ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 741 ผมขาว
ตอนที่ 741 ผมขาว
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นท่านปู่หลิวกับท่านย่าหลิวบีบคั้นหลิวจื่อเหยียนไม่หยุด เขาก็ทนไม่ไหวกล่าวน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ท่านปู่หลิวกับท่านย่าหลิว เหตุใดพวกท่านเอาแต่ตำหนิจื่อเหยียน เขาทำผิดตรงไหน คนที่สังหารผู้อื่นไม่ควรโดนลงโทษหรือ เขาเกิดเป็นบุตร ไม่ควรแก้แค้นแทนมารดาหรือ อีกอย่าง คนที่เขาฟ้องก็คืออู่ซู ไม่ใช่ใต้เท้าโส่วฝู่ แม้ใต้เท้าโส่วฝู่ต้องติดร่างแหไปด้วย ก็ไม่นับว่ามาก ไยพวกท่านต้องออกมาตำหนิเขาด้วย”
พูดไปพูดมาก็เพราะฝ่าบาทต้องการจัดการหลิวโส่วฝู่ หากฝ่าบาทเชื่อพระทัยหลิวโส่วฝู่มากพอก็จะไม่มีราชโองการให้ลงอาญาอู่ซู
ตอนนี้ฝ่าบาทต้องการจัดการหลิวโส่วฝู่ พวกเขาตำหนิหลิวจื่อเหยียนจะทำอันใดได้ แม้วันนี้หลิวจื่อ เหยียนไม่ฟ้องอู่ซู ฝ่าบาทก็ยังต้องหาโอกาสจัดการหลิวโส่วฝู่อยู่ดีไหม
แต่ท่านปู่หลิวกับท่านย่าหลิวไม่สนใจเรื่องเหล่านี้ ขอเพียงพวกเขาคิดถึงบุตรชาย ก็สงบใจลงไม่ได้ บุตรชายพวกเขาบอกว่าหากจื่อเหยียนไม่ถอนคำร้อง เขาก็จะไม่อาจดำรงชีวิตต่อไปได้ ฝ่าบาทจะต้องสังหารเขาเป็นแน่
พวกเขาไม่อาจทนเห็นบุตรชายตายไปต่อหน้าต่อตาได้
สองผู้เฒ่าจ้องมองหลิวจื่อเหยียน “จื่อเหยียน พวกเราเลี้ยงเจ้ามาจนโต เจ้าก็ถือเสียว่าตอบแทนคุณพวกเรา ถอนคำร้องซะ”
หลิวจื่อเหยียนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงคับแค้นว่า “แม้ข้าถอนคำร้องแล้วต้องจบชีวิต พวกท่านก็ยังต้องการให้ข้าถอนคำร้องใช่หรือไม่”
สองผู้เฒ่าอึ้งไปทันที จากนั้นท่านปู่หลิวรีบกล่าวว่ารับรองกล่าวว่า “ขอเพียงเจ้าถอนคำร้องนี้ ท่านพ่อเจ้าในฐานะโส่วฝู่ย่อมปกป้องเจ้าได้”
หลิวจื่อเหยียนหลับตาลง สุดท้ายความหวังน้อยนิดในใจก็มลายสิ้น
เขาเอ่ยขึ้นอย่างอัดอั้นว่า “หากท่านพ่อข้าต้องตายด้วยคดีนี้ ข้าจะชดใช้ชีวิตให้เขาเอง”
เขากล่าวจบก็ค่อยๆ เดินออกไป เซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบให้บ่าวตระกูลเซี่ยตามไปประคองเขาไปพักผ่อนที่เรือนรับรอง
ท่านปู่หลิวกับท่านย่าหลิวเห็นเขาไม่สนใจก็ทนไม่ไหวส่งเสียงตะโกนเรียกดังขึ้น
“จื่อเหยียน จื่อเหยียน”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นแววตาเย็นเยียบ มองท่านปู่หลิวกับท่านย่าหลิวกล่าวน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ผู้เฒ่าทั้งสองเชิญกลับไปได้แล้ว อีกอย่าง วันหน้าก็ไม่ต้องมาตระกูลเซี่ยข้าแล้ว”
ท่านปู่หลิวกับท่านย่าหลิวอึ้งไปทันที เซี่ยอวิ๋นจิ่นสั่งให้คนออกไปส่งพวกเขา
สองผู้เฒ่าสมองสับสนไปหมด พูดไม่ออกสักคำ สุดท้ายถูกบ่าวตระกูลเซี่ยมาเชิญออกไป
