ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 772 กำราบ
ตอนที่ 772 กำราบ
พระสนมเฝิงซูเฟยกับพระสนมฟางเจาอี๋สองคนสบตากันก่อนจะจากไป อย่างไรเบื้องบนทั้งสองต่อสู้กันก็ไม่ได้เกี่ยวอันใดกับพวกนาง
ฮ่องเต้จัดงานเฉลิมฉลองรับองค์ชายรองเข้าวัง เป็นเรื่องมงคลแห่งแคว้นต้าโจว แม้ว่าขุนนางในราชสำนักมากมายรู้ว่าองค์ชายรองคือผู้ใด แต่ฮ่องเต้เซียวอวี้ยังทรงมีราชโองการจัดงานเฉลิมฉลองในวัง ขุนนางระดับสามขึ้นไปล้วนเข้ามาร่วมงานเลี้ยงในวัง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเป็นมหาบัณฑิตขุนนางระดับสองในสำนักมนตรี ย่อมต้องมาร่วมงานเลี้ยง เขาพาลู่เจียวเข้ามาร่วมงานเลี้ยงในวังด้วย แต่ไม่ได้พาต้าเป่ากับแฝดชายหญิงมา พวกเขาเป็นคนเลี้ยงดูองค์ชายรองมา คืนนี้หากไม่เหนือความคาดหมาย พวกเขาก็จะเป็นที่จับจ้องของทุกคน ดังนั้นจึงไม่พาต้าเป่ากับแฝดชายหญิงมา เพราะจะเป็นที่สะดุดตามากเกินไป
วันหน้าพวกเขายังคงต้องสงบเสงี่ยมสักระยะหนึ่ง
แม้ว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวคิดสงบเสงี่ยม แต่ทำอย่างไรได้ ผู้อื่นไม่อยากให้พวกเขาสงบเสงี่ยม
พอลู่เจียวเข้าวัง ฮองเฮาก็ส่งนางข้าหลวงใหญ่มานำไปยังตำหนักคุนหนิงกงที่ประทับฮองเฮา
ณ ตำหนักคุนหนิงกงในวัง มีฮูหยินตราตั้งมากมายกำลังถวายพระพรฮองเฮา พอเห็นลู่เจียวมา สายตาทุกคนก็นิ่งขรึมลงเล็กน้อย
แต่มีฮูหยินตราตั้งไม่น้อยที่มีสายสัมพันธ์กับลู่เจียว โดยเฉพาะท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่ เห็นลู่เจียวเข้ามาก็รีบยิ้มกวักมือเรียกนาง “เจียวเจียว เจ้ามาแล้ว”
ลู่เจียวอมยิ้มพยักหน้า จากนั้นก็ถวายพระพรฮองเฮา
สายพระเนตรฮองเฮานิ่งขรึมแลดูอึมครึม มองสตรีที่ถวายพระพรเบื้องหน้า สองปีมานี้นางไปมาหาสู่กับนางมาตลอด รู้ว่าหญิงผู้นี้ยอดเยี่ยมจริงๆ หากนางไม่ยอดเยี่ยม จะอบรมเซียวเหวินอวี๋ได้ดีเช่นนี้หรือ
และเพราะนางอบรมเซียวเหวินอวี๋ได้ดีเกินไป ดังนั้นในพระทัยฮองเฮาจึงรู้สึกโกรธแค้น มองลู่เจียวด้วยความเคียดแค้นแทบจะสั่งคนลากหญิงผู้นี้ออกไปสังหาร
แต่แม้ฮองเฮาจะกริ้วเพียงใด จะเคียดแค้นชิงชังเพียงใด ก็รู้ว่าลู่เจียวเป็นฮูหยินขุนนางระดับสอง นับประสาอันใดกับนางเองยังเป็นคนมีความสามารถ นางเคยช่วยฮ่องเต้ไว้สองครั้ง รวมกับครั้งสุดท้ายก็สามครั้ง
