ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 760 มาตรฐาน
พระชายารัชทายาทไม่ได้กล่าวอันใดอีก คนบนแท่นที่นั่งผู้ประเมินต่างแอบครุ่นคิดอีกสักครู่ดรุณีตระกูลหู หากสอบผ่าน พวกนางจะประเมิน ‘เป็นรอง’ หรือว่า ‘ยอดเยี่ยม’
ปรากฏหูหลิงเสวี่ยกับจ้าวอวี้หลัวทั้งสองคนแสดงพิณ หมาก อักษร ภาพ บทกวีและจารีตได้ไม่เลว ที่แย่ที่สุดก็แค่ ‘เป็นรอง’ ไม่ได้ ‘ไม่ดี’
ทั้งสองคนแสดงศิลปะ หูหลิงเสวี่ยแสดงการปัก จ้าวอวี้หลัวแสดงการขี่ม้า
หูหลิงเสวี่ยเรียนรู้การปักกับท่านแม่และท่านยายมาแต่เล็ก พอเข้าเมืองหลวง ท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่เห็นว่านางชอบ จึงได้เชิญช่างปักจากในวังมาสอนนาง ดังนั้นงานปักของนางจึงไม่เลวอย่างมาก ส่วนศิลปะการขี่ม้าของจ้าวอวี้หลัวก็ร้ายกาจมาก ถึงกับแสดงท่าทางหลากหลายบนหลังม้าได้ นางแสดงอยู่นอกห้อง คนที่ได้ชมแต่ละคนต่างพยักหน้าชื่นชม พระชายารัชทายาทก็ประเมินนางว่า ‘ยอดเยี่ยม’ คนที่เหลือก็ให้ ‘ยอดเยี่ยม’
สุดท้ายทั้งสองคนก็ผ่านการสอบมาได้อย่างราบรื่น
หูหลิงเสวี่ยกับจ้าวอวี้หลัวดีใจมาก ทั้งสองคนยิ้มกอดกัน
ลู่เจียวบนแท่นที่นั่งผู้ประเมินการสอบเห็นพวกนางเช่นนี้ก็ดีใจมาก
นางอดนึกถึงสองสาวตอนเด็กไม่ได้ ตอนเด็กจ้าวอวี้หลัวชอบหาเรื่องหูหลิงเสวี่ยที่สุด มักต้องการเหนือกว่า แต่หูหลิงเสวี่ยกลับอ่อนโยนมาก แต่ไรมาไม่เคยคิดเอาเรื่อง บางทีเพราะนางไม่คิดมาก จึงได้ทำให้พวกนางสองคนเป็นสหายสนิทกันได้
ลู่เจียวมองสองสาวตัวน้อยตรงหน้า พลันคิดถึงว่าหากหูหลิงเสวี่ยได้แต่งกับต้าเป่า เอ้อร์เป่ายินยอมแต่งกับจ้าวอวี้หลัว
สะใภ้พวกนางสองคนก็ไม่มีความขัดแย้งกัน พอคิดเช่นนี้ก็รู้สึกว่าความจริงก็ไม่เลว แต่ก็ต้องดูความคิดเอ้อร์เป่าด้วย
การสอบครั้งนี้สอบผ่านมากันทั้งหมดห้าสิบสองคน คนที่สอบไม่ผ่าน พระชายารัชทายาทให้กำลังใจพวกนางให้มาสอบปีหน้า
ในสนามสอบมีคนดีใจ มีคนแสดงความยินดี คุณหนูที่สอบไม่ผ่านย่อมเสียใจ จึงมีคนเสียใจ มีคนร้องไห้ สีหน้าคนทางบ้านต่างก็ย่ำแย่ เร่งให้รีบกลับ
ลู่เจียวตามหลังพวกอาจารย์ใหญ่ออกไปส่งพระชายารัชทายาท จากนั้นก็ไปรวมตัวกับเนี่ยอวี้เหยาและเถียนฮวน
หูหลิงเสวี่ยกับจ้าวอวี้หลัวดีใจโผเข้าหาลู่เจียว “น้าลู่ พวกเราสอบผ่านแล้ว พวกเราผ่านแล้ว”
ลู่เจียวยิ้มพลางพยักหน้า “ยินดีด้วย วันหน้าพวกเจ้าก็ต้องยิ่งพยายาม”
หูหลิงเสวี่ยจ้าวอวี้หลัวพยักหน้า “พวกเราจะพยายาม”
เนี่ยอวี้เหยายิ้มเดินเข้ามากล่าวว่า “เจียวเจียว ก่อนหน้านี้ข้าบอกกับบุตรสาวว่า หากนางสอบเข้าสำนักศึกษาซุ่ยเต๋อได้ ข้าจะจัดเลี้ยงให้นาง อีกสองสามวันเจ้ามาเป็นแขกบ้านข้านะ”
