ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 736 รับแล้ว
ตอนที่ 736 รับแล้ว
ลู่เจียวเห็นเขาเช่นนี้ก็รีบเอ่ยว่า “เจ้าเย็นลงหน่อย ข้ากับพี่เขยเจ้าจะช่วยเจ้าเอง”
คำพูดลู่เจียวดีมาก ปลอบใจจนหลิวจื่อเหยียนสงบลง เขาเงยหน้ามองลู่เจียว “พี่เจียว พี่จะช่วยข้าจริงหรือ”
ลู่เจียวพยักหน้า “เจ้าควรรู้ว่าพี่เขยเจ้าเข้าเมืองหลวงมาเป็นจิงจ้าวฝูอิ่น กำลังต้องการสร้างภาพลักษณ์ขุนนางต้นแบบพอดี หากเขารับคดีเจ้าก็จะทำให้คนในและนอกเมืองหลวงได้รู้ว่า เขาเป็นคนไม่กลัวอำนาจอิทธิพล เป็นจิงจ้าวฝูอิ่นที่ได้มาตรฐาน ดังนั้นหากไม่เหนือความคาดหมายเขาจะรับคดีนี้”
หากเซี่ยอวิ๋นจิ่นรับคดีนี้ไว้ ก็จะยิงนัดเดียวได้นกสองตัว ได้ช่วยหลิวจื่อเหยียนและได้ช่วยฮ่องเต้จัดการหลิวโส่วฝู่
หลายปีมานี้แม้พวกเขาไม่อยู่เมืองหลวง แต่ยังได้ข่าวเมืองหลวงมาบ้าง เช่นฮ่องเต้ตำหนิหลิวโส่วฝู่ร่วมวงดื่มสุรา หลิวโส่วฝู่ให้ท้ายศิษย์ตนเองต่างๆ นานา เรื่องเหล่านี้ทำให้มองออกไม่ยากว่า ฝ่าบาทไม่อาจทนรับหลิวโส่วฝู่ได้อีกต่อไปแล้ว
แต่เพราะหลิวโส่วฝู่ดำรงตำแหน่งฝังรากลึกในราชสำนักมานานปี ฮ่องเต้ทรงคิดแตะต้องเขา หากเขาไม่ได้มีความผิดยิ่งใหญ่ ก็จะทำให้เหล่าบัณฑิตใต้หล้าวิพากษ์วิจารณ์ ไม่เป็นผลดีต่อฮ่องเต้อย่างมาก ดังนั้นจึงไม่อาจแตะต้องหลิวโส่วฝู่มาโดยตลอด
ในห้องโถง หลิวจื่อเหยียนได้ฟังคำพูดลู่เจียวก็ดีใจมาก “พี่เจียว ขอบคุณมาก”
ลู่เจียวไม่ทันได้พูดอะไร นอกประตู เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ก้าวเดินเข้ามา ตอนนี้เขามาประจำที่จิงจ้าวฝู่ครั้งแรก งานยังไม่มาก ดังนั้นทุกวันจึงกลับบ้านเร็ว พอกลับมาได้ยินคนเฝ้าประตูรายงานว่าหลิวจื่อเหยียนมา เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็พาคนเดินเข้ามา เพิ่งจะเข้ามาก็ได้ยินหลิวจื่อเหยียนเอ่ยขอบคุณ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นยิ้มรับคำ “จื่อเหยียน ขอบคุณพี่สาวเจ้าด้วยเรื่องอันใด ไหนเล่ามาให้ฟังหน่อย”
ลู่เจียวรีบมองหลิวจื่อเหยียนกล่าวว่า “เจ้าคุยกับพี่เขยเจ้า ข้าออกไปให้คนเตรียมอาหารเย็น อีกสักครู่เจ้าอยู่กินอาหารเย็นที่นี่”
“ขอรับ ขอบคุณพี่เจียว”
เพราะก่อนหน้านี้ลู่เจียวเอ่ยวาจาปลอบใจ ความคับแค้นในใจหลิวจื่อเหยียนที่เปล่งออกมารอบตัวก็ผ่อนคลายลงไม่น้อย
ลู่เจียวเดินออกไป หลิวจื่อเหยียนพูดเรื่องของเขากับเซี่ยอวิ๋นจิ่น เซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดไตร่ตรองแล้วก็เป็นดังที่ลู่เจียวคาดไว้ เขาตกลงรับทำคดีนี้ทันที เพราะเขาเพิ่งมารับตำแหน่งจิงจ้าวฝูอิ่น กำลังต้องการสร้างภาพลักษณ์ที่ดี และตระกูลดังในเมืองหลวงแต่ละตระกูลก็กำลังจับจ้องการกระทำของเขาอยู่
อย่าเห็นว่าตำแหน่งจิงจ้าวฝูอิ่นไม่ใหญ่ แต่มีอำนาจแท้จริง หากปล่อยให้เขาจับจุดอ่อนที่สมเหตุสมผลได้ แม้เป็นชนชั้นสูงศักดิ์ก็ย่อมประสบเคราะห์ร้าย
ดังนั้นเซี่ยอวิ๋นจิ่นเป็นจิงจ้าวฝูอิ่น ชนชั้นสูงศักดิ์เมืองหลวงล้วนกำลังมองดู เซี่ยอวิ๋นจิ่นรับคดีหลิวจื่อ เหยียนก็เป็นการบอกให้ชนชั้นสูงศักดิ์ในเมืองหลวงรู้ว่าเขาไม่เกรงกลัวอิทธิพลอำนาจ ขอเพียงทำผิด เขาก็จะดำเนินการตามกฎหมาย แม้เจ้าเป็นชนชั้นสูงศักดิ์ก็ห้ามทำผิด
