ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 729 สตรีก็ต้องยืนหยัดเข้มแข็ง
ตอนที่ 729 สตรีก็ต้องยืนหยัดเข้มแข็ง
วันนี้อู่เป่าน้อยดีใจมาก จึงพูดมากกว่าเดิม
เพราะพวกพี่ชาย บ้างไปเป็นทหาร บ้างไปเรียนหนังสือ เหลือเขาอยู่กับท่านแม่ วันหน้าก็ไม่มีคนมาแย่งท่านแม่กับเขาแล้ว
“ท่านแม่ ท่านแม่วันนี้งามกว่าเมื่อวาน”
อู่เป่าน้อยรู้สึกว่าบนโลกนี้ไม่มีคนสวยไปกว่ามารดาเขาอีกแล้ว
ลู่เจียวถูกเขาชมก็อารมณ์ดียากบรรยาย ยื่นมือไปลูบศีรษะอู่เป่าน้อย กล่าวว่า “บุตรชายที่รักของแม่ก็งาม โตขึ้นต้องเป็นหนุ่มน้อยรูปงามแน่นอน”
อู่เป่าน้อยได้ยินลู่เจียวเอ่ยชมก็ดีใจมาก ยื่นมือไปคล้องแขนลู่เจียว หารือว่า “ท่านแม่ ข้าไม่ไปเรียนหนังสือที่สำนักศึกษาได้หรือไม่ ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะเรียนวิชาแพทย์กับท่านแม่ ท่านแม่วางใจ ถึงตอนนั้นข้าจะต้องสอบซิ่วไฉมาให้ท่านแม่ให้ได้เหมือนกับพวกพี่ๆ ”
เขารู้กฎตระกูลเขาดี ไม่ว่าจะทำอันใด อย่างน้อยต้องสอบซิ่วไฉให้ได้ก่อน
เรื่องนี้อู่เป่าน้อยไม่ได้รู้สึกกดดันแม้แต่น้อย เดิมเขาก็เรียนหนังสือเก่ง และพี่ใหญ่มักคอยชี้แนะเขา ดังนั้นเขารู้สึกว่าตนเองสอบซิ่วไฉได้อย่างแน่นอน
ลู่เจียวได้ฟังก็หันไปมองอู่เป่า กล่าวว่า “ลูกแม่ แม่รู้เจ้าชอบเรียนหนังสือ และเรียนได้ดี แม่คิดว่าหากเจ้าสอบจ้วงหยวนได้ แม่จะยิ่งดีใจ”
อู่เป่าได้ฟังคำพูดลู่เจียวก็รู้สึกลำบากใจ เพราะหากต้องเรียนหนังสือต่อไป เขาสอบซิ่วไฉได้ก็ต้องเข้าไปเรียนหนังสือกับสำนักศึกษาทางการ วันหน้าก็ไม่มีทางได้ติตตามข้างกายมารดา
ลู่เจียวให้กำลังใจอีกครั้ง “อู่เป่า เจ้าอย่าทำให้แม่ผิดหวัง หากแม่ผิดหวัง แม่ก็จะเสียใจมาก”
พอได้ฟังว่าท่านแม่จะเสียใจมาก อู่เป่าน้อยก็อดยื่นมือไปดึงมือลู่เจียวมาปลอบไม่ได้ “ท่านแม่ วางใจ ข้าจะต้องตั้งใจเรียนหนังสือ จากนั้นก็สอบตำแหน่งจ้วงหยวนมาให้ท่านแม่ให้ได้”
ลู่เจียวลูบศีรษะอู่เป่าน้อยอย่างพึงพอใจ “อู่เป่าของพวกเรากตัญญูที่สุด”
อู่เป่าน้อยถูกชมจนใจเต้นตึกตัก ท่านแม่บอกว่าเขากตัญญูที่สุด เขาจะต้องไม่ทำให้ท่านแม่ผิดหวัง เขาต้องเรียนให้ดี พยายามสอบเคอจวี่ให้ได้ วันหน้าชิงตำแหน่งจ้วงหยวนมาให้ท่านแม่
อู่เป่าน้อยทำสีหน้าเคร่งขรึม กล่าวว่า “ท่านแม่ ท่านแม่วางใจ บุตรชายท่านแม่จะต้องสอบตำแหน่งจ้วงหยวนกลับมาให้ท่านแม่”
