ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 763 ไม่ได้การแล้ว
ตอนที่ 763 ไม่ได้การแล้ว
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวได้ฟังม่อเป่ย ทั้งสองคนสีหน้าพลันแปรเปลี่ยน รีบกล่าวว่า “เกรงว่าพวกเราจะโดนล้อม”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเพิ่งกล่าวจบ รอบด้านก็มีเงาร่างดำมืดกรูออกมาจากรอบทิศ ตรงมายังม่อเป่ยกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นและลู่เจียว
ดูท่าอ๋องจิ้นเตรียมตัวมาแล้ว
ม่อเป่ยสีหน้าแปรเปลี่ยน คืนนี้เพราะเร่งรีบ ดังนั้นเขานำคนมาแค่สองสามคน พวกเขาลืมไปว่าอ๋องจิ้นอาจส่งคนมาขวางระหว่างทาง ยามนี้จะทำเยี่ยงไรดี
ม่อเป่ยนำองครักษ์สามสี่นายออกรับมือ พลางเอ่ยกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นและลู่เจียวด้วยอาการร้อนใจสุดขีดว่า “ตอนนี้ทำเยี่ยงไรดี หากพวกเจ้ายังไม่เข้าวัง เป็นไปได้มากว่าฝ่าบาทอาจสิ้นพระชนม์ได้ ในมืออ๋องจิ้นมีราชโองการฝ่าบาท เป็นไปได้มากว่าเขาจะขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าโจว ถึงตอนนั้นพวกเราทุกคนก็คงโชคร้ายกันหมด”
สีหน้าลู่เจียวพลันแปรเปลี่ยน รีบหันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่น เซี่ยอวิ๋นจิ่นฝึกยุทธ์กับหลี่หนานเทียนมาหลายปี แม้ว่าไม่ได้มีกำลังภายใน แต่หมัดมวยก็ไม่เลว ยังพอต่อสู้กับอีกฝ่ายได้
ยามนี้เขาได้ฟังม่อเป่ยก็กล่าวน้ำเสียงหนักแน่นกล่าวว่า “ความจริงข้ากับเจียวเจียวมีวิชาอำพรางกาย พวกเราอำพรางกายหนีไปได้ แต่อาศัยเราทั้งสองคนไม่อาจเข้าวังได้”
ม่อเป่ยรีบส่งของประจำตัวรัชทายาทใส่มือเซี่ยอวิ๋นจิ่น กล่าวอย่างร้อนใจว่า “ประตูวังมีคนของเรา พวกเจ้าเอาสิ่งนี้เข้าวัง ตอนนี้ชนะหรือแพ้ขึ้นกับพวกเจ้าแล้ว”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบรับมา หันไปมองลู่เจียว ลู่เจียวรีบยื่นมือไปกุมมือเซี่ยอวิ๋นจิ่น ในมือนางมียาสลบ เซี่ยอวิ๋นจิ่นสลบไปทันที ลู่เจียวรีบหลบเข้าในห้วงอากาศ
ทั้งสองคนหายไปในบัดดล ม่อเป่ยเห็นแล้วก็โล่งอก คนชุดดำรอบด้านกลับมีสีหน้าย่ำแย่ หัวหน้าคนชุดดำมองไปโดยรอบ เพราะเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวสองคนหายตัวไป ทำให้ม่อเป่ยผ่อนคลายลงไม่น้อย นำลูกน้องต่อสู้กับอีกฝ่ายทันที
