ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 733 ยุ่งยากวุ่นวาย
ตอนที่ 733 ยุ่งยากวุ่นวาย
วันหน้าจ้าวหลิงเฟิงบิดาจ้าวอวี้หลัวจะได้เป็นเสนาบดีกรมคลังขุนนางอันดับต้น จ้าวอวี้หลัวไม่เพียงงามราวเทพธิดา แต่ยังรู้ความและมีเหตุผล นางเป็นคู่หมายที่ไม่เลวอย่างยิ่งคนหนึ่ง
แต่เอ้อร์เป่าไปเป็นทหารแล้ว ไม่รู้ว่าจะกลับมาได้เมื่อใด ดังนั้นไม่ควรให้จ้าวอวี้หลัวเสียเวลารอ
ลู่เจียวครุ่นคิดมองไปยังจ้าวอวี้หลัวกล่าวว่า “เด็กดี ไม่ว่าอย่างไรน้าลู่ก็ขออวยพรให้เจ้าหาคู่ครองที่ดีได้สมดังหวัง”
จ้าวอวี้หลัวยิ้มมองลู่เจียวกล่าวว่า “น้าลู่ ท่านรู้ไหมว่าตอนเด็กเหตุใดข้าเอาแต่ตามติดเอ้อร์เป่า บอกว่าต้องการเป็นภรรยาเขา”
ลู่เจียวส่ายหน้า
จ้าวอวี้หลัวยิ้มดึงมือลู่เจียวมากล่าวว่า “ความจริงตอนแรกข้าคิดแย่งชิงน้าลู่มา ข้าอยากให้น้าลู่แต่งกับท่านพ่อข้า เป็นท่านแม่ข้า”
“ตอนเด็กข้าเห็นน้าลู่ ก็รู้สึกว่าท่านแม่ข้าควรสวยงามและมีความสามารถเช่นน้าลู่ ยามเอาจริงก็เอาจริง ยามอ่อนโยนก็อ่อนโยน กล่อมลูกๆ ได้อย่างอ่อนโยน ตอนนั้นอย่าได้เอ่ยว่าข้าอิจฉาเอ้อร์เป่าเพียงใด ต่อมาข้าคิดได้ว่า หากข้าแต่งกับเอ้อร์เป่า น้าลู่ก็คือท่านแม่ข้า ดังนั้นข้าจึงได้คอยไล่ตามเอ้อร์เป่าไม่ยอมปล่อย”
แน่นอนว่ายังเพราะชอบนิสัยเอ้อร์เป่า ไม่เช่นนั้นนางคงไม่ไล่ตามเช่นนั้น
ลู่เจียวคิดไม่ถึงว่าในความชอบเอ้อร์เป่าของจ้าวอวี้หลัว ถึงกับมีสาเหตุครึ่งหนึ่งเพราะนาง ก็อดหัวเราะขำไม่ได้
ความจริงจากใจ หูหลิงเสวี่ยกับจ้าวอวี้หลัวล้วนไม่เลว ตอนเด็กพวกนางล้วนได้รับการอบรมสั่งสอน เช่นเดียวกับแฝดสี่ พวกนางได้เรียนรู้หลายสิ่งในโรงเรียนอนุบาลที่นางตั้งขึ้น
ในเรือนบุปผา จ้าวอวี้หลัวยื่นมือไปดึงมือลู่เจียวมาออดอ้อนกล่าวว่า “น้าลู่ หากข้าไม่อาจเป็นสะใภ้ท่าน ท่านเป็นท่านแม่บุญธรรมข้า ได้หรือไม่”
ลู่เจียวกล่าวอย่างนึกขำว่า “เจ้าไม่ใช่มีท่านแม่แล้วหรือ น้าเถียนเจ้าดีกับเจ้ามาก”
เรื่องนี้จ้าวอวี้หลัวเองก็ยอมรับ “น้าเถียนดีมาก แต่ข้าก็มักรู้สึกว่านางระมัดระวังตัวกับข้ามากเกินไป เกรงว่าหากข้าทำผิด นางก็ไม่กล้าอบรมข้า แต่น้าลู่กล้า หากข้าทำผิด น้าลู่ก็จะลงโทษข้าทันที เช่นนี้จึงจะเรียกว่าท่านแม่แท้จริง”
ลู่เจียวคิดไม่ถึงว่าท่าทางภายนอกจ้าวอวี้หลัวดูไม่ยี่หระสิ่งใด แต่ในใจถึงกับละเอียดอ่อนเช่นนี้
