้องดงามกระจ่างใส ราวกับคลื่นมรกตใสแวววาว ประหนึ่งผืนน้ำส่องประกาย ยามยิ้มก็ทรงเสน่ห์ยากบรรยาย
ลู่เจียวมองใบหน้าเขาแล้วก็อดเห็นด้วยไม่ได้ “ใช่ ใช่ เจ้าเป็นคนหน้าตาดีที่สุดในตระกูลเรา”
ต้าเป่ามีนิสัยไม่แสดงออก ซานเป่ามีนิสัยอ่อนโยนที่สุด พี่ชายสองคนปกติรักซื่อเป่าที่สุด ดังนั้นจึงไม่ได้ค้านคำพูดเขา
ซื่อเป่าได้ฟังคำพูดลู่เจียวก็ดีใจยิ้มกว้าง แววตายิ่งทรงเสน่ห์ เขาเดินไปข้างกายลู่เจียวคล้องพลางแขนนางอย่างไม่เกรงใจ “ข้าหน้าตาดีเช่นนี้ ล้วนเพราะท่านแม่”
ความนัยในวาจามีแต่ความภาคภูมิใจและกระหยิ่มในตนเอง ลู่เจียวได้ฟังเขาแล้ว ในใจก็รู้สึกบอกไม่ถูก
นางรู้ว่าปกติซื่อเป่าชอบเกาะติดนางที่สุด หากเขาพลันรู้ว่าเขาไม่ใช่บุตรชายนาง จะเสียใจเพียงใด
ลู่เจียวพลันนึกเสียใจภายหลังแล้วที่ก่อนหน้านี้ให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นบอกเรื่องนี้กับรัชทายาท
อย่างน้อยก็ควรรอให้ซื่อเป่าโตอีกหน่อย ตอนนี้เขายังเล็ก อายุแค่สิบสาม หากรู้เรื่องนี้ ไม่แน่ในใจอาจเสียใจมาก โตอีกหน่อยก็คงดีกว่า
ลู่เจียวครุ่นคิดรวดเร็ว หรือว่าให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นไปกล่อมรัชทายาทว่าอย่าเพิ่งให้ซื่อเป่ารู้เรื่องนี้
ลู่เจียวยิ่งคิดก็ยิ่งกลัดกลุ้ม
ในห้องหนังสือเรือนด้านหน้า รัชทายาทกำลังคุยเรื่องนี้กับเซี่ยอวิ๋นจิ่น
“ตอนนี้ยังไม่ต้องให้เขารู้เรื่องนี้”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นฟังเงียบๆ ไม่ได้เอ่ยแทรก แต่พอได้ยินคำพูดรัชทายาทเซียวอวี้ ในใจก็ดีใจมาก เพียงแต่ไม่แสดงออก
เซียวอวี้กล่าวต่ออีกว่า “ข้ามองออกว่าเขาอยู่กับพวกเจ้าแล้วเบิกบานใจมาก ดังนั้นตอนนี้อย่าเพิ่งให้เขารู้เรื่องนี้ ให้เขาอยู่ตระกูลเซี่ยไปอีกสองปี”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบรับคำอย่างนอบน้อม “พ่ะย่ะค่ะ องค์รัชทายาท”
เซียวอวี้อดหัวเราะเฝื่อนไม่ได้ ในชีวิตเขาไม่ค่อยเกิดความรู้สึกทะนุถนอมกับผู้ใด กับบุตรตนเองก็ไม่เคยได้ให้ความรักดังบิดาสักเท่าไร ความเมตตาของบิดาเพียงน้อยนิดนี้ถึงกับมอบให้บุตรชายที่ไม่เคยได้รับรู้มาก่อนผู้นี้
“แต่เขาเป็นบุตรชายเรา ช้าเร็วก็ต้องกลับไปอยู่กับเรา ดังนั้นแผนที่จะเป็นคหบดีแห่งแคว้นต้าโจวของเขาก็พักไว้ก่อน เจ้าส่งเขาไปเรียนที่สำนักศึกษาไป่ลู่ ข้าจะขอให้อาจารย์ใหญ่หมิ่นซานแห่งสำนักศึกษาไป่ลู่สั่งสอนเขา ให้เขาตั้งใจอบรมสั่งสอนเขาให้ดี”
อาจารย์ใหญ่หมิ่นซานเป็นอาจารย์ใหญ่ที่ฮ่องเต้แต่งตั้งหลังจากมหาบัณฑิตหลิว ให้รับหน้าที่อบรมนักเรียนจากแต่ละพื้นที่ของแคว้นต้าโจวที่มาสอบย่วนซื่อ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟังเซียวอวี้ก็ไม่ได้ปฏิเสธ แต่เขาคิดถึงว่าซื่อเป่าไม่ได้ร่วมสอบย่วนซื่อ คล้ายว่าไม่อาจเข้าเรียนสำนักศึกษาไป่ลู่ได้
ถงเซิงแต่ละพื้นที่ผ่านการสอบระดับเมืองแล้วได้เป็นซิ่วไฉ หากคิดเข้าเรียนกับสำนักศึกษาทางการก็ต้องร่วมสอบย่วนซื่อ คนที่สอบจึงจะสามารถเรียนที่สำนักศึกษาทางการได้
ก่อนหน้านี้ซื่อเป่าตั้งเป้าหมายที่สอบซิ่วไฉได้ก็พอ ดังนั้นเขาไม่ได้เข้าร่วมการสอบย่วนซื่อ