คนที่ช่วยชีวิตฮ่องเต้ไว้ถึงสามครั้ง นางไม่อาจจัดการอีกฝ่ายอย่างเปิดเผยได้
ฮองเฮาคิดแล้วก็ได้แต่ฉีกยิ้มตรัสว่า “ฮูหยินเซี่ยรีบมาทางนี้ ตอนนี้เจ้ามีความดีความชอบอบรมเลี้ยงดูองค์ชายรองมา ไม่เพียงแต่เลี้ยงดูองค์ชายรอง ยังอบรมองค์ชายรองจนดีเยี่ยมถึงเพียงนี้ วันหน้าองค์ชายรองจะต้องเชื่อฟังคำพูดเจ้าทุกอย่างอย่างแน่นอน”
ฮองเฮาดูเหมือนไม่ได้ตั้งใจจะกล่าวออกมา แต่กลับเท่ากับการตรึงลู่เจียวไว้บนกองเพลิง
องค์ชายรองเป็นเชื้อพระวงศ์ หากฟังคำฮูหยินขุนนาง วันหน้าองค์ชายรองยังจะสืบราชบัลลังก์ได้หรือ
ในพระตำหนัก มีคนไม่น้อยฟังสัญญาณนี้ออก แต่ละคนหันไปมองลู่เจียวด้วยสัญชาตญาณทันที
ลู่เจียวสีหน้าไม่แปรเปลี่ยน ทูลตอบว่า “ทูลฮองเฮา ลูกๆ ตระกูลเราหกขวบก็เริ่มทำในสิ่งที่ตนเองต้องการทำแล้ว เรื่ององค์ชายรอง หม่อมฉันก็ไม่ค่อยได้ออกความคิดเห็น อย่างเช่นตอนเก้าชันษา ต้องการเปิดร้านค้าทำการค้า หม่อมฉันก็ซื้อให้ร้านหนึ่ง ตอนนี้ร้านค้าที่ว่าทุกคนก็ควรเคยได้ยินชื่อ ร้านเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับหนีฉาง”
แววตาลู่เจียวเย็นเยียบเล็กน้อย ฮองเฮากล้าวางหลุมดักนาง นางก็จะสร้างบารมีให้องค์ชายรอง
ดังคาด พอลู่เจียวกล่าวจบ บรรดาฮูหยินไม่น้อยก็พากันตกใจ แต่ละคนมองไปยังลู่เจียวอย่างตกใจ ถามขึ้นว่า “เจ้าหมายถึงร้านเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับหนีฉางที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง เป็นร้านขององค์ชายรองหรือ”
“ใช่ ตอนเก้าชันษาก็ทรงคิดอยากทำการค้ามาก มาขอร้านค้ากับข้าร้านหนึ่ง ข้าก็ให้ ปรากฏเปิดเป็นร้านเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับหนีฉาง”
“เก้าชันษาหรือ ร้ายกาจเกินไปแล้ว”
“สวรรค์ เครื่องแต่งกายและเครื่องประดับที่นิยมกันในเมืองหลวงถึงกับเป็นการค้าเด็กอายุเก้าขวบหรือนี่”
“องค์ชายรองร้ายกาจจริง”
ยามนี้พระพักตร์ฮองเฮาดำเสียยิ่งกว่าก้นหม้อ
ลู่เจียวสุมไฟเข้าไปอีก “ความจริงเขาคิดทำหลายอย่าง เก้าขวบเปิดร้านเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับหนีฉางแล้ว เขาก็คิดไปสอบเคอจวี่ จากนั้นตอนอายุสิบสามก็เข้าร่วมการสอบของเมืองหนิงโจว ปรากฏสอบได้ซิ่วไฉ”
