ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 748 เจ้ากรม
ตอนที่ 748 เจ้ากรม
ครั้งนี้ภรรยาที่ฉีเหล่ยแต่งเป็นบุตรีขุนนางระดับหก หน้าตาดีไม่น้อย ที่สำคัญก็คือนางชอบฉีเหล่ยมาก ได้ยินว่าเมื่อก่อนครอบครัวพวกนางยากจนมาก ตอนนางเกือบตาย ครอบครัวได้พามาให้บิดาฉีเหล่ยรักษา บิดาฉีเหล่ยให้ความช่วยเหลือครอบครัวนาง ตอนนั้นนางดื่มยายังทนความขมไม่ไหว ฉีเหล่ยแอบยัดลูกอมใส่ปากนาง นางจดจำฉีเหล่ยเอาไว้ พอโตเป็นสาวได้ยินว่าจะได้แต่งกับฉีเหล่ยก็ตอบรับทันที
ลู่เจียวได้ยินฮูหยินฉีเล่าเรื่องนี้ก็ดีใจแทนฉีเหล่ย นับว่าเป็นคู่พรหมลิขิต
เห็นได้ชัดว่าฉีเหล่ยเองก็ชอบภรรยาของตนเองผู้นี้มาก วันนี้ดูแล้วรอบกายเขาเปล่งรัศมีมงคลยินดี ยิ่งดูยิ่งสง่างาม
สตรีในเรือนด้านหลัง นอกจากหญิงสาว คนอื่นๆ พากันออกไปชมพิธีที่เรือนด้านหน้า
ลู่เจียวเดิมไม่คิดรับการคุกเข่าคำนับจากฉีเหล่ย แต่ฮูหยินฉีกลับคว้ามือนางไว้แน่น เดินไปยังโถงด้านหน้า ในโถงด้านหน้าจัดวางเก้าอี้อยู่สามตัว
บิดาฉีเหล่ยโดนโบยมา นั่งไม่ค่อยได้ โชคดีที่ฉีเหล่ยมียาสมานแผลที่ได้มาจากลู่เจียว พอทาแล้วก็ดีขึ้นไม่น้อย ดังนั้นยามนี้จึงพอนั่งได้บ้าง แม้ว่านั่งลงแล้วสีหน้าซีดขาวหลั่งเหงื่อเย็นด้วยความปวด แต่ก็ฝืนทนนั่งเพื่องานแต่งบุตรชาย
ฉีเหล่ยเองก็รู้ท่านพ่อนั่งนานไม่ได้ ดังนั้นพาภรรยาเข้ามาก็ให้เริ่มพิธีไหว้ฟ้าดินทันที
ลู่เจียวเองก็ถูกฮูหยินฉีจัดให้นั่งข้างนาง นางลุกขึ้นมองไปยังบรรดาแขกโดยรอบ กล่าวว่า “ฮูหยินเซี่ยเป็นอาจารย์บุตรชายข้า ทุ่มเทอบรมสั่งสอนวิชาการแพทย์มาหลายปี ดังนั้นนางสมควรได้รับการคุกเข่าคำนับนี้”
หมอหลวงฉีเองก็พยักหน้า “ใช่ สมควรได้รับ”
นายผู้เฒ่าฉีเองก็พยักหน้าเห็นด้วย แสดงให้เห็นว่าที่ฉีเหล่ยมีวิชาการแพทย์เช่นวันนี้ได้ ล้วนเพราะลู่เจียวสอนสั่งมา ควรได้รับการคำนับนี้
ทุกคนรู้สถานะลู่เจียวมาก่อนหน้านี้แล้ว ได้มาเห็นท่าทีตระกูลฉีเช่นนี้ ก็รู้ว่าวิชาการแพทย์ของลู่เจียวย่อมต้องร้ายกาจมาก ในใจแต่ละคนก็คิดสานสัมพันธ์ พากันพยักหน้าเห็นด้วยกับหลักการนี้
พิธีคุกเข่าคำนับบิดาและมารดาเริ่มต้นขึ้นรวดเร็ว ลู่เจียวได้แต่ยอมรับการคำนับนี้
เจ้าบ่าวเจ้าสาวดำเนินพิธีเสร็จรวดเร็ว ก่อนถูกส่งเข้าห้องหอ ในฐานะผู้อาวุโส ลู่เจียวไม่อาจไปร่วมครึกครื้นก่อกวนห้องหอตามธรรมเนียม แต่ให้ติงเซียงส่งของขวัญไปให้เจ้าสาว
นางกับฮูหยินฉีไปเรือนด้านหลังเป็นเพื่อนคุยกับบรรดาฮูหยินแต่ละตระกูล
ทุกคนเริ่มแรกยังคุยเรื่องแต่งงานของฉีเหล่ย ต่อมาเริ่มเบนไปเรื่องร้านเสริมความงาม
