ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 750 สอนศิษย์
ตอนที่ 750 สอนศิษย์
ลู่เจียวยิ้มกล่าวว่า “ข้าไม่ถือสาว่าระดับหกหรือระดับเจ็ด ความจริงข้าไม่ได้สนใจเรื่องเป็นขุนนางอันใด รอให้สำนักยาหลวงแคว้นต้าโจวตั้งขึ้น ข้าก็จะเลือกเจ้ากรมสำนักยาหลวงใหม่ ข้าไม่สนใจเรื่องพวกนี้ แต่ตอนนี้รับไว้ก่อน จะได้สะดวกในการก่อตั้งสำนักยาหลวง”
พวกเถียนฮวนและเนี่ยอวี้เหยาต่างยกนิ้วชื่นชมเลื่อมใส
ตอนบ่าย มีคนไม่น้อยมาตระกูลเซี่ย คนที่เคยสมาคมกับตระกูลเซี่ย ยังมีคนอีกส่วนหนึ่งที่คิดสมาคมกับตระกูลเซี่ย ต่างมาแสดงความยินดี
เดิมลู่เจียวไม่สนใจเรื่องนี้สักเท่าไร ปรากฏผู้อื่นดีใจยิ่งกว่านาง ตกค่ำจัดงานเลี้ยงต้อนรับทุกคนในจวนหลายโต๊ะ แต่ละคนกินกันอย่างเบิกบาน สุดท้ายกลับกันไปอย่างปรีดา
ตกค่ำเซี่ยอวิ๋นจิ่นกลับมา ลู่เจียวยิ้มกล่าวว่า “เหตุใดข้ารู้สึกว่าทุกคนดีใจยิ่งกว่าข้าอีก”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นยิ้มกล่าวว่า “เพราะเรื่องนี้หาได้ยากยิ่ง และยังแสดงให้เห็นว่าเจ้าได้เป็นตัวแทนสตรี ดังนั้นพวกนางจะไม่ดีใจได้หรือ”
ลู่เจียวพูดไม่ออก ได้แต่หัวเราะขำ ที่แท้เป็นเช่นนี้ คิดดูแล้วก็น่าจะใช่ สตรีแคว้นต้าโจวสถานะต่ำต้อย ตอนนี้ถึงกับมีสตรีได้เป็นขุนนางราชสำนัก เช่นนี้วันหน้าสถานะสตรีก็จะสูงขึ้นอีกไม่น้อย
วันรุ่งขึ้นเซี่ยอวิ๋นจิ่นไปทำงาน ลูกๆ ไปเรียนหนังสือ ลู่เจียวพาติงเซียงกับหร่วนจู๋ไปกรมคลังหารือเรื่องนี้ กรมคลังไม่กล้าทำให้ลู่เจียวลำบากใจแม้สักนิด ท่านผู้นี้รักษาพระอาการปวดพระเศียรฝ่าบาทหาย และได้เผยตัวตนเบื้องพระพักตร์ฝ่าบาท ตอนนี้ฝ่าบาทกำลังทรงจับจ้องเรื่องนี้อยู่ และการตั้งสำนักยาหลวงก็เป็นเรื่องดีเพื่อประโยชน์แผ่นดินและราษฎร พวกเขาจะเป็นตัวถ่วงได้อย่างไร
เสนาบดีกรมคลังส่งเจ้ากรมคลังมาพาลู่เจียวไปเลือกสถานที่ตั้งสำนักยาหลวง และการเตรียมคนประจำสำนักยาหลวง
ที่ตั้งสำนักยาหลวงเลือกเสร็จแล้ว เลือกพื้นที่มุมหนึ่งทางตะวันออกสุดของประตูใหญ่ตำหนักตงกงตั้งสำนักยาหลวง แต่คนที่จะเข้ามาทำงานต้องรับใหม่ ต้องผ่านการทดสอบจากลู่เจียวก่อนจึงจะรับเข้าสำนักยาหลวงเป็นหมอชุดแรกของสำนักยาหลวง พวกเขาจะรับหน้าที่ตรวจรักษาให้กับบรรดาขุนนางในราชสำนัก พร้อมกับรับหน้าที่ผลิตยา ทดสอบยาและอบรมบุคลากร ก่อนจะถูกส่งไปยังพื้นที่ต่างๆ เพื่อตั้งสำนักยาหลวงในพื้นที่นั้นๆ
ลู่เจียวนำเรื่องนี้หารือกับเจ้ากรมคลัง เจ้ากรมคลังก็มีคำสั่งให้ปิดประกาศหน้าประตูที่ว่าการกรมคลัง