แม้ว่าในที่นั้น สตรีสูงศักดิ์แต่ละตระกูลล้วนมาจากตระกูลมีชื่อเสียง ตำแหน่งซิ่วไฉน้อยๆ ไม่ได้อยู่ในสายตาพวกนาง
แต่คุณชายตระกูลสูงศักดิ์ในเมืองหลวงที่อาศัยความสามารถตนเองจริงๆ จนสอบซิ่วไฉได้มีน้อยมาก นั่นย่อมเป็นความสามารถแท้จริง
คุณชายตระกูลสูงศักดิ์ในเมืองหลวงส่วนใหญ่ต่างได้รับการปกป้องจากบรรพชนต้นตระกูล แต่องค์ชายรองเก้าชันษาก็ก่อตั้งร้านเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับหนีฉาง อายุสิบสามก็สอบซิ่วไฉได้ หากไม่ใช่กลับคืนสู่สถานะตอนนี้ ไม่แน่ว่าอาจสร้างผลงานอันใดออกมาอีกก็เป็นได้
ลู่เจียวกล่าวถึงตรงนี้ก็ไม่พูดอะไรต่ออีก ยิ้มเล็กน้อยมองไปทางฮองเฮา
เจ้าไม่ใช่ขุดหลุมดักข้าหรือ ตอนนี้รู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง
ฮองเฮาทรงกริ้วอย่างที่สุด หอบหายใจแทบไม่ทัน แววตาที่มองลู่เจียวดุจอสรพิษ
ลู่เจียวรู้นานแล้วว่าช้าเร็วสักวันหนึ่งจะต้องปะทะกับฮองเฮา เพราะนางเป็นคนเลี้ยงดูซื่อเป่ามา ยังอบรมเลี้ยงดูได้ยอดเยี่ยมเพียงนี้ นางย่อมต้องเป็นหนามทิ่มตำนัยน์ตาของฮองเฮา
ดังนั้นแม้นางอดกลั้น ฮองเฮาก็ไม่ปล่อยนาง ในเมื่อเป็นเช่นนี้จะต้องอดกลั้นอันใด
นางช่วยชีวิตฮ่องเต้ไว้ถึงสามครั้ง ดังนั้นหากไม่ได้แตะโดนขีดจำกัดของฮ่องเต้ ฮ่องเต้จะไม่ทรงยอมให้ฮองเฮารังแกนางเป็นแน่ ดังนั้นนางมีคนหนุนหลัง
ฮองเฮาย่อมคิดเรื่องนี้ได้ สูดลมหายใจเฮือกหนึ่งแล้วก็ยิ้มชมลู่เจียวว่า “ฮูหยินเซี่ยช่างอบรมลูกเป็นจริงๆ องค์ชายรองยอดเยี่ยมเช่นนี้ ย่อมไม่พ้นความทุ่มเทอบรมของเจ้ากับใต้เท้าเซี่ย ข้ากับฝ่าบาทต้องพระราชทานรางวัลให้พวกเจ้า”
ฮองเฮากล่าวจบพลันเลิกคิ้วยิ้มกล่าวว่า “ข้าได้ยินว่า ใต้เท้าเซี่ยเป็นขุนนางระดับสอง ในจวนไม่มีอนุสักนาง ข้าครุ่นคิดแล้วก็เห็นว่าไม่ได้การแล้ว ดังนั้นวันนี้ข้าจะมอบนางกำนัลข้างกายข้าให้เป็นอนุใต้เท้าเซี่ย”
ฮองเฮากล่าวจบก็มองไปยังลู่เจียว “ฮูหยินเซี่ยเลี้ยงดูองค์ชายรองได้ดีเช่นนี้ ควรจะเป็นคนที่ใจกว้างยอดเยี่ยม คงไม่ใช่ว่าไม่อาจยอมรับเรื่องนี้ได้กระมัง”
ฮองเฮากล่าวจบก็ไม่รอให้ลู่เจียวตอบ มองไปยังนางกำนัลหานอวี้
