ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 728 คู่ควรหรือไม่
ตอนที่ 728 คู่ควรหรือไม่
เนี่ยอวี้เหยากล่าวจบก็ไม่รอให้ลู่เจียวเอ่ย รีบเอ่ยขึ้นว่า “รอท่านแม่ข้าเชิญก่อน ข้าค่อยเชิญ”
ทุกคนพากันยิ้มรับ “ได้”
เถียนฮวนกล่าวว่า “นางเชิญแล้วข้าค่อยเชิญ”
พวกนางเข้าเมืองหลวงมาได้หลายปีแล้ว มีแวดวงสังคมเล็กๆ ในเมืองหลวง พอดีจัดงานเลี้ยงจะได้ดึงเจียวเจียวเข้าร่วมด้วย เช่นนี้วันหน้าไปมาหาสู่กันก็จะได้สะดวก
จากนั้นทุกคนก็ไม่ได้คุยเรื่องนี้อีก แต่หันไปหารือเรื่องร้านเสริมความงาม
เนี่ยอวี้เหยารับหน้าที่หาหน้าร้าน ดีที่สุดก็ต้องเป็นอาคารหลังเล็กที่ติดกันหลายห้องและมีชั้นสอง
ในเมื่อพวกนางทำทั้งทีก็ต้องทำใหญ่สักหน่อย
เนี่ยอวี้เหยารับหน้าที่หาหน้าร้าน ลู่เจียวรับหน้าที่เตรียมผลิตภัณฑ์ที่ต้องใช้ในร้านเสริมความงาม ยังต้องออกแบบร้านเสริมความงามและรายการเสริมความงามในร้าน เถียนฮวนรับหน้าที่รับพนักงานมาฝึกอบรม ส่วนจู้เป่าจูรับหน้าที่จดบัญชี ทุกคนจะได้สะดวกตรวจสอบบัญชี
เพราะสี่คนร่วมมือกันทำการค้า ดังนั้นบัญชีต้องจดให้กระจ่าง สุดท้ายทุกคนคุยเรื่องส่วนแบ่ง
ทั้งสามคนคิดว่าให้ลู่เจียวมีสี่ส่วน พวกนางคนละสองส่วน ลู่เจียวก็มิได้ปฏิเสธ
กล่าวตามตรง ความจริงร้านเสริมความงามนี้นางทำคนเดียวได้ แต่นางไม่มีเวลา อีกอย่างมีเงินทอง ทุกคนร่วมกำไร เป็นเรื่องที่ดีมาก
ตกลงเรื่องพวกนี้กันแล้ว ทุกคนก็หารือรายละเอียดอีกเล็กน้อย
ตอนเที่ยง พวกผู้หญิงก็อยู่กินอาหารกลางวันที่ตระกูลเซี่ย ก่อนจะอำลากลับไปทำงานของตน
ลู่เจียวส่งพวกนางกลับแล้วก็ลุกขึ้นเตรียมตัวไปนอนกลางวัน
ในห้องโถง ติงเซียงมองฮูหยินตนหลายที คิดจะเอ่ยแต่ก็ไม่เอ่ย
ลู่เจียวนึกขำเอ่ยขึ้นว่า “มีอันใดก็ว่ามา”
ติงเซียงอดกล่าวเบาๆ ไม่ได้ว่า “ฮูหยินจะให้คุณชายใหญ่แต่คุณหนูตระกูลหูจริงหรือ บ่าวรู้สึกว่าคุณหนูตระกูลหูไม่คู่ควรกับคุณชายใหญ่เรา คุณชายใหญ่ไม่เพียงแต่หน้าตาดี นิสัยก็ดี ประเด็นก็คือยังเฉลียวฉลาด ตอนนี้อายุสิบสามก็สอบได้อันดับหนึ่งของเมืองหนิงโจวแล้ว วันหน้าเขาต้องได้เป็นจ้วงหยวนเหมือนใต้เท้าเรา อนาคตวันหน้าประมาณมิได้ บิดาคุณหนูตระกูลหูธรรมดามาก แม้ว่ามีท่านแม่เป็นเซียงจวิน แต่เพราะแต่เล็กเติบโตมาในสภาพสังคมเช่นนั้น มีอุปนิสัยแบบคนตระกูลเล็ก วันหน้าจะช่วยงานหลังบ้านและต้อนรับแขกคุณชายใหญ่ได้อย่างไร”
ลู่เจียวได้ฟังติงเซียงก็อดขำไม่ได้ ยิ้มมองติงเซียงกล่าวว่า “เจ้ารู้ไหมว่าเหตุใดข้าจึงเห็นด้วยกับเรื่องนี้ ก็เพราะข้ารู้จักนิสัยบุตรชายข้า เรื่องให้เขาแต่งกับหูหลิงเสวี่ย ข้าคิดไตร่ตรองไปไกลแล้ว และคิดนานมากก่อนจะเห็นด้วย”
