ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 756 วันหน้าจะโกรธแค้นข้า
เซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดไปพลางมองไปยังลู่เจียวกล่าวว่า “เจียวเจียว วันหน้าเจ้าต้องดูแลสำนักยาหลวงในมือก็มีกิจการการค้ามากมาย วันหน้าอย่าได้ทำอันใดอีกเลย”
เขารู้ว่าด้วยความสามารถเจียวเจียว คิดเป็นคหบดีแห่งแคว้นต้าโจวก็ง่ายดังปอกกล้วยเข้าปาก ไม่เอ่ยถึงเรื่องอื่น แต่เรื่องที่นางมีน้ำพุจิตวิญญาณ ไม่ว่าเรื่องใดก็ล้วนทำได้สำเร็จ แต่เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่อยากให้นางทำการค้าอื่นอีกแล้ว
ลู่เจียวเข้าใจความคิดเขา พยักหน้าเห็นด้วย “ได้ ทำเพียงเท่านี้ วันหน้าข้าไม่ทำอีกแล้ว กิจการเหล่านี้เพียงพอจะทำให้ข้ายุ่งจนไม่มีเวลาแล้ว”
นางกล่าวจบยื่นมือไปดึงเซี่ยอวิ๋นจิ่นลงนั่ง กล่าวว่า “พวกเรามาหารือกัน ใช้เงินที่มีอยู่ทำกิจการอันใดดี เงินเก็บไว้เฉยๆ ไม่ดี ข้าคิดถึงว่าลูกๆ โตแล้ว ข้าวางแผนซื้อพวกที่นา โรงนาหรือร้านค้า วันหน้ามอบให้ลูกๆ ให้ลูกๆ แต่ละคนได้รับไปตอนแต่งงานคนละส่วน เจ้าว่าดีหรือไม่”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดไม่ถึงว่าลู่เจียวถึงกับวางแผนเช่นนี้ เลิกคิ้วอย่างแปลกใจ “เจียวเจียว เจ้ารู้ไหม เป็นลูกเจ้าเป็นเรื่องที่โชคดีที่สุดในโลก”
นางไม่เพียงแต่ใจกว้าง ยังมีความคิด สอนลูกๆ ให้มีปณิธานกันตั้งแต่เล็ก ทำให้ลูกๆ มุ่งมั่นไปสู่ทางที่ตนเลือก ส่วนนางก็พยายามอบรมสั่งสอนลูกๆ อย่างเต็มที่ ตอนนี้ลูกๆ โตกันแล้ว นางก็ไม่เหมือนแม่สามีตระกูลอื่นที่จะรวบทุกอย่างไว้คนเดียว แต่มอบกิจการให้ลูกๆ เป็นแม่สามีที่ใจกว้างมาก ไม่ว่าผู้ใดแต่งเข้าตระกูลพวกเขาจะต้องโชคดีมีวาสนาอย่างแน่นอน
ลู่เจียวคิดไม่ถึงว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นจะกล่าวเช่นนี้ ก็อดอึ้งไปครู่หนึ่งไม่ได้ ก่อนจะยิ้ม นางลืมธรรมเนียมยุคสมัยนี้ไป
บิดามารดายังอยู่ จะไม่แยกครอบครัว ลูกๆ ไม่มีกิจการอันใดในมือ ส่วนใหญ่เป็นของส่วนกลาง รอให้บิดามารดาตาย บุตรชายคนโตก็แบ่งได้ส่วนใหญ่ไป น้องๆ ที่เหลือแบ่งเท่ากัน
แต่ลู่เจียวไม่คิดเช่นนี้ บุตรชายคนโตแบ่งได้ส่วนใหญ่ น้องๆ คนอื่นจะไม่มีความคิดเห็นหรือ ไยต้องทำลายสัมพันธ์พี่น้องด้วยเรื่องเงินทองเล็กน้อย
“ข้าไม่ได้คิดให้ลูกๆ แยกตัวออกไป แต่ในฐานะมารดา ข้าวางแผนว่าหลังพวกเขาแต่งงาน จะมอบของให้พวกเข้าสักหน่อย ให้พวกเขาใช้เงินได้ตามสบาย อย่าได้แต่เอาแต่คิดว่าเป็นรายรับรายจ่ายส่วนรวม ยุ่งยากมาก วันหน้าพวกเขาก็จะมีเงินมองใช้จ่ายของตนเอง ส่วนค่าใช้จ่ายปกติของแต่ละเรือนก็ใช้ส่วนกลาง ไม่ใช่เรื่องดีหรอกหรือ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นพยักหน้าโอบกอดลู่เจียว ยิ้มกล่าวว่า “ใช่ ดีมากๆ ตระกูลเราไม่ว่าเมื่อใด ฮูหยินกล่าวอันใดก็ตามนั้น”
