ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 766 อบรมบุตร
ตอนที่ 766 อบรมบุตร
อู่เป่าน้อยคิดจบก็พลันส่ายหน้าอีกครั้ง ไม่สิ หากเป็นเขา เขาก็คงร้องไห้ เพราะเขาไม่อยากไปจากท่านแม่
อู่เป่าน้อยรีบยื่นมือไปดึงมือมารดากล่าวว่า “ท่านแม่ ข้าคงไม่ใช่ลูกท่านแม่ด้วยกระมัง ข้าไม่ใช่องค์ชายใช่ไหม”
ลู่เจียวยกมือขึ้นตบป้าบใส่อู่เป่าไปทีหนึ่งอย่างไม่เกรงใจ “เจ้าคิดเรื่องดีงามอันใดกัน เจ้ากับหลิงหลงเป็นลูกที่แม่ลูกคลอดออกมาอย่างยากลำบาก จะเป็นองค์ชายได้อย่างไรกัน”
อู่เป่าน้อยยิ้ม ไม่ใช่ก็ดี ไม่ใช่ก็ดี
เซี่ยหลิงหลงถูกอู่เป่าทำเอาขำ ชี้เขาหยอกว่า “เจ้าคิดว่าทุกคนล้วนเป็นองค์ชายหรือ”
ลู่เจียวมองสองแฝดคู่นี้แล้วก็กล่าวว่า “แม้พี่สี่เจ้าเป็นบุตรชายผู้อื่นแต่ก็เติบโตในตระกูลเรา เขาจะเป็นพี่สี่พวกเจ้าตลอดไป พวกเจ้าจำคำแม่ไว้ เขาเป็นบุตรชายที่ท่านพ่อกับท่านแม่ดูแลเลี้ยงดูมาอย่างยากลำบาก บุญคุณให้กำเนิดไม่สู้บุญคุณที่เลี้ยงดู ดังนั้นพวกเราก็คือบิดามารดาของเขา และจะเป็นตลอดไป หากให้แม่รู้ว่าพวกเจ้าไม่สนิทสนมกับพี่สี่เหมือนเมื่อก่อน ดูสิว่าแม่จะจัดการพวกเจ้าอย่างไร”
แฝดชายหญิงรีบรับรอง “ท่านแม่วางใจ พวกเราจะเป็นเหมือนกับเมื่อก่อน”
ตกค่ำ ซื่อเป่าไม่ได้กลับมา ลู่เจียวนึกเป็นห่วง แต่พอคิดถึงว่าต้าเป่าตามเขาไป นางก็เบาใจ
ต้าเป่าเป็นคนสุขุมและมีความคิด สองปีมานี้มักมีสตรีมาล่อลวงเขา แต่เขาก็นิ่งดุจภูผาไท่ซาน แม้ผู้อื่นเล่นอุบายใส่ เขาก็ล้วนมองออก
เขาฉลาดกว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นในตอนนั้นมาก แน่นอนว่าเป็นเพราะพวกนางอบรมสั่งสอนมามาก
ลู่เจียวครุ่นคิดตกในภวังค์จนเซี่ยอวิ๋นจิ่นกลับมา สองปีมานี้ในฐานะเจ้ากรมศาลจิงจ้าว เซี่ยอวิ๋นจิ่นจัดการดูแลเมืองหลวงได้สงบสุขไม่น้อย แน่นอนว่าได้ล่วงเกินคนไม่ไปน้อยเช่นกัน แต่เพราะเบื้องหลังพวกเขามีฮ่องเต้ คนที่คิดล่วงเกินพวกเขาก็ไม่กล้าออกหน้าออกตา แอบลงมือกับเซี่ยอวิ๋นจิ่น เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็รับมือให้ผ่านไปได้
