ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 753 เป้าหมาย
ตอนที่ 753 เป้าหมาย
ทั้งสองคนเห็นติงเซียง ก็ยิ้มตาหยีเอ่ยทักทาย “พี่ติงเซียง”
“คุณชายห้า คุณหนูหกมากันแล้วหรือ”
“อืม”
สองหนูน้อยวิ่งเข้าไปหาลู่เจียวอย่างดีใจ เตรียมจะไปกินอาหารเย็นที่ห้องอาหาร เห็นลูกๆ วิ่งหอบหายใจเข้ามาก็รีบเช็ดเหงื่อให้ลูกทั้งสอง “ทำอันใด ไยวิ่งมาเร็วเช่นนี้”
สองแฝดเห็นลู่เจียวถามไถ่อย่างเป็นห่วง ก็ดึงมือลู่เจียวมาก่อนแนบกายตนเองอิงแอบมารดาตน พวกเขาไม่ได้เห็นมารดามาหนึ่งวันแล้ว ออดอ้อนเอาใจสักหน่อยก่อนคิดเรื่องเป็นการเป็นงานกัน
อู่เป่าน้อยเงยหน้ายิ้มตาหยีมองท่านแม่ตน กล่าวว่า “ท่านแม่ ในที่สุดข้าก็คิดออกแล้วว่าวันหน้าจะทำอันใด”
ลู่เจียวดึงบุตรชายกับบุตรสาวไปนั่งลงเอ่ยถามอย่างนึกสนใจว่า “วันหน้าอู่เป่าอยากทำอันใดหรือ”
อู่เป่าน้อยยืดอกกล่าวว่า “ท่านพ่อกับท่านแม่เก่งกาจเช่นนี้ ข้าย่อมไม่อาจทำให้พวกท่านเสียหน้า ดังนั้นข้าคิดแล้ว ข้าจะเป็นโส่วฝู่แห่งแคว้นต้าโจว”
ลู่เจียวตกใจ นางเดิมคิดว่าบุตรชายคนโตจะเป็นโส่วฝู่แคว้นต้าโจว ปรากฏบุตรชายคนโตไม่สนใจตำแหน่งนี้ แต่กลับเป็นบุตรชายห้าของนางที่ถึงกับอยากเป็นโส่วฝู่แคว้นต้าโจว
ลู่เจียวมองอย่างไรก็รู้สึกว่า อู่เป่าน้อยที่ไม่ค่อยมั่นใจในตนเอง ชอบแยกตัวจากผู้อื่น และชอบเกาะติดนาง ชอบบอกว่าเขาก็คือแก้วตาดวงใจของนางเช่นนี้ ถึงกับบอกว่าตนเองจะเป็นโส่วฝู่แคว้นต้าโจว
แน่นอนว่าบุตรชายมีความตั้งใจดีเช่นนี้ ลู่เจียวก็มิได้เอ่ยค้านบุตรชาย แต่ยังมองบุตรชายเอ่ยจริงจังว่า “ลูกแม่ เป็นโส่วฝู่แคว้นต้าโจวไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องเรียนรู้มากมาย และยังต้องฉลาดมีไหวพริบ ต้องระวังถูกคนวางอุบาย”
อู่เป่าน้อยรีบเข้าไปคลอเคลียมารดาตนเองเอ่ยว่า “ท่านแม่ ท่านสอนข้าได้หรือไม่ ท่านแม่ข้าเก่งกาจเช่นนี้ หากสอนข้า ข้าต้องเรียนรู้เป็นอย่างแน่นอน”
ลู่เจียวได้ฟังเขาก็พลันเข้าใจกระจ่างขึ้นมาทันที อาศัยเรื่องเรียนเพื่อมาเกาะติดนาง ดูท่าอู่เป่าน้อยยังคงเป็นแก้วตาดวงใจคอยเกาะติดนาง
“ได้ ขอเพียงเจ้าไม่รังเกียจที่แม่พูดมาก แม่ก็จะสอนเจ้า”
ไม่ว่าวันหน้าบุตรชายจะเลือกเดินไปบนเส้นทางใด นางก็จะสอนให้เขาก้าวไปสอบเคอจวี่ก่อน
ลู่เจียวกำลังคุยกับอู่เป่าน้อย เซี่ยหลิงหลงยื่นมือไปดึงแขนเสื้อท่านแม่ตน กล่าวว่า “ท่านแม่ ข้าเองก็คิดได้แล้วว่าข้าจะทำอันใด”
ลู่เจียวอดแปลกใจไม่ได้ วันนี้ลูกๆ เป็นอันใดกันหรือ ต่างมีเป้าหมาย
