ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 759 สอบ
ตอนที่ 759 สอบ
พระชายารัชทายาทได้ยินก็หันไปเอ่ยกับคนข้างกายหลายคนว่า “ไว้ข้ามีเวลาจะไปลองดูบ้าง”
พอนางกล่าวเช่นนี้ คนข้างๆ ก็รับคำกล่าวว่า “พระชายารัชทายาทควรไปลองเพคะ ได้ผลดีมาก เรื่องพวกผิวพรรณขาวขึ้นไม่ว่า แต่พอทำหน้าเสร็จก็จะรู้สึกนุ่มละมุนมีประกายใสวาวขึ้นจริงๆ เพคะ”
“แช่น้ำพุร้อนก็ไม่เลว แช่เสร็จก็ทำให้รู้สึกสบายไปทั้งตัว ก่อนหน้านี้ข้าหลับไม่ค่อยสนิท พอไปแช่มา ไม่เพียงแต่ผิวพรรณดี ยังหลับดีขึ้นไม่น้อย”
พระชายารัชทายาทได้ยินก็อยากลอง ยิ้มเอ่ยว่า “ไว้ข้าต้องไปลองอย่างแน่นอน”
ระยะนี้นางนอนไม่ค่อยหลับ มีเรื่องให้ต้องวุ่นวายมากมาย นางจึงมักจะปวดหัวจนนอนไม่หลับ
ลู่เจียวรีบกล่าวว่า “พระชายามาไม่ต้องจองก็ทำได้เพคะ”
พอนางเอ่ยวาจานี้ ทุกคนก็หัวเราะดัง
อาจารย์ใหญ่สำนักศึกษาสตรีซุ่ยเต๋อเห็นว่าสายแล้ว จึงเอ่ยขึ้นว่า “พระชายา การสอบควรเริ่มได้แล้วเพคะ”
ทุกปีสำนักศึกษาซุ่ยเต๋อมีคนมาสอบไม่น้อย
สอบไม่เสร็จภายในเวลาอันสั้น ดังนั้นควรรีบเริ่มสอบดีกว่า
พระชายารัชทายาทพยักหน้าเล็กน้อย กล่าวกับฮูหยินท่านอื่นว่า “วันนี้เชิญทุกท่านมาก็เพื่อร่วมเป็นกรรมการสอบกับพวกเรา อีกสักครู่ทุกคนเข้ามาสอบ อาจารย์ใหญ่ก็จะแจกใบประเมินให้กับทุกท่านคนละแผ่น เด็กหญิงที่เข้าร่วมการสอบทุกคนต้องเป็นทั้งพิณ หมาก อักษร ภาพ บทกวีและจารีต อีกอย่างยังต้องเตรียมแสดงความสามารถทางศิลปะหนึ่งอย่างด้วย”
“ทุกคนประเมินในใบประเมิน ดีก็คือ ‘ยอดเยี่ยม’ ทั่วไปก็คือ ‘เป็นรอง’ ไม่ดีก็เขียนว่า ‘ไม่ดี’ ได้เลย หากมีคนได้รับการประเมิน ‘ไม่ดี’ สามใบขึ้นไป นางก็จะถูกคัดออก”
พระชายารัชทายาทแจ้งกฎระเบียบการสอบจบ ก็ยิ้มมองทุกคนกล่าวว่า “แน่นอนว่าพวกเราเองก็ไม่ต้องเคร่งเครียดมากจนเกินไป หากพวกนางเป็นหมดทุกอย่างก็คงไม่ต้องการมาศึกษาที่สำนักศึกษาแล้ว”
ทุกคนถูกพระชายารัชทายาทหยอกจนหัวเราะขำ ความจริงพระชายารัชทายาทกล่าวได้ถูกต้อง หากเป็นหมดทุกอย่างและรู้จารีตธรรมเนียมดีหมด ไยต้องลำบากมาเรียนที่สำนักศึกษาสตรีซุ่ยเต๋อ
ในห้องโถงหลายคนก็ลุกขึ้นย่อกายคำนับพระชายารัชทายาท “หม่อมฉันทราบแล้วเพคะ”
พระชายารัชทายาทลุกขึ้น พาทุกคนเดินออกไป
สนามสอบของสำนักศึกษาซุ่ยเต่อมักใช้สอบศิลปวิทยาต่างๆ วันนี้ใช้สอบคุณสมบัติคุณหนูแต่ละตระกูลว่าจะเข้าเรียนที่สำนักศึกษาได้หรือไม่
ยามนี้ในสนามสอบก็เสียงดังวุ่นวายอย่างมาก มีคนจับกลุ่มสามคนห้าคนคุยกัน ฮูหยินหลายคนกำลังกำชับบุตรีตนเองอย่างได้ตื่นเต้น บอกพวกนางว่าอย่าได้เป็นห่วง แสดงไปตามปกติก็พอ