ในห้องโถง เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวสบตากัน พวกเขาเคยคิดแล้วว่าหลิวจื่อเหยียนฟ้องอู่ซูจะต้องเกิดคลื่นใหญ่โหมกระหน่ำ แต่คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายถึงกับมีเรื่องถึงขั้นนี้ได้ แม้แต่ท่านปู่ท่านย่าเขาเองก็ไม่ยืนข้างเขา ไม่รู้ว่าตอนนี้เขานึกเสียใจภายหลังหรือไม่
หลิวจื่อเหยียนนึกเสียใจภายหลังหรือไม่ เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวไม่รู้ แต่เช้าวันรุ่งขึ้น ทั้งสองคนเห็นเขาก็ต้องตกใจ
เพราะหลิวจื่อเหยียนคืนเดียวผมขาวไปทั้งศีรษะ หนุ่มน้อยรูปงามผมดำขลับถึงกับผมขาวราวหิมะสีเงินกระจายเต็มแผ่นหลัง ท่าทางราวไร้วิญญาณ
ในนาทีนี้หลิวจื่อเหยียนไม่ได้นึกเสียใจภายหลัง เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวกลับนึกเสียใจภายหลังที่รับร้องทุกข์ของเขา พวกเขาควรรอบคอบกว่านี้
“จื่อเหยียน เจ้าเป็นอันใดไปหรือ”
แม้ว่าหลิวจื่อเหยียนสีหน้าไร้สีเลือด ผมดำเปลี่ยนเป็นขาวโพลน แต่เขาก็ยังคงสติแจ่มชัดมาก มีเพียงแววตาที่เย็นเยียบราวกับน้ำแข็ง แต่ยามมองไปยังเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวจึงได้เห็นความอ่อนโยนอบอุ่น แต่จากนั้นสายตาเขาก็นิ่งเฉยราวกับไร้อุณหภูมิ
“ไม่เป็นอันใด”
กล่าวจบ ก็ลุกขึ้นมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “พี่เขย พวกเราควรไปศาลได้แล้วหรือไม่”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองเขาอย่างเป็นห่วง “เจ้าไหวหรือ”
หลิวจื่อเหยียนพยักหน้า “ไม่มีปัญหา”
เขาเพียงแต่หมดใจต่อคนตระกูลหลิวทุกคน
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรู้ว่าเรื่องนี้เดินถึงขั้นนี้ ได้แต่เดินต่อไป ตอนพวกเขาออกจากประตูก็เห็นว่าท่านปู่หลิวกับท่านย่าหลิวยังไม่ไป สองผู้เฒ่านอนบนรถม้าอยู่นอกประตูทั้งคืน พอได้ยินเสียงเคลื่อนไหวก็รีบให้คนมาขวางไว้
แต่ตอนที่พวกเขาสองคนเงยหน้าเห็นหลิวจื่อเหยียนคืนเดียวผมขาวไปทั้งศีรษะ สองผู้เฒ่าก็ตกใจสะดุ้ง จากนั้นก็ทั้งสองคนก็แผดเสียงร่ำได้ดังอย่างพูดไม่ออก
หลิวจื่อเหยียนได้แต่มองพวกเขาเฉยชา จากนั้นก็ขึ้นรถม้าเซี่ยอวิ๋นจิ่น ทั้งสองเดินทางไปกรมอาญา
คดีหลิวจื่อเหยียนฟ้องมารดาเลี้ยงดังไปทั่วราชสำนักและเมืองหลวง ระยะนี้ทุกคนเอ่ยถึงแต่เรื่องตระกูลหลิว ในจำนวนนี้ยังมีคนด่าสมน้ำหน้าอู่ซู ทำร้ายคนอื่นก็เหมือนทำร้ายตนเอง ผู้ใดให้นางทำร้ายมารดาผู้อื่น ยังมีคนว่าหลิวโส่วฝู่ปล่อยให้ภรรยาทำร้ายอดีตภรรยาแต่งตนเอง ตามหลักการควรโดนลงอาญาไปด้วย แต่หลายคนก็ถึงกับว่าหลิวจื่อเหยียนเนรคุณ ไม่ควรเป็นบุตรผู้ใด มีอย่างที่ไหนฟ้องร้องมารดาเลี้ยงแล้วพลอยทำให้บิดาติดร่างแหไปด้วย คนผู้นี้ไม่คู่ควรเป็นบุตรผู้ใด
