ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 731 ไม่คู่ควร
ตอนที่ 731 ไม่คู่ควร
แฝดชายหญิงข้างกายลู่เจียวเห็นหญิงผู้นี้มองท่านแม่ตนไม่เป็นมิตร ก็โมโหมาก อ้าปากคิดเอ่ยวาจา
ลู่เจียวยื่นมือไปรั้งสองแฝดไว้ หันหน้าไปมองแววตาน่ากลัวของหลินหรูเยว่ด้วยสีหน้านิ่งเฉย นางไม่ได้กลัวหลินหรูเยว่เหมือนผู้อื่น
แววตาหลินหรูเยว่เย็นชา เดินมาตรงหน้าลู่เจียว แสยะปากมองนางคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
ท่าทางนางไม่เหมือนกำลังยิ้ม แต่กลับเหมือนปีศาจร้ายแยกเขี้ยว
ลู่เจียวค่อยๆ ลุกขึ้น คำนับอย่างไม่ดูวางตัวสูงส่ง แต่ก็ไม่ได้ดำรงตนต่ำต้อย “พระชายา”
พระชายาอ๋องฉินเป็นเชื้อพระวงศ์ ลู่เจียวเป็นแค่ฮูหยินขุนนางระดับสี่ ต้องคำนับตามธรรมเนียม
แต่ท่าทีไม่ได้วางตัวสูงส่ง แต่ก็ไม่ได้ดำรงตนต่ำต้อย กลับทำให้คนไม่รู้สึกว่านางต้อยต่ำ
พระชายาอ๋องฉินไม่เรียกให้นางลุกขึ้น ลู่เจียวเองก็ไม่ย่อตัวต่อ แต่ค่อยๆ ยืนตรงขึ้น
ในห้องโถง ทุกคนคิดว่าพระชายาอ๋องฉินจะมาหาเรื่อง ท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่ถึงกับเตรียมตัวปกป้องลู่เจียวไว้แล้ว
ไม่คิดว่าหลินหรูเยว่ไม่ได้หาเรื่อง นางแสยะปากมองลู่เจียวอยู่เป็นนาน ถึงกับตรงไปนั่งลงที่เก้าอี้ข้างลู่เจียว มองลู่เจียวเอ่ยขึ้นว่า “เห็นฮูหยินเซี่ยเช่นนี้ มีชีวิตที่มีความสุขมากสินะ”
หากไม่เบิกบานใจจะยิ่งงดงามขึ้นหรือ ดูนางสิ ตอนนี้มีชีวิตผีก็ไม่ใช่ คนก็ไม่เชิง ก็รู้ว่านางต้องพบกับความทุกข์ทรมานมามากมายเพียงใด
อ๋องฉินเซียวถิงรู้ว่านางเคยคิดทำลายการแต่งงาน คิดแต่งกับเซี่ยอวิ๋นจิ่น จึงไม่ดีกับนาง ไม่เพียงแต่ไม่ดี ยังมักจะทุบตีนาง
ก่อนหน้านี้เซี่ยอวิ๋นจิ่นส่งนางขึ้นเตียงเซียวถิง เดิมเซียวถิงไม่คิดให้นางเป็นพระชายา คิดให้นางเป็นแค่พระชายารอง
เขาว่าหากไม่ใช่เพราะสถานะนาง นางคู่ควรเพียงแค่อนุ
ต่อมานางจงใจบอกเขาว่านางมีความสามารถหยั่งรู้อนาคต อ๋องฉินไม่เชื่อ นางจึงได้บอกไปสองเรื่อง ปรากฏเป็นจริงตามที่นางบอก
เพราะความสามารถรู้อนาคตของนาง ทำให้อ๋องฉินแต่งนางเป็นพระชายาอ๋องฉิน ต่อมานางก็บอกอ๋องฉินว่า นางรู้ว่าอ๋องเยียนจะได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ เซี่ยอวิ๋นจิ่นจะได้เป็นโส่วฝู่แห่งแคว้นต้าโจว
อ๋องฉินรีบนำเรื่องที่นางหยั่งรู้ไปรายงานต่ออ๋องจิ้น อ๋องจิ้นรีบลงมือสังหารอ๋องเยียน ครั้งก่อนอ๋องเยียนถูกพิษ ก็เพราะยาพิษประหลาดในความทรงจำภพก่อนของหลินหรูเยว่ ปรากฏคิดไม่ถึงว่ายาพิษนั่นถึงกับถูกลู่เจียวถอนได้ และอ๋องเยียนก็ฟื้นคืนมา
ต่อมาทุกเรื่องก็ห่างไกลจากการหยั่งรู้ของหลินหรูเยว่ขึ้นเรื่อยๆ