คนชุดดำกลับไม่มีใจคิดต่อสู้ พากันแยกตัวไปทีละคน กลับไปรอรับคำสั่งใหม่
พวกเขาเพิ่งจะหนีออกมา พวกม่อเป่ยก็ขึ้นม้าหนี เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวรีบวิ่งไปทางวังหลวง ม้าของพวกเขาถูกคนยึดไปก่อนหน้านี้ ตอนนี้พวกเขาไม่มีม้า ได้แต่แอบวิ่งมาท่ามกลางค่ำคืนมืดมิด เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิตครอบครัวพวกเขาทั้งตระกูล
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียววิ่งไปก็มองไปรอบทิศ หวังว่าจะเห็นม้าหรือรถม้า หากเห็นก็จะได้แย่งชิงมาใช้ก่อน
น่าเสียดายมองไปโดยรอบก็ไร้ความหวัง จนกระทั่งได้ยินเสียงฝีเท้าดังมา สองคนหันหน้าไปมอง ก็ พบว่าคนที่ขี่ม้าตะบึงมาถึงกับเป็นม่อเป่ยกับองครักษ์ข้างกายรัชทายาทอีกคนหนึ่ง
อีกสองคนถูกสังหารไปแล้ว ม่อเป่ยสั่งการลูกน้องด้านหลัง “เอาม้าให้ใต้เท้าเซี่ยกับฮูหยินเซี่ย”
องครักษ์รับคำโดดลงมา เซี่ยอวิ๋นจิ่นพาลู่เจียวโดดขึ้นหลังม้าห้อตะบึงไปทางวังหลวงทันที
คนหน้าประตูวังได้เปลี่ยนเป็นคนของรัชทายาทแล้ว พอเห็นม่อเป่ย พวกเขาก็ไม่ต้องดูสิ่งของสัญลักษณ์ก็ปล่อยพวกเขาเข้าวังไปทันที
ยามนี้นอกห้องบรรทมฝ่าบาท พวกอ๋องจิ้นกำลังโมโหถลึงตาใส่รัชทายาทเซียวอวี้
ด้านหลังเซียวอวี้เองก็มีขุนนางกลุ่มหนึ่งยื่นจ้องกับอ๋องจิ้นที่กำลังโมโหถลึงตาใส่
สองฝ่ายเข้าปะทะสังหาร
คนของอ๋องจิ้นหันไปตวาดใส่ขุนนางด้านหลังรัชทายาท “ฝ่าบาทมีราชโองการแต่งตั้งอ๋องจิ้นเป็นฮ่องเต้แคว้นต้าโจว พวกเจ้าคิดกบฏหรือ”
คนด้านหลังรัชทายาทตวาดกลับอย่างไม่เชื่อว่า “ฝ่าบาทแต่งตั้งรัชทายาทแคว้นต้าโจวแล้ว ผู้ที่ควรขึ้นครองราชย์ก็ควรเป็นรัชทายาท เหตุใดกลายเป็นอ๋องจิ้นได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้แคว้นต้าโจว หากฝ่าบาทไม่ประสงค์แต่งตั้งรัชทายาทเป็นฮ่องเต้ ก็ควรปลดตำแหน่งรัชทายาท ให้อ๋องจิ้นขึ้นดำรงตำแหน่งแทน”
อ๋องจิ้นเอ่ยน้ำเสียงดุดันว่า “เสด็จพ่อทรงประชวร ก่อนหน้านี้ตอนร่างราชโองการ ทรงตรัสกับข้าว่าที่ทรงแต่งตั้งน้องห้าเป็นรัชทายาทแคว้นต้าโจวก็เพื่อหลอกน้องห้า น้องห้าจะได้ไม่เอาแต่คอยหาเรื่องข้า หรือว่าพวกเจ้าไม่รู้ว่าเสด็จพ่อทรงโปรดปรานข้า”
