ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 739 เจ็บปวด
ตอนที่ 739 เจ็บปวด
หลิวโส่วฝู่จ้องมองหลิวจื่อเหยียน หลิวจื่อเหยียนแค่นยิ้มเอ่ยขึ้นว่า “ใต้เท้าโส่วฝู่ช่างคิดได้ ในเมื่อข้าเดินก้าวนี้แล้ว ไม่ตายย่อมไม่เลิกรา ไยจะถอนคำร้อง ท่านก็ช่างคิดเกินไปแล้ว”
หลิวจื่อเหยียนแค่นยิ้มมองหลิวโส่วฝู่ “ชีวิตของท่านช่างเห็นแก่ตัว เพื่อผลประโยชน์ตนเอง ไม่เคยนึกเสียใจที่ต้องเสียสละคนมากมาย ท่านไม่กตัญญูต่อท่านปู่ท่านย่า จวิ้นจู่ไม่ดีกับพวกเขา ท่านเองก็ไม่เข้ามาช่วย นั่งมองดูผู้อื่นทำร้ายภรรยาท่านจนตาย มองดูผู้อื่นทำร้ายบุตรชายท่าน ตอนนี้ถึงกับคิดเสียสละข้าเพื่อท่านอีก ท่านวาดหวังเกินไปแล้ว”
“ควรรู้ว่าตอนข้าห้าขวบก็เริ่มสงสัยแล้วว่าท่านแม่ข้าถูกคนให้ร้ายจนตาย ตั้งแต่ตอนนั้น ข้าก็สาบานว่า ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยชีวิต ข้าก็ต้องล้างแค้นแทนท่านแม่ให้ได้ ให้นางได้เป็นสุขในปรภพ ตายตาหลับ ดังนั้นท่านพ่อคิดให้ข้าถอนคำร้อง เป็นไปไม่ได้”
หลิวจื่อเหยียนสีหน้าดึงดันเอาจริง แววตาหนักแน่น หลิวโส่วฝู่เห็นเช่นนี้ก็รู้ว่าบุตรชายเขาเสียสติไปแล้ว เสียสติไปแล้วจริงๆ
“เจ้าเสียสติไปแล้ว เจ้าเสียสติไปแล้วจริงๆ”
หลิวโส่วฝู่กล่าวจบก็พุ่งเข้าไปตบบุตรชาย หลิวจื่อเหยียนไม่ขยับ ปล่อยให้เขาลงมือ
ในตอนนั้นเอง ก็มีคนเข้ามาในห้องโถงหลายคน คนที่เดินนำมาก็คือเซี่ยอวิ๋นจิ่น ด้านหลังเซี่ยอวิ๋นจิ่นยังมีเสนาบดีกรมอาญาและเจ้ากรมศาลอาญาต้าหลี่ ทุกคนเดินตามหลังเซี่ยอวิ๋นจิ่นเข้ามา เห็นหลิวโส่วฝู่ลงมือกับบุตรชายตนเองก็ขมวดคิ้วตวาดดังว่า
“ใต้เท้าโส่วฝู่ นี่คือศาลจิงจ้าว ไม่ใช่เรือนด้านหลังตระกูลหลิวท่าน”
หลิวโส่วฝู่หันไปมอง เห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับเสนาบดีกรมอาญาและเจ้ากรมศาลอาญาต้าหลี่เดินมา สีหน้าหลิวโส่วฝู่ก็ย่ำแย่อย่างมาก คนเหล่านี้ปรากฏตัวพร้อมกัน หากไม่เหนือความคาดหมาย ก็เพราะพระบัญชาจากฝ่าบาทรับสั่งให้เสนาบดีกรมอาญากับเจ้ากรมศาลอาญาต้าหลี่มาตัดสินคดีนี้
ฝ่าบาททนรอไม่ไหวแล้วหรือ หลิวโส่วฝู่คิดถึงว่าตอนตนเองยังหนุ่ม เดินเคียงข้างฝ่าบาทฝ่าลมฝนมาถึงตอนนี้ คิดไม่ถึงว่าพอแก่ชรา ถึงกับถูกฝ่าบาทเสร็จศึกฆ่าขุนพลเช่นนี้
หลิวโส่วฝู่ทนไม่ไหวหัวเราะอย่างบ้าคลั่งขึ้นมาทันที “ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
เขาหัวเราะดังแล้วหันหลังวิ่งออกไป ทุกคนมองตามหลังเขาออกไป อดคาดเดาอย่างตกใจไม่ได้ว่าหรือใต้เท้าโส่วฝู่จะเสียสติไปแล้วจริงๆ