“หานอวี้ วันหน้าก็ปรนนิบัติใต้เท้าเซี่ยให้ดี”
หานอวี้เคยเห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่น รู้ว่าตอนนี้ใต้เท้าเซี่ยเป็นมหาบัณฑิตระดับสองในสำนักมนตรี ให้นางเป็นอนุใต้เท้าเซี่ยที่รูปงามมีความสามารถเช่นนี้ นางย่อมต้องยินดี นางรีบคุกเข่าลงขอบพระทัย
“ขอบพระทัยฮองเฮา”
ฮองเฮายิ้มมองลู่เจียวกล่าวว่า “ฮูหยินเซี่ยคงไม่ปฏิเสธกระมัง”
นางอยากดูนักว่าหญิงผู้นี้กล้าปฏิเสธต่อหน้าทุกคนหรือไม่ หากนางปฏิเสธก็คือขัดรับสั่งฮองเฮา นางสามารถลงโทษนางได้
ลู่เจียวมองฮองเฮาแล้วก็เห็นสายตามุ่งร้ายของนาง รู้ว่าฮองเฮาคิดให้นางปฏิเสธต่อหน้าทุกคน จากนั้นก็จะลงโทษนางที่ไม่เคารพฮองเฮา
ลู่เจียวยิ้มบางถวายคำนับฮองเฮาทีหนึ่ง “ฮองเฮารับสั่งพระราชทานคนให้ หม่อมฉันไหนเลยกล้าปฏิเสธ”
ฮองเฮาได้ฟัง ในพระทัยก็แค่นเสียงฮึเยียบเย็น ก็แค่นี้ ข้ายังคิดว่าเจ้ากล้าปฏิเสธ
ฮองเฮาเพิ่งคิดจบ ลู่เจียวก็เอ่ยขึ้นว่า “แต่ฮองเฮาโปรดรอสักครู่ หม่อมฉันไปทูลฝ่าบาทก่อน ก่อนหน้านี้ฝ่าบาททรงคิดพระราชทานรางวัลความดีความชอบที่หม่อมฉันทำให้อดีตฮ่องเต้ฟื้นขึ้นมาได้ ตอนนั้นหม่อมฉันยังคิดไม่ออกว่าต้องการอันใด ตอนนี้หม่อมฉันคิดออกแล้ว จะไปทูลขอราชโองการฝ่าบาท ขอให้ทรงอนุญาตว่าหากใต้เท้าไม่ได้เสนอรับอนุ ผู้ใดก็ไม่อาจมอบอนุเข้าจวนตระกูลเซี่ยได้”
วาจาลู่เจียวแสดงความหมายชัดเจน คือไม่เห็นด้วยที่ใต้เท้านางรับอนุ แต่คนเขาไม่ได้ปฏิเสธโดยตรง แต่บอกว่าหากใต้เท้าไม่ได้ต้องการรับอนุ ก็หมายความว่าหากเซี่ยอวิ๋นจิ่นเสนอรับอนุ นางก็ไม่คัดค้าน
แต่คนในที่นั้นต่างรับรู้เรื่องหนึ่งว่า เซี่ยอวิ๋นจิ่นรักฮูหยินผู้นี้มาก จะยอมเอ่ยขอรับอนุเองได้อย่างไร เขาไม่มีทางรับอนุ พอลู่เจียวกล่าวเช่นนี้ ก็แสดงให้เห็นว่าไม่ได้มีจิตอิจฉาริษยา
ที่สำคัญที่สุดก็คือนางบอกว่าจะไปทูลขอราชโองการจากฝ่าบาท
หากนางไปทูลขอ ฝ่าบาทก็จะรู้ว่าฮองเฮาทำอันใด วันมงคลเช่นนี้ ฮองเฮาถึงกับหาเรื่องให้เขา ฝ่าบาทไม่มีทางปล่อยฮองเฮาไปแน่
ฮองเฮาย่อมรู้กระจ่างในเรื่องนี้ดี นางเชื่อว่าลู่เจียวก็รู้ นางกล่าวเช่นนี้ เพียงแค่ต้องการหยิบยืมฝ่าบาทมากำราบนางเท่านั้น
ฮองเฮาอัดอั้นจนแทบหายใจไม่ออก