อ๋องจิ้นกล่าวจบ ก็ยกราชโองการในมือ ตะโกนเสียงดังว่า “ราชโองการอยู่ที่นี่ หากผู้ใดบังอาจไม่ยอมรับ ก็จะถือว่าเป็นกบฏ เราก็จะสั่งให้คนตัดศีรษะคนผู้นั้น”
รัชทายาทเซียวอวี้แค่นหัวเราะ “เซียวเฉินเจ้าช่างชั่วไม่เลิก เสด็จพ่อเพียงแค่สลบไม่ได้พระสติ เจ้าก็ทนแทบไม่ไหวจะขึ้นครองราชย์แล้ว เจ้าแน่ใจได้อย่างไรว่าเสด็จพ่อจะสิ้นพระชนม์ หรือว่าเจ้าลงมือทำอันใดเสด็จพ่อ ที่เจ้ารอจะขึ้นครองราชย์ไม่ไหวแล้ว เพราะเจ้าแน่ใจว่าเสด็จพ่อจะสิ้นพระชนม์”
ขุนนางด้านหลังรัชทายาทต่างรู้สึกว่ารัชทายาทกล่าวได้มีเหตุผล แต่ละคนต่างจ้องมองอ๋องจิ้นด้วยแววตาโมโห ชั่วร้ายและจิตใจคับแคบ ยังอาฆาตผู้คนเช่นนี้ หากได้ขึ้นครองราชย์ วันหน้าแคว้นต้าโจวพวกเขาก็คงประสบกับหายนะแน่ ดังนั้นพวกเขาไม่มีทางยอมให้คนผู้นี้ขึ้นครองราชย์อย่างแน่นอน
“ที่รัชทายาทกล่าวมาก็มีเหตุผล ตอนนี้ฝ่าบาทเพียงแค่หมดพระสติไป อ๋องจิ้นถือเอาราชโองการมาอ้าง เห็นชัดว่า…”
ขุนนางใหญ่ผู้นี้กล่าวไม่ทันจบ ขันทีก็วิ่งออกมาอย่างร้อนใจ ตะโกนอย่างตื่นตระหนกลนลานว่า “ไม่ได้การแล้ว ฝ่าบาททรงอาเจียนเป็นโลหิต ดูท่าจะไม่ได้การแล้ว”
นอกห้องบรรทม ทุกคนล้วนสีหน้าแปรเปลี่ยน พวกอ๋องจิ้นต่างมีความหวังแห่งชัยชนะ
แม้ว่าสีหน้ารัชทายาทเซียวอวี้จะนิ่งสงบ แต่ความจริงในใจกลับหนักอึ้งลงเรื่อยๆ
อ๋องจิ้นมีราชโองการของเสด็จพ่อ แม้เขาเป็นรัชทายาท ตำแหน่งฮ่องเต้นี้เกรงว่าก็คงยากขึ้นครองราชย์ เขาควรทำเยี่ยงไรดี
เซียวอวี้ไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่า สุดท้ายอ๋องจิ้นถึงกับโหดเหี้ยมลงมือกับเสด็จพ่อตนเองได้ ควรรู้ว่าเสด็จพ่อรักเสด็จพี่ผู้นี้มาตลอด แม้ว่าต่อมามักจะทรงตำหนิเขา แต่เซียวเฉินก็เคยเป็นที่โปรดปรานมาก่อนจริงๆ ทรงรักดังรักบุตรชายเช่นนั้น คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายเพื่อตำแหน่งฮ่องเต้ เขาถึงกับลงมือวางยาพิษเสด็จพ่อได้
ไม่รู้ว่าตอนนั้นในพระทัยเสด็จพ่อคิดเยี่ยงไร
ขุนนางด้านหลังเซียวอวี้อดร้อนใจส่งเสียงเรียกไม่ได้ “รัชทายาท”
อ๋องจิ้นยิ้มชั่วร้ายมองเซียวอวี้ อีกไม่นานๆ เขาก็จะทำให้น้องชายผู้นี้อยู่ไม่สู้ตาย
