ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 737 ห่วงใย
ตอนที่ 737 ห่วงใย
เซี่ยอวิ๋นจิ่นยิ้มกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้รู้สึกว่านางใจคอคับแคบ ตอนนี้ดูท่าก็มีจุดดีอยู่บ้าง หากอบรมให้ดี วันหน้าไม่แน่ว่าอาจเป็นสะใภ้คนโตที่ได้มาตรฐานของตระกูลเซี่ยเรา”
ก่อนหน้านี้ความรู้สึกของเซี่ยอวิ๋นจิ่นแน่ใจว่าหูหลิงเสวี่ยไม่คู่ควรกับบุตรชายเขา ต่อมาเมื่อคิดให้ละเอียดถี่ถ้วนแล้วก็รู้สึกว่าหูหลิงเสวี่ยพอเป็นสะใภ้คนโตตระกูลเซี่ยได้ แม้ว่านางเทียบกับต้าเป่าแล้วจะต่ำต้อยกว่า แต่นางมีหัวใจรักต้าเป่าแท้จริง ยังมีหัวใจที่เมตตาอารีต่อน้องๆ ต้าเป่า เรื่องนี้สำคัญมาก หากวันหน้า ตระกูลเซี่ยแต่งสตรีสูงศักดิ์เข้าตระกูลมาแล้วนางเอาแต่วางตัวสูงส่ง น้องชายน้องสาวจะยอมใกล้ชิดพี่สะใภ้คนโตหรือ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดถึงเซี่ยต้าเฉียงกับเฉินหลิ่วแล้วก็ได้ข้อสรุป เซี่ยต้าเฉียงกับเฉินหลิ่วไม่มีความใจกว้างแบบพี่ชายพี่สะใภ้ใหญ่ น้องๆ คนใดก็ไม่อยากใกล้ชิด สุดท้ายครอบครัวก็ไปคนละทิศละทางเช่นนี้
เขาไม่มีทางยอมให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ต้าเป่าเองก็ไม่ยอม นี่เป็นเหตุผลแท้จริงที่ทำให้ต้าเป่าเห็นด้วยที่จะแต่งหูหลิงเสวี่ย
ตอนนี้เซี่ยอวิ๋นจิ่นนับว่าเข้าใจความตั้งใจทุ่มเทของบุตรชายคนโตตนเองแล้ว พร้อมกับยิ่งสงสารบุตรชายคนโตมากยิ่งขึ้น
ตอนนี้หูหลิงเสวี่ยยินยอมจะพัฒนาตนเองให้เติบโต ให้เป็นคนยอดเยี่ยม ถือเป็นเรื่องที่ดีมาก
ลู่เจียวได้ฟังเซี่ยอวิ๋นจิ่น ก็รู้ว่าเขาคิดกระจ่างแล้ว จึงพยักหน้ากล่าวว่า “วางใจได้ แม้ว่าพวกเราสองตระกูลไม่ได้หมั้นหมายตอนนี้ แต่ในใจข้าหลิงเสวี่ยก็คือสะใภ้คนโตตระกูลเซี่ยเราแล้ว วันหน้าข้าจะต้องอบรมนางให้ดี”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรู้สึกวางใจ เขารู้ว่าขอเพียงเจียวเจียวเอ่ยแล้วย่อมต้องทำได้ ตอนนี้ที่เขาเป็นห่วงที่สุดก็คือคดีหลิวจื่อเหยียน ควรรู้ว่าคนที่หลิวจื่อเหยียนฟ้องก็คือฮูหยินโส่วฝู่ ฮูหยินโส่วฝู่ผู้นี้ยังเป็นบุตรีอ๋องผิงหลิง ท่านหญิงหลันหยางจวิ้นจู่
ลู่เจียวเห็นเขาขมวดคิ้วก็ รู้ว่าเขากำลังคิดเรื่องนี้ จึงค่อยๆ เอ่ยขึ้นว่า “เจ้ารับคำร้องแล้วก็ชั่งน้ำหนักหลักฐานดู เมื่อแน่ใจแล้วก็รับได้ หากไม่อาจลงโทษเอาผิดท่านหญิงหลันหยางจวิ้นจู่ได้จริงๆ ก็อย่าได้รับคำร้องนี้ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ”
“ข้ารู้ เจ้าอย่าได้เป็นห่วงเรื่องนี้”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นปลอบลู่เจียวให้นางพักผ่อน
วันรุ่งขึ้นตกค่ำ หลิวจื่อเหยียนก็นำพยานหลักฐานทั้งหมดแอบมาตระกูลเซี่ยมอบให้เซี่ยอวิ๋นจิ่น
เซี่ยอวิ๋นจิ่นพลิกดูหลักฐานทั้งหมดแล้วก็พบว่าหลิวจื่อเหยียนสืบได้ละเอียดมาก รายละเอียดทุกขั้นตอนแม้แต่รายละเอียดเล็กน้อยก็ไม่เล็ดรอดแม้แต่น้อย
