ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 769 โมโหเดือดดาล
ตอนที่ 769 โมโหเดือดดาล
ก่อนหน้านี้เซียวอวี้ไม่ค่อยเอาใจใส่ในเรื่องสตรีนัก ดังนั้นสตรีในจวนจึงมีไม่มาก กอปรกับป่วยตายไปบ้าง ตอนนี้เหลือไม่กี่คน
พอแต่งตั้งวังหลังเรียบร้อย ก็ถึงคราวขุนนางราชสำนัก บรรดาขุนนางที่ติดตามเซียวอวี้ต่างได้รับการเลื่อนยศอวยตำแหน่ง เช่นก่อนหน้านี้ที่คอยช่วยเซียวอวี้หาเงินอย่างจ้าวหลิงเฟิงก็ได้รับการแต่งตั้งดำรงตำแหน่งซื่อหลางขุนนางระดับสามชั้นต้นในกรมคลัง
อันดับถัดมาก็คือเซี่ยอวิ๋นจิ่นได้รับแต่งตั้งเป็นมหาบัณฑิตในสำนักมนตรี
พอราชโองการนี้ออกไป บรรดาขุนนางต่างตกใจ
แม้ว่ามหาบัณฑิตสำนักมนตรีเป็นตำแหน่งขุนนางเพียงแค่ระดับสอง แต่ถือว่าได้สู่สำนักมนตรีเป็นขุนนางที่ฝ่าบาทไว้วางพระทัย
เซี่ยอวิ๋นจิ่นก้าวขึ้นไปตำแหน่งสูงเช่นนี้ ทำให้พวกเขาแน่ใจว่าการที่ฝ่าบาทขึ้นครองราชย์ราบรื่นก็เพราะฮูหยินใต้เท้าเซี่ย หากไม่ใช่นางลงมือในตอนสุดท้าย เกรงว่าฝ่าบาทก็คงไม่อาจขึ้นครองราชย์ราบรื่นได้เช่นนี้ ดังนั้นฝ่าบาทจึงพระราชทานรางวัลความชอบให้เซี่ยอวิ๋นจิ่น พวกเขาพอจะเข้าใจ แต่ให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นเข้าดำรงตำแหน่งในสำนักมนตรี เป็นมหาบัณฑิตในสำนักมนตรี ทุกคนยังคงรู้สึกตกใจ
แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เอ่ยอันใด
เซียวอวี้พระราชทานตำแหน่งให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นเข้าดำรงตำแหน่งในสำนักมนตรี เพราะเขารู้ว่าเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อแผ่นดินทั้งหมดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นผลงานของเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียว ความสามารถเขาเช่นนี้เข้าช่วยงานในสำนักมนตรีได้ เป็นเรื่องปกติ เขายังอยากให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อแผ่นดินเพิ่มขึ้นอีก
เซียวอวี้แต่งตั้งพระราชทานเสร็จ ก็ประกาศให้ลู่เจียวที่ตำแหน่งเจ้ากรมสำนักยาหลวงออกจากตำแหน่ง ให้ฉีเหล่ยเป็นเจ้ากรมสำนักยาหลวงแทน แต่ฮ่องเต้ตรัสกับขุนนางว่า เรื่องนี้ใต้เท้าลู่เป็นคนเสนอด้วยตนเอง
บรรดาขุนนางต่างตกใจ แต่คนในราชสำนักล้วนฉลาดมีไหวพริบ พอคิดก็เข้าใจได้ว่าใต้เท้าลู่ทำเพื่อไม่ขวางทางใต้เท้าเซี่ย ดังนั้นจึงขอลาออกจากตำแหน่งด้วยตนเอง
หญิงผู้นี้ฉลาดจริง
เซียวอวี้แต่งตั้งเสร็จก็เริ่มจัดการพรรคพวกอ๋องจิ้น ระยะนี้ทุกคนต่างพากันใจเต้นไม่เป็นจังหวะ รอฝ่าบาทกวาดล้าง พวกเรายอมรับชะตากรรมดังคำกล่าวที่ว่าขุนนางผู้ปกครองใดก็ขุนนางผู้ปกครองนั้นได้ เปลี่ยนผู้ปกครองก็เปลี่ยนคณะขุนนาง
ไม่นาน ราชสำนักก็เกิดการกวาดล้างใหญ่ ขุนนางหลายคนได้รับผลกระทบจากกรณีอ๋องจิ้น ถูกกวาดล้างยึดทรัพย์ ทั่วเมืองหลวงเต็มไปด้วยกลิ่นคาวโลหิต