เพียงแต่อ๋องจิ้นเพิ่งคิดจบ นอกประตูตำหนักก็มีคนเดินเข้ามารวดเร็ว คนที่เดินนำมาก็คือม่อเป่ย “รัชทายาท ใต้เท้าเซี่ย ฮูหยินเซี่ยเข้าวังมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
เซียวอวี้หันไปมองลู่เจียวด้านหลังเซี่ยอวิ๋นจิ่น ก็รู้สึกผ่อนคลายลงมาก เขารีบมองไปยังลู่เจียวกล่าวว่า “ใต้เท้าลู่ รีบเข้าไปตำหนักบรรทมตรวจอาการเสด็จพ่อ ดูว่าทรงอยู่ดีๆ เหตุใดจึงหมดพระสติไปได้”
“เพคะ”
ลู่เจียวมักเข้าวังมาตรวจพระวรกายให้ฝ่าบาท ดังนั้นจึงไม่มีคนเข้าห้าม
แต่ตอนนี้อ๋องจิ้นรู้วิชาการแพทย์ลู่เจียวแล้ว จะยอมให้นางเข้าไปในตำหนักบรรทมตรวจพระวรกายฝ่าบาทได้อย่างไร
เขาตวาดดุดันว่า “ขวางนางไว้ ไม่อนุญาตให้นางเข้าตำหนักบรรทม เราสงสัยว่าเสด็จพ่ออยู่ๆ หมดพระสติไปก็เพราะหญิงผู้นี้ เสด็จพ่อเดิมก็ทรงแข็งแรงดีอยู่ แต่พลันไม่ดีเช่นนี้ เป็นไปได้มากกว่าหญิงผู้นี้ถือโอกาสลงมืออันใด”
พออ๋องจิ้นตวาด ลูกน้องด้านหลังอ๋องจิ้นก็พากันออกมา
ม่อเป่ยพุ่งตัวออกมารวดเร็วดุจกระบี่ รัชทายาทเซียวอวี้เองก็ขยับ พอเขาขยับก็พุ่งเข้าบีบคออ๋องจิ้นเอาไว้ “เจ้ากล้าพูดอีกคำเดียว เราก็จะส่งเจ้าไปตาย”
อ๋องจิ้นดิ้นรนมองรัชทายาทเซียวอวี้ “เจ้า เจ้าถึงกับกล้าลงมือกับข้าหรือ”
รัชทายาทเซียวอวี้ใช้แรงบีบคอจนอ๋องจิ้นพูดไม่ออก
ลู่เจียวไม่ได้สนใจพวกเขา หันหลังเดินเข้าห้องบรรทม ขุนนางด้านหลังต่างพากันตามนางเข้าไป
ในตำหนักบรรทมฝ่าบาททรงอาเจียนเป็นโลหิต กำลังไม่ได้พระสติ แต่ยามนี้ทรงหายใจแผ่วเบามาก สีพระพักตร์ไร้ซึ่งสีโลหิต ตอนนี้ดูแล้วเหมือนคนที่ตายไปแล้ว
ลู่เจียวรีบก้าวเข้าไปตรวจพระวรกายฝ่าบาท ไม่ต้องตรวจโลหิตก็รู้ว่าในพระวรกายฝ่าบาทน่าจะไม่ได้การแล้ว อวัยวะภายในทั้งหมดอ่อนกำลัง ไร้พลังแห่งชีวิต จะทนต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว
ลู่เจียวหันไปมองนอกห้องบรรทม นอกประตูรัชทายาทเซียวอวี้เดินเข้ามา “ฝ่าบาททรงไม่ไหวแล้ว”
ลู่เจียวกล่าวจบ พวกอ๋องจิ้นก็ดีใจมาก พวกรัชทายาทกลับมีสีหน้าดำคร่ำเครียด
ฝ่าบาทไม่ไหวแล้ว อ๋องจิ้นมีราชโองการ แม้รัชทายาทเป็นรัชทายาทก็ทำอันใดไม่ได้
อ๋องจิ้นดิ้นรนมองไปยังรัชทายาทเซียวอวี้ สั่งการว่า “ปล่อยเรา เราจะไว้ชีวิตเจ้า”