ลู่เจียวลูบศีรษะเซี่ยหลิงหลง นางรู้ว่าเซี่ยหลิงหลงกลัวนางไม่น้อย เพราะทุกคนในบ้านตามใจนาง นางกลัวว่าบุตรสาวจะเสียคนเอาแต่ใจ จึงทำหน้าที่มารดาผู้เข้มงวดมาตลอด แต่นิสัยเซี่ยหลิงหลงตอนนี้ไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงแล้ว นางเป็นคนโอบอ้อมอารีมีเมตตา ลู่เจียวจึงผ่อนปรนกับนางลงไม่น้อย
นางยกมือลูบศีรษะเซี่ยหลิงหลง “บอกแม่หน่อยว่าเจ้าคิดทำอันใดหรือ”
ลู่เจียวเอ่ยวาจาอ่อนโยนกับเซี่ยหลิงหลง เซี่ยหลิงหลงแอบรู้สึกตกใจ แต่ก็เบิกบานใจ อิงแอบลู่เจียวพลางยิ้มตาหยีกล่าวว่า “ท่านแม่ ข้าไปเรียนที่ตระกูลเนี่ยได้เรียนรู้มาเรื่องหนึ่ง สตรีใต้หล้านี้ไม่ค่อยรู้หนังสือ ท่านแม่ว่าไม่ยุติธรรมหรือไม่”
แฝดชายหญิงไม่เหมือนกับเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ พวกเขาเกิดมาบิดาก็เป็นถงจือเมืองหนิงโจว ดังนั้นพวกเขาไม่รู้รสชาติความทุกข์บนโลกนี้ ยังคิดว่าทุกคนเหมือนกับพวกเขา
สองสามวันนี้เซี่ยหลิงหลงไปเรียนที่ตระกูลเนี่ยได้เห็นครอบครัวตระกูลเนี่ย ล้วนเป็นคุณหนูมาเรียน แต่จำนวนไม่มาก ดังนั้นนางจึงถามอย่างอยากรู้ขึ้น จึงได้รู้ผู้หญิงสมัยนี้ส่วนใหญ่ไม่รู้หนังสือ
เซี่ยหลิงหลงอดเห็นใจพวกนางไม่ได้ ในใจก็พลันเกิดปณิธานแรงกล้าขึ้นมาว่าจะให้สตรีในแคว้นต้าโจวได้รู้หนังสือ ไม่คาดหวังว่าพวกนางจะรู้จารีตและเก่งงานฝีมือแบบสตรีตระกูลสูงศักดิ์ แต่อย่างไรก็ควรได้เรียนคัมภีร์สามอักษร หนังสือร้อยแซ่กับพันตัวอักษร พวกนางรู้หนังสือก็จะกลายเป็นคนฉลาด
เซี่ยหลิงหลงยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าเรื่องนี้ทำได้ ดังนั้นพอเลิกเรียนก็รีบตรงกลับบ้านทันที ได้ยินว่าท่านแม่กลับมาแล้ว นางก็รีบมา
“ท่านแม่ ท่านว่ารอให้ข้าโตขึ้น ข้าเปิดสำนักศึกษาสตรีสอนผู้หญิงเรียนหนังสือดีหรือไม่”
ตอนนี้สำนักศึกษาสตรีแคว้นต้าโจวมีเพียงสำนักศึกษาซุ่ยเต๋อในเมืองหลวง สำนักศึกษานี้รับคนเข้มงวดมาก เปิดเพื่อรองรับสตรีตระกูลสูงศักดิ์ ไม่มีสำนักศึกษาอื่นแล้วจริงๆ
ลู่เจียวได้ฟังเซี่ยหลิงหลงก็รู้สึกว่าความคิดนี้ของนางไม่เลว คนเรามีปณิธานเป็นสิ่งดี
“ได้สิ”
ลู่เจียวพยักหน้า แต่เอ่ยถึงปัญหาจริงจังเรื่องหนึ่ง “เช่นนั้นแม่อยากถามเจ้าเรื่องหนึ่ง เจ้าตั้งสำนักศึกษาเก็บเงินหญิงเหล่านั้นหรือไม่”
เซี่ยหลิงหลงรีบส่ายหน้า “ย่อมไม่เก็บ พวกนางไม่มีเงินไม่ใช่หรือ”
“เช่นนั้นก็มีปัญหาแล้ว เจ้าไม่เก็บเงิน แต่ต้องดูแลสำนักศึกษา เช่นนั้นสำนักศึกษาเอาเงินมาจากที่ใด”