ลู่เจียวรู้ว่านางฉายรัศมีเหนือกว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่น จึงได้พยายามเก็บตัวสงบเสงี่ยมไม่ออกหน้าออกตามากนัก เพราะตระกูลพวกนางมีคนเป็นที่จับจ้องเพียงคนเดียวก็เพียงพอแล้ว หากสองสามีภรรยาต่างเป็นที่จับต้องสะดุดตาผู้อื่น ย่อมทำให้เบื้องบนหวาดระแวง
ตอนนี้สำนักยาหลวงก็เข้าที่เข้าทาง ลู่เจียววางแผนถอยออกจากตำแหน่งเจ้ากรม เช่นนั้นเซี่ยอวิ๋นจิ่นจึงจะก้าวขึ้นต่อไปได้ จึงจะกางปีกความสามารถตนเองบินต่อไปได้
ส่วนนางก็จะเป็นสตรีผู้อยู่เบื้องหลัง ว่างก็ดูแลการค้า หรือไม่ก็สมาคมกับบรรดาฮูหยินแต่ละตระกูล ชีวิตเช่นนี้ดีมากแล้ว
นับประสาอันใดกับแม้ลูกๆ โตกันหมดแล้ว แต่นางก็ยังต้องมาคอยดูแลเรื่องลูกๆ อีก
ลู่เจียวคิดไปมาแล้วก็เล่าเรื่องซื่อเป่าวันนี้ให้เขาฟัง
“เขาเสียใจมาก เศร้าใจอย่างยิ่ง จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่กลับมา โชคดีต้าเป่าไปเป็นเพื่อนเขาแล้ว ไม่เช่นนั้นข้าก็คงให้คนออกตามหาเขา”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเงียบงัน ในใจเขาเองก็ปวดร้าว ตอนนั้นที่รับซื่อเป่ากลับมา เขาไม่เคยคิดว่าจะให้ซื่อเป่ากลับไปหาบิดาแท้ๆ ของเขา เพราะไม่รู้ว่าบิดาแท้ๆ ของเขาเป็นผู้ใด เขาไม่เคยมีความคิดจะส่งเขากลับไป ดังนั้นจึงให้ความรักเขาไม่แพ้สามแฝดแต่อย่างใด ตอนนี้พลันต้องมาให้เขากลับไปหาบิดาแท้ๆ ของเขา
ในใจเขาปวดร้าวอย่างที่สุด ซื่อเป่าเป็นโอรสฮ่องเต้แคว้นต้าโจว ฮ่องเต้จะยินยอมให้โอรสตนเองมาร่อนเร่อยู่นอกวังได้อย่างไร โอรสผู้นี้ยังเติบโตมาได้ยอดเยี่ยมที่สุดอีกด้วย
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ยินลู่เจียวเอ่ยถึงเรื่องราวในนิยายเดิมว่าซื่อเป่าไม่ได้กลับไปอยู่กับฮ่องเต้ ในนิยายไม่ได้เอ่ยถึงชาติกำเนิดเขา
นี่แสดงให้เห็นชัดเจนว่าตอนนั้นเขาเป็นฮ่องเต้ธรรมดา ไม่ได้ดึงดันให้เขากลับไป แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว
เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่รู้ว่าต้องโทษตนเองที่สอนซื่อเป่าได้ยอดเยี่ยมเกินไป หรือว่าควรโทษเรื่องใด
ลู่เจียวเห็นเขาเสียใจก็ปลอบใจว่า “แม้เขากลับไปอยู่กับฝ่าบาท เขาก็ยังเป็นบุตรของพวกเรา ลูกหลานตระกูลเรา ยังมีเรือนของเขาเก็บไว้ หากเขาคิดถึงพวกเราก็กลับมาพักได้สองสามวัน หรือวันหน้าเจ้าอยู่ในราชสำนัก ก็ต้องช่วยเหลือเขา”