ความจริงหลิวโส่วฝู่ทำเช่นนี้ก็เพื่อหาโอกาสให้ตนเองได้กลับบ้านเกิดไปพบบิดามารดาตน ตอนนี้ดูท่ามีเพียงบิดามารดาตนเองเท่านั้นที่จะกล่อมหลิวจื่อเหยียนให้ถอนคำร้องได้ บิดามารดาเขาเลี้ยงดูหลิวจื่อเหยียนมา หากพวกเขาเอ่ย เขาต้องยอมถอนคำร้องอย่างแน่นอน
ขอเพียงเขายอมแบกรับความผิดไว้คนเดียว บอกว่าตนเองแต่งเรื่องให้ร้ายตระกูลหลิว ย่อมไม่เกิดเรื่อง ส่วนหลิวจื่อเหยียน เขาผู้เป็นบิดาเป็นถึงโส่วฝู่ หากตำแหน่งนี้ยังอยู่ก็จะรักษาชีวิตเขาเอาไว้ได้
ณ ห้องโถงศาลจิงจ้าว หลิวจื่อเหยียนไม่รู้ความคิดบิดา เขากำลังตั้งสติเงยหน้ามองเสนาบดีกรมอาญากับเจ้ากรมศาลอาญาต้าหลี่
ขุนนางใหญ่ทั้งสองมองหนุ่มน้อยรูปงามกระจ่างตา ก็ได้แต่ถอนหายใจหนักหน่วง ไยต้องทำเช่นนี้ เขาทำเช่นนี้ ไม่เพียงแต่มารดาเลี้ยงโชคร้าย บิดาเขาเองก็ต้องโชคร้ายไปด้วย ตระกูลหลิวเองก็เช่นกัน สุดท้ายทั้งตระกูลล้วนจบสิ้น
ใต้เท้าโส่วฝู่เป็นขุนนางในราชสำนักมาหลายปี พรรคพวกก็มากมาย หากเขาล้มลง พรรคพวกเขาก็พลอยโดนไปด้วย ถึงตอนนั้นพวกเขาจะยอมละเว้นหลิวจื่อเหยียนหรือ แม้ต้องสังหารเขาปิดปาก ก็ไม่ปล่อยให้เขามีที่ยืนในราชสำนัก
เขาทำลายบิดาตนเองแล้ว
แต่คดีนี้ส่งไปยังเบื้องพระพักตร์แล้ว พวกเขายังจะกล่าวอันใดได้อีก
เสนาบดีกรมอาญามองหลิวจื่อเหยียนกล่าวว่า “ใต้เท้าหลิว ฝ่าบาทรับสั่งให้ข้ากับเจ้ากรมศาลอาญาต้าหลี่ เจ้ากรมศาลจิงจ้าวฝู่ สามฝ่ายร่วมพิจารณาคดีนี้ ในฐานะเจ้าทุกข์ ตอนนี้ต้องตามพวกเราไปกรมอาญาก่อน”
หากยามนี้หลิวจื่อเหยียนถอนคำร้อง ก็ยังมีโอกาสถอย หากเขาไม่ถอน ไปสู่กรมอาญาแล้ว เรื่องนี้ก็ราวกับตอกตะปูฝาโลง ไม่อาจเรียกคืนมาได้อีกแล้ว
เสนาบดีกรมอาญาถอนหายใจกล่าวว่า “ใต้เท้าหลิวไตร่ตรองให้ดี”
ในห้องโถง ท่านหญิงหลันหยางจวิ้นจู่ส่งเสียงแหลมด่าทอว่า “หลิวจื่อเหยียน เจ้าหมาป่าเลี้ยงไม่เชื่อง ตอนนั้นพวกเราควรจับเจ้ากดน้ำให้ตาย”
หลิวจื่อเหยียนได้ยินอู่ซูเช่นนี้ก็หันหน้าไปถลึงตาใส่อู่ซูอย่างโมโห “หรือตอนนั้นเจ้าไม่ได้ลงมือกับข้ากัน”
มีมือมืดคิดสังหารเขาสามสี่ครั้ง แต่เพราะเขาดวงแข็งจึงไม่ตายก็เท่านั้น เขารู้สึกว่าที่เขาไม่ตายก็เพราะมารดาในปรภพคุ้มครองเขา
ดังนั้นหากเขามีชีวิตอยู่ก็ต้องล้างแค้นนี้ให้นาง
หลิวจื่อเหยียนสงบใจลงแล้วก็หันไปมองเสนาบดีกรมอาญา กล่าวหนักแน่นว่า “ใต้เท้า เชิญ”
เสนาบดีกรมอาญาจะกล่าวอันใดได้อีก ได้แต่ผายมือ “เช่นนั้นพวกเราก็ไปกันเถิด นำตัวฮูหยินหลิวไปด้วย”
อู่ซูได้ฟัง ก็ยิ่งด่าทอยากรับฟัง สุดท้ายแม้แต่นายผู้เฒ่าและฮูหยินเฒ่าตระกูลหลิวก็ด่าหมด “หากไม่ใช่ไอ้แก่สองคนไม่ยอมตายนั่น เจ้าจะมีชีวิตถึงบัดนี้หรือ ล้วนเพราะไอ้แก่สองคนไม่ยอมตายเลี้ยงดูเจ้ามาจนโต หากพวกเขาไม่เลี้ยงดูเจ้า จะปล่อยให้เดรัจฉานเช่นเจ้ามาฟ้องข้าหรือ เจ้าคอยดู รอให้ข้าออกไปได้ จะไม่ไว้ชีวิตเจ้า”