ตกค่ำ ลู่เจียวกลับบ้าน ถึงกับเห็นซานเป่ากลับมา
พวกเขาอยู่ประจำที่สำนักศึกษาไป่ลู่ ทุกสิบวันพักหนึ่งวัน
คิดไม่ถึงว่าบุตรชายเพิ่งไปสำนักศึกษา ก็กลับมาแล้ว
ลู่เจียวคิดแล้วก็คาดเดาได้ว่าบุตรชายคิดเข้าสำนักยาหลวงแคว้นต้าโจว
ดังคาด ไม่ทันรอให้ลู่เจียวเอ่ย ซานเป่าก็มองลู่เจียวอย่างคาดหวัง กล่าวว่า “ท่านแม่ ข้าไปสมัครเข้าสำนักยาหลวงได้หรือไม่ ข้าไม่ได้อยากเรียนหนังสือจริงๆ ไม่สู้มีเวลามาศึกษาวิชาการแพทย์ดีกว่า เช่นนี้วิชาการแพทย์ข้าจะได้ยิ่งก้าวหน้า”
ลู่เจียวมองดูบุตรชายตนเอง แม้ว่าอายุน้อยมาก แต่มีความรับผิดชอบมาก ที่สำคัญที่สุดก็คือรู้ว่าตนเองต้องการทำอันใด
ลู่เจียวย่อมไม่ขัดขวางเขา อมยิ้มมองบุตรชายกล่าวว่า “ได้อย่างแน่นอน แต่ต้องผ่านการทดสอบก่อน จึงจะเข้ามาได้ คนที่รู้วิชาการแพทย์ที่แม่จะรับชุดแรก ประการแรก ต้องรักษาอาการป่วยให้ขุนนางในราชสำนักได้ ประการที่สอง ปรุงยาและทดสอบยาได้ ประการที่สาม อบรมบุคลากรการแพทย์แทนแม่ได้ รอให้วิชาการแพทย์แข็งแกร่งก็จะถูกส่งไประจำพื้นที่ต่างๆ จัดตั้งสำนักยาหลวง”
พอลู่เจียวกล่าว ซานเป่ารีบกล่าวว่า “ท่านแม่ ถึงตอนนั้นข้าไปลงพื้นที่จัดตั้งสำนักยาหลวงได้หรือไม่”
ลู่เจียวไม่คัดค้านเรื่องนี้ ความจริงซานเป่าก็เรียนการแพทย์กับนางมาแต่เล็ก ตอนนี้วิชาการแพทย์ดีกว่าหมอทั่วไปมาก
“ได้ แต่ที่ที่เจ้าจะไปตั้งสำนักยาหลวงได้ เลือกได้แค่เมืองหนิงโจว”
นางไม่วางใจให้เขาไปที่อื่น อย่างไรก็ยังไม่โตเป็นผู้ใหญ่
“พี่รองเจ้าก็อยู่ค่ายทหารเมืองหนิงโจว หากถึงตอนนั้นเจ้าไปที่นั่น พี่น้องสองคนก็จะได้มีเวลามาพบกันบ้าง และตั้งสำนักยาหลวงที่เมืองหนิงโจว ค่ายทหารต้องการอันใด เจ้าก็พาคนไปช่วยได้”
“ท่านแม่ ข้าตกลง”
ซานเป่าพยักหน้าเบิกบานใจ
เขารู้สึกว่ามารดาเป็นท่านแม่ที่เปิดกว้างที่สุดในโลก แต่ไรมาไม่มีท่านแม่ตระกูลใดให้ความสำคัญกับความคิดของบุตรชายเช่นนี้
อย่างเช่นพี่ใหญ่เขาชอบสืบคดี ท่านแม่ก็บอกว่าไปเรียนได้ วันหน้าไม่เป็นโส่วฝู่ ไปเป็นเจ้ากรมศาลอาญาต้าหลี่ก็เหมือนกัน
พี่ใหญ่เขาฉลาดมาก เรียนหนังสือได้ดีมาก หากเป็นบิดามารดาทั่วไปย่อมสั่งให้เขาไปเข้าประจำสำนักฮั่นหลินย่วน วันหน้าเข้าสู่คณะมนตรีเป็นโส่วฝู่ แต่ท่านแม่กลับไม่คิดเช่นนี้
พี่รองไปเป็นทหาร บิดามารดาก็เห็นด้วย ยังให้คนพาเข้าไปส่งค่ายทหาร
ตอนนี้ถึงตาเขาแล้ว ก็เช่นกัน ซานเป่าดีใจมากที่ตนเองมีบิดามารดาใจกว้างเช่นนี้ เขาพุ่งเข้าไปกอดลู่เจียว