อ๋องเยียนทูลฝ่าบาทเรื่องการขยายผลผลิตข้าวสาลีและเรื่องการขยายผลผลิตของข้าวเจ้า อ๋องเยียนยังคิดหาทางทำให้เกลือขาว ยังคิดค้นอิฐแดง และยังมีความดีความชอบต่างๆ นานาอีกมากมาย ทำให้อ๋องเยียนได้รับการสนับสนุนจากราชสำนัก สุดท้ายอ๋องเยียนถึงกับได้รับการแต่งตั้งเป็นรัชทายาทแห่งแคว้นต้าโจว
ภพก่อนอ๋องเยียนได้ขึ้นเป็นรัชทายาทแคว้นต้าโจวในตอนท้ายสุด ไม่ได้รวดเร็วเช่นนี้
อ๋องฉินเห็นแล้วก็โมโหมาก นึกถึงเมื่อใดก็จะทุบตีหลินหรูเยว่ ดังนั้นชีวิตหลินหรูเยว่ตอนนี้ก็อยู่ไม่สู้ตาย ยามนี้เซี่ยอวิ๋นจิ่นกลับมาเมืองหลวง ฮูหยินเขาก็ตามกลับมาด้วย พวกเขาไม่เพียงแต่มีบุตรชายแฝดสี่ ต่อมายังมีแฝดชายหญิง
ทุกอย่างเดิมควรเป็นของนาง
หลินหรูเยว่คิดถึงเรื่องเหล่านี้แล้ว ในใจก็แค้นใจดังโลหิตรินไหล แต่นางกลับไม่มีหนทางทำอันใดลู่เจียวได้ ได้แต่คิดหาอุบายวนไปมา
หลินหรูเยว่ครุ่นคิดแล้วก็พลันยิ้มมองลู่เจียว เอ่ยขึ้นว่า “ได้ยินว่าแฝดสี่ฮูหยินเซี่ยแต่ละคนล้วนเป็นเด็กหนุ่มองอาจโดดเด่น ข้าคิดอยากให้หลานสาวแต่งเข้าตระกูลเซี่ย ไม่ทราบว่าฮูหยินเซี่ยยินดีเกี่ยวดองกับจวนเฉิงเต๋อโหวหรือไม่”
ทุกคนเดิมคิดว่าพระชายาอ๋องฉินจะหาเรื่องลู่เจียว คิดไม่ถึงว่ากลับเปลี่ยนทิศทางลมไปเป็นเช่นนี้
แต่ละคนสบตากัน ไม่รู้ว่าพระชายาอ๋องฉินหมายความเยี่ยงไร
ในนั้นมีคนฉลาดคาดเดาได้ว่าพระชายาอ๋องฉินน่าจะคิดทำลายตระกูลเซี่ย ข้าแต่งไม่ได้ ก็ให้ข้าส่งหลานสาวไปทำลายตระกูลเซี่ยพวกเจ้า
ลู่เจียวยิ้มบาง กล่าวว่า “ขออภัยพระชายา ลูกๆ ข้ายังเล็ก”
หลินหรูเยว่ไม่ยอมปล่อยผ่าน ยิ้มกล่าวว่า “ลูกๆ เจ้าน่าจะสิบสามสิบสี่แล้วกระมัง สิบสามสิบสี่ก็กำลังอยู่ในวัยหมั้นหมายแล้ว”
ลู่เจียวตอบกลับอย่างไม่เกรงใจทันที “ตระกูลเราไม่มีรากฐาน ใต้เท้าเราก็แค่ขุนนางระดับสี่ ไม่อาจเอื้อมคุณหนูจวนเฉิงเต๋อโหว ขอพระชายาอ๋องฉินเลิกล้มความคิด”
ห้องโถงกลาง เนี่ยอวี้เหยาเห็นพระชายาอ๋องฉินยังจะเอ่ยต่อ ก็รีบลุกขึ้นเดินเข้ามา
“พระชายาอ๋องฉิน ข้าไม่ได้เจอเจียวเจียวนานแล้ว อยากคุยกับนาง ข้าพานางออกไปคุยสักครู่ได้หรือไม่”
นางกล่าวจบก็ไม่รอให้หลินหรูเยว่เอ่ย ดึงมือลู่เจียว พาสองแฝดเดินออกไป
หลินหรูเยว่โมโหมาก ถลึงตาใส่เนี่ยอวี้เหยา ท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่มองแล้วก็ไม่พอใจ เอ่ยขึ้นว่า “พระชายาอ๋องฉิน มา มา ดื่มน้ำชาๆ”
หลินหรูเยว่จะโมโหมากอย่างไร ก็ไม่อาจโมโหใส่ท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่ นางได้แต่อดทนไว้
อีกฟาก เนี่ยอวี้เหยาสั่งให้หลานชายและหลานสาวในจวนอู่กั๋วกงพาสองแฝดไปเล่น ยังกำชับหลานๆ ว่า สองแฝดเป็นแขก ต้องต้อนรับให้ดี
เพราะแฝดสองหน้าตาดี ดังนั้นเด็กๆ ตระกูลเนี่ยจึงชอบพวกเขามาก พาพวกเขาออกไปอย่างยินดี