เซี่ยหลิงหลงตัวน้อยนึกขำ มองพี่ห้าตนเองถูกท่านแม่ล่อหลอกเข้าแล้ว พี่ห้าล่อหลอกง่ายจริง แต่ก็มีเพียงแค่ท่านแม่ทำได้ ขอเพียงท่านแม่ล่อหลอก เขาก็ลืมไปว่าตนเองควรทำอะไร
เซี่ยหลิงหลงหัวเราะคิกคัก ลู่เจียวหันไปมองเซี่ยหลิงหลงอย่างไม่พอใจ เอ่ยเตือนว่า “หลิงหลง เจ้าอยู่สำนักศึกษา ต้องตั้งใจเรียนหนังสือ อีกสามปีไปค่อยไปสอบเข้าสำนักศึกษาสตรี สอบได้ก็ต้องเรียนให้ดี อีกอย่างดีที่สุดเจ้าคิดให้มากหน่อยว่าวันหน้าจะทำอันใด บ้านเราไม่ว่าคนไหนก็เก่งกาจทั้งสิ้น อย่าได้สุดท้ายเจ้าทำอันใดไม่เป็นสักอย่าง กลายเป็นคนรั้งท้ายที่สุดในตระกูลเรา”
“แม้เป็นสตรีก็ต้องยืนหยัดด้วยตนเอง ตนเองแข็งแกร่ง วันหน้าจึงจะทำให้สามีให้ความเคารพเจ้า รักเจ้า จึงจะทำให้เขายินยอมพร้อมใจครองคู่กับเจ้าเพียงผู้เดียว หากเจ้าถือเพียงแค่หน้าตางดงาม ภายในไร้ความสามารถ สามีเจ้าช้าเร็วสักวันหนึ่งก็จะเบื่อเจ้า”
ความจริงลู่เจียวเองรู้สึกว่าอยู่คนเดียวก็ดี แต่ในยุคสมัยนี้ไม่ออกเรือนเป็นความผิดมหันต์
ดังนั้นวันหน้าเซี่ยหลิงหลงย่อมต้องออกเรือน พอออกเรือน ผู้ชายบางทีอาจเพราะชอบนางในคราแรก และไม่รับอนุ แต่นานวันเข้าก็ไร้เสน่ห์ดึงดูดผู้ชายไว้ ผู้ชายอาจไปลักลอบกินนอกบ้านก็เป็นได้
แม้ว่าเซี่ยหลิงหลงอายุเพียงเจ็ดขวบ แต่ในยุคสมัยนี้เด็กผู้หญิงเจ็ดขวบก็รู้ความแล้ว นางได้ฟังคำพูดลู่เจียวก็พยักหน้าจริงจัง
ลู่เจียวลูบศีรษะนางกล่าวว่า “ดีที่สุดเจ้าก็ดูว่าตนเองชอบสิ่งใด ถนัดสิ่งใด จากนั้นก็เรียนรู้ให้มาก เหมือนพวกพี่ๆ เจ้า พี่ใหญ่เจ้าต้องการสอบเคอจวี่ เขาเรียนได้ดีมาก พี่รองเจ้าชอบเป็นทหารก็ทุ่มเทพยายามเรียนรู้ ส่วนพี่สามแต่เล็กก็เขียนใบสั่งยาได้ ส่วนพี่สี่ชอบทำการค้า แต่เล็กทำสินค้าตีตราของตนเอง พี่ห้าเจ้าแม้ว่าอายุน้อย แต่เรียนหนังสือได้ดีมาก”
“เจ้าดู คนในตระกูลเราทุกคนเก่งกาจมาก เจ้าไม่อาจทำอันใดไม่เป็นสักอย่าง”
เซี่ยหลิงหลงถูกลู่เจียวกล่าวเช่นนี้ ก็รีบคิดจริงจังว่าตนเองควรทำอันใด ควรพยายามทุ่มเทเพื่อสิ่งใด
เดิมท่านแม่นางก็เป็นคนเก่งกาจ คำพูดนางมาล้วนมีเหตุผล
“ท่านแม่ ท่านวางใจ ข้าจะตั้งใจคิดว่าข้าจะทำอันใด”
“อืม”
สามแม่ลูกคุยกันไปพลางเดินทางไปร่วมงานเลี้ยงจวนอู่กั๋วกง
วันนี้จวนอู่กั๋วกงจัดงาน เชิญแขกเหรื่อมาไม่น้อย แน่นอนว่าไม่ได้เชื้อเชิญบรรดาลูกหลานเชื้อพระวงศ์ อู่กั๋วกงเป็นเสาหลักแห่งราชสำนัก หากเขาใกล้ชิดกับเชื้อพระวงศ์ใด ก็จะทำให้ฝ่าบาททรงระแวง