แม้ว่าไม่ใช่หลักฐานโดยตรง แต่หลักฐานทางอ้อมพวกนี้ก็พอจะแสดงให้เห็นว่าในปีนั้นอู่ซูทำร้ายมารดาหลิวจื่อเหยียนตาย
หลักฐานเหล่านี้เพียงพอที่จะเอาผิดอู่ซูได้ และหลักฐานเหล่านี้ยังชี้ไปที่เรื่องบางเรื่อง ก่อนหลิวโส่วฝู่แต่งภรรยาก็มีสัมพันธ์กับท่านหญิงหลันหยางจวิ้นจู่แล้ว ทั้งสองคนแอบลักลอบคบกัน
ทำให้คนอดคาดเดาไม่ได้ว่า ในปีนั้นท่านหญิงหลันหยางจวิ้นจู่ทำร้ายภรรยาของเขาตาย เรื่องนี้หลิวโส่วฝู่มีส่วนรู้เห็นหรือไม่
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองหลิวจื่อเหยียนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม กล่าวว่า “จื่อเหยียน ทันทีที่ศาลจิงจ้าวรับคำร้องนี้ไว้ บิดาเจ้าก็จะถูกพักงานชั่วคราว มารดาเลี้ยงเจ้าก็จะถูกนำตัวมาศาลจิงจ้าว คดีนี้เกี่ยวพันวงกว้างมาก ข้าเป็นแค่จิงจ้าวฝูอิ่น ย่อมไม่มีคุณสมบัติจะสอบคดีนี้ แต่ข้าจะหาทางส่งคดีให้รัชทายาทนำทูลต่อเบื้องพระพักตร์ฝ่าบาท”
“ขอเพียงคดีนี้ไปถึงเบื้องพระพักตร์ฝ่าบาท ไม่เพียงแต่บิดาเจ้าจะต้องหยุดดำรงตำแหน่งโส่วฝู่ชั่วคราว แม้แต่เจ้าเองเกรงว่าก็คงถูกกระทบไปด้วย ไม่แน่ว่ายังอาจมีคนด่าทอเจ้า บิดาเป็นโส่วฝู่ รากฐานหลายปีมานี้ พรรคพวกเขาไม่รู้เท่าไร หากคนพวกนั้นรู้ว่าเจ้าฟ้องมารดาเลี้ยง ยังเกี่ยวพันมาถึงบิดาเจ้าเอง เกรงว่าคงด่าว่าเจ้าอกตัญญู ไม่คู่ควรเป็นขุนนาง หากพวกเขาร่วมลงชื่อไปทูลต่อฝ่าบาท ฝ่าบาทก็อาจจะปลดเจ้าเป็นสามัญชนเพื่อสยบสถานการณ์วุ่นวาย ความพยายามของเจ้าหลายปีมานี้ก็จะมลายหายไปหมดสิ้น เช่นนี้เจ้ายังจะฟ้องอีกหรือ”
เรื่องที่เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวมาล้วนเป็นเรื่องที่อาจเกิดขึ้น หลิวจื่อเหยียนเองก็รู้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวโยงในวงกว้างมาก
แต่เขากัดฟันยืนยันว่า “พี่เขย ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะทำเช่นนี้ ส่วนจะเป็นขุนนางหรือไม่ ข้าไม่สนใจจริงๆ หากลงโทษอู่ซูได้ แม้ฝ่าบาทลงอาญาข้า ข้าก็ยินดีกลับบ้านเกิดไปเป็นชาวนา ในฐานะบุตรชาย แม้แต่ความแค้นมารดาก็ไม่อาจแก้แค้นได้ เช่นนั้นชีวิตนี้ของข้าก็คงไม่อาจสงบสุขได้”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นเขาตัดสินใจแล้วก็ไม่กล่อมเขาอีก พยักหน้าเล็กน้อย เอ่ยเบาๆ กับเขาอีกสองสามคำเกี่ยวกับเรื่องสำคัญบางอย่าง เช่น หากอยู่ในชั้นศาล อย่าได้เอ่ยถึงบิดาเขา ให้เอ่ยแต่ท่านหญิงหลันหยางจวิ้นจู่อู่ซูทำร้ายมารดาเขา ส่วนเรื่องอื่นมอบให้กรมอาญากับศาลอาญาต้าหลี่ไปตรวจสอบ
หลิวจื่อเหยียนพยักหน้า เซี่ยอวิ๋นจิ่นบอกให้เขานำหลักฐานทั้งหมดกลับไปก่อน พรุ่งนี้เช้านำคำร้องกับพยานหลักฐานไปฟ้องร้องที่ศาลจิงจ้าว เรื่องที่เหลือมอบให้เขาจัดการ
หลิวจื่อเหยียนรีบพยักหน้า เซี่ยอวิ๋นจิ่นรอให้เขากลับไปแล้วก็บอกกล่าวลู่เจียวคำหนึ่ง ก่อนจะนำคนตรงไปยังตำหนักตงกงพบรัชทายาท นำเรื่องที่หลิวจื่อเหยียนจะฟ้องร้องมารดาเลี้ยงไปทูลรัชทายาทสักหน่อย