แฝดสองมองท่านแม่ตนเองอย่างไม่ค่อยวางใจ ลู่เจียวยิ้มโบกมือกล่าวว่า “ไปเล่นเถอะ แม่ไม่เป็นไร น้าเนี่ยเจ้าอยู่กับแม่”
ความจริงเซี่ยอู่เป่าไม่อยากไป อยากอยู่ปลอบใจมารดา แต่เห็นน้าเนี่ยดึงมือมารดาไว้ เขาก็ได้แต่ตามเด็กๆ ตระกูลเนี่ยออกไปอย่างไม่ค่อยยินดีสักเท่าไร
เนี่ยอวี้เหยาปลอบลู่เจียว “เจ้าอย่าสนใจคนเสียสตินั่น สมองไม่ปกติ มีอย่างที่ไหนมาถามคนเขาให้แต่งต่อหน่าสาธารณชน อีกอย่างนางเหมือนสติไม่ค่อยปกติ เจ้าต้องระมัดระวังหน่อย”
ลู่เจียวพยักหน้า “ข้ารู้แล้ว พี่วางใจ”
เนี่ยอวี้เหยาได้ฟังก็ไม่พูดเรื่องพระชายาอ๋องฉินต่อ นางคิดถึงเรื่องหนึ่งได้ก็กล่าวว่า “เจียวเจียว มีเรื่องหนึ่งข้าอยากบอกเจ้า”
ลู่เจียวชะงักฝีเท้า มองเนี่ยอวี้เหยา เนี่ยอวี้เหยามองไปยังสาวใช้ด้านหลัง บอกให้พวกนางรออยู่ตรงนี้ ส่วนนางพาลู่เจียวไปคุยที่เรือนบุปผา
“ก่อนหน้านี้พวกเราสองตระกูลตกลงเรื่องเด็กสองคนแล้ว ใช่หรือไม่ ตอนนี้มีเหตุไม่คาดคิดเล็กน้อย”
ลู่เจียวเลิกคิ้วมองเนี่ยอวี้เหยาทันที หรือว่าหลิงเสวี่ยไม่ตกลง
“หลิงเสวี่ยไม่ชอบต้าเป่าหรือ หากนางไม่ยินดี พวกเราก็ไม่ฝืนใจนาง”
เนี่ยอวี้เหยารีบส่ายหน้า “ไม่ใช่ นางชอบต้าเป่า แต่นาง…”
เนี่ยอวี้เหยากล่าวไม่ทันจบ นอกประตูก็มีเสียงฝีเท้าดังมา มีคนผลักประตูเข้ามา คนที่ก้าวเข้ามาก็คือหูหลิงเสวี่ยในชุดกระโปรงหรูฉวินเรียบร้อย หูหลิงเสวี่ยหน้าตางดงาม แววตาอ่อนโยน เดินเข้ามายิ้มเอ่ยว่า“ท่านแม่ ข้า ข้าคุยกับท่านน้าลู่เอง”
เนี่ยอวี้เหยาคิดแล้วก็เห็นด้วย บอกกับหูหลิงเสวี่ยว่า “เช่นนั้น เจ้าก็เป็นเพื่อนท่านน้าลู่ไปก่อน แม่ไปช่วยท่านยายต้อนรับแขก”
“เจ้าค่ะ”
เนี่ยอวี้เหยาไปแล้ว หูหลิงเสวี่ยก็เดินมานั่งลงตรงหน้าลู่เจียว นางมองลู่เจียวด้วยสีหน้าเงียบสงบเรียบร้อย กล่าวว่า “น้าลู่ ข้าชอบมากต้าเป่า แต่ข้ารู้สึกว่าตนเองไม่คู่ควรกับต้าเป่า”
ลู่เจียวคิดไม่ถึงว่าหูหลิงเสวี่ยถึงกับคิดเช่นนี้
หูหลิงเสวี่ยไม่รอให้ลู่เจียวเอ่ย ก็เอ่ยต่อว่า “เริ่มแรกได้ยินท่านแม่ข้าบอกเรื่องนี้ ข้าดีใจมาก จริงๆ นะ ดีใจอย่างมาก ข้าไม่กลัวท่านน้าลู่หัวเราะข้า ตั้งแต่เด็ก ข้าก็ชอบเล่นกับต้าเป่า เห็นเขาอายุน้อยๆ ดูแลบรรดาน้องชายแล้ว ในใจข้าก็รู้สึกสงสาร รู้สึกว่าเขาน่าสงสารจริง เห็นอยู่ว่าเขาอายุพอๆ กับน้องๆ แต่ต้องคอยยอมน้องๆ ดังนั้นหลายครั้ง ข้าก็อดไปอยู่ข้างกายคอยดูแลเขาไม่ได้”
“ตอนนี้ข้าโตแล้ว ความชอบในใจก็ไม่ได้ลดลง แต่กลับยิ่งทวีมากขึ้น แต่ข้าที่โตมาพร้อมกับต้าเป่า ก็รู้ว่าต้าเป่าเป็นเด็กหนุ่มที่ยอดเยี่ยมมาก เขาฉลาดมีปัญญา ความสามารถผ่านตาไม่ลืม เขามีหน้าที่ มีภาระ วันหน้าเขาจะต้องเป็นชายหนุ่มที่เก่งกาจอย่างมาก”
“เขาเช่นนี้ ข้าเอาอันใดไปคู่ควรกับเขา บางทีหากถึงวันที่เขายืนในตำแหน่งสูง ข้าก็อาจไร้เรื่องคุยกับเขา”