ลู่เจียวเดิมไม่ได้รู้สึกอันใด แต่พอถูกใต้เท้าเซี่ยชมเช่นนี้ ก็รู้สึกดีมาก
ลู่เจียวไม่คุยเรื่องที่บ้านอีก แต่ถามเซี่ยอวิ๋นจิ่นถึงศาลจิงจ้าวว่าเป็นอย่างไรบ้าง
“พอได้ แต่ตอนต้าเป่าไม่มีเรียนก็มักมาช่วยข้า คดีที่ผ่านมาของศาลจิงจ้าวถูกเขาแอบตรวจสอบหมด ข้าพบว่าลูกคนนี้มีพรสวรรค์ด้านนี้มาก ประเด็นก็คือใจกล้าไม่น้อย ไม่กลัวสถานที่เกิดเหตุสังหาร ยังตรวจสอบจริงจังยิ่ง เพราะเขามีพรสวรรค์ผ่านตาไม่ลืม พอได้เห็นแล้ว เขาก็คิดแยกแยะรายละเอียดแต่ละอย่างได้ จากนั้นเขาก็ค้นพบรายละเอียดเล็กน้อยได้ไม่ยาก ทำให้ตัดสินคดีได้เร็วขึ้น”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวจนสุดท้าย ถอนหายใจกล่าวว่า “ลูกคนนี้เกิดมาเพื่องานด้านนี้ วันหน้าไม่แน่อาจได้เป็นถึงตำแหน่งเจ้ากรมศาลอาญาต้าหลี่”
ลู่เจียวยิ้มกล่าวว่า “เช่นนั้นก็ดี”
สองสามีภรรยาคุยถึงเรื่องลูกๆ ก็มักจะมีความสุขเช่นนี้
เดือนแปด สำนักศึกษาสตรีซุ่ยเต๋อรับนักเรียนหญิง หูหลิงเสวี่ยกับจ้าวอวี้หลัวสองคนก็ไปร่วมสอบ ความจริงตามอายุพวกนางตอนนี้มากไปสำหรับศึกษา สตรีสูงศักดิ์ที่มาสอบไม่น้อยอายุราวสิบเอ็ดสิบสองเท่านั้น เรียนที่สำนักศึกษาสามปี อายุสิบสี่สิบห้าก็หาคู่ครอง
หูหลิงเสวี่ยกับจ้าวอวี้หลัวตอนนี้สิบสี่แล้ว มาร่วมสอบที่สำนักศึกษาก็อายุมากอย่างเห็นได้ชัด รอให้พวกนางสำเร็จการศึกษาก็สิบเจ็ดแล้ว แม้พวกนางจะยอดเยี่ยม แต่อายุก็มากไปสักหน่อยแล้ว การจะหาคู่ครองก็ย่อมไม่ง่ายนัก เพราะผู้ชายที่ยอดเยี่ยมล้วนหมั้นหมายไปก่อนหน้านี้แล้ว
แต่หูหลิงเสวี่ยกับจ้าวอวี้หลัวตัดสินใจเข้าสอบ การสอบสำนักศึกษาสตรีซุ่ยเต๋อครั้งนี้สอบกันเข้มงวด จำกัดอายุไม่เกินสิบแปดปี อายุไม่ถึงสิบแปดก็มาสอบได้ ขอเพียงคะแนนผ่าน ก็เข้าศึกษาได้
ดังนั้นอายุหูหลิงเสวี่ยกับจ้าวอวี้หลัวจึงไม่ใช่ปัญหา
เนี่ยอวี้เหยาให้กำลังใจหูหลิงเสวี่ยบุตรสาวตน บอกกับลู่เจียวไว้แล้วว่า วันนั้นให้ลู่เจียวมาเป็นเพื่อนหู หลิงเสวี่ยเข้าสอบที่สำนักศึกษา เนี่ยอวี้เหยามักรู้สึกว่ามีลู่เจียวอยู่ บุตรสาวนางจะรู้สึกสงบ
ลู่เจียวเองก็รับปาก หากไม่เหนือความคาดหมายหูหลิงเสวี่ยจะมาเป็นสะใภ้คนโตตระกูลเซี่ย นางย่อมต้องไปให้กำลังใจสะใภ้ตนเองสักหน่อย
เพียงแต่ลู่เจียวคิดไม่ถึงว่าก่อนวันสอบหนึ่งวัน นางถึงกับได้รับเทียบเชิญจากพระชายารัชทายาทที่ส่งคนนำมาให้ เชิญนางไปเป็นกรรมการพิเศษรับเชิญของสำนักศึกษาสตรีซุ่ยเต๋อ