“นิสัยคุณชายใหญ่เป็นคนนิ่งเย็นสุขุม ไม่ชอบให้คนเข้าใกล้ เขาไม่ใช่คนที่เห็นเรื่องผู้หญิงเป็นเรื่องสำคัญ เขาให้ความสำคัญกับคนในครอบครัวและการงานมากยิ่งกว่า สำหรับเรื่องผู้หญิงแล้วก็ดูไม่กระไรนัก แต่งกับหูหลิงเสวี่ยยังดี หากเป็นหญิงอื่น เขาไม่มีแก่ใจไปใส่ใจหญิงผู้นั้น อาจถึงกับให้ความเคารพหญิงผู้นั้นราวกับแขกแปลกหน้า”
“เขาไม่ให้ความสนใจกับความรู้สึกผู้หญิงเช่นนี้ ทั้งสองคนก็จะเกิดช่องว่าง ชีวิตก็จะยิ่งเลวร้าย คิดถึงว่าเขาต้องรับทุกข์มาแต่เล็ก คิดถึงเขาที่เสียสละเพื่อน้องชายน้องสาว ข้าก็สงสาร แม้ว่าหูหลิงเสวี่ยไม่มีสง่าราศีแบบสตรีตระกูลใหญ่ สถานะไม่สูงส่ง และดูไม่สง่างามพอ แต่นางเข้าอกเข้าใจต้าเป่า กับน้องๆ ของเขา นางก็รักด้วยใจจริง”
“นางเช่นนี้ก็จะไม่ทำให้เกิดช่องว่างกับต้าเป่า และที่สำคัญที่สุดก็คือข้าคิดหาคนที่รู้จักรักและให้ความรักต้าเป่า นี่คือความเห็นแก่ตัวของข้าผู้เป็นมารดา”
“คิดหรือว่าข้าไม่อยากให้เขาแต่งกับสตรีสูงศักดิ์สถานะสูงส่งกัน แต่สตรีสูงศักดิ์ที่ว่าคู่ควรกับเขาจะทุ่มเทให้ความรักเขาเพียงผู้เดียวได้หรือ จะไม่คิดน้อยใจที่เขารักบิดา มารดาและพี่น้องมากกว่านางได้หรือ เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ ดังนั้นหูหลิงเสวี่ยจึงจะเป็นคู่ครองที่เหมาะกับต้าเป่า”
ลู่เจียวพูดออกมาเป็นชุดมากมาย ในที่สุดติงเซียงก็เข้าใจความรักและทุ่มเทของฮูหยิน เดิมนางยังคิดว่าฮูหยินตน เห็นแก่หน้าพี่สาวบุญธรรม จึงยินยอมให้คุณชายใหญ่แต่งกับหูหลิงเสวี่ย ที่แท้เป็นเช่นนี้
“ฮูหยินช่างทุ่มเทอย่างมาก”
ลู่เจียวหัวเราะก่อนจะเอ่ยน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า “ความจริงพวกเจ้าอย่าได้รังเกียจว่าหูหลิงเสวี่ยว่าไม่คู่ควรกับคุณชายใหญ่ เกิดเป็นคนย่อมค่อยๆ อบรมสอนสั่งได้ ข้าจะสอนนางเอง”
ติงเซียงคิดถึงเด็กในตระกูลเซี่ยแล้วก็หัวเราะ “บ่าวเชื่อ”
ลู่เจียวลุกขึ้นไปนอนกลางวัน พอนอนกลางวันตื่นมาก็ได้รับเทียบจากจวนอู่กั๋วกง
ลู่เจียวมองแล้วก็หลุดหัวเราะออกมา มารดาบุญธรรมช่างใจร้อนเหมือนพี่เนี่ย ไม่รอให้นางไปเยี่ยมเยือน ถึงกับส่งเทียบเชิญให้นางไปร่วมงานเลี้ยงที่จวนอู่กั๋วกงพรุ่งนี้ หากไม่เหนือความคาดหมาย ในงานเลี้ยงพรุ่งนี้มารดาบุญธรรมย่อมต้องประกาศต่อแขกเหรื่อที่มาร่วมงานเลี้ยงว่ารับนางเป็นบุตรสาวบุญธรรมแล้ว