“พวกเราเลี้ยงดูเขามาจนโต ไม่ว่าไปอยู่ที่ใดก็เป็นบุตรชายเราตลอดไป”
ลู่เจียวเพิ่งกล่าวจบ นอกประตูก็มีเสียงของร่วงหล่นลงพื้นแตกละเอียด
สองสามีภรรยาหันไปมองนอกประตู ต้าเป่าผลักประตูเข้ามา ซื่อเป่าสีหน้าตกใจมองคนในห้อง
ต้าเป่าสีหน้าเข้าใจกระจ่าง ซื่อเป่ากลับมีสีหน้าตกใจ
ซื่อเป่าไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่าตนเองถึงกับเป็นโอรสฮ่องเต้แคว้นต้าโจว
ก่อนหน้านี้เขาวิ่งออกไป ต้าเป่าวิ่งตามออกไปกล่อมเขาเป็นนาน แม้เขาไม่ใช่ลูกหลานตระกูลเซี่ย บิดามารดาแม่ก็รักเขาไม่ได้น้อยไปกว่าพวกเขา เขาไม่อยากไปจากตระกูลเซี่ยก็อยู่ตระกูลเซี่ยต่อได้ไม่ใช่หรือ
บุญคุณให้กำเนิดไม่อาจเทียบบุญคุณเลี้ยงดู ตามหลักการแล้วเขาควรจะยิ่งใกล้ชิดกับบิดามารดาถึงจะถูก
พอซื่อเป่าคิดแล้วก็เห็นว่ามีเหตุผล ยังไปหาซื้อสุราดอกกุ้ยที่มารดาชอบดื่มกลับมา คิดไม่ถึงว่าจะได้ฟังข่าวใหญ่เช่นนี้
เขาถึงกับเป็นโอรสฮ่องเต้แคว้นต้าโจว องค์ชายแคว้นต้าโจวหรือ
ความรู้สึกแรกของซื่อเป่าไม่ใช่ดีใจ แต่คิดว่าเหตุใดเขาจึงได้มาอยู่ตระกูลเซี่ย เขาเริ่มมีสีหน้าไม่ได้การแล้วอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาไม่ได้วิ่งหนี
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองพวกเขาสองคนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ทั้งสองคนเดินเข้ามา
ต้าเป่ายื่นมือไปคว้ามือซื่อเป่าเดินมานั่งไม่ไกลจากเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียว
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองซื่อเป่ากล่าวว่า “เจ้าไม่ใช่บุตรชายแท้ๆ พวกเราจริงๆ ในปีนั้นท่านแม่เจ้าคลอดสามแฝด พ่อไม่ได้บอกท่านแม่ แต่พาเจ้าเข้ามาในห้องแล้วบอกท่านแม่เจ้าว่าให้กำเนิดแฝดสี่ จนกระทั่งเจ้าอายุหกขวบ พ่อจึงได้บอกเรื่องนี้กับท่านแม่เจ้า แต่ท่านแม่เจ้าก็ปฏิบัติต่อเจ้าดังเดิม”
“หากเจ้าเป็นเด็กจากตระกูลทั่วไป พวกเราก็จะไม่บอกเรื่องนี้กับเจ้า และเจ้าก็จะเป็นลูกหลานตระกูลเซี่ยเราตลอดไป แต่เจ้าไม่ใช่ เจ้าเป็นโอรสฮ่องเต้แคว้นต้าโจว องค์ชายแคว้นต้าโจว”