แต่ละคนแย่งกันถามลู่เจียวว่าร้านเสริมความงามทำกิจการอันใดบ้าง ลู่เจียวเล่าได้ครู่หนึ่ง บรรดา ฮูหยินวัยกลางคนไม่น้อยต่างก็ตื่นเต้น ทุกคนล้วนมีจุดบกพร่อง เช่น อ้วนเกินไป หน้ามีกระฝ้า ผิวพรรณดำคล้ำ มีริ้วรอย เป็นต้น พอได้ยินลู่เจียวบอกว่าร้านเสริมความงามช่วยพวกนางปรับสภาพเหล่านี้ได้ แต่ละคนก็พากันถามอย่างตื่นเต้น
“จะเปิดทำการเมื่อใด”
“พวกเจ้ารีบเปิดเร็ว”
“ใช่ รีบเปิดเร็ว ข้าจะไปสมัครเป็นสมาชิกคนแรก”
ลู่เจียวกำหนดระบบสมาชิกรายปี ปีละสองร้อยตำลึง วันหน้ามาใช้บริการลดร้อยละยี่สิบ ไม่ว่าใช้บริการความงามใด ก็ล้วนลดร้อยละยี่สิบ คนที่ไม่ได้ทำบัตรสมาชิก ต้องจ่ายตามราคาเต็ม
ฮูหยินชนชั้นสูงศักดิ์ในที่นั้นไม่ขาดแคลนเงินทอง ได้ยินลู่เจียวกล่าวเช่นนี้ ต่างก็แสดงท่าทีจะสมัครเป็นสมาชิก มีคนถึงกับจองบัตรสมาชิกล่วงหน้าในที่นั้นเสียเลย ลู่เจียวรีบเอ่ยว่า รอไว้เปิดกิจการก่อน
คุยกันเสร็จก็เริ่มงานเลี้ยงค่ำ ทุกคนต่างไปร่วมงานเลี้ยงค่ำที่โถงงานเลี้ยง
ฮูหยินเฉิงเต๋อโหวเดินตามหลังกลุ่มคนมาด้วยความไม่พอใจ ถลึงตาใส่ฮูหยินซื่อจื่อ “เจ้าส่งเสียงเอะอะอันใดกัน”
ก่อนหน้านี้ฮูหยินซื่อจื่ออดถามไม่ได้ว่า “ใบหน้าข้ามีกระฝ้า กำจัดทิ้งได้หรือไม่”
วาจานี้ทำให้ฮูหยินเฉิงเต๋อโหวโมโหมาก ตำหนินางอย่างโมโหทันที
หลินจิงเองก็มองมารดาตนเองอย่างไม่พอใจ “ท่านแม่ ท่านอย่าไปเชื่อนาง กระฝ้าบนใบหน้าไม่ได้ขจัดง่ายเพียงนั้น ไว้ข้าสอนท่านแม่ผัดแป้งดีกว่า กระฝ้าพวกนี้ได้แต่ใช้แป้งกลบ จะขจัดทิ้งได้อย่างไร นางแค่หลอกท่านเท่านั้น”
ฮูหยินซื่อจื่อเม้มปากมองบุตรสาวตนเอง บุตรสาวนางดูแคลนนาง ในสายตานางมีเพียงท่านปู่ท่านย่าตนเอง ล้วนเพราะท่านย่านางแย่งนางไปเลี้ยงดูแต่เล็ก
ฮูหยินซื่อจื่อคิดถึงเรื่องนี้ ในใจก็รู้สึกเศร้า ได้แต่อดกลั้นไม่กล่าวอันใด
คนด้านหน้าไม่ได้สังเกตการสนทนาของครอบครัวเฉิงเต๋อโหว
อาหารค่ำเริ่มขึ้นอย่างราบรื่น หลังอาหารค่ำ เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวก็ขอตัวกลับ พอรถม้าแล่นถึงหน้าประตูตระกูลเซี่ย ก็พบว่าลูกๆ มารออยู่หน้าประตู กำลังเดินไปมาอย่างร้อนใจ เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวพลันนึกได้ว่า ก่อนหน้านี้พวกเขาถูกคนในวังรับไป พวกลูกๆ ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอันใด ตอนเที่ยงพวกเขาออกจากวังก็ไม่ได้ส่งคนมาแจ้งลูกๆ ลูกๆ ย่อมต้องร้อนใจแล้ว
เป็นดังคาด เมื่อพอรถม้าจอดลง พวกต้าเป่าก็พุ่งเจ้ามาถามทันทีว่า “ท่านพ่อ ท่านแม่ ไม่เป็นอันใดใช่หรือไม่”