พอเนี่ยอวี้เหยาเอ่ย หูหลิงเสวี่ยก็เขินอาย เอ่ยขึ้นว่า “ท่านแม่ อย่าดีกว่า ก่อนหน้านี้ข้าเป็นห่วงว่าตนเองสอบไม่ผ่าน ดังนั้นจึงได้เอ่ยรับไปอย่างนั้น ตอนนี้สอบผ่านแล้ว ไม่อยากจัดเลี้ยงแล้ว ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด”
เนี่ยอวี้เหยากลับไม่เห็นด้วย ตนเองเอ่ยแล้ว จะไม่ทำได้อย่างไร
บุตรสาวสอบเข้าสำนักศึกษาซุ่ยเต๋อได้ เป็นเรื่องน่ายินดี
พวกนางเข้าเมืองหลวงมาหลายปีแล้ว ล้วนไม่มีอันใดคู่ควรแก่การยินดี ตอนนี้มีมาเรื่องหนึ่ง พอดีจะได้เชิญฮูหยินที่คบหาสนิทสนมมาร่วมงานเลี้ยง
เนี่ยอวี้เหยาตัดสินใจแล้วก็หันไปมองเถียนฮวนกล่าวว่า “บ้านพวกเจ้าจะจัดเลี้ยงหรือไม่”
เถียนฮวนเพิ่งจะเข้าเมืองหลวงมาได้แค่สองสามปี ตอนนั้นก็เข้าไปอยู่จวนหย่งหนิงโหว ตอนเพิ่งจะย้ายไปอยู่จวนหย่งหนิงโหว ฮูหยินหย่งหนิงโหวก็วางท่าทางใช้ธรรมเนียมจารีตมาข่มนาง ปรากฏพบว่านางเป็นพวกไม่รู้เรื่อง คนเขาไม่รู้ธรรมเนียม กลับเป็นพวกนางเองที่เสียหน้า ทุกคนถูกนางโต้กลับไป
สุดท้ายฮูหยินหย่งหนิงโหวก็ยืนยันจะให้พวกนางแยกออกไปอยู่กันเอง สุดท้ายจ้าวหลิงเฟิงก็ถูกให้แยกบ้านออกมาคนเดียว
เถียนฮวนได้ฟังเนี่ยอวี้เหยาก็มองไปยังจ้าวอวี้หลัว
นางเป็นมารดาเลี้ยง ไม่อาจตัดสินใจแทนจ้าวอวี้หลัว เรื่องนี้ต้องขึ้นกับจ้าวอวี้หลัวและบิดานาง
จ้าวอวี้หลัวกำลังเอ่ย ลู่เจียวกลับเอ่ยก่อนว่า “เรื่องนี้ไม่ฉลองหรือ เห็นชัดว่าไม่ให้ความสำคัญกับลูกๆ ฉลองกันเถอะ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องมงคลยิ่งใหญ่อันใด ดังนั้นข้ารู้สึกว่าพวกเจ้าสองตระกูลร่วมกันหาสถานที่จัดก็ได้”
พอลู่เจียวกล่าว เนี่ยอวี้เหยากับเถียนฮวนสองคนพลันคิดถึงว่าสถานที่ที่ดีแห่งหนึ่งขึ้นมาได้ หันไปสบตาอีกฝ่ายทันทีกล่าวว่า
“ไปจัดที่ลวี้อวิ๋นซานจวงดีหรือไม่ ผักที่ตระกูลเราปลูกออกมา ฮูหยินแต่ละท่านล้วนชอบ มักแย่งกันมาซื้อที่โรงปลูกผักเชิงเขาของพวกเรา พวกเราก็จัดงานเลี้ยงที่นั่นกันดีกว่า เด็กๆ ก็เชิญสหายสนิทพวกนางมา พวกเราก็เชิญสหายสนิทพวกเรา ถึงตอนนั้นจัดงานฉลองกันที่นั่น”
ทุกคนในที่นั้นต่างเห็นด้วย แต่ละคนแสดงท่าทีดีใจ “อันนี้ได้”
หูหลิงเสวี่ยกับจ้าวอวี้หลัวเองก็เห็นด้วยอย่างดีใจ “ตกลงเจ้าค่ะ”
เนี่ยอวี้เหยากับเถียนฮวนมองไปยังลู่เจียว “อีกสามวัน พวกเราไปลวี้อวิ๋นซานจวงกัน ถือว่าให้ตนเองได้พักร้อนกันสักวัน”
“ได้เลย”
ลู่เจียวรับปากอย่างไม่รอช้า ทุกคนก็พากันเอ่ยอำลาก่อนจะแยกกันขึ้นรถม้ากลับจวน