เซี่ยหลิงหลงนิ่งอึ้ง นางไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อน ลู่เจียวยิ้มมองนางกล่าวว่า “ดังนั้นเจ้าต้องเรียนรู้ที่จะหาเงิน รอให้เจ้าหาเงินได้มากก่อน ก็ค่อยตั้งสำนักศึกษา และหากอยากให้สตรีในแคว้นต้าโจวล้วนรู้หนังสือ ก็ไม่อาจเปิดเพียงหนึ่งแห่ง แต่ต้องเปิดหลายแห่ง ต้องการใช้เงินทองจำนวนมาก”
ลู่เจียวกล่าวจบ เซี่ยหลิงหลงก็เข้าใจทันที
นางพลันเลิกคิ้วยิ้มกล่าวว่า “ท่านแม่ ข้ารู้แล้ว ข้าจะต้องหาเงินก่อน รอให้หาเงินได้แล้วก็ค่อยทำเรื่องที่ตนเองอยากทำ”
“ใช่แล้ว”
ลู่เจียวลูบศีรษะเซี่ยหลิงหลง กล่าวว่า “เอาละ เรื่องนี้ค่อยเป็นค่อยไป ตอนนี้สายแล้ว พวกเราไปกินอาหารเย็นกันเถอะ”
สองแฝดไปกินอาหารเย็นกับมารดาอย่างมีความสุข ตอนกินอาหารเย็น ทั้งสองคนยังเล่าความคิดตนเองให้ซานเป่าฟัง ซานเป่าแสดงท่าทีเห็นด้วย สนับสนุนให้พวกเขามุ่งมั่นทำในสิ่งที่ตนเองต้องการ
“เจ้าดูพี่ใหญ่ พี่รอง ดูพี่สาม พี่สี่ พวกเราทุ่มเทอย่างมากเพื่อเป้าหมายของตนเอง ดังนั้นพวกเจ้าเองก็ต้องทุ่มเทเพื่อเป้าหมายของตนเอง แต่ตอนนี้พวกเจ้าต้องตั้งใจเรียนให้ดีๆ เสริมสร้างความสามารถก่อน”
ซานเป่ากล่าวจบมองไปยังอู่เป่าน้อย อู่เป่าคิดจะเป็นโส่วฝู่แคว้นต้าโจวหรือ นิสัยเขาเป็นได้หรือ
ตกค่ำ เซี่ยอวิ๋นจิ่นกลับมา ลู่เจียวก็เล่าปณิธานของแฝดชายหญิงให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นฟัง เซี่ยอวิ๋นจิ่นตกใจไม่น้อย อู่เป่าถึงกับมีปณิธานยิ่งใหญ่เช่นนี้ เขามองข้ามบุตรชายตนเองไปหรือ
แต่คิดถึงปณิธานบุตรสาว เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็เอ่ยชมยกใหญ่ “หลิงหลงเป็นหญิงสาวจิตใจอารีมีเมตตาจริงๆ คิดถึงผู้อื่น บุตรสาวข้าเป็นแบบอย่างที่ดียิ่ง”
ลู่เจียวมองเขาด้วยสีหน้านิ่งเฉย เซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดได้ทันทีว่าตนเองเอาแต่ตามใจเซี่ยหลิงหลง เรื่องนี้เขายอมรับ หากไม่ใช่เจียวเจียวทำหน้าที่มารดาผู้เข้มงวด เซี่ยหลิงหลงต้องกลายเป็นเหมือนพวกคุณหนูเอาแต่ใจพวกนั้น แต่เพราะท่านแม่นางยังคนยืนยันไม่ตามใจนาง ดังนั้นนางจึงได้มีเหตุมีผลและรู้ความเช่นนี้
เซี่ยอวิ๋นจิ่นยื่นมือขึ้นโอบกอดลู่เจียว “แน่นอนว่าล้วนเป็นเพราะเจียวเจียวอบรมมาดี ข้าไม่รู้ว่าสั่งสมบุญมากี่ชาติจึงได้แต่งภรรยาที่ดีเช่นเจียวเจียวได้”
กล่าวจบก็โน้มกายลงจุมพิตนาง
หลายปีผ่านมาแล้ว ใต้เท้าเซี่ยยิ่งพูดจาหวานหูคล่องแคล่วชำนาญ
ถัดมาไม่นาน ในห้องก็มีเสียงที่ทำให้คนหน้าแดงลามไปถึงใบหู
ติงเซียงและบรรดาสาวใช้รู้ตัวรีบถอยออกไปก่อนแล้ว