“พวกท่านไม่เป็นอันใดใช่หรือไม่”
อู่เป่าหลั่งน้ำตาออกมา สะอื้นอย่างปวดใจ “ท่านแม่ทำข้าตกใจหมด เหตุใดเพิ่งกลับมาตอนนี้”
ลู่เจียวเข้าไปกอดลูกๆ ทีละคน ขอโทษพวกเขาด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ขอโทษ ท่านพ่อท่านแม่ผิดไปแล้ว เที่ยงวันนี้ก็ออกจากวังมาแล้ว แต่เพราะพี่ฉีเหล่ยแต่งงาน พวกเราไปร่วมงานเลี้ยงที่ตระกูลฉีมา ท่านพ่อท่านแม่ลืมส่งคนมาบอกพวกเจ้า ท่านพ่อท่านแม่ผิดเอง พวกเราขอโทษพวกเจ้าด้วย”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเองก็รีบเข้ามาขอโทษลูกๆ “พ่อเองก็ผิด พ่อขอโทษพวกเจ้า”
เด็กๆ ให้อภัยพวกเขาทันที มีที่ไหนที่บิดามารดาขอโทษลูก มีแต่ท่านพ่อกับท่านแม่พวกเขาจึงทำเช่นนี้ พวกเขาเห็นลูกๆ เป็นดังบุคคลที่เสมอภาคกัน ทำให้ลูกๆ ดีใจมาก
“ไม่เป็นไร ท่านพ่อท่านแม่ พวกเรากลับเข้าบ้านกันเถอะ”
วันรุ่งขึ้น เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวเพิ่งจะตื่นนอน ก็เห็นพ่อบ้านเซียวเรือนด้านหน้านำคนมาอย่างรีบร้อน รายงานว่า “ใต้เท้า ฮูหยิน ราชโองการ ราชโองการมา”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวมีสีหน้าประหลาด เรื่องอันใดกัน
ฝ่าบาทอยู่ๆ มีราชโองการอันใด ก่อนหน้านี้พระราชทานรางวัลมากองโตแล้วไม่ใช่หรือ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นขมวดคิ้วครุ่นคิด ในใจคาดเดาทันที อดมองลู่เจียวอย่างตื่นเต้นไม่ได้ ลู่เจียวเห็นสีหน้าเขาประหลาดไปก็ถามว่า “เจ้าเป็นอันใดไปหรือ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นอยากให้ลู่เจียวตื่นเต้นดีใจ รีบเร่งนาง กล่าวว่า “อย่าถามอันใดอีก รีบแต่งตัวออกไปรับราชโองการที่เรือนด้านหน้า”
“ได้”
ลู่เจียวสั่งการพ่อบ้านเซียวให้รีบจุดกระถางกำยานเตรียมรับราชโองการ
พ่อบ้านเซียวรับคำสั่งออกไปจัดการ ลู่เจียวให้ติงเซียงไปแจ้งทุกคนในครอบครัวไปรับราชโองการที่เรือนด้านหน้า
สามแฝดกับแฝดชายหญิงแต่งตัวเรียบร้อยมาถึง ตามเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวไปเรือนด้านหน้ารับราชโองการ
“ด้วยพระเมตตาแห่งองค์ฮ่องเต้ เนื่องด้วยวิชาการแพทย์เหนือสามัญ ทุ่มเทเพื่อประชา ลู่เจียวฮูหยินตระกูลเซี่ย ทุ่มเทเพื่อแคว้นต้าโจว เสนอก่อตั้งสำนักยาหลวง เรากับขุนนางได้หารือกันแล้ว เห็นชอบเรื่องนี้ วันนี้พระราชทานตำแหน่งเจ้ากรมสำนักยาหลวงระดับเจ็ดแห่งแคว้นต้าโจวแก่ลู่เจียวฮูหยินตระกูลเซี่ย นับจากวันนี้ให้ร่วมกับกรมคลังจัดการตั้งสำนักยาหลวงแคว้นต้าโจว รับราชโองการ”