หลังจากนั้นฮ่องเต้ก็ประกาศราชโองการในการประชุมท้องพระโรงยามเช้า
“ราชโองการแห่งองค์ฮ่องเต้ บุตรชายสี่เซี่ยอวิ๋นจิ่น เซี่ยเหวินอวี๋เป็นสายโลหิตของเรา ในปีนั้นเราไปเมืองหนิงโจวปฏิบัติราชกิจ ถูกคนลอบปองร้ายไล่ล่าสังหาร โชคดีที่เฉินอิงมารดาเซี่ยเหวินอวี๋ช่วยเราไว้และดูแลเราอย่างดี เราจึงได้รอดชีวิตมาได้ เราขอบคุณนางที่ช่วยเหลือเรา จึงรับนางเป็นอนุ ต่อมานางคลอดยากจนจากไป เราฝากโอรสรองไว้ให้ตระกูลเซี่ยเลี้ยงดู วันนี้เราขึ้นครองราชย์แล้ว ก็ขอรับเซี่ยเหวินอวี๋โอรสรองของเรากลับมา เปลี่ยนชื่อเป็นเซียวเหวินอวี๋ และแต่งตั้งเฉินอิงมารดาเขาเป็นพระสนมเหลียงเฟย”
ฮ่องเต้มีราชโองการนี้ ไม่เพียงแต่ขุนนางราชสำนักแตกตื่นฮือฮา แม้แต่วังหลังเองก็แตกตื่นเช่นกัน
ฮ่องเต้ถึงกับยังมีบุตรชายอีกคน ยังเป็นหนึ่งในแฝดสี่ตระกูลเซี่ย
เมืองหลวงกว้างใหญ่ ผู้คนต่างรู้จักแฝดสี่ตระกูลเซี่ย ย่อมต้องรู้ว่าแฝดสี่ยอดเยี่ยมมาก
ตอนนี้ฮ่องเต้ตรัสว่าแฝดสุดท้องในบรรดาแฝดสี่ ถึงกับเป็นโอรสฝ่าบาท
สวรรค์ มิน่าฮ่องเต้จึงได้แต่งตั้งเซี่ยอวิ๋นจิ่นเข้าดำรงตำแหน่งในสำนักมนตรี ที่แท้เพราะเขาเป็นคนที่ทรงไว้วางพระทัย หากไม่เช่นนั้นจะฝากโอรสให้เขาเลี้ยงดูมาจนโตหรือ
แม้ว่าทุกคนในราชสำนักฮือฮากัน แต่ก็ไม่ได้กล่าวอันใด ส่วนสตรีสองนางในวังหลังกลับไม่พอใจ หนึ่งในนั้นก็คือไทเฮา
ไทเฮาเป็นบุตรีจวนจ้าวกั๋วกง จ้าวกั๋วกงให้การสนับสนุนอ๋องเยียนมาโดยตลอด ครั้งนี้ได้รับการแต่งตั้งเป็นฮู่กั๋วกงอันดับหนึ่ง
เดิมจ้าวกั๋วกงก็มีบุตรสาวอยู่ในจวนอ๋องเยียนเดิม แต่ตอนนั้นนางคลอดบุตรสาวก่อนจะจากไปเพราะคลอดยาก
ไทเฮาคิดมาตลอดว่าจะรอให้ฝ่าบาทขึ้นครองราชย์แล้วก็จะให้จวนจ้าวกั๋วกงส่งบุตรีเข้าวังหลัง ให้สตรีผู้นั้นได้ให้กำเนิดเลือดเนื้อเชื้อไขที่มาจากตระกูลจ้าว
เดิมคิดวางแผนไว้ดีแล้ว ปรากฏบุตรชายตนกลับแอบซ่อนบุตรชายไว้ข้างนอกอีกหนึ่ง บุตรชายคนนี้ก็ไม่ได้มีอันใด แต่ประเด็นก็คือแต่ไรมาไม่เคยบอกเรื่องนี้กับนางผู้เป็นมารดา แสดงให้เห็นชัดเจนว่าอันใดหรือ ก็แสดงให้เห็นว่าแม้แต่นาง บุตรชายก็ยังระแวง ทำให้ไทเฮาจ้าวไม่พอพระทัยอย่างมาก
นอกจากไทเฮาจ้าวไม่พอใจ ฮองเฮาเองก็โมโหจนใกล้จะเสียสติแล้ว
ตระกูลฮองเฮาไม่ได้โดดเด่น ในตอนนั้นอดีตฮ่องเต้ทรงระแวงจ้าวกั๋วกง ดังนั้นจึงให้อ๋องเยียนแต่งบุตรีจงหย่งโหวเป็นพระชายา
ครั้งนี้ฝ่าบาทขึ้นครองราชย์ แต่งตั้งจงหย่งโหวจากป๋อเป็นโหว เดิมฮองเฮาดีพระทัยมาก
ตอนนี้ในวังแม้มีโอรสสามองค์ แต่โอรสนางเป็นองค์โตที่สุดและยอดเยี่ยมที่สุด ยังเป็นโอรสที่ถือกำเนิดจากพระชายาเอก ดังนั้นตำแหน่งรัชทายาทก็ย่อมตกอยู่ในมือแล้ว
นางไม่คิดฝันมาก่อนว่า ฮ่องเต้ถึงกับยังมีโอรสนอกวัง และโอรสก็ยังถือกำเนิดจากมารดาที่เป็นที่ทรงโปรด แค่ทรงแอบซ่อนเด็กคนนั้นไว้ข้างนอก ก็มองออกว่าทรงรักเด็กคนนั้นมากเพียงใด