แต่ไม่ว่าผู้อื่นวิพากษ์วิจารณ์อย่างไร คดีนี้ก็เข้าสู่กระบวนการพิจารณษอย่างรวดเร็วจากกรมอาญา ศาลอาญาต้าหลี่และศาลจิงจ้าว ในปีนั้นอู่ซูแอบใช้หญ้าฝรั่นจริง ทำให้มารดาหลิวจื่อเหยียนตกเลือดตาย ในเรื่องนี้อู่ซูยืนยันว่าที่ตนเองทำเช่นนี้ก็เพราะหลิวโส่วฝู่บงการ
เสนาบดีกรมอาญากับเจ้ากรมศาลอาญาต้าหลี่ให้อู่ซูนำหลักฐานมา อู่ซูไหนเลยจะมีหลักฐาน นางมีแต่พยานบุคคลที่เป็นบ่าวหญิงชราข้างกาย แต่บ่าวของนางจะเป็นพยานได้อย่างไร สุดท้ายพยานของอู่ซูก็ไม่อาจเอาผิดหลิวโส่วฝู่ได้
ส่วนพยานหลักฐานของหลิวจื่อเหยียนเองก็ได้แต่พิสูจน์ว่าตอนมารดาหลิวจื่อเหยียนยังไม่ตาย ใต้เท้าโส่วฝู่ก็แอบลักลอบคบหากับอู่ซูแล้ว แต่เรื่องนี้ก็ไม่อาจพิสูจน์ได้ว่าเขาให้ร้ายภรรยาเขาเองจนตาย
ดังนั้นฝ่าบาทมีราชโองการพระราชทานยาพิษวิหคจิวแก่อู่ซู อู่ซูไม่ยอมดื่ม สุดท้ายถูกขุนนางราชทัณฑ์กรอกยาพิษ
แม้ว่าหลิวโส่วฝู่มีความผิดไม่ถึงตาย แต่คุณธรรมบกพร่องเป็นเรื่องจริงแน่นอนแล้ว คนเช่นนี้ไม่ควรดำรงตำแหน่งโส่วฝู่แคว้นต้าโจว
ฝ่าบาทตัดสินปลดตำแหน่งหลิวโส่วฝู่ ให้เขาอยู่บ้านรักษาตัวพักผ่อนให้ดี
รองโส่วฝู่ขึ้นตำแหน่งต่อเป็นโส่วฝู่คนใหม่แห่งแคว้นต้าโจว
แต่ไรมาหลิวโส่วฝู่ดำรงตำแหน่งโส่วฝู่แคว้นต้าโจวอย่างมั่นคง คิดไม่ถึงว่าจะถูกฝ่าบาทปลด ทำใจยอมรับความสะเทือนใจนี้ไม่ได้ จึงกระอักโลหิตสลบไปทันที พอเขาฟื้นขึ้นมา ทุกคนก็เห็นใต้เท้าโส่วฝู่ปากเบี้ยว ตาเอียง ไม่อาจขยับร่างกายได้อีกแล้ว
หลิวโส่วฝู่ได้รับความกระทบกระเทือนจิตใจมากเกินไป ถึงกับเลือดลมตีกลับอุดตัน ชีวิตของเขาที่เหลือได้แต่นอนอัมพาตอยู่บนเตียง รอคนปรนนิบัติแล้ว
หลิวจื่อเหยียนไม่ได้ไปเยี่ยมหลิวโส่วฝู่ เขากำลังเอ่ยคำอำลาเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวอยู่ที่ตระกูลเซี่ย
“ข้าได้กราบทูลลาออกจากตำแหน่งแล้ว จะออกเดินทางท่องเที่ยวไปให้ทั่วสี่ทิศ”
ลู่เจียวสงสารหลิวจื่อเหยียนอย่างมาก กล่าวว่า “หากเจ้าไร้ที่ไป ก็ไปเป็นอาจารย์ที่หมู่บ้านตระกูลเซี่ยดีหรือไม่”
หลิวจื่อเหยียนกลับส่ายหน้า ยิ้มมองลู่เจียวกล่าวว่า “ข้ารู้ว่าพี่เจียวเป็นห่วงข้า วางใจ ข้าไม่เป็นอันใด ข้าเพียงแค่อยากออกเดินทางไปดูโลกกว้าง”
ลู่เจียวรีบกล่าวว่า “เช่นนั้นเจ้าไปถึงที่ใดก็ต้องเขียนจดหมายมาหาพี่นะ”
นางเป็นว่าห่วงหลิวจื่อเหยียนจะทำเรื่องโง่งมอันใด
หลิวจื่อเหยียนยิ้ม “ได้ ไม่ว่าไปถึงที่ใด ข้าก็จะเขียนจดหมายมาบอกพี่เจียว”
การได้มีพี่สาวคนนี้เป็นแสงสว่างสุดท้ายในชีวิตของเขา
หลิวจื่อเหยียนรับปากลู่เจียวแล้วก็หันไปขอบคุณเซี่ยอวิ๋นจิ่น จากนั้นก็ก้าวเท้าจากไป ขึ้นรถม้านอกประตูตระกูลเซี่ยจากเมืองหลวงไปในค่ำคืนมืดมิด