พวกนางแต่ละตระกูลเรียนมาแต่เล็ก หากไม่เหนือความคาดหมาย ย่อมต้องสอบเข้าสำนักศึกษาสตรี ซุ่ยเต๋อได้
กลุ่มคนที่เป็นที่สนใจของทุกคนที่สุดก็ย่อมต้องมีกลุ่มหูหลิงเสวี่ยกับจ้าวอวี้หลัว พวกนางสองคนอายุสิบสี่ ดูแล้วเป็นดรุณีแรกแย้ม แตกต่างจากเด็กหญิงอายุราวสิบกว่าอย่างเห็นได้ชัด คนไม่น้อยต่างพากันมองและซุบซิบพวกนาง
“ผู้นั้นไม่ใช่บุตรีเซียงจวินอันเล่อหรือ ยังมีอีกคนนั่นคุณหนูของคุณชายอนุในจวนหย่งหนิงโหว พวกนางโตเพียงนี้แล้ว คงไม่ได้มาสอบกระมัง”
คนอายุเท่าพวกนางล้วนใกล้จะจบการศึกษาไปรอแต่งงานกันแล้ว พวกนางมาสอบตอนนี้ เข้าไปเรียน อีกสามปี ออกมาก็อายุมากแล้ว
หูหลิงเสวี่ยกับจ้าวอวี้หลัวได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์รอบกายก็หน้าแดง ใจเต้นแรงไม่หยุด
เนี่ยอวี้เหยารีบเตือนพวกนาง “อย่าลืมที่น้าลู่บอกกับพวกเจ้า อย่าเอาแต่สนใจความคิดผู้อื่น ทำสิ่งที่ต้องเองควรทำ เมื่อก่อนน้าลู่เองก็ถูกคนเยาะว่าเป็นหญิงบ้านนา นางเคยสนใจหรือ ตอนนี้เป็นอย่างไร คนมากมายในเมืองหลวงต่างให้ความเคารพนาง นางอาศัยความสามารถตนเอง นำพาตนเองมาสู่สถานะในตอนนี้ได้สำเร็จ”
“พวกเจ้าอยากเป็นคนยอดเยี่ยมก็อย่าได้สนใจสายตาผู้อื่น สนใจแค่พยายามทุ่มเทเรียนรู้ วันหน้าต้องมีคนชมพวกเจ้าว่ายอดเยี่ยมเป็นแน่”
สองคนถูกเนี่ยอวี้เหยาเตือนก็รีบทำใจให้สงบ ก่อนหน้านี้พวกนางก็คิดมากแล้ว จะมาตื่นเต้นอันใดตอนนี้
หญิงสาวสองคนยืดตัวตรง ความมั่นใจเพิ่มมากขึ้น
ยามนี้พระชายารัชทายาทพาทุกคนเดินเข้ามาในสนามสอบ พริบตาก็พลันเงียบสงบลง แต่ละคนหันไปมองพระชายารัชทายาท
เพราะแคว้นต้าโจวไม่มีฮองเฮา ดังนั้นพระชายารัชทายาทก็คือสตรีที่สูงศักดิ์ที่สุดในแคว้นต้าโจวตอนนี้ คล้ายว่าในวังก็มีพระสนมเอก แม้ว่าสถานะสูงส่ง แต่ไม่ใช่สถานะสูงส่งอย่างเป็นทางการตามธรรมเนียมแคว้นต้าโจว จึงมีเพียงพระชายารัชทายาท
ในสนามสอบ ทุกคนมองมายังสตรีสูงศักดิ์ผู้นี้ รูปร่างผอมบาง ผิวพรรณขาวกระจ่าง แต่ความขาวนี้เหมือนจะขาดสีเลือดอยู่บ้าง และตอนนี้ก็แทบจะซีดเซียวแล้ว สีหน้าเหน็ดเหนื่อยอยู่สักหน่อย แม้นางแต่งกายด้วยเสื้อผ้าหรูหรา ท่วงท่ากิริยาเคลื่อนไหวต่างจากสามัญก็ตาม
แต่ทุกคนมักรู้สึกว่าพระชายารัชทายาทแลดูอิดโรย กลับกัน สตรีด้านหลังนางกลับเปล่งประกายเจิดจ้า ไม่เพียงแต่งาม แต่ยังดูมีชีวิตชีวา เคลื่อนไหวกระฉับกระเฉง ให้ความรู้สึกเหมือนสงบนิ่ง แต่ก็มีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด
หญิงสาวไม่น้อยพอเห็นนางต่างก็ถามมารดาตนเอง “หญิงผู้นั้นคือผู้ใด หน้าตางดงาม และผิวพรรณก็ดีมาก”