หลิวจื่อเหยียนได้ยินเซี่ยอวิ๋นจิ่นรับทำคดีนี้ก็ดีใจมาก แต่เซี่ยอวิ๋นจิ่นเกล่าวท่าทีเคร่งขรึมว่า “เจ้ากลับไปนำข้อมูลเรื่องพยานบุคคลและหลักฐานทั้งหมดที่เจ้าสืบพบมาให้ข้า เรามาช่วยกันชั่งน้ำหนักดูความน่าเชื่อถือกันอีกรอบ ต้องทำให้ไร้ช่องโหว่ อย่าได้มีรูรั่ว ถึงตอนนั้นลงโทษคนทำผิดไม่ได้ ยังอาจย้อนกลับมาทำร้ายเจ้าและข้า”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรับทำคดีนี้ถือว่ารับภาระหนักมาก อย่างไรคนที่หลิวจื่อเหยียนฟ้องร้องก็คือฮูหยินโส่วฝู่ในรัชกาลปัจจุบัน และยังเกี่ยวพันไปถึงโส่วฝู่อีกด้วย หากดำเนินการไม่ดี ตัวเขาเองก็ย่อมพลอยถูกดึงไปเกี่ยวพันด้วย
หลิวจื่อเหยียนย่อมรู้เรื่องนี้ดี รีบลุกขึ้นกล่าวว่า “พี่เขย ข้าจะรีบกลับไปรวบรวมข้อมูลทั้งหมดให้เรียบร้อย พรุ่งนี้ข้าจะนำข้อมูลพร้อมทั้งพยานหลักฐานมาพบพี่”
ความจริงในปีนั้นอู่ซูทำร้ายท่านแม่เขาตาย ก็กำจัดหลักฐานร่องรอยทิ้งหมดแล้ว สิ่งที่เขาหามาได้ก็คือรายละเอียดไม่สำคัญ หากไม่ชั่งดูความน่าเชื่อถือให้ละเอียด ก็อาจพลิกคว่ำได้ง่าย หลิวจื่อเหยียนรู้ว่าพี่เขยตนเองเป็นคนฉลาด ไม่แน่ว่าอาจจะทำให้รายละเอียดเหล่านี้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นได้
ยามนี้หลิวจื่อเหยียนเชื่อใจเซี่ยอวิ๋นจิ่นเต็มที่ ไม่เคยคิดแม้แต่นิดว่าหากเซี่ยอวิ๋นจิ่นนำข้อมูลและหลักฐานที่เกี่ยวข้องของเขาไปทำลายทิ้ง ชีวิตนี้ของเขาก็คงไม่อาจฟ้องร้องอู่ซูมารดาเลี้ยงได้อีก แต่เขากลับไม่คิดเรื่องพวกนี้แม้แต่น้อย
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นเขาเช่นนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย จนกระทั่งหลิวจื่อเหยียนเดินออกไป เขาจึงได้กลับไปเรือนด้านหลังพร้อมกับคิ้วที่ขมวดแน่นไม่คลาย
ลู่เจียวเห็นเขาเช่นนี้ก็เลิกคิ้วถามว่า “เจ้าเป็นอันใดไปหรือ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเล่าพฤติกรรมของหลิวจื่อเหยียนให้ลู่เจียวฟัง “เขาไม่มีความระมัดระวังผู้อื่นเลย เช่นนี้จะดีหรือ”
ลู่เจียวไม่พอใจค้อนใส่เขา “ชีวิตเขา ข้าเป็นคนช่วยไว้ เขาเชื่อใจพวกเราไม่สมควรหรือ เจ้าช่วยเขาไปให้ดีๆ ก็พอ”
กล่าวจบนางหันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่น กล่าวว่า “เขาไม่ได้บอกว่าจะอยู่กินข้าวเย็นหรือ เหตุใดจึงไปแล้ว”
“ใจร้อนรีบกลับ เย็นพรุ่งนี้จะนำหลักฐานทั้งหมดมา”
ลู่เจียวถอนหายใจ มองเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “เจ้าช่วยเขาเถอะ ข้ามองออกว่าเรื่องนี้เป็นปมในใจเขา หากไม่ช่วยเขา ข้ากลัวจริงๆ ว่าเขาจะจมลงสู่จิตมาร แต่ข้าก็เกรงว่าท่านปู่หลิวกับท่านย่าหลิวรู้เรื่องนี้แล้วจะเสียใจ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟังคำพูดลู่เจียว ก็รับคำเสียงเข้มว่า “นั่นเป็นการสั่งสอนที่บุตรชายพวกเขาสมควรได้รับแล้ว”