แต่เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ย่อมไม่ยากสำหรับรัชทายาท
“ไม่เป็นไร ไว้ข้าจะให้คนนำจดหมายแนะนำมาให้ ใช่แล้ว ลูกๆ พวกเจ้าก็ให้ไปเรียนที่สำนักศึกษาไป่ลู่ด้วย เช่นนี้จึงจะไม่เป็นที่สังเกตมาก”
“พะยะค่ะ กระหม่อมจะทำตามรับสั่ง”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นจะกล่าวอันใดได้ ได้แต่เห็นด้วย
เซียวอวี้ลุกขึ้นเดินออกไป เซี่ยอวิ๋นจิ่นไปส่งเขา ทั้งสองคนเดินไปคุยไป “เรื่องนี้อย่าเพิ่งให้เขารู้ในตอนนี้”
“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมทราบแล้ว”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดถึงว่าบุตรชายได้อยู่กับตนเองอีกสองปี ก็ดีใจมาก
องค์รัชทายาทเดินถึงหน้าประตู พลันชะงักฝีเท้า หันมามองเซี่ยอวิ๋นจิ่น กล่าวว่า “ข้าขอบคุณเจ้าที่เลี้ยงดูเขามา”
กล่าวจบก็จากไป เซี่ยอวิ๋นจิ่นด้านหลังมองตามหลังเขาจากไป
ครั้งนี้เข้าเมืองหลวง เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ได้คิดปิดบังว่าตนเองอยู่ฝ่ายรัชทายาทอีก การกระทำหลายปีก่อนหน้านี้ ผู้อื่นก็แน่ใจแล้วว่าเขาเป็นฝ่ายรัชทายาท ดังนั้นปิดบังหรือไม่ ทุกคนล้วนกระจ่างใจ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดแล้วก็เดินกลับไปเรือนด้านหลัง หากไม่เหนือความคาดหมาย ตอนนี้เจียวเจียวกำลังรอข่าวจากเขาอยู่
ลู่เจียวกำลังรอข่าวจากเซี่ยอวิ๋นจิ่นจริงๆ สิ่งที่นางกลัวที่สุดก็คือเซียวอวี้ให้ซื่อเป่ากลับเข้าตำหนักตงกงทันที แม้ซื่อเป่าฉลาดเฉลียว แต่อย่างไรก็อายุเพียงแค่สิบสาม เข้าไปอยู่ตำหนักตงกงของรัชทายาทก็เท่ากับลูกแกะเข้าถ้ำพยัคฆ์
ดีที่สุดรอให้เขาโตอีกหน่อย
พอเซี่ยอวิ๋นจิ่นกลับมา ลู่เจียวก็รีบถามอย่างร้อนใจ “เป็นอย่างไรบ้าง องค์รัชทายาทว่าอย่างไร”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบก้าวมาตรงหน้าลู่เจียว ยื่นมือไปกุมมือนางไว้ จากนั้นก็หรี่เสียงเบาลงกล่าวว่า “องค์รัชทายาทบอกว่าให้ซื่อเป่าอยู่กับเราอีกสองปี”
ลู่เจียวได้ฟังก็อดโล่งอกไม่ได้ ท่าทีผ่อนคลายลงมาก ซื่อเป่าอยู่ตระกูลเซี่ยต่ออีกสองปี ตอนนั้นเขาก็สิบห้า ไม่ว่าเข้าตำหนักตงกงหรือว่าเข้าวัง ล้วนไม่ต้องกลัว
แต่ในสองปีนี้พวกเขาจะต้องสอนเขาอีกหลายเรื่อง
ลู่เจียวคิดไปแล้วก็บอกเรื่องนี้กับเซี่ยอวิ๋นจิ่น
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นด้วย กล่าวเบาๆ ว่า “องค์รัชทายาทให้ลูกๆ ตระกูลเราเข้าเรียนที่สำนักศึกษาไป่ลู่เรียนหนังสือกับอาจารย์ใหญ่หมิ่นซาน เจ้าว่าข้าควรบอกกับซานเป่าและซื่อเป่าเรื่องนี้อย่างไรดี”
ก่อนหน้านี้ได้รับปากแล้วว่า หากพวกเขาสอบซิ่วไฉได้ ก็จะไม่บังคับพวกเขาเรียนหนังสืออีก แต่ตอนนี้ยังจะให้พวกเขาไปเรียนหนังสือที่สำนักศึกษาไป่ลู่ เขากลัวว่าลูกสองคนจะต่อต้าน
ลู่เจียวคิดแล้วก็กล่าวว่า “ไม่เป็นไร เรื่องนี้มอบให้ข้าจัดการเอง ข้าจะกล่อมพวกเขาเอง”
“ได้ เรื่องนี้มอบให้เจ้า”
[1] ตามความคิดจีนโบราณ บิดาต้องอบรมเข้มงวดเป็นแบบอย่าง ส่วนมารดาต้องแสดงความเมตตา