ฮองเฮาไม่รู้ว่า ฮ่องเต้เองก็เพิ่งมาทรงทราบภายหลัง แต่ยามนี้นางไม่รู้ ดังนั้นจึงโมโหมาก ฮ่องเต้ที่ทรงเย็นชากับบุตรชายนาง ปรากฏกลับไปรักเด็กนั่นที่อยู่ข้างนอกวังเพียงนี้ ตอนนี้พอได้ขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้ ก็รับเด็กนั่นกลับมา
เขาคิดทำอะไร คิดให้เด็กนั่นแย่งตำแหน่งรัชทายาทจากบุตรชายนางหรือ ฝันไปเถอะ
สีพระพักตร์ฮองเฮาบิดเบี้ยว เขวี้ยงปาข้าวของไปหลายชิ้น
เซียวเจินเดินเข้าตำหนักมาพอดี เห็นเสด็จแม่ตนขว้างปาข้าวของก็เข้าใจได้ทันทีว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น
สีหน้าเซียวเจินเองก็ไม่ดีนัก เดิมคิดว่าตนเองได้เป็นรัชทายาทแน่นอนแล้ว ปรากฏตอนนี้ถึงกับมีโอรสรองโผล่ออกมา และคนผู้นี้ยังเป็นถึงบุตรชายสี่ตระกูลเซี่ยผู้นั้น
เซียวเจินรู้ว่าคนผู้นั้นไม่เพียงแต่ฉลาด ยังหน้าตาดีมาก หากไม่ใช่คนผู้นั้น เซียวเจินยังอาจไม่รู้สึกถึงวิกฤตเพียงนี้ ตอนนี้เขาเป็นห่วงมาก กลัวเป็นห่วงว่าตำแหน่งรัชทายาทตนจะถูกช่วงชิงไป
“เสด็จแม่ อย่าได้เอาแต่ระบายโทสะเช่นนี้ ตอนนี้ต้องคิดหาทางก่อนพ่ะย่ะค่ะ”
ฮองเฮาระบายโทสะเสร็จก็สงบนิ่งลง กัดฟันกล่าวว่า “แม้ให้เขาเข้าวังมาแล้วอย่างไร ข้าก็ยังคงเป็นฮองเฮา เจ้าก็คือบุตรชายที่ถือกำเนิดจากภรรยาเอกตามธรรมเนียมจารีต หญิงผู้นั้นของเขาก็แค่อนุ ตอนนี้เป็นแค่พระสนมเหลียงเฟย เขาไม่มีทางเทียบกับเจ้าได้แม้แต่นิด ดังนั้นเจ้าไม่ต้องร้อนใจไป”
เซียวเจินจะทำอย่างไรได้ เรื่องถึงขั้นนี้แล้ว ได้แต่ใจเย็นและคิดถึงเส้นทางวันหน้า
“เสด็จแม่ ตอนนี้ให้เสด็จพ่อมีราชโองการแต่งตั้งข้าเป็นรัชทายาทให้ได้จะดีที่สุด”
หากวันใดยังไม่ได้เป็นรัชทายาท เขาก็ไม่มีวันวางใจได้
ฮองเฮาพยักหน้า “เอาล่ะ ข้าจะให้ท่านตาเจ้าหาทางให้ราชสำนักหารือเรื่องนี้”
แต่ฮองเฮาเป็นห่วงว่าฝ่าบาทจะไม่ทรงเห็นชอบกับเรื่องนี้ ประการแรก ฝ่าบาทเพิ่งจะขึ้นครองราชย์ ประการที่สอง ฝ่าบาทประกาศราชโองการนี้ในยามนี้ ทรงมีพระประสงค์เช่นไร
ฮองเฮามักรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา นางครุ่นคิดไปมาก็คิดถึงลู่เจียวที่เป็นคนเลี้ยงดูเขามา
คิดถึงว่าสองปีก่อนหน้านี้ตนเองแสดงความเป็นมิตรต่อหญิงผู้นี้มาตลอด คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายถึงกับถูกนางวางกับดัก นางไม่เพียงแต่เลี้ยงดูโอรสรอง ยังเลี้ยงดูได้ดีเพียงนี้
นางคิดเป็นปรปักษ์กับนางหรือ และเมื่อก่อนตอนนางแสดงความเป็นมิตรต่ออีกฝ่ายนาง นางรู้สึกน่าหัวเราะมาตลอดใช่หรือไม่
พอฮองเฮาคิดถึงเรื่องเหล่านี้ สีพระพักตร์เริ่มบิดเบี้ยวอีกครั้ง “ลู่เจียว ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไป เจ้าคอยดู ข้าจะทำให้เจ้านึกเสียใจภายหลังที่เลี้ยงดูเขามาจนโต”