บรรดาฮูหยินในที่นั้นย่อมต้องรู้จักลู่เจียว นางก่อตั้งร้านเสริมความงาม หญิงผู้นี้มีความสามารถ คนเขาอาศัยความสามารถเป็นเจ้ากรมสำนักยาหลวงแห่งแคว้นต้าโจว
ขุนนางหญิงเพียงคนเดียวในแคว้นต้าโจว
“หญิงผู้นั้นก็คือลู่เจียว ขุนนางหญิงแคว้นต้าโจวที่แม่เคยบอกกับเจ้าอย่างไร เมื่อก่อนนางเป็นเพียงหญิงบ้านนา แต่เจ้าดูนาง ตอนนี้ได้เป็นขุนนางหญิงระดับเจ็ดเพียงหนึ่งเดียวในประวัติศาสตร์แคว้นต้าโจว ดังนั้นเจ้าเองก็ต้องพยายาม รู้หรือไม่”
บรรดาฮูหยินต่างวุ่นกับการแนะนำลู่เจียวให้บุตรสาวรู้จัก ทำเอารัศมีพระชายารัชทายาทโดนกลบไม่น้อย
แต่พระชายารัชทายาทก็ไม่ได้สนใจ
การสอบเริ่มต้นขึ้น คุณหนูแต่ละตระกูลที่มาร่วมการสอบในวันนี้สอบห้าคน เรียงตามลำดับที่สำนักศึกษาจัดให้ เริ่มแนะนำตนเองก่อน จากนั้นก็เริ่มแสดงความสามารถที่กำหนดทั้งหก และยังแสดงความสามารถของตนเอง
พระชายารัชทายาทพาอาจารย์ใหญ่สำนักศึกษามาร่วมสอบต่างประเมินคะแนนให้คุณหนูแต่ละตระกูล
ลู่เจียวเดิมคิดว่าเด็กสาวเหล่านี้จะแสดงได้ธรรมดา ซึ่งก็นับว่าไม่เลวแล้ว นางเองก็ไม่ได้คิดจะประเมิน ‘ไม่ดี’ มากนัก
ปรากฏพบว่าแม้พวกนางอายุยังน้อย แต่แต่ละอย่างล้วนไม่เลวอย่างมาก
ดูท่าตระกูลใหญ่เมืองหลวงเริ่มอบรมบุตรีตนเองมาแต่เล็กแล้ว ดังนั้นพวกนางจึงได้เชี่ยวชาญทั้งพิณ หมาก อักษรและภาพมาตั้งแต่อายุน้อยๆ มิน่าหูหลิงเสวี่ยกับจ้าวอวี้หลัวจึงเป็นกังวล
พวกนางตอนเด็กไม่ได้เรียนความรู้จารีตและศิลปะหก เช่น ดนตรี พิณ หมาก อักษรและภาพ เป็นต้น แม้ว่ามีโรงเรียนอนุบาลในบ้านและยังมีวิชาที่เกี่ยวกับจารีตและศิลปะหก แต่ก็เป็นเพียงแค่การเรียนที่ไม่ได้จริงจังนัก สิ่งที่เรียนจึงแตกต่างจากผู้อื่น
หลังหูหลิงเสวี่ยกับจ้าวอวี้หลัวเข้ามาอยู่เมืองหลวง ที่บ้านก็ให้คนมาสอน เดิมคนในบ้านอยากให้พวกนางมาสอบนานแล้ว แต่พวกนางไม่มั่นใจ จนล่วงเลยมาถึงตอนนี้
หูหลิงเสวี่ยกับจ้าวอวี้หลัวก้าวออกมา ก็เป็นที่สนใจของพระชายารัชทายาทกับอาจารย์ใหญ่อย่างไม่เหนือความคาดหมาย
พระชายารัชทายาทย่อมรู้จักหูหลิงเสวี่ยกับจ้าวอวี้หลัว รู้สึกตกใจที่พวกนางโตเพียงนี้ยังจะมาสอบสำนักศึกษา นางอดหันไปมองลู่เจียวพลางถามขึ้นไม่ได้
“พวกนางโตเพียงนี้เพิ่งมาสอบ ไม่เสียเวลาหาคู่ครองของพวกนางหรือ”
ปีหน้าหูหลิงเสวี่ยก็ได้วัยปักปิ่นเข้าสู่วัยผู้ใหญ่แล้ว หมั้นหมายได้แล้ว
ลู่เจียวยิ้มกล่าวว่า “เด็กๆ ตั้งใจสอบเข้าเรียนที่สำนักศึกษา พวกเราก็ได้แต่ปล่อยนาง นางคิดว่าตนเองไม่ยอดเยี่ยมพอ คิดจะเปลี่ยนตนเองให้ยอดเยี่ยม การเรียนอย่างไรก็ถือเป็นเรื่องดี”