ตกค่ำ เซี่ยอวิ๋นจิ่นกลับมา ลู่เจียวบอกเรื่องนี้กับเขา “สะใภ้เจ้าสองคนครั้งนี้สอบได้แล้ว”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นสีหน้าตกใจ เอ่ยขึ้นว่า “ไม่ใช่คนเดียวหรือ เหตุใดมีสะใภ้สองคนได้”
ลู่เจียวตอบอย่างรู้สึกขำ “ไม่ใช่ว่ายังมีตระกูลจ้าวอีกคนหรือ”
“สาวน้อยนั่นก็สอบได้หรือ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมีสีหน้าไม่ค่อยเชื่อ เมื่อก่อนจ้าวอวี้หลัวในสายตาเขาก็ราวกับเด็กเสียสติ วันๆ เอาแต่ไล่ตามเอ้อร์เป่า เอ้อร์เป่า เอ้อร์เป่า
ลู่เจียวกล่าวอย่างนึกขำว่า “หลายปีก่อนจ้าวอวี้หลัวกลับเมืองหลวง บิดานางก็เชิญนางในวังมาอบรม ตอนนี้นางมีสง่าราศีรู้เหตุผล ไม่ได้ทำอันใดไร้สติดังเช่นเมื่อก่อนแล้ว เจ้าอย่าได้คิดถึงนางไม่ดีเช่นนั้น”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเลิกคิ้วกล่าวว่า “แม้นางเปลี่ยนไปแล้ว ก็ไม่อาจเปลี่ยนความคิดเอ้อร์เป่าที่ไม่ชอบนางได้ เอ้อร์เป่าไม่ชอบ พวกเราก็ไม่บังคับเขา เจ้าอย่ารับปากส่งเดช”
ลู่เจียวสีหน้าไร้วาจาจะกล่าว มองเขาเอ่ยว่า “เจ้ามั่นใจมากเลยหรือ หรือว่าความรู้สึกหลงตนเองว่ายอดเยี่ยมมีมากเกินไป เจ้าคิดว่าจ้าวอวี้หลัวต้องแต่งกับเอ้อร์เป่าให้ได้หรือ คนเขาแทบจะลืมเอ้อร์เป่าไปแล้ว”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ได้รู้สึกดีต่อจ้าวอวี้หลัวอย่างเห็นได้ชัด พอได้ฟังคำพูดลู่เจียว รีบกล่าวว่า “ลืมแล้วก็ดีที่สุด จะได้ไม่มาคอยเกาะแกะ”
ลู่เจียวพลันกล่าวอย่างสนใจว่า “เจ้าไม่พอใจสะใภ้คนนี้ ไม่พอใจสะใภ้คนนั้น ข้าอยากถามเจ้า เจ้าคิดให้บุตรชายเจ้าแต่งกับสะใภ้เยี่ยงไรกัน”
พอลู่เจียวถาม เซี่ยอวิ๋นจิ่นอึ้งไปทันที จากนั้นก็เริ่มครุ่นคิด
เขาคิดอยากให้บุตรชายแต่งสะใภ้เยี่ยงไร?
“ก่อนอื่นต้องหน้าตาดี บุตรชายทั้งสี่ของข้าหน้าตาดี อันดับสอง พวกนางต้องยอดเยี่ยม บุตรชายข้าเป็นคนยอดเยี่ยม ชาติตระกูลไม่เลว ที่สำคัญที่สุดก็คือสะใภ้ต้องชอบบุตรชายข้า ยังต้องให้ความเคารพผู้ใหญ่เมตตาผู้น้อย ต้องรู้กตัญญูต่อบิดามารดาสามี ต้องรู้รักน้องชายน้องสาว ต้องสามัคคีเป็นมิตร อ่อนโยนและเป็นภรรยาที่ดี”
ลู่เจียวได้ยินก็ปาดเหงื่อ เจ้าไม่เลือกนางฟ้าไปเลยเล่า เจ้าเลือกสะใภ้ให้บุตรชายหรือว่าเลือกภรรยาให้ตนเองกัน
ลู่เจียวครุ่นคิดไปมา ก็รู้สึกว่าเงื่อนไขที่เซี่ยอวิ๋นจิ่นเอ่ยมา นางเองก็ไม่ได้มาตรฐานนี้ ดังนั้นสะใภ้ที่นางพอใจเขาจึงไม่พอใจ ลู่เจียวหรี่ตาจ้องมองใต้เท้าเซี่ยอย่างเอาเรื่อง
“ดังนั้นภรรยาเช่นข้า ความจริงเจ้าเองก็ไม่พอใจหรือ”