ที่เซี่ยอวิ๋นจิ่นทำเช่นนี้ก็เพราะในฐานะจิงจ้าวฝูอิ่น เขาไม่อาจสอบปากคำท่านหญิงหลันหยางจวิ้นจู่ได้ ตามหลักเรื่องที่เขาควรทำก็คือนำคดีนี้มอบให้กรมอาญา แต่หากมอบคดีนี้ให้กรมอาญา จะแตกต่างอันใดกับการที่หลิวจื่อเหยียนเลือกที่จะไม่ตรงไปฟ้องร้องที่กรมอาญา ดังนั้นเซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดมอบคดีนี้ให้รัชทายาท ให้รัชทายาทนำความกราบทูลฝ่าบาท
เซียวอวี้ได้ฟังเซี่ยอวิ๋นจิ่น แววตาก็นิ่งงัน ขมวดคิ้วเล็กน้อย กล่าวว่า “หลิวจื่อเหยียนทำเช่นนี้ไม่เป็นผลดีต่อตนเอง”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบกล่าวว่า “เขาไตร่ตรองผลลัพธ์มาแล้ว อย่างมากก็กลับบ้านเกิดไปทำนา เขาบอกว่าในฐานะผู้เป็นบุตร หากไม่อาจแก้แค้นแทนมารดาได้ แม้ตายหมื่นครั้งก็ไม่อาจลบล้างความผิดนี้”
รัชทายาทเซียวอวี้ได้ฟังเซี่ยอวิ๋นจิ่น ก็เอ่ยชมหลิวจื่อเหยียนว่า “บุคคลผู้นี้คุณธรรมสูงส่ง”
เขากล่าวจบก็กล่าวต่อว่า “พรุ่งนี้เจ้ารับคำร้องมาก็ให้คนส่งมาที่ตำหนักตงกง ข้าจะนำเข้าวังกราบทูลเสด็จพ่อ”
เสด็จพ่อหวาดระแวงหลิวโส่วฝู่มาตลอด เหตุผลที่หวาดระแวงก็เพราะกลัวว่ารัชทายาทเช่นเขาจะถ่วงดุลอำนาจไม่ไหว รากฐานหลิวโส่วฝู่กระทบต่อรากฐานตระกูลเซียว ดังนั้นเขาคิดกำจัดหลิวโส่วฝู่มาโดยตลอด
แต่หลิวโส่วฝู่เข้าสู่วงการขุนนางมาหลายปี ในตอนนั้นยังมุ่งมั่นประคับประคองเสด็จพ่อตนเอง หากเขาหาเหตุผลที่เหมาะสมไม่พบ ลงมือกับหลิวโส่วฝู่ตามอำเภอใจ ก็จะทำให้บัณฑิตใต้หล้าหวั่นใจ ดังนั้นเสด็จพ่อจึงคอยหาโอกาสมาตลอด ยามนี้โอกาสมาถึงแล้วไม่ใช่หรือ
เซียวอวี้คิดไปพลางมองไปยังเซี่ยอวิ๋นจิ่น
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเองก็รู้พระทัยฝ่าบาท จึงได้มาพบรัชทายาท ไม่เช่นนั้นเขาก็คงไม่มาพบรัชทายาท
“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมรับคำสั่ง”
เซียวอวี้พยักหน้า ถามถึงเรื่องซื่อเป่าอย่างห่วงใย
“เขาไปลงชื่อเข้าเรียนที่สำนักศึกษาไป่ลู่แล้วหรือยัง โมโหไม่พอใจอันใดหรือไม่”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบกล่าวว่า “ไม่มีพ่ะย่ะค่ะ คำพูดมารดาเขาได้ผล มารดาเขาบอกกับเขาว่าจะเป็นคหบดีอันดับหนึ่งแห่งแคว้นต้าโจว ก็ต้องรับมือคนเจ้าเล่ห์มากอุบายต่างๆ นานา หากไม่เรียนให้มากอีกหน่อย วันหน้าก็จะถูกคนหลอก ไม่อาจดำรงตำแหน่งคหบดีอันดับหนึ่งแห่งแคว้นต้าโจวอย่างมั่นคงได้ ซื่อเป่าพอได้ฟังก็ครุ่นคิดแล้วก็เห็นด้วย ดังนั้นจึงยอมไปเรียนหนังสือที่สำนักศึกษาไป่ลู่ ตอนนี้ลูกๆ ที่บ้านทั้งสามก็จะไปพักอาศัยอยู่ที่สำนักศึกษาไป่ลู่แล้ว”
เซียวอวี้ได้ฟังเซี่ยอวิ๋นจิ่น ก็อดยิ้มหยอกล้อเซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ได้
“ภรรยาเจ้าเก่งกาจจริง ได้ทั้งบุ๋นบู๊ ยังสอนสั่งลูกชายเป็น เป็นหญิงมหัศจรรย์ที่หาได้ยากแท้”