สองปีมานี้พระพลานามัฝ่าบาทไม่ค่อยดีนัก เพราะเหตุนี้จึงทำให้ความระแวงในพระทัยยิ่งมากขึ้น หากขุนนางราชสำนักใกล้ชิดกับองค์ชายใดมากหน่อย ก็จะถูกฝ่าบาทระแวง และย่อมหาโอกาสหาเรื่องเจ้าลับหลัง
ดังนั้นแต่ไรมาอู่กั๋วกงจึงรักษาระยะห่างจากบรรดาองค์ชาย
รถม้าตระกูลเซี่ยมาถึง ชิวเยว่บ่าวหญิงอาวุโสของท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่ก็เข้ามาต้อนรับพวกนาง
วันนี้ลู่เจียวเป็นแขกคนสำคัญ ท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่จัดงานเลี้ยงเพื่อแนะนำนางต่อบรรดาฮูหยินในเมืองหลวง
ความจริงในเมืองหลวงมีฮูหยินไม่น้อยรู้จักลู่เจียวแล้ว แต่ท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่จัดงานวันนี้ก็เพื่อบอกกล่าวกับฮูหยินทุกคนว่า ลู่เจียวกลับมาแล้ว
“ฮูหยินเซี่ย เชิญ”
บ่าวหญิงชิวเยว่เชิญลู่เจียวเข้าไปอย่างนอบน้อม มีรถม้ามากมายจอดหน้าประตูจวนอู่กั๋วกง พอลงจากรถม้า เห็นชิวเยว่ท่าทางนอบน้อมต่อนาง ฮูหยินหลายคนก็พากันวิพากษ์วิจารณ์
“นั่นไม่ใช่ชิวเยว่บ่าวอาวุโสของท่านหญิงหรือ เหตุใดนางจึงได้นอบน้อมต่อหญิงผู้นั้นเช่นนี้ นางเป็นผู้ใดกัน”
มีเพียงผู้เดียวที่สายตาแหลมคมจดจำลู่เจียวได้ เพราะก่อนหน้านี้องค์หญิงใหญ่จัดงานเลี้ยงแนะนำนางโดยเฉพาะ
เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าหลายปีมานี้ หญิงผู้นี้ไม่เพียงแต่ไม่แก่ลง แต่กลับยิ่งดูงดงามกว่าเดิม สุขภาพดี ผิวพรรณเต่งตึง คล้ายมีน้ำมีนวลนุ่มลื่นละมุนผุดผ่อง
นางไม่เหมือนสตรีในยุคนี้ที่ผอมแห้งไร้เนื้อหนัง กลับกัน เนื้อตัวนางมีเนื้อหนังเต็มอิ่ม งดงามอย่างบอกไม่ถูก ทำให้คนเห็นแล้วไม่อาจละสายตาจากไปได้
“พวกเจ้าลืมแล้วหรือ นางก็คือฮูหยินเซี่ยจ้วงหยวน”
“ถึงกับเป็นนางหรือ สวรรค์ หลายปีผ่านไป เหตุใดไม่แก่ลงเลยสักนิด ราวกับกินยาอายุวัฒนะ”
“ดูพวกเราสิ แก่กันเช่นนี้แล้ว”
“ข้าจำได้ว่านางคล้ายเปิดสามโรงผลิต ในนั้นมีโรงเวชสำอาง นางน่าจะใช้สินค้าโรงเวชสำอาง”
“แต่พวกเราเองก็ใช้ด้วย เหตุใดได้ผลเล็กน้อย ไม่เห็นเหมือนนาง”
“ไว้ขอคำแนะนำจากนางสักหน่อยว่าดูแลอย่างไร”
ทุกคนพูดไปๆ ก็เริ่มออกนอกประเด็น
ลู่เจียวไม่ได้สนใจพวกนาง นางเดินตามชิวเยว่ไปเรือนหลักจวนอู่กั๋วกง ตลอดทางชิวเยว่มองแต่แฝดชายหญิงข้างกายลู่เจียว อดอุทานตกใจไม่ได้ว่า “ฮูหยินเซี่ย ท่านให้กำเนิดเก่งจริง ครรภ์แรกก็สี่คน ครรภ์นี้ก็สองคน และยังเป็นแฝดชายหญิง หากท่านตั้งครรภ์อีก จะเป็นฝาแฝดอีกหรือไม่”