“ท่านแม่ ขอบคุณท่านแม่ ท่านแม่เป็นท่านแม่ที่รักบุตรชายที่สุดในโลก”
ลู่เจียวถูกเขาชมก็เบิกบานใจ ยื่นมือไปลูบศีรษะเขากล่าวว่า “เพราะบุตรชายพยายามกันอย่างมาก ในฐานะแม่จะไม่สงสารบุตรชายได้อย่างไร แต่พรุ่งนี้เจ้าไปเก็บของที่สำนักศึกษาก็กล่าวอำลากับอาจารย์ใหญ่และอาจารย์ท่านอื่นด้วย”
“ขอรับท่านแม่”
ซานเป่าออกไปอย่างดีใจ
พอเซี่ยอวิ๋นจิ่นกลับมา ลู่เจียวก็บอกเรื่องนี้กับเซี่ยอวิ๋นจิ่น
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเองก็ไม่คัดค้าน ความจริงพวกเขาส่งซานเป่าไปสำนักศึกษาก็เพื่อเป็นเพื่อนซื่อเป่า ตอนนี้ซานเป่ามีเหตุผลกลับมาได้อย่างเปิดเผยก็ดีมาก
สองสามีภรรยาคุยเรื่องนี้แล้วก็ไม่คุยอีก เซี่ยอวิ๋นจิ่นถามลู่เจียวถึงเรื่องเลือกที่ตั้งสำนักยาหลวงอย่างห่วงใย
ลู่เจียวเล่าให้ฟังรอบหนึ่ง สองสามีภรรยาคุยเรื่องนี้กันอย่างเต็มที่จนกระทั่งเที่ยงคืนจึงได้เข้านอน
วันรุ่งขึ้นลู่เจียวตื่นนอนได้ไม่นาน ฉีเหล่ยก็มา
“เดิมคิดพาเหลียนอวี้มาโขกศีรษะคำนับอาจารย์ด้วย แต่ท่านแม่บอกว่าภรรยาแต่งมาเดือนแรกไม่ควรมาบ้านผู้อื่น ดังนั้นข้าจึงไม่ได้พานางมาด้วย”
ลู่เจียวยิ้มเอ่ยว่า “ท่านแม่เจ้าก็คิดมากเกินไปแล้ว ข้าไม่ได้คิดมากเพียงนั้น ไว้เจ้าพานางมาเที่ยว นางรออยู่บ้านย่อมรู้สึกเบื่อ วันนี้เจ้ามามีเรื่องอันใดหรือ”
ฉีเหล่ยยิ้มเบิกบานใจกล่าวว่า “ข้ามาแสดงความยินดีกับอาจารย์ คิดไม่ถึงว่าอาจารย์ทำเรื่องนี้สำเร็จได้จริง ข้าดีใจมาก”
ลู่เจียวยิ้มเอ่ยเชิญฉีเหล่ย “เจ้าจะมาเป็นผู้ช่วยเจ้ากรมสำนักยาหลวงหรือไม่ เจ้าก็รู้ว่าข้ามีงานอีกกองโต ไม่อาจทุ่มเทเพื่อสำนักยาหลวงได้เต็มที่ หากเจ้ามาช่วยข้าได้ก็จะดีมาก”
ฉีเหล่ยรับปากทันที วันนี้เขาเองก็มาด้วยเรื่องนี้
“ได้ วันนี้ข้าก็มาด้วยเรื่องนี้เช่นกัน”
“เช่นนั้นต้องหารือกับภรรยาเจ้าหรือไม่ เพิ่งจะแต่งงานก็งานยุ่งแล้ว จะไม่ค่อยดีหรือไม่ หรือว่าเจ้าอยู่บ้านเป็นเพื่อนนางสักระยะหนึ่งก่อน”
“ไม่ต้อง เหลียนอวี้เป็นคนน่ารักมีใจเมตตา ก่อนมาข้าหารือเรื่องนี้กับนางแล้ว นางเห็นด้วย บอกว่าผู้ชายมีปณิธานยิ่งใหญ่ นับประสาอันใดกับการทำงานนี้ก็เพื่อแผ่นดินและราษฎร นางให้ข้ามาช่วยอาจารย์ที่สำนักยาหลวง”
ลู่เจียวได้ฟังฉีเหล่ยก็อดเอ่ยชมไม่ได้ “ดูท่าหญิงสาวผู้นี้ดีจริง เจ้าต้องดีกับนางหน่อย วันหน้าอย่าได้ทำผิดต่อนาง ในเมื่อแต่งกับนางแล้วก็อย่าได้รับอนุอีก วันหน้าเจ้าจะยุ่งมาก ภรรยาคนเดียวก็เพียงพอให้เจ้ารับมือแล้ว อย่าได้รับอนุใดอีก”