นางยื่นมือไปลูบหลังมือจ้าวอวี้หลัว กล่าวว่า “หากเอ้อร์เป่าไม่ยินดีแต่งกับเจ้า น้าลู่ก็จะรับเจ้าเป็นบุตรสาวบุญธรรม แต่เจ้าต้องรับปากข้าเรื่องหนึ่ง”
“น้าลู่ว่ามาได้”
“เจ้าต้องเป็นหญิงสาวที่รู้เหตุผล อย่าได้เป็นคนที่ไร้เหตุผลและชั่วร้าย ลูกๆ น้าลู่ไม่มีผู้ใดไร้เหตุผล”
ลู่เจียวคิดถึงเรื่องราวในหนังสือ จ้าวอวี้หลัวจะกลายเป็นตัวร้ายหญิงชั่วร้าย ดังนั้นนางต้องกำชับเป็นพิเศษ
แต่เล็กจ้าวอวี้หลัวฟังนิทานในตระกูลเซี่ยจนโตมา สร้างทัศนคติในการมองโลกมาอย่างดี ได้ฟังคำพูดลู่เจียวก็ไม่ได้เอ่ยค้าน “ข้าทราบแล้ว”
ทั้งสองคนกำลังคุยกันนั้น นอกประตู เสียงคุยกันของเนี่ยอวี้เหยากับเถียนฮวนก็ดังเข้ามา
“มาหลบคุยอันใดกันอยู่ตรงนี้ รีบออกมาเร็ว งานจะเริ่มแล้ว”
ในห้องทั้งสองคนยิ้มให้กัน ลุกขึ้นก้าวออกไป
นอกประตู เนี่ยอวี้เหยากับเถียนฮวนสองคนเดินตามกันเข้ามา
เถียนฮวนรู้ว่าจ้าวอวี้หลัวมาหาลู่เจียว แต่ไม่รู้ว่านางมากล่าวอันใด
สำหรับลูกเลี้ยงเช่นจ้าวอวี้หลัว เถียนฮวนไม่กล้าเข้มงวดจริงๆ อย่างไรก็ไม่ใช่บุตรสาวตนเอง เข้มงวดเกินไป จะทำให้นางรู้สึกไม่ดี ดังนั้นปกติพบเจอเรื่องใด ก็ไม่ค่อยกล้ากล่าวอันใดมาก
เนี่ยอวี้เหยาเดินเข้ามายิ้มทักทายว่า “งานเลี้ยงจะเริ่มแล้ว พวกเราไปกินข้าวกันเถอะ”
“ได้”
ลู่เจียวรับคำ เนี่ยอวี้เหยายื่นมือไปดึงมือนางมากล่าวอย่างเกรงใจว่า “เจียวเจียว ขอโทษด้วย หลิงเสวี่ยนางช่างคิด พวกเราไม่อาจบีบบังคับนางได้”
ลู่เจียวกลับส่ายหน้า กล่าวจริงจังว่า “หลิงเสวี่ยโตแล้ว มีความคิดเป็นของตนเอง เป็นเรื่องดี เด็กผู้หญิง เข้มแข็งด้วยตนเอง นางคิดพยายามเป็นคนที่ยอดเยี่ยม ก็ไม่ได้มีอันใดไม่ดี”
เนี่ยอวี้เหยายิ้ม “เจ้าไม่ตำหนินางก็ดี แต่ต้าเป่าลูกเขยคนนี้ข้าจองแล้ว เจ้าอย่าได้หมั้นหมายให้ผู้อื่นส่งเดช”
ลู่เจียวกล่าวอย่างนึกขำว่า “พี่วางใจ เด็กๆ อายุยังน้อย ข้าไม่หมั้นหมายพวกเขาตอนนี้ มีแต่ตระกูลพี่ที่ยกเว้น”
เถียนฮวนกับจ้าวอวี้หลัวได้ฟังลู่เจียวคุยกับเนี่ยอวี้เหยาก็อดแปลกใจไม่ได้ เอ่ยขึ้นว่า “การหมั้นหมายของพวกเจ้าสองตระกูลไม่จัดแล้วหรือ”
เนี่ยอวี้เหยามองไปยังจ้าวอวี้หลัวอย่างจนใจ “พี่หลิงเสวี่ยเจ้าคิดว่าตนเองธรรมดาเกินไป ไม่คู่ควรกับต้าเป่า ดังนั้นนางขอเวลาสามปี จะต้องเปลี่ยนตัวเองให้เก่งกาจ คู่ควรกับต้าเป่า”
จ้าวอวี้หลัวได้ฟังก็พยักหน้า “พี่หลิงเสวี่ยยอดเยี่ยมมาก ก่อนหน้านี้ข้ากับนางนัดกันแล้วว่า พวกเราจะไปสอบเข้าสำนักศึกษาสตรีซุ่ยเต๋อ ถึงตอนนั้นพวกเราสองคนก็จะได้เป็นนักเรียนสำนักศึกษาสตรีซุ่ยเต๋อที่ยอดเยี่ยมที่สุด”