“พวกเราไม่อาจเห็นแก่ตัว เราต้องบอกเรื่องนี้กับเจ้า และฝ่าบาทเองก็ทรงรู้การมีอยู่ของเจ้าแล้ว ก่อนหน้านี้ทรงรับสั่งให้เจ้าอยู่ตระกูลเซี่ยเราต่ออีกสองปี ตอนนี้ครบกำหนดสองปีแล้ว ฝ่าบาทก็ทรงขึ้นครองราชย์แล้ว ทรงต้องการรับเจ้ากลับเข้าวัง ดังนั้นพวกเราจึงต้องบอกเรื่องนี้กับเจ้าก่อน”
ซื่อเป่าขอบตาแดง ก้มหน้าลงนิ่งงัน แม้ว่าเขามีปัญญาและเฉลียวฉลาด แต่เรื่องนี้เป็นผู้ใดก็ย่อมยากยอมรับได้ในเวลาอันสั้น
ลู่เจียวเห็นเขาเช่นนี้ก็รู้สึกเศร้าใจ ลุกขึ้นเดินไปหาเขา ดึงมือเขามากล่าวว่า “ซื่อเป่า เจ้าอย่าได้เสียใจไป แม้เจ้าไม่ใช่บุตรชายแม่ แต่หลายปีมานี้แม่รักเจ้าไม่ได้น้อยไปกว่าพวกพี่ๆ เจ้าแม้สักนิด ดังนั้นแม้เจ้าเข้าวังไปแล้ว ก็ยังเป็นบุตรชายที่พวกเราเลี้ยงดูมาจนโต ตระกูลเซี่ยยังคงมีเรือนให้เจ้า เจ้าจะเป็นบุตรชายท่านพ่อกับท่านแม่ตลอดไป”
ซื่อเป่าได้ยินลู่เจียวก็อดยื่นมือออกไปกอดลู่เจียวพลางส่งเสียงร้องไห้ขึ้นไม่ได้
หลายปีมานี้เขาอายุมากขึ้น แม้ว่ายังคงชอบเกาะติดท่านแม่ แต่ไม่เคยกอดท่านแม่เช่นนี้ นี่เป็นการกอดครั้งแรกหลังจากที่เขาโตขึ้น แต่ท่านแม่กลับไม่ใช่ของเขาแล้ว
ซื่อเป่าเสียใจมาก ร้องไห้อย่างทุกข์ระทม
ในห้องเซี่ยอวิ๋นจิ่น ลู่เจียวกับต้าเป่าเองก็เสียใจ แอบหลั่งน้ำตาเป็นเพื่อนเขาเงียบๆ
ลู่เจียวรอให้ซื่อเป่าร้องไห้ครู่หนึ่งแล้วก็ตบหลังเขา กล่าวว่า “ฝ่าบาทจะมารับเจ้าเข้าวังในอีกไม่นานนี้ แม่ต้องบอกกับเจ้าหลายเรื่อง เจ้าเข้าวังแล้วอย่าได้ตำหนิฝ่าบาท ในปีนั้นฝ่าบาทจากไปโดยไม่รู้ว่ามารดาเจ้าตั้งครรภ์เจ้า และตอนนั้นเขาสูญเสียความทรงจำ ต่อมาได้พบท่านพ่อเจ้าจึงได้นึกถึงท่านแม่เจ้าได้”
“ในฐานะอ๋อง เขาเองก็มีชีวิตที่ยากลำบาก แต่ไรมาไม่เคยได้รับความอบอุ่นอันใด ดังนั้นเจ้าเข้าวังแล้ว ไม่เพียงแต่ต้องเห็นเขาเป็นฮ่องเต้ ยังต้องเห็นเขาเป็นดังบิดา ก็เหมือนความรู้สึกที่เจ้ามีต่อท่านพ่อเจ้า รู้ไหม”
“ก่อนหน้านี้ฝ่าบาทไม่รู้สถานะเจ้า ไม่ได้ทรงรับรู้เรื่องของเจ้า สองปีก่อนพอได้รู้สถานะเจ้า ก็ทรงให้ท่านพ่อเจ้าส่งเจ้าไปเรียนที่สำนักศึกษาไป่ลู่ ก่อนหน้านี้อาจารย์ใหญ่ดูแลเจ้า คิดว่าคงเพราะฝ่าบาทรับสั่งมา ทรงมีความรักให้เจ้าผู้เป็นบุตรชายอย่างมาก ดังนั้นเจ้าเข้าวังแล้ว จดจำไว้ว่าต้องรักฝ่าบาทดังบิดา”