หลิวจื่อเหยียนได้ยินอู่ซูด่าท่านปู่ท่านย่าก็โมโหเดือดดาล ถลึงตาใส่อู่ซูกล่าวว่า “เจ้าคิดว่าเจ้าจะรอดหรือ”
อู่ซูถูกเขายั่วยุ ก็คำรามดังขึ้น “หากข้าตาย บิดาเจ้าก็อย่าคิดรอดไปได้ ตระกูลหลิวเจ้าต้องถูกฝังกลบไปพร้อมกับข้า”
หลิวจื่อเหยียนแค่นเยาะ เอ่ยว่า “เจ้าหมายถึงให้บุตรชายหญิงเจ้าถูกฝังกลบไปด้วยหรือ”
อู่ซูไม่อาจควบคุมตนเองได้อีกต่อไป “กรี๊ดๆ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นทนฟังต่อไปไม่ไหว ออกคำสั่งจ้าวเหิง “ทำให้นางสลบ”
จ้าวเหิงรับคำทำให้อู่ซูสลบก่อนจะหิ้วนางออกไป ทุกคนมุ่งตรงไปยังกรมอาญา
ตระกูลเซี่ย ลู่เจียวกำลังรอข่าวเรื่องนี้ นางให้หร่วนจู๋ไปรอข่าวเรื่องนี้ พอรู้ว่าฝ่าบาทมีราชโองการให้กรมอาญา ศาลอาญาต้าหลี่และศาลจิงจ้าวร่วมกันพิจารณาคดีนี้ เรื่องนี้ก็ดังตอกฝาโลงแน่นแล้ว
ลู่เจียวดีใจแทนหลิวจื่อเหยียน แต่ก็เสียใจแทนเขา
เขาฟ้องเช่นนี้ได้ตอบแทนมารดาที่เสียไป แต่ชีวิตเขาเองก็ต้องถูกทำลายลงไปด้วย ในยุคสมัยนี้คนที่ฟ้องบิดามารดาก็คือคนที่คุณธรรมบกพร่อง นับประสาอันใดกับพรรคพวกหลิวโส่วฝู่มากมายพวกนั้นไม่มีทางปล่อยเขาไปอย่างแน่นอน
วันหน้าหลิวจื่อเหยียนไม่มีทางมีที่ยืนในราชสำนัก วันหน้าเขาจะทำเยี่ยงไร
ลู่เจียวครุ่นคิดจนปวดหัว แต่ก็คิดหาทางที่ดีทางหนึ่งให้หลิวจื่อเหยียนได้อย่างรวดเร็ว บอกเซี่ยอวิ๋นจิ่นให้เขาไปเป็นอาจารย์ที่หมู่บ้านตระกูลเซี่ย รอให้ผ่านเวลาเหล่านี้ไปก่อน รัชทายาทขึ้นสู่บัลลังก์ พรรคพวกใต้เท้าโส่วฝู่ก็น่าจะถูกล้างบางไปได้พอสมควร เขาค่อยกลับมา
ขณะลู่เจียวกำลังคิดอยู่นั้น นอกประตู ติงเซียงก็รีบเดินเข้ามารายงานว่า “ฮูหยิน นายท่านหลิวกับนายหญิงผู้เฒ่าหลิวมา”
ลู่เจียวเริ่มแรกยังไม่เข้าใจว่าผู้ใด ต่อมาคิดถึงว่าหากไม่เหนือความคาดหมาย คนที่มาย่อมเป็นท่านปู่หลิวกับท่านย่าหลิว
คิดถึงว่าทั้งสองแก่ชราแล้วยังต้องมาพบกับบทสรุปเช่นนี้ ในใจลู่เจียวก็รู้สึกปวดปลาบอยู่บ้าง โบกมือสั่งการติงเซียง “ไปเชิญเข้ามา”
ท่านปู่หลิวกับท่านย่าหลิวเข้ามารวดเร็ว ลู่เจียวรีบเข้าไปต้อนรับ สองผู้เฒ่าพอเห็นนางก็ไม่พูดจา เอาแต่หลั่งน้ำตาออกมา ท่านย่าหลิวกอดลู่เจียวร้องไห้โฮ กล่าวว่า “เจียวเจียว นี่มันเรื่องอันใดกัน แท้จริงเกิดเรื่องอันใดขึ้น”
ความจริงพวกเขาก็พอเดาเรื่องราวได้ว่าสะใภ้ตนอาจถูกอู่ซูทำร้ายจนตาย พวกเขาก็รู้สึกผิด ดังนั้นหลายปีมานี้จึงตั้งใจดูแลหลายชาย แต่พวกเขาคิดไม่ถึงว่าเด็กที่ตนเลี้ยงดูมา ถึงกับฟ้องอู่ซู ยังฟ้องพัวพันไปถึงบิดาเขาเอง
ตอนนี้ท่านปู่หลิวกับท่านย่าหลิวไม่รู้ว่าตนเองควรทำเช่นไรดี รู้สึกเพียงแค่ราวกับถูกทึ้งฉีกเป็นสองส่วน