ลู่เจียวแปลกใจมาก ถามเซี่ยอวิ๋นจิ่นว่าเป็นกรรมการพิเศษรับเชิญคืออันใด
เซี่ยอวิ๋นจิ่นระยะนี้ได้ยินเรื่องเกี่ยวกับการสอบของสำนักศึกษาสตรีซุ่ยเต๋อมาบ้าง เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสะใภ้คนโตของตน เขาจึงได้ใส่ใจฟัง จึงพอรู้มาบ้าง
เขายิ้มมองลู่เจียวกล่าวว่า “เป็นกรรมการพิเศษรับเชิญก็เหมือนขุนนางคุมสอบ สำนักศึกษาสตรีซุ่ยเต๋อตั้งขึ้นโดยฮองเฮาเหวินหุ้ย เดิมฮองเฮาจะดำเนินการสอบเอง แต่ตอนนี้แคว้นต้าโจวไม่มีฮองเฮา เรื่องนี้จึงได้มอบให้พระชายารัชทายาทมาดำเนินการ พระชายารัชทายาทก็จะเชิญบรรดาฮูหยินขุนนางสถานะสูงส่งไปเป็นกรรมการพิเศษรับเชิญ ตอนนี้นางเชิญเจ้าก็เพราะเห็นว่าเจ้าเป็นสตรีคนแรกที่ได้เป็นขุนนางของแคว้นต้าโจว ถือเป็นแบบอย่างของนักเรียนในสำนักศึกษาสตรีซุ่ยเต๋อ”
ลู่เจียวพอเข้าใจแล้วว่ากรรมการพิเศษรับเชิญคืออันใด นางถามเซี่ยอวิ๋นจิ่น “กล่าวเช่นนี้ พรุ่งข้านี้ก็รับหน้าที่ขุนนางสอบแล้วสินะ”
“ก็ประมาณนี้ การสอบมีพระชายารัชทายาทกับอาจารย์ใหญ่สำนักศึกษาสตรีซุ่ยเต๋อรับหน้าที่ดูแล กรรมการพิเศษรับเชิญเช่นพวกเจ้าและอาจารย์คนสำคัญในสำนักศึกษาก็จะมีสิทธิ์ในการให้ความเห็น”
ลู่เจียวพยักหน้าแสดงว่าเข้าใจแล้ว “ก็ได้ เช่นนั้นพรุ่งนี้ไปข้าร่วมตัดสินการสอบนี้สักหน่อย”
ลู่เจียวกล่าวจบ ก็พลันคิดถึงว่าพระชายารัชทายาทนำเทียบมาเชิญนางก็นับว่าเป็นการแสดงไมตรี
นางอดหันหน้าไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ได้ กล่าวว่า “เจ้าว่าวันหน้าพระชายารัชทายาทจะเกลียดข้าเข้ากระดูกดำหรือไม่”
นางเลี้ยงดูบุตรชายอีกคนของรัชทายาทอยู่ ประเด็นก็คือบุตรชายที่นางเลี้ยงดูมาไม่ได้อ่อนด้อย หากวันหน้า ซื่อเป่าได้กลับไปอยู่กับรัชทายาท ก็ย่อมไม่ด้อยไปกว่าพระนัดดาเซียวเจิน ซื่อเป่ามีความสามารถผ่านตาไม่ลืม และยังคำนวณตัวเลขได้เร็วมาก ความสามารถตนเองก็ไม่น้อย อายุน้อยๆ ก็เปิดร้านเสื้อผ้าเครื่องประดับมีชื่อ ในสายตารัชทายาทย่อมต้องมีเขา หากไม่เช่นนั้น จะให้พวกเขาส่งซื่อเป่าไปเรียนที่สำนักศึกษาให้อบรมให้ดีๆ หรือ
ดังนั้นวันหน้าแท้จริงผู้ใดจะได้สืบต่อบัลลังก์แคว้นต้าโจวก็ยังไม่แน่จริงๆ
หากซื่อเป่าได้ขึ้นครองบัลลังก์ นางที่เลี้ยงดูเขามา ใช่ว่าจะเป็นดังไทเฮาหรือ
ลู่เจียวคิดถึงความคิดสุดท้ายนี้ ก็ยิ้มด้วยท่าทางเซ่อซ่าขึ้นมา
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นนางยิ้มเซ่อซ่า ก็นึกขำบีบแก้มนาง หยอกล้อว่า “คิดอันใดน่ะ ยิ้มราวกับคนเซ่อซ่าโง่งม”
ลู่เจียวเขยิบเข้าไปใกล้เซี่ยอวิ๋นจิ่นกระซิบว่า “เจ้าว่าวันหน้าซื่อเป่าจะได้เป็นฮ่องเต้แคว้นต้าโจวหรือไม่”