ลู่เจียวกำลังจะกล่าว นอกประตูสองแฝดวิ่งเข้ามา เห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นกลับมา เซี่ยหลิงหลงก็ราวกับกระสุนปืนใหญ่น้อยๆ โผเข้าหาเซี่ยอวิ๋นจิ่น กล่าวอย่างดีใจว่า “ท่านพ่อ วันนี้พวกเราไปเป็นแขกบ้านท่านยายมา พวกพี่ชายพี่สาวที่บ้านท่านยายก็ดีมากๆ ท่านยายดีมาก ใช่แล้ว ท่านแม่ยังบอกว่าจะส่งพวกเราไปที่เรียนหนังสือที่สำนักศึกษาบ้านท่านยาย”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรู้ว่าลู่เจียววันนี้ไปเป็นแขกที่จวนอู่กั๋วกง ดูท่าคนจวนอู่กั๋วกงดีกับสองหนูน้อยมาก เซี่ยอวิ๋นจิ่นดีใจมาก ยื่นมือไปจูงบุตรสาวมานั่งลงกินข้าว ถามว่า “เช่นนั้นพวกเจ้าอยากไปเรียนที่สำนักศึกษาหรือไม่”
“พวกเราอยากไป”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองไปยังเซี่ยอู่เป่า อู่เป่าเองก็พยักหน้าเอ่ยว่า “ข้าก็อยากไป ข้ารับปากท่านแม่แล้ว วันหน้าจะนำตำแหน่งจ้วงหยวนกลับมาให้ท่านแม่ ข้าจะต้องพูดได้ทำได้”
อู่เป่าน้อยกล่าวจบก็ชูกำปั้นไปมา แสดงท่าทางขึงขัง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นยิ้มด้วยแววตาชื่นชม
เขาคิดไม่ถึงว่าบุตรชายตัวน้อยของเขาจะชอบเรียนหนังสือเหมือนกับบุตรชายคนโต ประเด็นก็คือเขาเองก็ฉลาดมากเช่นกัน เซี่ยอวิ๋นจิ่นดีใจเหลือเกิน
“เยี่ยมมากอู่เป่า”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเอ่ยชมอู่เป่าน้อย แต่อู่เป่ากลับไม่ได้รู้สึกสนใจกับคำชมของบิดาตน หันไปมองลู่เจียวแทน ลู่เจียวรีบยิ้มลูบศีรษะบุตรชายกล่าวว่า “แม่รอได้ รออู่เป่าสอบจ้วงหยวนได้ แม่ก็จะจัดเลี้ยงที่ร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง”
อู่เป่าน้อยถูกชมก็มีสีหน้าตื่นเต้นดีใจ “อืม ท่านแม่รอนะ”
ใต้เท้าเซี่ยข้างๆ นึกสงสัย บุตรชายไม่ได้สนใจคำชื่นชมของเขาแม้แต่น้อยหรือ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกำลังจะกล่าวอันใด ลู่เจียวก็หันไปมองเขาเอ่ยอีกเรื่องหนึ่งขึ้นว่า “เรื่องแต่งงานของตระกูลเรากับตระกูลหู ตอนนี้พักไว้ก่อน”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นตกใจถามว่า “หมายความเยี่ยงไร ตระกูลหูไม่เห็นด้วยหรือ”
เขากล่าวจบก็กล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ตระกูลเราไม่รังเกียจพวกเขา ตระกูลพวกเขากลับรังเกียจตระกูลเรา คิดว่าตนเองใหญ่มาจากที่ใดกัน”
ลู่เจียวไม่พอใจถลึงตาใส่เขา “เจ้าพูดจาเหลวไหลอันใด หลิงเสวี่ยคิดว่าตอนนี้นางไม่คู่ควรกับต้าเป่า จึงคิดจะพยายามสร้างตนเองให้เข้มแข็งและดีเยี่ยมกว่านี้ก่อน นางวางแผนไว้ว่าเดือนแปดปีนี้จะสอบเข้าเรียนในสำนักศึกษาสตรีซุ่ยเต๋อ ทำเรื่องที่ตนเองควรทำ ให้ตนเองได้กลายเป็นสตรีที่ยอดเยี่ยม อีกสามปีหากต้าเป่าชอบนาง พวกเขาก็จะหมั้นหมายแต่งงานกัน”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟังคำพูดลู่เจียว ก็รู้สึกพึงพอใจหูหลิงเสวี่ยมากกว่าเดิม “สะใภ้คนโตตระกูลเซี่ยเราควรเป็นคนมีปณิธานเยี่ยงนี้”
กล่าวจบเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็มองไปยังลู่เจียวกล่าวว่า “เจียวเจียว เจ้าว่างก็อบรมนางมากๆ หน่อย อบรมให้นางเป็นสะใภ้คนโตที่ได้มาตรฐานของตระกูลเซี่ยเรา”
“ก่อนหน้านี้เจ้าไม่เห็นด้วยที่จะให้นางเป็นสะใภ้คนโตตระกูลเซี่ยไม่ใช่หรือ”