สำนักศึกษาสตรีซุ่ยเต๋อเป็นสำนักศึกษาที่ฮองเฮาเหวินฮุ่ยรัชกาลก่อนมีราชโองการให้ตั้งขึ้น ฮองเฮา เหวินฮุ่ยทรงคิดว่าสตรีสูงศักดิ์ในเมืองหลวงล้วนดีไม่พอเป็นสตรีตระกูลสูงศักดิ์ ไม่เพียงแต่กิริยามารยาทต้องตามธรรมเนียม แต่ยังต้องมีดำรงคุณธรรมจรรยา ล้วนต้องได้มาตรฐานจึงจะเป็นสตรีสูงศักดิ์ที่ผ่านมาตรฐาน ต่อมานางมีราชโองการให้ตั้งสำนักศึกษาสตรีซุ่ยเต๋อเพื่อให้สตรีสูงศักดิ์เมืองหลวงเรียนสามปีแล้วจบการศึกษา
สตรียอดเยี่ยมที่จบจากสำนักศึกษาสตรีซุ่ยเต๋อก็จะเป็นคู่ครองที่ตระกูลสูงศักดิ์ทั้งหลายต้องการหมั้นหมาย แต่จะเข้าศึกษาที่นี่ได้ก็ต้องผ่านการสอบ หลายคนสอบไม่ผ่าน สอบผ่านเข้าไปแล้ว อีกสามปีหากเรียนไม่จบ ก็ไม่ได้หนังสือรับรองจบการศึกษาจากสำนักศึกษา
ในเรือนบุปผา ผู้ใหญ่ทั้งสามได้ฟังความคิดเด็กๆ ก็ดีใจมาก เอ่ยชมว่า “พวกเจ้าล้วนไม่เลว พวกเราเชื่อว่าพวกเจ้าจะต้องสอบเข้าสำนักศึกษาสตรีซุ่ยเต๋อได้เป็นแน่”
เนี่ยอวี้เหยากล่าวว่า “หากบุตรสาวข้าสอบเข้าสำนักศึกษาสตรีซุ่ยเต๋อได้ ข้าจัดเลี้ยงเอง”
เถียนฮวนรีบเอ่ยขึ้นว่า “ตระกูลข้าเองก็จะจัดเลี้ยงเชิญแขกเช่นกัน”
จ้าวอวี้หลัวอดยิ้มยื่นมือไปคล้องแขนลู่เจียวไม่ได้ “น้าลู่ พวกเราไปกินข้าวกัน”
“ตกลง”
ทั้งสองคนเดินออกไป เนี่ยอวี้เหยามองไปยังเถียนฮวน กล่าวว่า “เจ้ารู้สึกไหมว่าอวี้หลัวเหมือนเจียวเจียวมาก หากไม่บอก นี่เหมือนแม่ลูกเลย”
เถียนฮวนนึกอิจฉา นางเป็นมารดาในนามของจ้าวอวี้หลัว ดีกับนางมาก แต่จ้าวอวี้หลัวยังคงเกรงใจต่อนาง ไม่ได้สนิทสนมเหมือนกับลู่เจียว ทำให้นางรู้สึกปวดปลาบในใจ แต่จะทำเช่นไรได้
“เหมือนจริง”
ทุกคนตรงไปร่วมงานเลี้ยง พอถึงโถงงานเลี้ยงก็พบว่าหลินหรูเยว่กลับไปแล้ว ลู่เจียวผ่อนคลายลงมาก นางไม่ได้กลัวหลินหรูเยว่ เพียงแต่รำคาญที่นางตามราวีไม่จบไม่สิ้น
ณ โถงงานเลี้ยง แขกสตรีเห็นลู่เจียวมาก็พากันเข้ามาทักทาย คนไม่น้อยถึงกับสอบถามลู่เจียวถึงลูกๆ ทั้งสี่ของนาง ส่วนใหญ่คิดผูกสัมพันธ์ ลู่เจียวรีบแสดงท่าทีว่าบุตรชายอายุสิบหกจึงจะหาคู่หมาย ตอนนี้ยังเล็ก ไม่คิดหมั้นหมายให้ลูกๆ เร็วเพียงนี้
เรื่องนี้ทำให้ฮูหยินในที่นั้นพากันวิพากษ์วิจารณ์ แต่ก็ไม่กล้ากล่าวอันใดต่อหน้าลู่เจียว ได้แต่พากันยิ้มพยักหน้ารอให้บุตรชายนางโตอีกหน่อยค่อยว่ากัน
ลู่เจียวนึกปวดหัว ลูกๆ โตแล้วก็ยุ่งยากไม่น้อย