หลายปีมานี้ แม้ว่านางอยู่เมืองหนิงโจว แต่มารดาบุญธรรมจะส่งคนนำของขวัญมาเมืองหนิงโจวทุกปีสองตระกูลไปมาหาสู่กันตลอด
ลู่เจียวให้ติงเซียงไปบอกกับหญิงรับใช้จวนอู่กั๋วกงว่า พรุ่งนี้นางจะต้องไปร่วมงานเลี้ยงอย่างแน่นอน
ตกค่ำเซี่ยอวิ๋นจิ่นกลับมา ลู่เจียวบอกเรื่องนี้กับเขา เซี่ยอวิ๋นจิ่นเป็นห่วงเตือนนางให้ระมัดระวังหน่อย โดยเฉพาะพระชายาอ๋องฉิน
เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่เอ่ยถึง ลู่เจียวก็ลืมหญิงผู้นี้ไปแล้ว พอเขาเอ่ย นางจึงนึกถึงหลินหรูเยว่พระชายาอ๋องฉินขึ้นมาได้
ตอนนั้นหลินหรูเยว่คิดจะแต่งกับเซี่ยอวิ๋นจิ่น ต่อมาถูกเซี่ยอวิ๋นจิ่นวางอุบายให้นางต้องแต่งเป็นพระชายาอ๋องฉิน
พรุ่งนี้จวนอู่กั๋วกงจัดงานเลี้ยง ไม่รู้ว่านางจะมาหรือไม่ หากมา จะวางอุบายนางหรือไม่
แต่ลู่เจียวไม่กลัวนาง
“เจ้าวางใจ ข้าจะระมัดระวังตัว ใช่แล้ว ทางเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเลิกคิ้วกล่าวว่า “ไม่ค่อยดี อย่าเห็นว่าตำแหน่งจิงจ้าวฝูอิ่นไม่ใหญ่นัก แต่พวกเจ้าถิ่นในนั้นเยอะมาก วันนี้ข้าไปทำความเข้าใจสภาพภายใน ถึงกับมีลูกหลานชนชั้นสูงศักดิ์หลายคนรับตำแหน่งอยู่ในนั้น พอข้าไปถึงก็ถูกพวกเขาหาเรื่อง แต่เจ้าวางใจ ข้าจัดการได้ หากเรื่องแค่นี้จัดการไม่ได้ จะก้าวขึ้นไปต่อได้อย่างไร”
ลู่เจียวไม่เป็นห่วงเขาจัดการเรื่องพวกนี้ไม่ได้ แต่เป็นห่วงว่าจะมีคนแอบลอบทำร้ายเขา ดังนั้นจึงเอ่ยเตือนว่า “เจ้าก็ระวังหน่อย”
“อืม”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรับคำ หันหน้าไปส่งสายตาร้อนแรงมองลู่เจียว แม้ว่าผ่านมาหลายปีแล้ว แต่เพราะเจียวเจียวดื่มน้ำพุจิตวิญญาณมาตลอด ทำให้ยังคงงดงามราวกับสาวน้อยแรกแย้ม ทุกครั้งที่เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองนางก็จะรู้สึกร้อนรุ่มในใจ
“เจียวเจียว พวกเรา…”
กล่าวจบไม่รอให้ลู่เจียวตอบ ก็ยื่นมือไปโอบกอดนางล้มลงบนเตียง หลายปีมานี้ลู่เจียวนับว่าได้รู้จักคนผู้นี้แล้ว แม้ว่าในสายตาคนนอกจะวางตัวเป็นวิญญูชนสุขุมสงบเสงี่ยม แต่พออยู่ในห้องก็ราวกับหมาป่าขย้ำเหยื่อ แต่นางชอบเขาเช่นนี้
หลังผ่านค่ำคืนเหลวไหล วันรุ่งขึ้นลู่เจียวก็ตื่นสายดังคาด พอตื่นมาก็สายแล้ว เซี่ยอวิ๋นจิ่นไปทำงานแล้ว สามแฝดเก็บของไปพักสำนักศึกษาไป่ลู่เสร็จก็ไปแล้ว ที่บ้านเหลือแต่นางกับสองแฝดชายหญิง ที่บ้านเงียบเหงาอย่างเห็นได้ชัด
แต่ลู่เจียวคิดถึงว่าวันนี้ต้องไปร่วมงานเลี้ยงที่จวนอู่กั๋วกง นางก็รีบจัดการแต่งตัวเตรียมพาสองแฝดไปร่วมงานเลี้ยงจวนอู่กั๋วกง